懷念的巴黎
何年何月再相逢😍
那麼就聽一首Vincent吧
Starry, starry night
星光閃爍的夜裡
Flaming flowers that brightly blaze
艷紅的花朵燦爛如火
Swirling clouds in violet haze
漩渦般的雲飄浮於紫羅蘭霧色
Reflect in Vincent's eyes of china blue
映現在梵谷湛藍的眼瞳裡
Colors changing hue
色彩千變萬化
Morning fields of amber grain
清晨原野中琥珀色的稻穀
Weathered faces lined in pain
滄桑的臉龐皺褶著痛苦
Are soothed beneath the artist's loving hand
在藝術家深情的筆下得著撫慰
Now I understand what you tried to say to me
而今我才明白你當時想對人訴說的是什麼
How you suffered for your sanity
清醒的你飽嚐了多少辛酸
How you tried to set them free
你如何努力嘗試解脫束縛
They would not listen, they did not know how
他們卻不聞不問,也不知道該做些什麼
Perhaps, they'll listen now
或許,他們現在將學會傾聽你了
沒有什麼事,我只是在深夜裡想念巴黎🤣🤣這是一個我錯過的藝術展。巴黎之光美術館⋯線上看看也一樣👍👍

https://www.youtube.com/watch?v=BbgrHnbgoDU&feature=youtu.be
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過14萬的網紅賢賢的奇異世界,也在其Youtube影片中提到,但是這個東西沒有讓他覺得自滿,但是由於他懂得 怎樣去跟這些名畫的交易商談價錢還有抬高價錢, 因此大部分的名畫都可以買到很好的價錢, 那大家都知道,我們想起畢加索,就會想起那些抽象畫, 而這些抽象畫才是他真正賺大錢的名畫。 在那個時候,從來沒有人做過這些超現實主義的畫,就是這種抽像畫 可以說是在創作裡...
the eyes of van gogh 在 Roundfinger Facebook 八卦
ยาวครับ แต่ดีนะ
อ่านไม่ไหวก็แชร์ไปเก็บไว้ก่อนก็ได้ครับ :)
7 กฎเพื่อชีวิตที่งอกงาม
---
หนังสือเล่มเล็กของดีพัค โชปราที่มีชื่อว่า "The Seven Spiritual Laws of Success" นับเป็นบทสรุปที่เข้มข้นและเรียบง่ายในการดำเนินชีวิตสู่ "ความสำเร็จ"
เริ่มจากนิยามของ "ความสำเร็จ" โชปราให้คำจำกัดความว่า (1) มันคือสภาวะของการมีความสุขที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ (2) การตระหนักรู้ได้ถึงความเจริญก้าวหน้าของเป้าหมายอันมีค่าของตนเองอยู่ในทุกๆ ขณะ (3) คือความสามารถในการเติมเต็มความปรารถนาของคุณได้อย่างง่ายดาย (4) ความสามารถในการสรรค์สร้างความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ (5) มีสุขภาพดี (6) เต็มไปพลังและความกระตือรือร้นในชีวิต (7) มีความสัมพันธ์ที่ดี (8) มีอิสระในการสรรค์สร้างสิ่งต่างๆ (9) มีความมั่นคงทางอารมณ์ (10) รู้สึกดีกับชีวิตและสงบสุขภายในใจ
คราวนี้ เราจะ "สำเร็จ" ตามนิยามนี้ได้อย่างไร
========================================
:: 1) กฎแห่งความเป็นหนึ่งเดียว ::
หันกลับเข้าหา "ภายใน" ไม่มุ่งยึดวัตถุ "ภายนอก"
การยึดถือวัตถุ ต้องการการยอมรับจากคนอื่น คาดหวังการตอบรับจากคนอื่น ต้องการควบคุมสิ่งต่างๆ สิ่งเหล่านี้มีพื้นฐานมาจากความกลัว
เราแสดงบทบาทหรือสวมหน้ากากเพื่อต้องการการยอมรับ แต่ถ้าเรามีความมั่นคงภายในย่อมไม่หวั่นไหวต่อคำวิจารณ์ ไม่กลัวต่อการท้าทายใดๆ ไม่รู้สึกว่าขึ้นอยู่กับความคาดหวังของใคร
วิธีฝึก: แบ่งเวลาเพื่ออยู่เฉยๆ อยู่กับความเงียบ เพื่อจะได้ยินเสียงของตัวเอง ความปรารถนาที่แท้จริงของตัวเองที่ไม่ขึ้นอยู่กับสายตาและคำตัดสินของผู้อื่น
ความเงียบทำให้หายสับสน หายเร่าร้อน สงบ เข้าใจตัวเอง อาจเริ่มจากการให้เวลาตัวเอง "อยู่เฉยๆ" วันละครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้น
ฝึกไม่ตัดสินสิ่งใด--ทุกการตัดสินและวิเคราะห์วิจารณ์คือการก่อกวนความสงบในจิตใจ ลองหา "พื้นที่ว่าง" ให้กับการประเมินค่าต่างๆ จะพบกับความสงบนิ่งในใจมากขึ้น ฟุ้งซ่านน้อยลง
ฝึกมีช่วงเวลาอยู่กับธรรมชาติ--นั่งเงียบๆ มองต้นไม้ สูดกลิ่นดอกไม้ จ้องมองคลื่นน้ำ จะได้รับความสุขของชั่วขณะนั้น เชื่อมโยงธรรมชาติเข้ากับโลกภายในของเรา
ทั้งสามกิจกรรมนี้เพื่อละวางจาก "มายา" ที่สายตาคนภายนอกสร้างขึ้น แล้วกลับไปสู่ "ความจริง" อันเงียบสงบภายในใจ ซึ่งเชื่อมโยงกับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกัน
======================================
:: 2) กฎแห่งการให้ ::
ให้และรับเพื่อให้วงจรของธรรมชาติไหลต่อเนื่อง
