ความเป็นที่สุดของ สหรัฐอเมริกา /โดย ลงทุนแมน
ทุกคนรู้ดีว่า สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและวัฒนธรรมต่างๆ ที่หลายประเทศล้วนได้รับอิทธิพลมาจากสหรัฐอเมริกา
แต่เราเคยสงสัยไหมว่า
รายละเอียดในแต่ละแง่มุม
สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำของโลกในด้านไหนบ้าง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เริ่มกันที่เรื่องเศรษฐกิจก่อน
ในปี 1820 เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนเพียง 1.8% ของเศรษฐกิจโลก
แต่ในปี 2019 สัดส่วนดังกล่าวเพิ่มถึง 25% ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
ตลาดผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกานั้นมีมูลค่ากว่า 464 ล้านล้านบาท เป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นสกุลเงินที่ถูกใช้ในการทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก
ปัจจุบัน สินทรัพย์ในรูปเงินตราต่างประเทศที่อยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางต่างๆ มีมูลค่ารวมกันกว่า 201 ล้านล้านบาท
โดย 62% ของทุนสำรองระหว่างประเทศในโลกนี้อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ในตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศนั้น กว่า 90% จะถูกซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ
ในปี 2019 มูลค่าตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกมีมูลค่ารวมกันเท่ากับ 2,550 ล้านล้านบาท โดยตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนกว่า 53% ของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก..
ขณะที่ Walmart บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกาเป็นบริษัทที่มีรายได้มากที่สุดในโลก โดยมีรายได้กว่า 15.4 ล้านล้านบาท ซึ่งพอๆ กับ GDP ของประเทศไทยทั้งประเทศ
นอกจากนี้ รายชื่อบริษัทชั้นนำของโลก 500 บริษัท ที่จัดอันดับโดยนิตยสาร Fortune นั้น เป็นบริษัทจากสหรัฐอเมริกาถึง 121 บริษัท มากที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทจากประเทศอื่น
บริษัทของสหรัฐอเมริกาหลายบริษัท พอพูดชื่อมาคนจำนวนมากในโลกแทบจะรู้จักทันที เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก เช่น
Apple, Google, Microsoft, Coca-Cola, Amazon, Facebook, Starbucks, McDonald’s
ไม่เพียงแต่ด้านเศรษฐกิจเท่านั้น ด้านการศึกษา สหรัฐอเมริกาก็เป็นผู้นำ จากการจัดอันดับสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งมักตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา
อย่างกรณีของ MIT ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน เป็นมหาวิทยาลัยที่ศิษย์เก่าไปก่อตั้งบริษัทหลายแห่ง จนสร้างรายได้รวมกันกว่า 60 ล้านล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมากกว่า GDP ของประเทศอิตาลีเสียอีก
กรณีอุตสาหรรมภาพยนตร์ เราจะเห็นได้ชัดว่า สหรัฐอเมริกามี Hollywood ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งประวัติศาสตร์การถ่ายทำภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ภาพยนตร์หลายเรื่องได้ส่งผลให้ประเทศอื่นๆ รับอิทธิพลหลายอย่างจากสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี วัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนอเมริกันไปไม่น้อย
แม้แต่ในด้านกีฬา ซึ่งสหรัฐอเมริกานั้นเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกตั้งแต่ปี 1896 ถึง 2018 ที่จัดมาทั้งหมด 50 ครั้งนั้น สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่คว้าเหรียญทองมากที่สุดคือ 1,127 เหรียญ
อีกเรื่องทื่ลืมไม่ได้คือ ความสามารถทางการทหาร สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีงบประมาณในการป้องกันประเทศมากที่สุดในโลกโดยมีมูลค่ากว่า 22 ล้านล้านบาท มากกว่าอันดับที่ 2 อย่างจีนถึง 4 เท่า
