GUSS DAMN GOOD ไอศกรีมคนไทย ที่มาไกลจากบอสตัน / โดย ลงทุนแมน
ถ้าใครอยากรู้ว่ารสชาติของการไม่ยอมแพ้เป็นอย่างไร
ให้ลองเดินเข้าร้าน Guss Damn Good
แล้วสั่งไอศกรีมรส Don’t Give Up #18 มาชิม
Guss Damn Good เป็นชื่อของร้านไอศกรีมสัญชาติไทย
แต่มีต้นกำเนิดที่มาไกลถึงสหรัฐอเมริกา
╔═══════════╗
แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของ Guss Damn Good มาจากคน 2 คน
คนแรก คุณระริน ธรรมวัฒนะ ซึ่งเรียนจบมาจากสายการเงิน
รับอาสาออกแบบรสชาติไอศกรีมและทำการตลาด
ส่วนคนที่สอง คุณนที จรัสสุริยงค์ เรียนจบด้านวิศวกรรม
รับหน้าที่สร้างโมเดลตั้งต้นเพื่อคำนวณสูตรไอศกรีมบนโปรแกรม Microsoft Excel
เช่น ต้องใช้ไขมันหรือของเหลวเป็นสัดส่วนเท่าไรเพื่อให้ได้เนื้อไอศกรีมที่ต้องการ
ทั้ง 2 คนมาเจอกันตอนไปเรียนต่อปริญญาโทที่ Babson College เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีจุดร่วมที่เหมือนกันก็คือ ความชื่นชอบไอศกรีม
ที่น่าสนใจคือ เมืองบอสตันเป็นเมืองหนาว ช่วงที่ร้อนที่สุดคือเดือนกรกฎาคม ซึ่งมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 23 องศาเซลเซียส ส่วนเดือนที่หนาวสุดคือเดือนมกราคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -1.7 องศาเซลเซียส
ทั้งๆ ที่สภาพอากาศเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังมีร้านไอศกรีมเปิดเต็มไปหมด
โดยจุดเด่นของร้านไอศกรีมของเมืองนี้จะเน้นที่รสชาติของไอศกรีมเป็นหลัก ไม่ได้ทานกับทอปปิงเสริม และแม้กระทั่งวันที่หิมะตกหนัก ก็ยังมีคนต่อคิวเพื่อซื้อไอศกรีม
คุณระรินจึงไปถามเพื่อนชาวอเมริกันว่าไม่หนาวเหรอ ซึ่งเธอได้รับคำตอบว่า “ไอศกรีมทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาในฤดูร้อน”
ในบางครั้งการทำสินค้าอาจไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในตอนนั้น แต่ถ้าทำให้คนได้สัมผัส แล้วได้ประสบการณ์ อารมณ์ร่วม มันก็น่าจะตอบโจทย์กับผู้บริโภค
เรื่องนี้ทำให้คุณระรินเริ่มสนใจการทำไอศกรีม เพราะนอกจากความอร่อยแล้ว ไอศกรีมยังสร้างอารมณ์และความรู้สึก สามารถทำให้ผู้ทานย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆ ในความทรงจำได้
และตอนนั้นเธอกำลังมองหาช่องทางทำธุรกิจพอดี จึงชวนคุณนที ที่ชื่นชอบไอศกรีมเหมือนกัน ให้มาร่วมด้วย
ทั้งสองตระเวนชิมไอศกรีมไปทั่วบอสตัน ศึกษาจากตำราบ้าง พูดคุยกับเจ้าของร้านบ้าง
จากนั้นก็ทดลองทำไอศกรีม โดยซื้อเครื่องทำไอศกรีมเล็กๆ มาเริ่มทำกันในอะพาร์ตเมนต์
เมื่อกลับเมืองไทยในปี พ.ศ. 2557 ทั้งสองจึงเริ่มทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง
ลงทุนซื้อเครื่องทำไอศกรีม ตู้เย็น รวมถึงตู้แช่
แต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นตอนนั้นก็คือ พวกเขาขายไอศกรีมไม่เป็น
คือรู้ว่าทำทานเล่นกันเองอย่างไร แต่ไม่รู้ว่าถ้าจะทำขายจริงๆ ต้องทำอย่างไร
อย่างไรก็ตาม หลังจากทดลองกันอยู่นาน ทั้งสองก็ได้สูตรไอศกรีมแรกที่มีรสชาติลงตัว
ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อรสนี้ว่า Don’t Give up #18
แน่นอนว่าชื่อนี้ต้องมีที่มา..