กฎของธรรมชาติคือการไหลเวียน หากใครกักสิ่งใดไว้กับตัวแต่เพียงผู้เดียว ผู้นั้นย่อมมีสภาพเหมือนตายแล้ว ชีวิตคือการให้และรับต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ ยิ่งมอบความสุขยิ่งได้รับความสุขกลับคืนมา
วิธีฝึก: ตกลงกับตัวเองว่า เมื่อจะไปพบกับใครก็ตาม คุณจะมอบบางอย่างให้กับเขา สิ่งนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นข้าวของราคาแพง แต่อาจเป็นดอกไม้สักดอก คำอวยพร คำชื่นชม กำลังใจ หรืออ้อมกอดก็ได้
อ้าแขนออกรับของขวัญจากชีวิต ทั้งจากธรรมชาติและผู้คนรอบตัว แสงแดด เสียงนกร้อง ใบไม้ผลิใหม่ คำชื่นชม รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ กำลังใจ และรู้สึกขอบคุณที่ได้รับสิ่งเหล่านี้
======================================
:: 3) กฎแห่งกรรม ::
สิ่งที่ทำจะก่อพลังงานที่ย้อนกลับมาหาเรา
ลองถามตัวเองก่อนทำอะไรก็ตามด้วยคำถามง่ายๆ สองคำถาม หนึ่ง-"อะไรคือผลที่จะตามมาของการเลือกกระทำสิ่งนี้" สอง-"ทางเลือกที่ฉันจะตัดสินใจนี้จะนำความสุขมาให้ตัวฉันเองและคนรอบข้างหรือไม่"
ตัดสินใจอย่างมีสติ พุ่งความสนใจไปที่ร่างกายตัวเอง หากร่างกายบ่งบอกถึงความอุ่นใจก็แปลว่าเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่สบายกายไม่สบายใจก็ไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
หากทำกรรมซึ่งนำมาซึ่งผลร้ายไปแล้ว สิ่งที่เราทำได้คือเปลี่ยนผลของกรรมให้เป็นประสบการณ์ที่น่าพึงปรารถนามากขึ้น โดยถามตัวเองว่า "ฉันสามารถเรียนรู้อะไรจากประสบการณ์ครั้งนี้ได้บ้าง ทำไมจึงเกิดสิ่งนี้ขึ้น อะไรคือสิ่งที่ชีวิตกำลังสอนเราอยู่ และฉันสามารถทำให้ประสบการณ์นี้มีประโยชน์ต่อคนอื่นได้ยังไงบ้าง"
"กรรม" เกิดขึ้นและดำเนินไปเพื่อให้เราเติบโต รวมถึงทำให้คนที่อยู่รอบข้างเราเติบโตทางจิตวิญญาณขึ้นด้วยเช่นกัน เช่นนี้แล้ว ผลของกรรม-หากมองเห็นประโยชน์-ย่อมนำมาซึ่งความสุขและความสำเร็จ
=======================================
:: 4) กฎแห่งการพยายามให้น้อยที่สุด ::
กลมกลืน ไม่ฝืนธรรมชาติ แค่เป็นไป
ต้นหญ้าไม่ได้พยายามเติบโต มันเพียงงอกงาม ดอกไม้ไม่พยายามจะบาน มันเพียงเป็นไป
พลังส่วนใหญ่ของเราถูกใช้ไปกับการให้ความสำคัญกับตัวเอง ปกป้องตัวเอง บังคับควบคุมให้ทุกสิ่งไปในแนวทางของฉัน
สามสิ่งที่ทำได้คือ หนึ่ง-ยอมรับ ฝึกได้ด้วยการบอกตัวเองว่า "วันนี้ฉันจะยอมรับผู้คน สถานการณ์ สิ่งแวดล้อม และเหตุการณ์ต่างๆ อย่างที่มันปรากฏขึ้น ฉันตระหนักรู้ว่าช่วงเวลาขณะนี้มันเป็นอย่างที่มันต้องเป็น หากมีสิ่งไม่ถูกใจก็เพราะมันเป็นผลจากการเลือกของฉันในอดีต"
การยอมรับไม่ได้หมายความว่าจะไม่แก้ไข แต่การยอมรับคือการไม่เสียพลังไปกับการบ่น ฝืน พยายามโบยตีตัวเอง หากคือการทำความเข้าใจ ขณะเดียวกันก็ปรารถนาที่จะให้สิ่งที่เป็นอยู่ดีขึ้นได้ และลงมือทำให้ดีขึ้นได้
สอง-รับผิดชอบ ไม่กล่าวโทษสิ่งอื่น คนอื่น รวมถึงตัวเอง แต่ยื่นมือเข้าไปรับผิดชอบ มีปฏิกิริยาที่สร้างสรรค์ในเหตุการณ์นั้นๆ หาหนทางสร้างสิ่งใหม่ เป็น "ผู้กระทำ" มิใช่ "ผู้ถูกกระทำ"
สาม-พยายามให้น้อยที่สุด คือไม่ปกป้องความคิดใดๆ ของตนเอง คนส่วนใหญ่ใช้เวลาถึง 99 เปอร์เซ็นต์ไปกับการปกป้องตนเอง ถ้าเราละทิ้งเสียได้ ก็จะได้พลังมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่มากขึ้นมหาศาล การปกป้องย่อมพบแรงต้าน แต่การเปิดกว้างยอมรับทุกคำพูดและความคิดเห็นย่อมทำให้พบโอกาสและไอเดียใหม่ๆ แค่ยึดตัวตนให้น้อยลง ไม่ฝืน ทำให้ดีที่สุดในสถานการณ์นั้น วันหนึ่งดอกไม้ก็จะงอกงามไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องเร่งเร้าหรือพยายามปกป้องตัวเองขนาดนั้น
========================================
:: 5) กฎแห่งความมุ่งมั่นและความปรารถนา ::
สองสิ่งนี้คือพลังที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
