การลงทุน แบบกระจาย VS แบบโฟกัส แบบไหนดีกว่ากัน? /โดย ลงทุนแมน
“อย่าเอาไข่ทุกฟองที่มีไปใส่ในตะกร้าใบเดียว”
“Don't put all your eggs in one basket”
เป็นสำนวนที่พูดกันบ่อยในโลกการลงทุน
ในแง่ของการลงทุน สำนวนนี้จะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบว่า
การลงทุนลงแรงให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว ถ้าพลาดขึ้นมาเราอาจได้รับความเสียหายอย่างหนัก
แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางคนบอกว่า
ถ้าเราอยากได้ผลตอบแทนมากกว่าคนอื่น
ก็ควรจะโฟกัสไปที่การทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียวหรือไม่กี่อย่าง
สรุปแล้วแนวคิดแบบไหน ดีกว่ากัน?
ลงทุนแมนจะมาสรุปให้ฟัง
╔═══════════╗
อีกครั้งกับกรณีศึกษาธุรกิจมากมายที่จะช่วยเปิดกว้างมุมมองความรู้ของคุณ
ใน ลงทุนแมน 13.0 เล่มล่าสุด สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/130-i1587474257-s4309842746.html
Shopee: https://shopee.co.th/Longtunman-หนังสือลงทุนแมน-13.0-i.116732911.7453767586
╚═══════════╝
การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง (Diversified Investment) คือ การแบ่งเงินเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย
เช่น ถ้าเรามีเงินอยู่หนึ่งก้อน เราอาจนำไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 20%, หุ้นกู้ 30%, หุ้น 40% และอีก 10% ฝากไว้ในธนาคาร
ที่ต้องทำแบบนี้ ก็เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ชนิดเดียว เช่น ถ้าเรานำเงินทั้งก้อนไปลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว ถ้าเกิดปัญหากับบริษัทที่เราลงทุน เราก็อาจจะขาดทุนในปริมาณมากจากการลงทุนในบริษัทนั้นได้
หรือถ้าเราจำกัดให้เหลือเพียงแค่การลงทุนในหุ้น
การกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นที่ง่ายที่สุด
ก็คือการนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมดัชนี (Index Fund)
ยกตัวอย่างในประเทศไทย เช่น กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน SET50 หรือก็คือกองที่ลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ 50 อันดับแรกในตลาดหุ้นไทย
ในต่างประเทศ เช่น กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นที่อยู่ใน S&P 500 ซึ่งเป็นกองที่ลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ 500 อันดับแรกในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
ข้อดีของการกระจายการลงทุนในลักษณะนี้ก็คือ
ถ้าเราลงทุนในระยะเวลาที่นานมากพอ
โดยเฉลี่ยแล้วเราจะได้ผลตอบแทนที่ดีในระดับหนึ่งซึ่งใกล้เคียงกับตลาด
และโอกาสที่จะขาดทุนหนักๆ จากการลงทุนจะมีน้อย
ตัวอย่างของเรื่องนี้ เช่น ดัชนี S&P 500 ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึงปีละ 10% ในช่วงปี 1965-2019
หมายความว่า ถ้าเราลงทุนด้วยเงิน 1 ล้านบาท ในปี 1965 ในกองทุนรวมที่กระจายการลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี S&P 500 ผ่านไป 54 ปี เงินลงทุนของเราจะเติบโตเป็น 172 ล้านบาท
ซึ่งสำหรับหลายคน ผลตอบแทนในระดับนี้ ก็คงจะเป็นที่น่าพอใจมากแล้ว..