จริงๆ แล้ว Don’t Give Up #18 เป็นไอศกรีมรสนม ซึ่งเกิดจากความพยายามหาส่วนผสมระหว่างนมและครีมว่ายี่ห้อไหนจะเข้าคู่กันได้ดีที่สุด
โดยเลข 18 มาจากการทดลองครั้งที่ 18 ซึ่งเป็นครั้งที่เริ่มใกล้เคียงกับรสชาติปัจจุบันมากที่สุด
ทั้งสองจึงใช้เลขนี้มาเป็นเครื่องเตือนใจว่าอย่ายอมแพ้
ซึ่งสุดท้ายก็ต้องทดลองกันไปรวมๆ กว่า 30 ครั้ง ถึงจะได้รสชาติที่ต้องการ
หลังจากได้สูตรไอศกรีมแล้ว ทั้งสองก็นำไปออกร้านขายเลยที่ตลาดนัด Flea Market
ผลปรากฏว่า ไม่มีคนซื้อ เพราะลูกค้าไม่รู้จัก จึงไม่มีใครกล้าชิม
แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้คุณระริน และคุณนทียอมแพ้
พวกเขาเริ่มเอาไอศกรีมไปฝากขายตามร้านกาแฟ รวมถึงออกบูทตามตลาดนัดสินค้าทำมือ
เนื่องจากทั้งสองมองว่าไอศกรีมของพวกเขา ก็เป็นหนึ่งในงานฝีมือเช่นกัน
เพราะวัตถุดิบทุกชิ้นผ่านการคัดสรรมาอย่างตั้งใจ ไม่ได้เน้นใส่กลิ่นใส่สี
โดยเน้นที่รสชาติของไอศกรีมจริงๆ ไม่ใช่เครื่องทอปปิงที่เสริมเข้ามา
ที่สำคัญคือ ทุกรสชาติต้องมีเรื่องราว ดังนั้นไอศกรีมของ Guss Damn Good จึงไม่มีรสวานิลลา ช็อกโกแลต หรือสตรอว์เบอร์รี
ตัวอย่างรสชาติของ ไอศกรีม Guss Damn Good
Why Can’t Coffee Be White? ซึ่งเกิดจากการผสมไอศกรีมกาแฟ แต่กลับได้เนื้อสีขาวแทนสีน้ำตาล
หรือ BONFIRE ไอศกรีมรสคาราเมลที่นำมาเผาจึงมีรสขม ก็เกิดจากความชอบเล่นสโนว์บอร์ดของคุณนที ซึ่งส่วนใหญ่หลังจากเล่นเสร็จทุนคนก็จะมานั่งล้อมวงแล้วจุดกองไฟปิ้งมาร์ชแมลโลว์ ได้รสชาติที่ออกขมเช่นกัน จึงเป็นที่มาของชื่อ BONFIRE
อีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจของ Guss Damn Good คือการทำโปรเจกต์ร่วมกับแบรนด์อื่น ผ่านการทำไอศกรีมที่เป็นรสชาติของแบรนด์นั้นๆ เช่น แบรนด์รองเท้า TOMS หรือเครื่องสำอาง Wet n Wild
อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวแบรนด์ Guss Damn Good กลับแทบไม่ได้ใช้งบประมาณการตลาดเลย แต่อาศัยการเล่าเรื่องราวและรสชาติของไอศกรีม ทำให้เกิดการบอกปากต่อปากเป็นหลัก
โดยตอนนี้ Guss Damn Good ได้เปิดร้านสาขาของตัวเอง และขยายจนมีหน้าร้านถึง 6 สาขา
แล้วตอนนี้ผลประกอบการของ Guss Damn Good เป็นอย่างไร?
รายได้ย้อนหลังของ บริษัท กัสส์ แดมน์ กู๊ด จำกัด ที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปลายปี 2560
ปี 2560 รายได้ 1,220,807 บาท
ปี 2561 รายได้ 16,145,740 บาท
เรื่องราวของ Guss Damn Good ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
สำหรับคนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง หนึ่งในจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดก็ควรจะเป็นสิ่งที่เรารัก
แต่นอกจากความรักในสิ่งที่ทำแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือความอดทน
เพราะถ้าหากคุณระรินและนทีล้มเลิก ไม่ทำต่อ
วันนี้เราก็คงจะไม่มีโอกาสรู้รสชาติของการไม่ยอมแพ้ จากไอศกรีมรส Don’t Give Up #18 ของพวกเขานั่นเอง..