อะไรก็ตามที่เราให้ความสนใจ มันจะเติบโตแข็งแรงขึ้นในชีวิตของคุณ อะไรที่คุณไม่ให้ความสนใจ มันจะอ่อนกำลัง สลายตัว และหายไปจากชีวิต
ความมุ่งมั่นที่เกิดจากความสนใจด้วยตัวเองมีพลังมหาศาล มันจะจัดการสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจนได้ ไม่ว่ายากหรือซับซ้อนแค่ไหนก็ตาม
"ความปรารถนา" นั้นอ่อนแอ เพราะมันมองไปที่ผล แต่ "ความมุ่งมั่น" ไม่สนใจผลลัพธ์ ขอแค่ได้ทำอย่างเต็มที่ ไม่สนอนาคตมากเท่าปัจจุบัน เมื่อไม่ยึดติด ไม่กังวล ไม่หิวกระหาย ก็จะสงบเย็น มั่นคง และมุ่งหน้าสู่เป้าหมายได้แบบไม่พะรุงพะรัง
ทำในส่วนที่ทำได้ให้ดีที่สุด ที่เหลือก็ไม่ยึดติด ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างจัดสรรไปตามแต่ที่มันจะเป็น
=======================================
:: 6) กฎแห่งการปล่อยวาง ::
ปราศจากการปล่อยวาง เราจะเป็นนักโทษ
หากไม่ปล่อยวางเลย เราจะติดอยู่กับถ้อยคำของผู้คำ วิตกกังวลกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เคร่งเครียด
การไขว่คว้าหาความมั่นคงแน่นอนเป็นภาวะยึดติดกับสิ่งที่ "รู้อยู่แล้ว" หากวางนิสัยนี้ได้ เราจะเปิดตัวเองออกสู่สิ่งที่ "ยังไม่เคยรู้" ซึ่งกว้างขวางและเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ใหม่ๆ
วิธีฝึก: ไม่ฝืน เฝ้ามองความไม่แน่นอนนั้น ดูว่ามันจะคลี่คลายไปสู่อะไร เมื่อไม่คาดหวังว่ามันจะ "ต้องเป็น" แบบใด ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบใดก็ล้วนแล้วแต่ยอมรับได้ทั้งสิ้น
ฝึกใจเช่นนี้บ่อยๆ เราจะเป็นผู้ที่สงบนิ่งในทุกสถานการณ์ ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น และก้าวเดินสู่ความอัศจรรย์ของชีวิตที่เปิดกว้างและไม่มีทางรู้ล่วงหน้า
========================================
:: 7) กฎแห่งเป้าหมายในชีวิต
หาสิ่งที่เราทำได้ดี ทำให้สิ่งนั้นเต็มที่
มีบางอย่างที่คุณทำได้ดีกว่าคนอื่น ค้นหา ใช้เวลา และเชื่อมั่นในสิ่งนั้น ทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ถามตัวเองว่าจะใช้ศักยภาพนี้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ได้อย่างไร สิ่งนี้จะนำมาซึ่งความมั่งคั่งทั้งในแง่จิตวิญญาณและรายได้
ใช้ความสามารถของเราเพื่อประโยชน์ของคนอื่น เราก็มีความสุข เขาก็มีความสุข สู่ภาวะของการผลัดกันให้และรับ
ทำเต็มที่อย่างมุ่งมั่น ทำด้วยใจที่ปล่อยวาง พยายามให้น้อย ไม่ฝืน เลือกทำแต่กรรมที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่น มีจิตใจที่อยากให้อยู่เสมอ ไม่เผลอไปยึดติดกับสิ่งภายนอก แต่หมั่นสื่อสารกับตัวเอง เข้าใจตัวเอง ให้เวลาเงียบสงบกับตัวเอง
เหล่านี้คือหลักปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ ที่จะนำพาเราไปสู่ชีวิตที่งอกงามและงดงามทั้งต่อตัวเองและคนอื่นได้
=======================================
ขอบคุณพี่องุ่น-นันท์ วิทยดำรง ผู้แปลหนังสือเล่มนี้ที่มอบหนังสือที่มีคุณค่าให้อ่านและนำมาปรับใช้ในชีวิตครับ (สนพ.nant book)
ภาพดอกไม้ฝีมือ Vincent van Gogh
***กด like กดติดตาม หรือ กด see first เพจนี้กันไว้ได้นะครับ จะนำสาระความรู้ดีๆ มาฝากอย่างสม่ำเสมอครับ***
7 rules for life that flourish
---
A small book of cuddle Kchopra titled "The Seven Spiritual Laws of Success It is an intense and simple conclusion to live to" success
Start with the definition of "success" to define (1) it is the condition of happiness that increases and (2) realization of the thrive of your own precious goals. In every moment (3) is the ability to fulfill your desires with ease (4) the ability to create wealth, (5) healthy (6) full power. And enthusiasm in life (7) have good relationships (8) have freedom to create things (9) emotional stability (10) feel good about life and peaceful. In my heart.