สหรัฐอเมริกายังเป็นประเทศแรกที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งปัจจุบัน สหรัฐอเมริกามีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ 6,185 ลูก มากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ขณะที่ยังมีจำนวนเครื่องบินรบจำนวนกว่า 2,362 ลำ ซึ่งแน่นอนว่ามากที่สุดในโลกอีกเช่นกัน
ซึ่งจะเห็นว่า ในหลายเรื่องที่กล่าวถึงนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ที่นี่จะถูกมองว่าเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก ณ ปัจจุบัน
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า รัฐอะแลสกาของสหรัฐอเมริกานั้น อดีตเป็นของรัสเซียมาก่อน
จนในปี 1867 สหรัฐอเมริกาได้ตกลงซื้อขายดินแดนแห่งนี้กับรัสเซียในราคา 223 ล้านบาท
ซึ่งการที่รัสเซียต้องการขายให้เนื่องจากตอนนั้นเศรษฐกิจของรัสเซียกำลังตกต่ำ และรัสเซียเกรงว่าดินแดนนี้อาจถูกอังกฤษยึดถ้าเกิดสงคราม รัสเซียจึงขายอะแลสกาให้กับสหรัฐอเมริกา
ซึ่งในตอนนั้นประชาชนในสหรัฐอเมริกาก็มีจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับการซื้ออะแลสกา ซึ่งผู้คัดค้านบอกว่าเป็นการซื้อที่โง่เขลา
ในปี 2018 รัฐอะแลสกามีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 2,421 ล้านบาร์เรล ซึ่งถ้าให้ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หมายความว่า แค่ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่รัฐอะแลสกามีก็มีมูลค่าสูงถึง 4.5 ล้านล้านบาท..
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.thebalance.com/world-currency-3305931
-https://howmuch.net/arti…/worlds-top-reserve-currencies-2019
-http://news.mit.edu/2015/report-entrepreneurial-impact-1209
-https://www.army-technology.com › features › biggest-military-budgets-world
-https://www.careerindia.com/…/qs-world-university-rankings-…
-https://www.statista.com/…/distribution-of-stock-market-si…/
-https://www.worldatlas.com/…/29-largest-armies-in-the-world…
-https://www.businessinsider.com/most-powerful-militaries-in…
-https://www.eia.gov/dnav/pet/PET_CRD_PRES_DCU_SAK_A.htm
同時也有11部Youtube影片,追蹤數超過4,110的網紅mapleLIFE,也在其Youtube影片中提到,Havent been shopping much lately just odds and ends. Finally running low on stuff so this is a big shopping haul!!!...
「walmart stock」的推薦目錄:
walmart stock 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
บริษัทเทคโนโลยี กำลังเจอศึกรอบด้าน /โดย ลงทุนแมน
หลายปีที่ผ่านมา หลายคนคงได้เห็นการดิสรัปต์ของบริษัทเทคโนโลยีรุ่นใหม่
ที่ได้ส่งผลกระทบรุนแรง จนบริษัทยักษ์ใหญ่ดั้งเดิมบางแห่งปรับตัวไม่ทัน
เช่น Netflix บริการดูหนังสตรีมมิง ที่เข้ามาทดแทนการเช่าแผ่นซีดีจากร้าน Blockbuster
หรือ Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์
ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งเม็ดเงินค่าโฆษณามหาศาล
และสามารถทำรายได้จากค่าโฆษณาระดับ 8 แสนล้านบาทต่อปี
ธุรกิจเหล่านี้ ทำให้หลายบริษัทในอุตสาหกรรมดั้งเดิมอย่างหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์
ได้รับผลกระทบโดยตรง และหลายรายก็ต้องล้มหายตายจากไป
แม้ว่าเมื่อก่อน บริษัทเหล่านี้จะดิสรัปต์ธุรกิจเดิมจนก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ในปัจจุบัน
แต่สถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนกับว่าบริษัทที่กล่าวมาทั้งหมด
มีขนาดใหญ่จนหลายธุรกิจทับซ้อนกันและกำลังแข่งขันกันเอง
แล้วความท้าทายที่บริษัทเทคโนโลยีต้องเจอ มีอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ช่วงแรกสำหรับการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยี
ส่วนใหญ่จะเป็นการเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดภายในอุตสาหกรรมเดิม
ด้วยการหาสินค้าและบริการที่ช่วยแก้ปัญหาให้ผู้บริโภคในส่วนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
และด้วยความที่เป็นบริษัทเทคโนโลยี การขยายธุรกิจจึงทำได้อย่างรวดเร็ว
พอถึงจุดหนึ่ง พบว่าตัวเองได้กลายเป็นบริษัทขนาดยักษ์ในอุตสาหกรรมเสียแล้ว
สะท้อนมาจากบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุด 5 อันดับแรกของโลก
อันดับที่ 1 Apple
อันดับที่ 2 Microsoft
อันดับที่ 3 Saudi Aramco
อันดับที่ 4 Amazon
อันดับที่ 5 Alphabet เจ้าของ Google และ YouTube
จะเห็นได้ว่าจาก 4 ใน 5 บริษัทเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทั้งสิ้น
และหากเราไปดูอัตราการเติบโตของบริษัทเหล่านี้ ก็จะเรียกได้ว่าเติบโตแบบก้าวกระโดด
คำถามต่อมาคือ บริษัทควรจะทำอย่างไรต่อ
ในเมื่อธุรกิจเริ่มใหญ่ขึ้น แต่มีทรัพยากรให้ใช้อีกมากมาย
คำตอบที่ได้ จึงเป็นการข้ามไปแข่งขันในอุตสาหกรรมอื่น
โดยการใช้ Ecosystem ของตัวเองให้เป็นประโยชน์ นั่นจึงกลายเป็นที่มาว่า
ทำไมเหล่าบริษัทเทคโนโลยีหลังจากสำเร็จแล้ว ก็จะเริ่มเข้าไปแข่งขันกันเอง
เช่น Facebook ที่เริ่มต้นจากการเป็นแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์
ซึ่งเมื่อก่อนนั้นมีรายได้จากค่าโฆษณาที่เป็นรูปภาพและตัวอักษรเท่านั้น
แต่บริษัทเองเห็นว่าโฆษณาแบบเดิมใหญ่มากแล้ว
จึงต้องหาช่องทางรายได้เพิ่มเติม
และพบว่าโฆษณาวิดีโอสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกเยอะ
Facebook ขยับมาสู่การสร้าง Ecosystem ให้กับเหล่าผู้ผลิตคอนเทนต์วิดีโอ
โดยมีฐานผู้ใช้งานในมือหลายพันล้านบัญชีอยู่แล้ว
การที่ Facebook เข้ามาทำแบบนี้ ก็ถือเป็นการเข้ามาแย่งส่วนแบ่งและเป็นการแข่งขันกับ YouTube ทันที
และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ Facebook ได้เพิ่มฟังก์ชันใหม่ขึ้นมาคือ Marketplace รวมถึง Dating
แสดงให้เห็นว่าทางบริษัทกำลังขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมอื่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่ว่าทำไมสุดท้ายบริษัทเทคโนโลยีต่างต้องแข่งขันกัน
หรืออย่างบริษัท SEA เองที่เริ่มต้นจากการทำธุรกิจ Garena ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเกม
แต่ต่อมาก็ได้รุกเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ ด้วยแพลตฟอร์ม Shopee
และขณะนี้บริษัทก็เริ่มจริงจังกับธุรกิจการเงินอย่าง AirPay ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น ShopeePay
Alibaba และ Tencent ในประเทศจีนก็ไม่ต่างกัน
แม้ว่าเริ่มแรกทั้งคู่จะทำธุรกิจไม่เหมือนกัน
Alibaba เริ่มจากการเป็นอีคอมเมิร์ซ
Tencent เน้นเกมออนไลน์และแอปพลิเคชัน WeChat
แต่ภายหลัง Alibaba และ Tencent กำลังเข้ามาแข่งธุรกิจในพื้นที่เดียวกันทั้งทางอ้อมและทางตรง
ในปี 2013 Alibaba มีส่วนแบ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ 62%
แต่ปีที่แล้วกลับลดลงเหลือเพียง 51%
เหตุผลสำคัญก็เพราะว่าการเติบโตของ Pinduoduo และ JD.com
อีคอมเมิร์ซที่ได้รับเงินระดมทุนจาก Tencent กำลังเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะ Pinduoduo ที่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
หากย้อนกลับไปในปี 2018 Pinduoduo มียอดขายคิดเป็นราว 4% ของ Alibaba เท่านั้น
แต่ในปีที่ผ่านมา ยอดขายของ Pinduoduo ขยับมาเป็น 10% ของ Alibaba เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ Alipay กับ WeChat Pay ของ Tencent
ก็ยังแข่งขันกันในธุรกิจกระเป๋าเงินดิจิทัลโดยตรง อีกด้วย
ซึ่งนอกจากการแข่งขันกันในเชิงธุรกิจแล้ว
กฎเกณฑ์ข้อบังคับระหว่างบริษัทก็เริ่มมีการควบคุมที่เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน
ในกรณีของ Apple ก็ได้ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะทำการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของตนจากแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง Facebook หรือไม่
จุดนี้จะทำให้ประสิทธิภาพของโฆษณาบน Facebook ลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกความท้าทายที่เห็นได้ชัดก็ยังมีเรื่องของ การกลับมาของบริษัทยักษ์ใหญ่เดิม
หลังจากที่เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ดั้งเดิม
โดนบริษัทเทคโนโลยีน้องใหม่เข้ามาดิสรัปต์เป็นเวลานาน
บางบริษัทที่สามารถปรับตัวและอยู่รอดได้
ก็เหมือนจะกำลังรุกกลับและปรับตัวให้เข้าแข่งขันได้อีกครั้ง
อย่าง Disney เองหลังจากปล่อยให้ Netflix
นำคอนเทนต์ของทางบริษัทไปให้บริการอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง
ปัจจุบัน Disney ก็ได้ลุกขึ้นมาพัฒนาธุรกิจสตรีมมิงเป็นของตัวเอง
จนกลายมาเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่เรียกว่า “Disney+”
ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด จนตอนนี้มีผู้สมัครใช้บริการ 100 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับจุดแข็งของบริษัทเก่าแก่ขนาดใหญ่ ก็คือ ความสามารถในการเข้าถึงเงินทุนและฐานะทางการเงินที่มั่นคง
ในกรณีของ Disney ที่มีหนี้สินระยะยาวต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 0.5 เท่า
ในขณะที่ Netflix มีหนี้ระยะยาวต่อทุนสูงถึง 1.4 เท่า
สะท้อนให้เห็นว่า Disney ยังมีความสามารถในการจัดหาเงินทุนเพื่อขยายกิจการได้อีกมากในอนาคต
นอกจากนี้ Disney ยังมี Ecosystem ที่ครบวงจรอีกด้วย
เช่น สวนสนุก โรงแรม สื่อต่าง ๆ อย่าง ABC ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ช่องฟรีทีวีใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
รวมถึงลิขสิทธิ์ต่าง ๆ อีกมากมาย ทั้ง Marvel, Star Wars และ Pixar
และสิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
จากตรงนี้ ก็ดูเหมือนว่าตอนนี้ Netflix อาจจะเจอกับการตีกลับครั้งใหญ่เข้าให้แล้ว
นอกจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้ว
อุตสาหกรรมค้าปลีกและค้าส่งก็เป็นเช่นเดียวกัน
ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้เหล่าค้าปลีกแบบดั้งเดิม
อย่างบริษัทยักษ์ใหญ่ Walmart สามารถเข้ามาตีตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้น
ถือเป็นเรื่องน่ากังวลที่เหล่าบริษัทเทคโนโลยีต้องรับมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ดั้งเดิม
ที่มีความได้เปรียบทั้งด้านฐานะการเงินของบริษัทและ Ecosystem เดิมของตน
ศึกรอบด้านของบริษัทเทคโนโลยียังไม่ได้หมดเพียงแค่นี้
เพราะ “กฎหมายของแต่ละประเทศ” ก็เป็นอีกประเด็นที่เริ่มถูกพูดถึงกันมากขึ้น
นั่นก็เพราะว่าบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งใหญ่จนเรียกได้ว่าผูกขาด
อุตสาหกรรมนั้นไปโดยปริยาย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลก
ก็เริ่มเข้ามาออกเกณฑ์การควบคุมเพื่อลดปัญหาดังกล่าว
เช่น สหภาพยุโรปกำลังตรวจสอบอำนาจการผูกขาดของเหล่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
ประเทศออสเตรเลียเองก็เพิ่งออกกฎหมายบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีต้องจ่ายเงิน
สำหรับการแชร์เนื้อหาข่าวสารต่าง ๆ
ทางฝั่งประเทศจีน รัฐบาลกำลังเข้ามาควบคุมการผูกขาดของบริษัทเทคขนาดใหญ่เช่นกัน
เช่น Alibaba ที่เพิ่งถูกรัฐบาลสั่งปรับเงินครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน
คิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 8.8 หมื่นล้านบาท
จากการที่ Alibaba บังคับให้เหล่าร้านค้าในแพลตฟอร์มของตน ไม่สามารถไปขายกับแพลตฟอร์มอื่นได้
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ก็ยังมีเรื่องของ Ant Group บริษัท Fintech ในเครือ Alibaba