╔═══════════╗
แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
References
-https://amarinacademy.com/1123/interview-review/guss-damn-good/
-https://adaymagazine.com/shop-24/
-https://www.timeout.com/bangkok/restaurants/guss-damn-good
-https://www.maeban.co.th/features_detail.php?id=480&fbclid=IwAR2XKPygLPRrhb7Wi76qIdtswqY0evnaR1NO_BcPPMEtrzrEsKgcUJVqDeA
-http://bigmoneymag.com/listed-guss-damn-good-crafted-ice-cream/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Boston#Geography
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
同時也有8部Youtube影片,追蹤數超過304萬的網紅MosoGourmet 妄想グルメ,也在其Youtube影片中提到,#ASMR #DragonsBeardCandy #EdibleHair #TrickRecipes #Recipe #OddlySatisfying #DIY #音フェチ Moso Mom has been a big fan of actor Jackie Chan for 40 or so ...
ice cream wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
ไอศกรีม Baskin-Robbins มีเจ้าของคือ Dunkin’ /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงร้านขายไอศกรีม คนไทยอาจคุ้นเคยกับ Swensen’s หรือ Dairy Queen
แต่ในตลาดโลก
รู้ไหมว่า “Baskin-Robbins” เป็นแบรนด์ผู้นำที่มีจำนวนสาขามากที่สุด
และปัจจุบันเจ้าของร้าน Baskin-Robbins คือบริษัท Dunkin’ Brands Group
ซึ่งดูจากชื่อทุกคนก็น่าจะคุ้นๆ ว่าเป็นชื่อแบรนด์โดนัท
แต่ที่น่าสนใจคือ จริงๆ แล้ว Baskin-Robbins ถูกซื้อกิจการเข้ามาก่อนธุรกิจหลักอย่างร้านโดนัทเสียอีก
เรื่องราวนี้น่าสนใจอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1945 หรือ 75 ปีที่แล้ว คุณ Irvine Robbins นักธุรกิจชาวอเมริกัน ซึ่งเติบโตมาในครอบครัวร้านขายไอศกรีม ได้ออกมาก่อตั้งร้านของตัวเองชื่อว่า Snowbird Ice Cream
คุณ Robbins มักจะชอบคิดค้นรสชาติไอศกรีมใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้ร้านเขาโดดเด่นกว่าคนอื่น ตรงที่มีไอศกรีมให้เลือกทานถึง 21 รสชาติ
อีก 1 ปีถัดมา คุณ Burt Baskin ซึ่งเป็นน้องเขย ได้รับคำแนะนำจาก Robbins ให้ลองทำธุรกิจขายไอศกรีมดูบ้าง เขาจึงเปิดร้านชื่อว่า Burton’s Ice Cream ขึ้นมาเช่นกัน
และแล้วในปี 1948 พวกเขาก็ตัดสินใจควบรวมกิจการ เกิดเป็นร้านไอศกรีมใหม่ “Baskin-Robbins” ที่ตั้งชื่อตามนามสกุลของทั้งคู่นั่นเอง
หลังจากรวมธุรกิจกัน ร้านได้มีไอศกรีมเพิ่มขึ้นเป็น 31 รสชาติ ซึ่ง Baskin-Robbins นำจุดนี้มาประยุกต์ใช้เป็นสโลแกน “31 Flavors” ที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์เป็นอย่างมาก โดยสื่อความหมายว่า ลูกค้าจะสามารถทานไอศกรีมได้ทุกวันแบบไม่ซ้ำรสชาติภายใน 1 เดือน
รวมทั้งมีการออกแบบโลโก้ของร้าน ให้มีตัวเลข 31 ซ่อนอยู่ในอักษรย่อ BR อีกด้วย
นอกจากนั้น Baskin-Robbins ยังเป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรม เช่น การให้ลูกค้าทดลองชิมด้วยช้อนเล็กๆ ก่อนสั่งซื้อรสชาติที่ถูกใจ, การคิดค้นเมนูเค้กไอศกรีมเป็นรายแรก และการเป็นกลุ่มบุกเบิกกลยุทธ์ขยายธุรกิจแบบแฟรนไชส์