แต่ถ้าเราอยากได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีมากขึ้นไปอีก
ก็มีอีกทางเลือกที่น่าสนใจ นั่นก็คือ “การลงทุนแบบโฟกัส (Focus Investment)”
ถ้าพูดถึงเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้น
การลงทุนแบบโฟกัส จะเป็นการเน้นการลงทุนไปในหุ้นไม่กี่ตัว
และมูลค่าที่ลงทุนไปในบริษัทเพียงไม่กี่บริษัทเหล่านั้น จะมีสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับมูลค่าการลงทุนทั้งหมด
การลงทุนแบบนี้ จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่าแบบกระจายความเสี่ยง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน
การลงทุนแบบโฟกัสที่ว่า จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านการลงทุนเป็นอย่างดี และหนึ่งในนั้นคือนักลงทุนระดับโลกอย่าง “วอร์เรน บัฟเฟตต์”
ถ้าเราลองมาดูพอร์ตการลงทุนของบริษัท Berkshire Hathaway บริษัทดำเนินธุรกิจโดยการเข้าไปลงทุนด้วยการถือหุ้นในบริษัทอื่น ที่มี CEO คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์
ปัจจุบัน สัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ของ Berkshire Hathaway ใน 5 อันดับแรกคือ
1. Apple บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก สัดส่วนต่อพอร์ตการลงทุน 44%
2. Bank of America 1 ใน 4 ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา สัดส่วนต่อพอร์ตการลงทุน 11%
3. Coca-Cola ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำอัดลมที่ใหญ่ที่สุดในโลก สัดส่วนต่อพอร์ตการลงทุน 9%
4. American Express ผู้ให้บริการบัตรเครดิตรายใหญ่ของโลก สัดส่วนต่อพอร์ตการลงทุน 7%
5. Kraft Heinz ผู้ผลิตอาหารแบรนด์ดัง และซอสมะเขือเทศแบรนด์ Heinz สัดส่วนต่อพอร์ตการลงทุน 5%
จะเห็นว่า มูลค่าเงินลงทุนของ Berkshire Hathaway กว่า 76% ที่มีมูลค่ากว่า 6.3 ล้านล้านบาท ถูกโฟกัสไปที่บริษัทเพียงแค่ 5 บริษัท เท่านั้น
และที่น่าสนใจก็คือ การลงทุนในหุ้นเพียงไม่กี่ตัวแบบนี้ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นสิ่งที่เขาทำมาแล้วอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยที่ตัวเขายังไม่มีชื่อเสียงด้วยซ้ำ
รู้ไหมว่า นับตั้งแต่ปี 1965-2019 หุ้น Berkshire Hathaway ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยมากถึงปีละประมาณ 20.3% ซึ่งมากกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีในช่วงเดียวกันของดัชนี S&P 500 ถึงเท่าตัว
ถึงตรงนี้ ถ้าถามว่า การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง กับ แบบโฟกัส แบบไหนดีกว่ากัน และเราควรเลือกลงทุนแบบไหน?
ประเด็นหลักของเรื่องนี้อยู่ที่ว่า แต่ละบุคคลมีความรู้ความเข้าใจในการลงทุน และความสามารถในการรับความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน
ถ้าเรามีความรู้และความสามารถในการลงทุนยังไม่มากนัก
การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง ก็อาจเป็นแนวทางที่น่าสนใจเพื่อป้องกันไม่ให้เงินลงทุนของเราได้รับความเสียหายหนัก
แต่สำหรับนักลงทุนมืออาชีพ อย่างเช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่มีความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ในด้านการลงทุน และสามารถยอมรับและจัดการความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้
ก็อาจเลือกใช้การลงทุนอีกแบบ ที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
นั่นก็คือ การลงทุนแบบโฟกัส นั่นเอง..
╔═══════════╗
อีกครั้งกับกรณีศึกษาธุรกิจมากมายที่จะช่วยเปิดกว้างมุมมองความรู้ของคุณ
ใน ลงทุนแมน 13.0 เล่มล่าสุด สั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/130-i1587474257-s4309842746.html
Shopee: https://shopee.co.th/Longtunman-หนังสือลงทุนแมน-13.0-i.116732911.7453767586
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.berkshirehathaway.com/2019ar/2019ar.pdf
-http://www.moneychimp.com/features/market_cagr.htm
-https://warrenbuffettstockportfolio.com/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Berkshire_Hathaway
-https://www.simplysafedividends.com/intelligent-income/posts/37-top-10-pieces-of-investment-advice-from-warren-buffett
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過7萬的網紅Co.慶応,也在其Youtube影片中提到,■勝者判定のコメントはこちらの方法から↓ ●YouTubeの動画コメント欄への記載 ●twitter(@Co_Keio)へのコメント ●Facebook"...