ที่ถูกรัฐบาลสั่งระงับการ IPO จากการที่รัฐกลัวเสียอำนาจในการควบคุมธุรกิจการเงินในประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่กำลังโดนรัฐบาลไล่ตรวจสอบเรื่องการผูกขาด
ก็ยังมี Tencent, ByteDance, JD.com และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมแล้วถึง 34 บริษัทเลยทีเดียว
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าบริษัทเทคโนโลยีในตอนนี้
นอกจากจะต้องแข่งขันกันเองแล้ว ก็ยังต้องมาเผชิญกับธุรกิจดั้งเดิม
ที่สามารถปรับตัวและกลับเข้ามาร่วมแข่งขัน
รวมถึงกฎเกณฑ์จากทางภาครัฐในแต่ละประเทศ เช่นกัน
ก็ดูเหมือนว่า เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เพียงผลกระทบระยะสั้นเหมือนกับโรคระบาดที่มาแล้วก็ไป
แต่อาจจะกลายมาเป็นศึกรอบทิศทางของบริษัทเทคโนโลยี
ที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไร กว่าศึกนี้จะจบลง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://backlinko.com/disney-users
-https://www.economist.com/business/2021/02/27/the-new-rules-of-competition-in-the-technology-industry
-https://www.jitta.com/stock/nasdaq:pdd/factsheet
-https://www.jitta.com/stock/nyse:baba/factsheet
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-04-10/china-fines-alibaba-group-2-8-billion-in-monopoly-probe
-https://www.jitta.com/stock/nasdaq:nflx/financial
-https://www.jitta.com/stock/nyse:dis/financial
-https://www.economist.com/business/2021/05/20/how-to-thrive-in-the-shadow-of-giants
walmart stock 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
กรณีศึกษา Casper ธุรกิจขายที่นอน ออนไลน์ /โดย ลงทุนแมน
“ไอเดียนี้แย่มาก ไม่มีใครซื้อที่นอนทางอินเทอร์เน็ตกันหรอก”
นี่คือคำพูดของกลุ่มนักลงทุน ที่ปฏิเสธให้เงินเจ้าของบริษัท Casper ไปเริ่มต้นธุรกิจขายที่นอนออนไลน์
ซึ่งอาจเพราะในอดีต คนยังคุ้นเคยกับการไปซื้อที่นอนตามหน้าร้านอยู่...
Continue ReadingCase study Casper. Online / Investing mattress business.
′′ This idea is terrible. No one will buy internet mattresses
This is the quote of a group of investors who refuse to get money for Casper company to start an online mattress business.
Maybe because in the past, people are still familiar with buying beds in front of the store.
But Casper finally can erase those beliefs
And make online mattresses widely popular
How do they use DISRUPT mattress market
Investing man will tell you about it.
╔═══════════╗
Blockdit. Analytical article source.
Deep content penetrating
Podcast feature recently.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Casper is an online retail business from USA
Founded in 2014 or just 6 years ago
The main products that the company has chosen to sell are ′′ bed ′′
Because it's something to use regularly because humans sleep average of 6-8 hours a day.
However, Casper in the early stages couldn't convince investors to care about their business.
Y ' all don't believe consumers buy site mattresses that often.
Because it's quite expensive and the product has been used for years.
This industry is also a large market worth around 1,200,000 million baht.
With a lot of retail players competing fiercely
Making the owner of the company to pay personal money. Try to produce the product first. Until it's in debt of 3 million baht.
Casper's mattresses are designed with good quality materials like Memory Foam, which fits the user's body, so it reduces pressure and makes us sleep better.
The sale price is between 11,000 to 35,000 baht, which is not expensive like various retail stores.