ถึงแม้เวลาผ่านไป Baskin-Robbins ก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่ 31 แต่ได้พัฒนาไอศกรีมสูตรต่างๆ มาเสนอผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง สะสมรวมแล้วกว่า 1,300 รสชาติ
ปัจจุบัน ร้านมีสาขาทั้งหมด 8,160 แห่ง ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา 2,524 สาขา และอยู่ในต่างประเทศอีก 5,636 สาขา
ซึ่ง Baskin-Robbins ถือเป็นแบรนด์ร้านขายไอศกรีมที่มีสาขามากสุดในโลก
และหากนับรวมธุรกิจร้านอาหารทุกประเภท พวกเขาจะมีจำนวนสาขาสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก รองจากร้านดังๆ ได้แก่ Subway, McDonald’s, Starbucks, KFC, Burger King, Pizza Hut, Domino’s, Dunkin’
โดยยอดขายไอศกรีมของ Baskin-Robbins
ปี 2017 อยู่ที่ 61,000 ล้านบาท
ปี 2018 อยู่ที่ 65,000 ล้านบาท
ปี 2019 อยู่ที่ 66,000 ล้านบาท
ส่วนตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย คือ บริษัท โกลเด้น สกู๊ป จำกัด ซึ่งถือหุ้น 100% โดยบริษัท มัดแมน จำกัด (มหาชน) ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ MAI ใช้ชื่อย่อว่า MM
ตอนนี้ร้านมีสาขาในไทย 34 แห่ง และมีผลประกอบการ ดังต่อไปนี้
ปี 2017 รายได้ 111 ล้านบาท ขาดทุน 12 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 112 ล้านบาท ขาดทุน 10 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 103 ล้านบาท ขาดทุน 10 ล้านบาท
แล้ว Dunkin’ กลายมาเป็นเจ้าของ Baskin-Robbins ได้อย่างไร?
ที่ผ่านมา ร้าน Baskin-Robbins ถูกเปลี่ยนมือเจ้าของอยู่หลายครั้ง
ปี 1967 ถูกซื้อกิจการไปโดย United Brands บริษัทสัญชาติอเมริกัน ซึ่งประกอบธุรกิจขายผลไม้
ปี 1973 ถูกซื้อกิจการอีกครั้งโดย Allied-Lyons บริษัทธุรกิจอาหาร จากประเทศอังกฤษ
ปี 1990 บริษัท Allied-Lyons ซื้อกิจการ Dunkin’ Donuts และ Mister Donut แล้วนำเอาไปรวมกับ Baskin-Robbins ให้เป็นหน่วยธุรกิจใหม่ ชื่อว่า “Dunkin’ Brands”
ต่อมาในปี 2006 กองทุนร่วมทุนระหว่างบริษัท Bain Capital, Carlyle Group และ Thomas Lee ได้เจรจาขอซื้อกิจการของ Dunkin’ Brands ไปด้วยมูลค่า 75,000 ล้านบาท
หลังจากนั้นในปี 2011 พวกเขาก็นำบริษัท Dunkin’ Brands Group จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ซึ่งล่าสุดมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 178,000 ล้านบาท
จากเรื่องราวนี้ จะเห็นได้ว่า
ในอุตสาหกรรมไอศกรีมที่มีคู่แข่งเยอะ และสินค้าค่อนข้างใกล้เคียงกัน
การรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก
ดังนั้นปัจจัยสำคัญสำหรับธุรกิจนี้ คงหนีไม่พ้น
การนำเสนอความแปลกใหม่ ที่สร้างเอกลักษณ์ให้แตกต่างจากร้านอื่น อยู่ตลอดเวลา
เหมือนดังกรณีของ Baskin-Robbins
แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ
Baskin-Robbins ในประเทศไทยกลับไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไรนัก
ต่างจาก Swensen’s ที่ดังในไทย แต่ก็กลับไม่ได้เป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกา..