coca-cola wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
บริษัทเครื่องสำอาง ใหญ่สุดในเกาหลีใต้ กำลังเปลี่ยนมือ /โดย ลงทุนแมน
หลายคนน่าจะรู้จักบริษัทเครื่องสำอางเกาหลียักษ์ใหญ่ที่ชื่อว่า “Amorepacific”
ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ Etude, Innisfree, Laneige, HERA และ Sulwhasoo
Amorepacific ถือเป็นบริษัทเครื่องสำอางเกาหลีที่ทำรายได้มากที่สุดมาอย่างยาวนาน
แต่เมื่อไม่นานมานี้ กลับมีอีกบริษัทที่ทำธุรกิจเครื่องสำอางเหมือนกัน
แถมมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด และกำลังจะทำรายได้แซงหน้า Amorepacific
แล้วบริษัทที่ว่านี้ คือบริษัทอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
อุตสาหกรรมเครื่องสำอางเกาหลีเติบโตอย่างก้าวกระโดดตาม “Korean Wave”
หรือกระแสความนิยมผลิตภัณฑ์เกาหลี ที่เราเห็นในซีรีส์, เพลง หรือรายการบันเทิง
ที่คอยช่วยแพร่กระจายวัฒนธรรม รวมถึงผลิตภัณฑ์ของเกาหลีออกไปทั่วโลก
แล้วที่บอกว่าเติบโตแบบก้าวกระโดด
มันก้าวกระโดดขนาดไหน ?
ปี 2010 ผลิตภัณฑ์ความงามเกาหลีมีมูลค่าตลาด 268,000 ล้านบาท
ปี 2018 ผลิตภัณฑ์ความงามเกาหลีมีมูลค่าตลาด 522,000 ล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย 8.7% ต่อปี
ซึ่งลูกค้าหลักมาจากชาวเอเชีย โดยเฉพาะคนจีน หรือสำหรับผู้ที่เคยไปเที่ยวเกาหลี
คงพอคุ้นเคยกับภาพชาวต่างชาติตามร้านเครื่องสำอางในย่านเมียงดงเป็นอย่างดี
ปัจจุบัน มีบริษัทเครื่องสำอางใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ 2 บริษัท
บริษัทแรก คือ Amorepacific
ก่อตั้งในปี 1945 โดยคุณซอซองฮวาน
ปัจจุบันบริหารงานโดยทายาทรุ่นที่ 2 ชื่อคุณซอคยองเบ
บริษัทนี้ มีผลงานที่เรียกได้ว่าปฏิวัติการแต่งหน้าไปทั่วโลก
นั่นคือการคิดค้น “Cushion” ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์รองพื้นแบบใหม่ที่พกพาสะดวกและใช้ง่าย
นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้บริษัทมียอดขายในตลาดความงามเกาหลีเป็นอันดับ 1 มาอย่างยาวนาน
ถึงขนาดที่ว่าในปี 2016 ซอคยองเบ เจ้าของบริษัท Amorepacific ขึ้นแท่นเป็นบุคคลที่มีทรัพย์สินมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศเกาหลีใต้ เลยทีเดียว
แต่เมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้มีบริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางเกาหลีอีกราย
ที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด นั่นก็คือ LG Household & Health Care หรือ LG H&H
LG H&H เดิมใช้ชื่อว่า Lucky Chemical Industrial Corp
ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1947 โดยคุณคูอินเฮว คนเดียวกับที่ก่อตั้งอาณาจักร LG
ในปี 1995 เปลี่ยนชื่อเป็น LG Chemical
ก่อนที่ภายหลังบริษัท LG Chemical ก็ได้แยกธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอาง
ออกมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2001 ชื่อ “LG H&H”
โดยมี CEO คนปัจจุบันคือ คุณชาซอกยง
ซึ่งก็ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ที่น่าสนใจก็คือ แบรนด์เครื่องสำอางส่วนใหญ่ของทั้ง 2 บริษัทมีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มเดียวกันแทบทั้งหมด