Including the company is open to return within 100 days and warranty for 10 years.
When businesses look into form, there is a group of Venture Capital investors coming to support funding.
Make Casper finally able to launch the platform
Originally, they predicted the first year of income at around 60 million baht.
But the result appears that just the first 2 months, sales have gone through the target.
If you ask me why Casper mattresses are selling well.
The answer would be a marketing strategy that attracts consumers in this era.
Casper's most highlights. Apart from quality and price.
It's packing small boxed mattress products to be shipped to customers.
When the box is removed, put it on the base of the bed, the mattress will gradually blister up as if it lives.
This unique creates a trend of posting video clips, unpacking boxes and placing Casper mattresses on social media platforms.
Especially when famous people post like Kylie Jenner's case talking about their Instagram and YouTube casper mattresses generated over 870,000 likes.
Therefore, companies are primarily focused on advertising on social media
By hiring actresses and influencer to make casper product containers
Later, when the brand is famous, there are more interested in investing.
Target major retail malls, A-Grade Investment. Ashton Kutcher's fund.
Or entertainment industry people like Tobey Maguire, Leonardo DiCaprio, Adam Levine etc.
The company therefore puts future vision to step into a virtual Nike of sleep.
By expanding the business to other sleep related items such as pillow, bed sheet, lamp.
Also invested to build over 200 storefronts
And expanding services to foreign countries such as Canada, Germany, England.
Performance of Casper Sleep Inc. Continuing to grow
Year 2017 Income 7,900 million baht. Loss of 2,300 million baht.
Year 2018 Income 11,200 million baht. Loss of 2,900 million baht.
Year 2019 Income 13,800 million baht. Loss of 2,950 million baht.
Casper used to be evaluated by business value at 34,500 million baht. It is a starter cuddle Unicorn decoration.
And on February 2020, the company got the IPO listed into the New York Stock Exchange.
But the latest stock value has gone down to around 11,300 million baht.
This may be the result of Casper's losses and marketing advertisement costs quite high.
Assemble Casper's success, it has resulted in competitors selling online mattresses for less than 175 companies.
Including big ones like Walmart and Amazon
Online mattress selling has become a new trend in the market which makes the largest US mattress firm retailer named Mattress Firm who has been in business for 33 years. Sales of 107,000 million baht. Bankruptcy announced in 2018
This is an interesting case study
Although the product doesn't seem to fit online sales.
But did you know that when we walk in the mall to buy a mattress, we listen to the sales staff speak differently than we see online reviews. Trying with a real mattress may not affect the decision that we initially thought.
If you can make a point of selling by letting people review the products.
So that there is a trend. Let's talk about it widely.
Maybe we can sell the kind that people don't think they can sell like Casper's bed..
╔═══════════╗
Blockdit. Analytical article source.
Deep content penetrating
Podcast feature recently.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Follow to invest in man at
Website - longtunman.com
Blockdit-blockdit.com/longtunman
Facebook-@[113397052526245:274: lngthun mæn]
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram-instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.cnbc.com/2019/04/05/how-caspers-founders-built-a-billion-dollar-mattress-start-up.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/Casper_Sleep
-https://casper.com/
-https://www.statista.com/chart/20729/revenue-and-net-loss-of-casper/
-https://www.cnbc.com/2019/08/18/there-are-now-175-online-mattress-companiesand-you-cant-tell-them-apart.html
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Mattress_FirmTranslated
walmart stock 在 mapleLIFE Youtube 的評價
Havent been shopping much lately just odds and ends. Finally running low on stuff so this is a big shopping haul!!!
walmart stock 在 mapleLIFE Youtube 的評價
This one is a Walmart haul and a bit of Mall shopping. I hope you guys enjoy.
walmart stock 在 mapleLIFE Youtube 的評價
This is a slightly larger haul than the Walmart haul cause we found stuff at the regular grocery store that we couldn't find at Walmart. Total was $128.37 after $25 off coupon. Lots of nice buy one get one free goodies in this haul. I hope you guys enjoy. Thanks for supporting my Channel.
walmart stock 在 is Walmart's Stock a Good Buy Today - YouTube 的八卦
In this video, we analyze WMT stock to see if Walmart's stock is a good buy today. We examine their two main segments, Walmart US and ... ... <看更多>