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/Baskin-Robbins
-https://www.mashed.com/177683/the-untold-truth-of-baskin-robbins/
-https://investor.dunkinbrands.com/static-files/7a80a22d-8895-4d5d-b625-603b127cb27f
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_the_largest_fast_food_restaurant_chains
-http://www.mudman.co.th/th/business/baskin-robbins/
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ice cream wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
Wall’s จากร้านขายเนื้อ สู่ไอศกรีมที่ขายดีสุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามว่า ของว่างประเภทไหนที่เหมาะกับ เมืองร้อนอย่างประเทศไทยบ้าง
คำตอบของหลายคนต้องมี “ไอศกรีม” รวมอยู่ด้วย
ซึ่งในประเทศไทยก็มีแบรนด์ไอศกรีมชื่อดังต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือ ไอศกรีม Wall’s
รู้ไหมว่า จุดเริ่มต้นของ Wall’s ไม่ได้มาจากการขายไอศกรีมตั้งแต่แรก
ความเป็นมาของไอศกรีม Wall’s ที่หลายคนชื่นชอบ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของไอศกรีม Wall’s ต้องย้อนกลับไปในปี 1786 เมื่อคุณ Richard Wall ที่ในตอนนั้นเขาได้เปิด ร้านขายเนื้อ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
กิจการร้านขายเนื้อของตระกูล Wall ดำเนินกิจการมาจากรุ่นสู่รุ่น จนมาในปี 1913 หลานชายของคุณ Richard Wall เข้ามาบริหารต่อ และได้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่ว่า ตั้งต้นมาจากปัญหาหนึ่งที่กิจการร้านขายเนื้อของตระกูล Wall เจอมานาน
คือพอถึงช่วงฤดูร้อนของทุกปี ความต้องการไส้กรอก พาย และเนื้อ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของร้านจะลดลง ทำให้เขาต้องลดจำนวนพนักงานในช่วงฤดูร้อนลงแทบทุกปี
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คุณ Richard Wall II จึงพยายามหาทางช่วยให้พนักงานของเขามีงานทำในช่วงเวลาดังกล่าว รวมทั้งเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านในช่วงฤดูร้อนไปในเวลาเดียวกัน
เขารู้ว่า ไส้กรอก พาย และเนื้อ ไม่ใช่สินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าในช่วงเวลาดังกล่าว และสิ่งที่เหมาะที่สุด ที่จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสดชื่นในช่วงฤดูร้อน จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “ไอศกรีม”
แต่ความคิดนี้ต้องถูกพับลงไปก่อน เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 1 จนเมื่อสงครามนั้นสิ้นสุดลง เขาจึงได้เริ่มนำไอศกรีมมาไว้ในเมนูของร้านเขา
รวมไปถึงเริ่มการใช้ม้าและเกวียน นำไอศกรีมไปขายตามท้องถนน จากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้รถสามล้อ
ต่อมาในปี 1922 ธุรกิจไอศกรีม Wall’s ของเขา ได้ถูกซื้อกิจการไปโดย 2 บริษัท
คือ Lever Brothers ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจสบู่ในอังกฤษ และ Margarine Unie ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอาหารของเนเธอร์แลนด์
หลังจากนั้น ความนิยมของไอศกรีม Wall’s ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
จนต้องเพิ่มจำนวนรถสามล้อเพื่อขายไอศกรีมบนท้องถนนในสหราชอาณาจักร จากช่วงเริ่มต้นในปี 1922 ที่มีประมาณหลัก 10 คัน มาเป็นกว่า 8,500 คันในปี 1939
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ไอศกรีม Wall’s มีขายในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยในแต่ละประเทศก็จะใช้ชื่อในการทำตลาดที่แตกต่างกัน เช่น
- ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ใช้ชื่อว่า “Good Humor”
- ในเยอรมนี ใช้ชื่อว่า “Langnese”
- ในอังกฤษ ไทย ญี่ปุ่น จีน อินเดีย เวียดนาม สิงคโปร์ ลาว และอีกหลายประเทศในเอเชีย ใช้ชื่อว่า “Wall’s”
แต่ไม่ว่าจะใช้ชื่ออะไร จุดสังเกตที่เห็นได้ชัดก็คือ จะมีโลโกรูปหัวใจสีแดงในตำนานของ Wall’s อยู่ด้วยเสมอ
โดยปัจจุบัน Wall’s เป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจของ Unilever บริษัทผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ของโลก
ซึ่ง Unilever ก็เกิดมาจาก การควบรวมระหว่าง Lever Brothers และ Margarine Unie ที่เป็นสองบริษัทเจ้าของไอศกรีม Wall’s ก่อนหน้านี้ นั่นเอง
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยตลาด Euromonitor ในปี 2020 ระบุว่า ธุรกิจไอศกรีมของ Unilever ครองส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจไอศกรีมเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยมีส่วนแบ่งตลาดยอดขายประมาณ 19%