เราลองมาดูตัวอย่างแบรนด์ของ Amorepacific ชนกับ LG H&H ที่แบ่งกลุ่มตามระดับราคากัน
กลุ่มเครื่องสำอาง Luxury
Amorepacific : Sulwhasoo และ HERA
LG H&H : The History of Whoo, O HUI และ SU:M37
กลุ่มเครื่องสำอาง Premium
Amorepacific : Laneige, IPOE และ eSpoir
LG H&H : VDL และ belif
กลุ่มเครื่องสำอาง Mass
Amorepacific : Innisfree, Etude และ Mamonde
LG H&H : The Face Shop
ตรงนี้ เราพอจะเห็นได้ว่า Amorepacific มีแบรนด์ในกลุ่ม Mass มากกว่า
ในขณะที่แบรนด์ Mass ของ LG H&H เป็นการซื้อกิจการ The Face Shop เข้ามา
ซึ่งแบรนด์ที่ทางบริษัทเป็นผู้คิดค้นเอง จะโฟกัสไปที่ลูกค้ากลุ่ม Luxury มากกว่า
แล้วอะไร เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทั้ง 2 บริษัท ?
จุดที่ทำให้ LG H&H เติบโตแบบก้าวกระโดด
และ Amorepacific เริ่มไม่เติบโต เริ่มต้นขึ้นในปี 2016
สมัยนั้น รัฐบาลเกาหลีเริ่มแบนการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ของชาวจีน
ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามเกาหลีในประเทศที่มีคนจีนเป็นลูกค้าหลัก
จึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งทั้ง 2 บริษัทนี้ เลือกที่จะรับมือด้วยแนวทางที่ต่างกันออกไป
แม้ Amorepacific จะมีหน้าร้านที่ประเทศจีนเยอะ
แต่บริษัทกลับเลือกที่จะไปเจาะฐานลูกค้าในประเทศอื่น ๆ แทน
ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา ประเทศในยุโรป รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แต่สำหรับ LG H&H ยังคงเลือกสู้ในตลาดจีนต่อไป
โดยเริ่มการส่งสินค้าออกไปขายในห้างสรรพสินค้าที่จีนทันที
ในขณะเดียวกัน ก็ได้เน้นลูกค้าชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูง
สอดคล้องกับแบรนด์กลุ่ม Luxury ที่มีอยู่
ซึ่งกลับกลายเป็นว่า สินค้ากลุ่ม Luxury ของ LG H&H
โดยเฉพาะแบรนด์ “The History of Whoo” สามารถครองใจชาวจีนได้อย่างขาดลอย
เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Sulwhasoo ของ Amorepacific ที่มีมาก่อนเสียอีก
จากกลยุทธ์ทางธุรกิจในครั้งนั้น
ก็ได้ทำให้ LG H&H ก้าวมาเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Amorepacific จนถึงปัจจุบัน
สะท้อนให้เห็นจาก ผลการดำเนินงานเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม
บริษัท Amorepacific Group
ปี 2016 รายได้ 195,611 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 30,559 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 142,839 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 4,043 ล้านบาท
รายได้หดตัวลงเฉลี่ย -7.6% ต่อปี
กำไรจากการดำเนินงานหดตัวลงเฉลี่ย -40.0% ต่อปี
บริษัท LG H&H
ปี 2016 รายได้ 88,368 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 16,184 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 124,824 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงาน 23,044 ล้านบาท
รายได้เติบโตเฉลี่ย 9.0% ต่อปี
กำไรจากการดำเนินงานเติบโตเฉลี่ย 9.2% ต่อปี
จะเห็นได้ว่าธุรกิจเครื่องสำอางของบริษัท LG H&H
เติบโตต่อเนื่องจนมีรายได้เกือบเทียบเท่ากับ Amorepacific แล้ว
ในขณะที่บริษัททำกำไรจากการดำเนินงานเป็น 5 เท่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เลยทีเดียว
