Homeland ซีซั่น 1 (สามารถดูได้ใน Netflix)
• ส่วนผสมของการเปิดโปงสายลับกับแนวคิดความมั่นคงในการปกป้องแผ่นดินเกิด ซึ่งดูสมจริงในแง่การเมือง แต่ดูเรื่องแต่งมากเมื่อดูรายละเอียด
• หายากเหมือนกันที่จะมีซีรีส์หรือหนังแนวสายลับที่ตัวละครฝั่งหนึ่งมีความซับซ้อนในจิตใจ และอีกฝั่งมีอาการป่วยทางจิตเป็นจุดอ่อนลดทอนความน่าเชื่อถือ
• ซีรีส์ออกฉายปี 2011 แต่พูดเรื่องที่เป็นอมตะมาก คือการปกปิดความผิดพลาดของปฏิบัติการทางทหารที่นำมาสู่การสูญเสีย การยอมรับความผิดอาจถูกใช้เป็นข้ออ้างโจมตี และการปฏิเสธก็เป็นเหตุให้คนรู้ความจริงวางแผนก่อการร้ายอยู่ดี ไม่ว่าทางไหนก็ไม่ปลอดภัย
• หลายจังหวะของซีรีส์ คนดูได้รับรู้ข้อมูลนำหน้าตัวละครในเรื่อง ทำให้บางครั้งก็แอบหงุดหงิดตัวละครเซ่อซ่าหรือจุดบอดที่ตัวเอกมองข้ามเหมือนกัน แต่ซีรีส์ก็มีลูกเล่นพอจะพลิกข้อมูลในหัวคนดูไปมา
• ชอบคอนเซ็ปต์รวม ๆ ของซีรีส์นะ แต่ยังคิดว่ารายละเอียดยิบย่อยของบทซีรีส์ไม่เนี้ยบเท่าไร มันมีรายละเอียดจับยัดเข้ามาไม่มีปี่มีขลุ่ยบ่อยครั้ง
• งานกำกับภาพที่เลือกใช้ shaky-cam แบบยอดนิยมในหนังจารชนยุคนั้น พอเป็นซีรีส์ที่อยู่ในออฟฟิศและบ้านเป็นหลัก แล้วเดินเรื่องไม่ได้เร็วเท่าจังหวะการสั่น ๆ ให้ตื่นเต้น มันก็ไม่เวิร์คเท่าไร
• แคลร์ เดนส์ คือแสดงดีจริง เราไม่รำคาญอาการไบโพล่าร์ของเธอสักนิด (อันที่จริงรำคาญตัวอื่นในเรื่องที่ไม่ค่อยฟังนางเอกมากกว่าอีก ฮ่าๆๆ)
-------------------------------------
หลังจากพลาดไปโดนซีรีส์ไม่ถึงเกรด A หลายเรื่องติดกัน ก็กลับมาเจอของดีจนได้ถึงจะไม่ดีเท่าที่คาดหวังก็เถอะ ยังรู้สึกว่ากราฟของ Homeland มันแกว่งไปหน่อย มีบางช่วงเข้มข้นมาก มีบางช่วงเปลี่ยนเกียร์ผ่อนโทนลงมา แล้วตัวเรื่องก็สลับเล่าระหว่างการเปิดโปงแผนก่อการร้ายแบบหนังสายลับ ที่ต้องใช้การสืบสวนซึ่งเป็นจุดที่ซีรีส์เล่าอ่อนแรงมาก, พูดถึงครอบครัวทหารที่ถูกจับเป็นเชลยถึง 8 ปี ถ้ามองแง่ปรับตัวเข้ากับโลกปัจจุบันก็ดูไม่สมจริงแบบพอให้อภัยได้ ถ้าแยกส่วนกันออกมาเป็นซีรีส์ของใครของมันคงไม่น่าประทับใจเท่าไรเพราะความไม่แน่นของเนื้อหา แต่พอมันรวมกันเป็นเรื่องเดียวที่เชื่อมโยงด้วยการปลูกฝังความคิดลงไปในหัว เลยคิดว่าเป็นจุดที่ทำให้ Homeland มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ
.