ในส่วนของประเทศไทยนั้น Wall’s เข้ามาทำตลาดช่วงแรกในปี 1989 หรือปี พ.ศ. 2532 โดยมีการลงทุนสร้างโรงงานผลิตไอศกรีมในไทย
เพราะมองว่า ตลาดไอศกรีมของไทยในตอนนั้นยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เมืองไทยเป็นเมืองที่ค่อนข้างร้อน และอัตราการบริโภคไอศกรีมของคนไทยในตอนนั้น ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหลายประเทศในเอเชีย
Wall’s เริ่มทำการพัฒนาสูตรไอศกรีม ช่องทางการขาย การโฆษณา ให้เหมาะกับพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย
รวมไปถึงการที่ Wall’s พยายามสร้างฐานลูกค้าไอศกรีม ให้หลากหลาย
มีการเจาะกลุ่มลูกค้าวัยเริ่มทำงานหรือกระทั่งกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น
เช่น มีการสร้างซับแบรนด์อย่าง Magnum ที่เจาะกลุ่มคนชอบไอศกรีมระดับพรีเมียม
โดยข้อมูลจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในปี พ.ศ. 2560 ระบุว่า Wall’s เป็นแบรนด์ที่มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% ในตลาดไอศกรีมของประเทศไทยเลยทีเดียว
จากจุดเริ่มต้นของร้านขายเนื้อในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ของคุณ Richard Wall เมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว และความคิดเพียงแค่ต้องการที่จะช่วยเหลือพนักงานในร้านให้มีงานทำในช่วงฤดูร้อน จนนำไปสู่การทำเมนูไอศกรีม จนกลายเป็นแบรนด์ไอศกรีมที่มียอดขายมากที่สุด ในวันนี้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://edition.cnn.com/2020/11/14/business/unilever-ice-cream/index.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Wall%27s_(ice_cream)
-https://finance.yahoo.com/quote/UL/
-https://edition.cnn.com/2020/11/14/business/unilever-ice-cream/index.html
-https://e-journal.dip.go.th/dip/images/ejournal/8d790e74b422cafb81549dced75b6ad1.pdf
ice cream wiki 在 MosoGourmet 妄想グルメ Youtube 的評價
#ASMR #DragonsBeardCandy #EdibleHair #TrickRecipes #Recipe #OddlySatisfying #DIY #音フェチ
Moso Mom has been a big fan of actor Jackie Chan for 40 or so years, so of course we knew about Hong Kong's Dragon's Beard Candy. It's a fine, hand stretched confectionery similar to cotton candy that looks like a dragon's beard.
But this is an imperial court delicacy made by skilled craftsmen, so we didn't think we could make it ourselves.
Recently there are lots of people that make it themselves
https://youtu.be/Y_F7nYcoBec
https://youtu.be/LHR2gzqUp5M
"We could do that!" we said, and took up the challenge! But while that enthusiasm is good, it ended up looking like it was crushed, and we thought "can we really do this...?", but somehow we managed it.
The kitchen was covered in the most powder of the century....
*Recipe*
1. Color 250ml of water with your favorite shade of food coloring. We put in 2 drops of blue liquid food coloring.
2. Add 500g of granulated sugar, 50g of corn syrup, 1/2 a teaspoon of vinegar and the water to a pan, and bring to a medium heat. Do not mix.
3. Measure the temperature while heating. Halfway through, remove any sugar stuck to the saucepan with a brush soaked in water (so as not to create crystallization). Do not mix.
4. Take the pan off the heat when the candy reaches 133°C. Heating time takes around 20-25 minutes.
5. Pour the candy into a mold. Silicone molds are easier to remove afterwards, and do not create holes when you start to stretch the candy, so a doughnut mold is ideal.
6. While the candy cools off, prepare some cornstarch to use when stretching it. You will use quite a lot of cornstarch, so heat it through so as not to upset your stomach.
Add a large amount of cornstarch (We prepared 300 g. Don't worry, they sold it at the 100 yen shop) to the pan, and dry fry for about 10 minutes without letting it burn. At this point the cornstarch's internal temperature was 98°C. Allow to cool.