นอกจาก LG H&H จะมีธุรกิจเครื่องสำอางแล้ว
บริษัทแห่งนี้ ก็ยังเป็นเจ้าของธุรกิจสินค้าภายในบ้านและเครื่องดื่ม
โดย LG H&H ยังเป็นผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย Coca-Cola เพียงรายเดียวในประเทศเกาหลีใต้
ล่าสุด LG H&H สามารถทำกำไรจากการดำเนินงาน
พลิกกลับมาเติบโตที่ 5.4% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2020
หลังจากที่ติดลบมาตลอด ตั้งแต่เผชิญกับวิกฤติโควิดในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2020
โดยเหตุผลสำคัญก็คือ กำลังซื้อเครื่องสำอางหรูของ LG H&H ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานของ Amorepacific ยังคงหดตัว ในช่วงเวลาเดียวกัน
ด้วยความที่บริษัท LG H&H มีธุรกิจเครื่องสำอางที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด
และกระจายธุรกิจอยู่ในหลายอุตสาหกรรม ที่ไม่ได้พึ่งพารายได้จากแหล่งเดียว
นั่นจึงทำให้มูลค่าบริษัทของ LG H&H เติบโตขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
โดยปัจจุบันอยู่ที่ 795,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204% ภายใน 4 ปี
สวนทางกับ Amorepacific ที่มีมูลค่าบริษัท 473,200 ล้านบาท ลดลง 55% ในช่วงเวลาเดียวกัน
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ เราก็คงสรุปได้ว่าบริษัท LG H&H
กำลังจะกลายเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางที่ทำรายได้มากที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ในตอนนี้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-http://weneedmorethangirls.blogspot.com/2016/06/korean-beauty-brands.html
-http://www.koreatimes.co.kr/www/tech/2020/09/694_282675.html
-https://www.apgroup.com/int/en/investors/amorepacific-group/ir-reports/quarterly-results/quarterly-results.html
-http://www.lghnh.com/global/ir/finance.jsp
-https://www.alliedmarketresearch.com/k-beauty-products-market
-https://www.statista.com/statistics/550732/beauty-and-personal-care-market-size-south-korea/
-https://companiesmarketcap.com/amorepacific/marketcap/
-https://companiesmarketcap.com/ls-household-health-care/marketcap/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Amorepacific_Corporation
-https://en.wikipedia.org/wiki/LG_Household_%26_Health_Care
coca-cola wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
Tropicana แบรนด์น้ำส้มพร้อมดื่ม รายแรกของโลก /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า เมื่อ 70 กว่าปีก่อน เรายังไม่สามารถหาซื้อน้ำส้มพร้อมดื่มที่มียี่ห้อในตลาดทั่วไปได้
เพราะน้ำส้มสมัยก่อนจะนิยมขายแบบเข้มข้น ที่ต้องเอามาผสมน้ำอีกทีถึงจะดื่มได้
จนกระทั่ง Tropicana เป็นผู้คิดค้น “น้ำส้มพร้อมดื่ม” บรรจุกล่องขึ้นมา
เรื่องราวนี้มีความเป็นมาอย่างไร และใครเป็นเจ้าของ Tropicana ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Tropicana เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำผลไม้ จากประเทศสหรัฐอเมริกา
ก่อตั้งขึ้นในปี 1947 หรือ 74 ปีที่แล้ว โดยคุณ Anthony T. Rossi