ซีรีส์เปิดเรื่องด้วยภารกิจบุกรังผู้ก่อการร้ายในอิรัก ซึ่งทำให้พบว่า 'จ่าโบรดี้' (Damian Lewis) อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ ถูกขังอยู่ ทั้งที่ถูกจับไปนาน 8 ปีจนทางการเชื่อว่าเสียชีวิตไปแล้ว การพบเชลยรอดชีวิตครั้งนี้สร้างความเคลือบแคลงใจต่อเจ้าหน้าที่ CIA อย่าง 'แคร์รี' (Claire Danes) เป็นอย่างมาก เพราะเธอเคยได้รับรายงานจากสายข่าวว่ามีเชลยอเมริกันแปรพักตร์ แต่จะรายงานต่อเจ้านายใหญ่ก็คงไม่ได้เพราะรองปธน.สหรัฐฯ กำลังปั้นจ่าโบรดี้เป็นวีรบุรุษสงคราม เธอจึงขอ 'ซอล' (Mandy Patinkin) หัวหน้าสายตรงให้ช่วยอนุมัติการสอดแนมบ้านของโบรดี้แบบลับ ๆ ไม่มีคนในองค์กรรู้ เพื่อหาความเชื่อมโยงกับผู้ก่อการร้ายคนสำคัญ
.
อย่างหนึ่งที่ชอบใน Homeland คือตัวละครไม่ได้ฉลาดและเฉลียวแบบทันใจคนดู ซึ่งมันก็ช่วยในแง่ให้รู้สึกตัวละครมีความเป็นมนุษย์ที่ต้องใช้เวลาวิเคราะห์ตกผลึกหรือมีอะไรมากระตุ้นให้เอะใจสักหน่อย ซึ่งบางทีมันก็จะขัดใจคนดูไปบ้างเพราะซีรีส์เลือกเล่าแบบให้คนดูรู้ข้อมูลเยอะนำหน้าตัวละคร แต่บางครั้งในซีรีส์ก็บกพร่องเมื่อต้องมอบรายละเอียดน่าเชื่อถือให้คนดู เพราะการเลือกเล่าแบบตัวละครคิดได้ปุ๊บปั๊บมันดูเป็นทฤษฎีสมคบคิดชนิดยากที่ตัวละครอื่นในเรื่องจะเชื่อเหมือนกัน เมื่อมันขาดข้อมูลสนับสนุนที่ฟังขึ้นมาโน้มน้าวให้เห็นด้วย ต่างจากคนดูที่รู้นำหน้าไปแล้วในบางที
.
ความสลับซับซ้อนพลิกไปพลิกมาแบบไว้ใจไม่ได้ของซีรีส์ก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องชมเชยเวลาทำซีรีส์แนวสายลับ การสร้างโลกที่ตัวละครไม่ขาวไม่ดำ แต่ออกเทา ๆ และมีเลเยอร์ของการตัดสินใจหลายชั้นที่ไม่ใช่คำนึงถึงแค่ถูกผิด แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบในการเลือกตัดสินใจด้วย มันอาจจะขัดแย้งกับศีลธรรมในความคิดมนุษย์แต่พอเห็นตัวละครถกเถียงกันก็แอบยอมรับและเข้าใจได้เมื่อดูในโลกความเป็นจริง ซึ่งในทางหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าที่ความขัดแย้งยังคงอยู่ทั่วโลกก็มาจากผลลัพธ์ของการปกปิดเนี่ยแหละที่ทำให้โลกไม่เปลี่ยนแปลงสักที
.
สุดท้ายสิ่งที่คิดว่า Homeland จะเป็นซีรีส์ที่พูดถึงได้แบบไม่ตกยุค คือการพูดถึงสถานการณ์ภายในมากกว่าปัจจัยจากภายนอกเนี่ยแหละ เหมือนเวลาย้อนไปดูหนังสงครามเวียดนามแล้วยังรู้สึกเชื่อมโยงกับโลกปัจจุบันประมาณนั้นเลย
Creators: Alex Gansa, Howard Gordon
12 Episodes (เฉลี่ยตอนละ 60 นาที)
A-
#หนังโปรดxซีรีส์Netflix
mandy patinkin 在 Mandy Patinkin - Wikipedia 的相關結果
Patinkin is best known for appearing as Inigo Montoya in Rob Reiner's 1987 film The Princess Bride, as Saul Berenson in the Showtime series Homeland, and as SSA ... ... <看更多>