7. Take the cooled off candy from 5 out of the mold.
8. Stretch out the candy in 7 while continually sprinkling with the cornstarch from 6. The trick to making beautiful Dragon's Beard candy is to stretch it without variations in size. Handle the candy gently at first (it breaks with a snap) and more boldly as it starts to get thinner (it naturally dangles and stretches, maybe because of body temperature). Is this really advisable?
9. Make it into your desired shape. We made it pretty by winding it around a cone with a lace paper doily.
10. Finished. The artisans' techniques really don't come quickly and easily. We learned a lot. When it's fresh it's a soft and stretchy candy, but after a day it becomes more crunchy. It collapses easily, so handle it carefully.
40年来のジャッキー・チェン成龍の大ファンな妄想グルメ母ですから香港の龍の髭っていうお菓子のことはもちろん知ってました。https://ja.wikipedia.org/wiki/龍のひげ飴
龍髭糖、それは龍の髭のように細く手で伸ばして作る綿あめのようなお菓子。
でもこれ、熟練の職人が作る宮廷菓子だから自分で作れるとは思っていなかったのですが
最近自分で作っている人たちがいっぱいいて https://youtu.be/Y_F7nYcoBec
https://youtu.be/LHR2gzqUp5M
「誰がやるの?私でしょ!」と挑戦してみました!
と意気込んだはよいものの「ほんとにやれんの...?」と挫けそうになりましたがなんとかできました。
今世紀最大にキッチンが粉だらけになったとさ。
*レシピ*
1.水 250mlに食用色素で好みの色に着色する。青の液体食用色素を2滴入れました。
2.鍋にグラニュー糖 500g、コーンシロップ 50g、酢 小さじ 1/2、1を入れ、中火にかける。かき混ぜない。
3.温度を計りながら加熱する。途中、鍋についた砂糖は水を含ませたハケで落とす(結晶を作らないようにするため)。かき混ぜない。
4.飴が133度になったら鍋を火から下ろす。加熱時間は20分から25分程度です。
5.飴を型に流し込む。シリコン製が後で取り出しやすく、さらに飴を伸ばし始める時の穴を作らずにすむのでドーナツ型が理想です。
6.飴が冷める間に飴を伸ばすときに使うコーンスターチの準備をします。かなりの量のコーンスターチを使うので、お腹こわさないように火を通しておきます。
鍋に大量のコーンスターチ(妄想グルメは300g準備しました。安心してください。100円ショップに売ってました)を入れ、焦がさないように乾煎りします。10分程度です。この時のコーンスターチの内部の温度は98度でした。冷ましておく。
7.冷めた5を型から取り出す。
8.6に7をじゃんじゃんまぶしながら伸ばしていく。太さにバラツキがないように伸ばしていくのが、きれいなリュウノヒゲを作るコツです。飴の扱い、初めは丁寧に(ブッツリと切れてしまいます)、細くなり始めたら大胆に(体温のせいなのか?自然に垂れ下がり伸びてしまいます)。アドバイスになってるかしら。
9.好みの形にする。コーンにレースペーパーを巻いて可愛くしてみました。
10.でけた。職人さんの技はそうそう簡単にうまくいかない痛感。勉強になりました。できたてはふわっと伸びる飴的な食べ物ですが、翌日からは、しゃりっとしたお菓子にヘンゲ。崩れやすいので取扱い注意です。

ice cream wiki 在 Naokiman Show Youtube 的評價
ツイッターを開設したのでフォローよろしくお願いします!
https://twitter.com/naokimanshow
Little Baby's Ice Cream "This is a Special Time"
Director / Creative Director: Doug Garth Williams / Copy & Voice: Matthias Bossi / Music: Jon Guez.
https://www.youtube.com/watch?v=erh2ngRZxs0
Cyriak- https://www.youtube.com/user/cyriak/videos
My halloween costume- https://www.youtube.com/watch?v=4poDtn73-h4
Something- https://www.youtube.com/watch?v=dZfmPREbTd8
The magic of Christmas- https://www.youtube.com/watch?v=7uDvKuGf8B8
ローガンポール-https://www.youtube.com/channel/UCG8rbF3g2AMX70yOd8vqIZg/videos
引用:
BGM:-https://www.youtube.com/watch?v=wV7OCeeqT4k&feature=youtu.be
https://en.wikipedia.org/wiki/Akira_(1988_film)
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Utopiales_2011_Alejandro_Jodorowsky_19.jpg
https://en.wikipedia.org/wiki/The_Holy_Mountain_(1973_film)
https://en.wikipedia.org/wiki/Logan_Paul
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Logan_Paul_2016.png
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Aokigahara_Forest.jpg
www.modup.net/

ice cream wiki 在 Cooking with Dog Youtube 的評價
[Captions Available! 字幕表示可] Cooking with Dog hosted a live event with fans at Tastemade Studios, Santa Monica on July 1st, 2013. Nearly 30 fans showed up and Chef demonstrated fried asparagus wrapped in pork and frozen pineapple ice cream recipes. A casual Q&A was also held and everybody enjoyed a nice bento dinner. We had a fantastic time! Thank you very much for coming all this way!