คุณ Rossi เป็นชาวอิตาลี ที่อพยพมาอยู่สหรัฐฯ ตอนอายุเพียง 21 ปี โดยช่วงแรก เขาอาศัยอยู่ในเมืองนิวยอร์ก ทำงานเป็นคนขับรถแท็กซี่และขายของชำ
ต่อมา เขาย้ายไปอยู่รัฐฟลอริดา เนื่องจากมีอากาศอบอุ่นคล้ายกับบ้านเกิดในอิตาลี และหันมาทำธุรกิจร้านอาหาร แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไร
อย่างไรก็ตาม คุณ Rossi ได้เล็งเห็นว่า รัฐฟลอริดามีชื่อเสียงเรื่องผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้มและมะนาว จึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทชื่อว่า Fruit Industries เพื่อขายผลไม้บรรจุกล่อง
ในระหว่างที่ธุรกิจขายผลไม้ กำลังไปได้สวย
คุณ Rossi ก็พบว่า มีส้มผลเล็ก ๆ เหลืออยู่จำนวนมาก เพราะไม่ถึงเกณฑ์ที่จะไปบรรจุในกล่องได้ ซึ่งเขาไม่ต้องการทิ้งไปเฉย ๆ จึงลองนำมาผลิตเป็นน้ำส้มแบบเข้มข้น ขายเสริมรายได้อีกช่องทางหนึ่ง
ต้องบอกก่อนว่า น้ำส้มที่วางขายตามร้านค้าทั่วไปในสมัยก่อน จะนิยมทำเป็นน้ำผลไม้เข้มข้นที่ยัง “ไม่พร้อมดื่มในทันที” เพราะต้องนำมาผสมน้ำให้เจือจางก่อนบริโภค โดยมีผู้นำตลาด คือ แบรนด์ Minute Maid
ส่วนน้ำส้มคั้นธรรมชาติ จะถูกจำหน่ายในพื้นที่จำกัดเท่านั้น ไม่มีแบรนด์ที่แพร่หลายในวงกว้าง เพราะเก็บเอาไว้ได้เพียงไม่กี่วัน
ซึ่งตรงจุดนี้ คุณ Rossi มองว่า หากสามารถพัฒนา “น้ำส้มคั้นแบบพร้อมดื่ม” ที่เก็บไว้นานได้ มันก็น่าจะมีตลาดที่ใหญ่มากรอคอยอยู่
จนในปี 1954 เขาก็ศึกษากระบวนการพาสเจอไรซ์น้ำส้มคั้น และนำมาลองใช้ได้สำเร็จ ทำให้ยืดอายุการเก็บรักษาไว้ได้นานถึง 3 เดือน โดยที่รสชาติยังคงเดิม
ทำให้บริษัทของเขา เป็นเจ้าแรกของตลาด ที่วางขายน้ำส้มพร้อมดื่มบรรจุกล่อง ตามชั้นสินค้าของร้านทั่วไปได้ โดยใช้ชื่อแบรนด์ผลิตภัณฑ์ว่า “Tropicana Pure Premium”
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการออกแบบตัวการ์ตูนบนกล่องน้ำส้ม เป็นเด็กผู้หญิงถือถาดส้มบนศีรษะ ชื่อว่า Tropic-Ana ซึ่งทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว
ส่งผลให้ น้ำส้ม Tropicana Pure Premium ทำยอดขายถล่มทลาย จนบริษัทมุ่งเน้นธุรกิจน้ำส้มเป็นหลัก และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Tropicana Products, Inc.
ในเวลาต่อมา เมื่อมีความต้องการซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะจากรัฐอื่น ทำให้ Tropicana ต้องเจอความท้าทายในด้านการขนส่งสินค้า
ช่วงแรก บริษัทใช้บริการขนส่งทางรถบรรทุก แต่พอเริ่มมีปริมาณคำสั่งซื้อจากเมืองที่อยู่ห่างไกล จึงเริ่มส่งสินค้าทางเรือด้วย
แต่ในปี 1971 บริษัทก็ตัดสินใจลงทุนระบบขนส่งแบบที่ไม่มีเจ้าไหนเคยทำมาก่อน นั่นคือ การซื้อขบวนรถไฟขนส่งสินค้าหลายร้อยตู้ และบริหารจัดการการเดินรถด้วยตัวเอง
ซึ่งทำให้กระจายสินค้าได้รวดเร็วขึ้น และยิ่งส่งสินค้าทีละมาก ๆ ก็ยิ่งมีต้นทุนต่อหน่วยถูกลง โดยผู้คนในวงการตั้งชื่อเล่นให้กับขบวนรถไฟของ Tropicana ว่า The Great White Juice Train
นอกจากนั้น Tropicana ยังขึ้นชื่อว่าเป็น บริษัทน้ำส้มพร้อมดื่มรายแรกที่สร้างโรงงานผลิตขวดพลาสติก เพื่อบรรจุผลิตภัณฑ์ของตัวเองอีกด้วย
ซึ่งนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ Tropicana คิดค้นขึ้นนั้น ได้เป็นต้นแบบการทำธุรกิจให้กับผู้เล่นรายอื่นในตลาด จนอุตสาหกรรมน้ำผลไม้พร้อมดื่ม เติบโตมาถึงทุกวันนี้
แล้วปัจจุบันใครเป็นเจ้าของ Tropicana ?
หลังจากน้ำส้ม Tropicana ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ก็มีผู้สนใจในตัวแบรนด์มาเทกโอเวอร์บริษัท จนเจ้าของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงแทบทุก 10 ปี เลยก็ว่าได้
ปี 1969 บริษัท Tropicana Products จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เป็นบริษัทมหาชน
ปี 1978 คุณ Rossi ผู้ก่อตั้งตกลงขายกิจการให้กับ Beatrice Foods บริษัทอาหารสัญชาติอเมริกัน
ปี 1988 แบรนด์ Tropicana ถูกขายต่อให้กับ Seagram’s บริษัทเครื่องดื่มสัญชาติแคนาดา
ปี 1998 แบรนด์ Tropicana ถูกขายต่อให้กับ PepsiCo บริษัทอาหารและเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง Lay’s และ Pepsi
ภายใต้การบริหารของ PepsiCo ก็ช่วยส่งเสริมให้ Tropicana กลายเป็นผู้นำตลาดน้ำส้มพร้อมดื่มของสหรัฐอเมริกา โดยครองส่วนแบ่งตลาด 33% นำหน้าคู่แข่งอย่าง Minute Maid ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือของ Coca-Cola ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 24%
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ที่ผ่านมา
PepsiCo ก็ตัดสินใจขาย Tropicana และแบรนด์เครื่องดื่มอื่น ๆ ให้กับ PAI Partners บริษัทเอกชนจากฝรั่งเศส ในราคา 1.1 แสนล้านบาท
โดย PepsiCo และ PAI Partners ไปก่อตั้งบริษัทใหม่ร่วมกันในลักษณะกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ซึ่ง PepsiCo จะยังถือหุ้นในบริษัทใหม่อยู่ 39%
จากเรื่องราวนี้จะเห็นได้ว่า
หากจะเอาตัวรอด และประสบความสำเร็จในธุรกิจได้
มันก็ต้องพัฒนาต่อยอดการดำเนินงานด้านต่าง ๆ ให้ดีขึ้นตลอดเวลา
เหมือนกรณีของน้ำส้ม Tropicana
ที่ตอนแรกขายน้ำส้มเข้มข้น แบบเดียวกับผู้เล่นรายอื่นในตลาด
แต่พวกเขาก็ไม่หยุดคิดต่อไปข้างหน้าว่า
จะทำอย่างไร ให้ลูกค้าได้ดื่มน้ำส้มราวกับเพิ่งคั้นใหม่สด ๆ
จะทำอย่างไร ให้ลูกค้าในเมืองห่างไกล ได้ดื่มน้ำส้มอร่อย ๆ อย่างทั่วถึง
ซึ่งการแก้โจทย์เหล่านั้น ทำให้ Tropicana เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มน้ำผลไม้ของผู้บริโภค นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-http://www.fundinguniverse.com/company-histories/tropicana-products-inc-history/
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Tropicana_Products
-https://www.cnbc.com/2021/08/03/pepsico-to-sell-tropicana-and-other-juice-brands-for-3point3-billion.html
coca-cola wiki 在 Co.慶応 Youtube 的評價
■勝者判定のコメントはこちらの方法から↓
●YouTubeの動画コメント欄への記載
●twitter(@Co_Keio)へのコメント
●Facebook"Co.慶応"ページへのコメント
■チャンネル登録はこちら↓
http://www.youtube.com/subscription_center?add_user=ryumc92