2013年7月1日、クッキングウィズドッグはサンタモニカのテイストメイドスタジオでファンとのライブイベントを実施しました。30人近くのファンが駆けつけアスパラの豚バラ巻きとフローズンパイナップルのアイスクリームのレシピを実演しました。カジュアルなQ&Aも行われ立派なお弁当が振る舞われました。私達は素晴らしい時間を過ごすことが出来ました。遠いところから来ていただき本当にありがとうございました。
Homemade Pineapple Ice Cream フローズンパイナップルのアイスクリーム
http://youtu.be/L43CU1f8ClI
About Cooking with Dog
Cooking with Dog is a YouTube cooking show featured by a canine host Francis and a mysterious Japanese Chef whose real name is not disclosed. While Chef cooks a variety of popular dishes in Japan, Francis calmly sits next to her and narrates the recipes step-by-step in English. He sometimes gets sleepy and closes his eyes but don't worry, you will still hear his voice. The show started in September, 2007. Now it has more than 100 episodes and currently publishes a video every weekend. Enjoy Chef's authentic Japanese cooking skills and Francis' exotic Japanese accent.
クッキングウィズドッグについて
クッキング・ウィズ・ドッグは犬のホスト、フランシスと謎の女性シェフが出演するYouTubeチャンネルだよ。シェフは日本で人気の様々な料理を実演して、フランシスはおとなしく隣に座ってレシピを分かりやすく英語で説明するんだ。彼は時々眠くなって目を閉じてしまうこともあるけど心配しないで、ちゃんと解説はするよ。2007年9月に始まったこのチャンネルは今では100以上のレシピがあって、週末に新しい動画を公開しているよ。シェフの本格的な日本料理のテクニックとフランシスの特徴的な日本語訛りの英語を楽しんでね。
About Tastemade - http://www.youtube.com/user/tastemade
Tastemade is the first digital network and studio focused on food and lifestyle content from around the world. In addition to producing and distributing original programming, Tastemade has partnered with over 160 food channels in the Americas, Europe, and Asia to build a global community of food creators and food lovers. Learn more: partners@tastemade.com
They have also created an app that lets you star in your own food show: http://goo.gl/Uo3pMZ
テイストメイドについて
テイストメイドは料理とグルメに特化したYouTubeチャンネルとマルチチャンネルネットワーク(MCN)です。Tastemadeチャンネルで動画コンテンツの制作の他に、世界160ヶ国以上のYouTubeチャンネルと提携し、国内外の料理人や料理愛好家を繋ぐコミュニティを運営しています。詳しくはpartners@tastemade.comまでお問い合わせください(日本語でもOKです!)
簡単操作でプロ並みのグルメ動画が作成できる動画編集アプリ「Tastemade」:http://goo.gl/Uo3pMZ
Cooking with Dog
http://youtube.com/cookingwithdog
http://facebook.com/cookingwithdog
http://twitter.com/cookingwithdog
http://google.com/+cookingwithdog

ice cream wiki 在 冰淇淋- 维基词典,自由的多语言词典 的相關結果
部分仿譯自英語 ice cream。 發音编辑. 更多▽. 官話. (北方話). ... <看更多>
ice cream wiki 在 History of Ice Cream 的相關結果
Ice cream is a frozen dessert usually made from dairy products such as milk and cream, and often combined with fruits or other ingredients and flavors. Most ... ... <看更多>
ice cream wiki 在 冰淇淋- 維基百科,自由的百科全書 的相關結果
冰淇淋、甜筒(英語:ice cream),中國大陸慣稱之為冰激凌,港澳慣稱之為雪糕,冰激凌、冰淇淋、雪糕皆通行,但似乎當地用法有所區別,統稱「冰激凌、冰淇淋、雪糕 ... ... <看更多>