■偉人ラップバトルの再生リストはこちら↓
https://www.youtube.com/watch?v=77v3TIfCtAc&list=PLGGiNF4ojveqY5okRMJ7Ol1vhOjKJ96u1
■オススメお勉強ラップはこちら↓
http://www.youtube.com/playlist?list=PLGGiNF4ojvepiLQbtp6VvBpP2w_JuGW5F
■トラック制作者、道場 秀三郎君のチャンネルはこちら↓
https://www.youtube.com/channel/UC32bpuq3Mjt9uo0Fp4aUdQQ
■First Album "First Grade" iTunesにて配信中↓
https://itunes.apple.com/ca/album/first-grade/id940340129
-------------------------------------------------------------------------
■ツイッター↓
https://twitter.com/co_keio
■フェイスブック↓
https://facebook.com/cokeio
■ホームページ↓
http://cokeio.jimdo.com/
-------------------------------------------------------------------------
※使用素材や出演に関しては同意を全て得て動画を作成しております。(同意不要なものを含む)
●千利休 Public Domain
http://ja.wikipedia.org/wiki/%E5%8D%83%E5%88%A9%E4%BC%91#/media/File:Sen_no_Rikyu_JPN.jpg
●背景 Public Domain CC0
http://pixabay.com/en/graffiti-hiphop-hip-hop-hauswand-393488/
●Co.慶応イラスト daharagaiku作
⇒https://www.youtube.com/user/DAHARAgaiku
-------------------------------------------------------------------------
【偉人ラップバトル】
作詞: Co.慶応
作曲: 道場 秀三郎
(Co.慶応)
今日も僕が先手取り You
を倒してやるぜ千利休
千のリキュールよりお茶大好き
茶道の創始者!?それがどーした!
こんなやつが相手なんて面倒いっす。
消してやるよ like テトリス。
こんな感じ!俺はラップ中毒者!
YouTubeラッパーの注目株!
(千利休)
そんなおまえを食う つまり 不合格
もしくは飲んでやる like 十六茶
と思ったら あらやだ!
またまたやっちゃった!これ綾鷹!
なんか文句があるなら言えよ!
ねーならおまえは飲んでろ伊右衛門。
もしくは おーいお茶
声張り上げな「おーい!こら」
(Co.慶応)
お茶で例えるの待て待てマテ茶
from coca cola社 Did you know、バカ?
堺の町人には
そんなことなんてどうでもいいか?
ナルシスト行動、大得意?
自分の木造置いた大徳寺!
秀吉さんもつい怒る
最後は切腹1591(以後悔い)残る
(千利休)
片手に刀、片手に生茶
って感じで最後を迎えた かったわ。
最後の最後まで挑戦した!
から備えてくれよ 爽健美茶!
かもしくはおいしいヘルシア緑茶
くれるんなら 「メルシーだ!僕ちゃん!」
でも一番好きなのは玉露入り→
アイスバーンのように冷えてればすごくおいしい!
-------------------------------------------------------------------------
coca-cola wiki 在 KTheme. com Youtube 的評價
- Link mua sản phẩm: http://bit.ly/2zcnidr
- Website Review: http://Review.KTheme.Com
- Liên hệ: [email protected]
====================
coca cola lazada
coca cola giá rẻ
coca cola việt nam
coca cola wiki
coca cola quảng cáo
coca cola và pepsi
giá coca cola chai nhựa
coca cola chai 1.5l giá
giá 1 thùng coca cola 2017
giá nước ngọt coca cola 2017
giá coca cola thùng 2017
giá coca cola chai lớn
coca-cola wiki 在 Coca-Cola wiki-在PTT/IG/網紅社群上服務品牌流行穿搭 的八卦
找Coca-Cola wiki在Dcard與PTT討論/評價與推薦,提供可口可樂公司,coca cola中文,Coca-Cola Company相關資訊,找Coca-Cola wiki就在網路品牌潮流服飾穿搭. ... <看更多>