How can we "succeed" this definition?
========================================
:: 1) The law of oneness ::
Turn around to " inside " not focus on " outside " objects.
Holding on to objects requires acceptance from others. Expect response from others, want to control things. These are based on fear.
We act a role or wear masks to want acceptance. But if we have internal stability, we will not be shaken by criticism, not afraid of any challenge. Don't feel like it depends on anyone's
How to practice: to stay still in silence, to hear your own voice, true desires that does not depend on the eyes and judgments of others.
Silence makes me feel confused. I understand yourself. It may start by giving yourself a half an hour of time " a day. Slowly increasing time.
Practice not judging -- Every judgement and criticism is harassing peace in the mind. Try to find "space" to find more and more calm in mind.
Practice having a moment with nature -- Sit quietly, look at the trees, smell the flowers, stare at the waves, the happiness of the moment. It will be connected
These three activities are to drop from " Maya " that the eyes of the outside created and return to the " truth " within the heart which is connected to nature.
======================================
:: 2) The law of giving ::
Give and receive so that the cycle of nature flow continuously.
The law of nature is to flow. If anyone keeps anything with himself, he is dead. Life is to give and receive continuously. The more you give, the more you give, the more happiness, the more you receive.
How to practice: agree with yourself that when you meet with someone, you will give him something. It doesn't have to be expensive, but it may be a flower, blessing, appreciation, encouragement or a hug.
Open arms, receive gifts from life, both nature and people around the sunlight, birds, new leaves, appreciation, laughter, encouragement, and grateful to receive these.
======================================
:: 3) The law of karma ::
What I do will come back to us.
Ask yourself before doing anything with two simple questions -" What are the consequences of choosing to do this " two -" will I decide to bring happiness to myself and those around you -"
Make a conscious decision. Interesting to your body. If the body indicates reassuring, it means it's the right choice. But if you are not comfortable, it shouldn't be a good
If you do karma, all we can do is change the result of karma into a more desirable experience by asking yourself, " what can I learn from this experience? Why is this? What is life? Teaching us and how can I make this experience useful to others "
"Karma" happens and goes on for us to grow, including people around us to grow spiritually as well. Then the result of karma - if you see the benefits - will bring happiness and success.
=======================================
:: 4) The law of trying to the least ::
Blend in, not against nature. Just going.
Grass doesn't try to grow. It just flourish. Flowers don't try to bloom. It's
Most of our power is used to focus on self-defending ourselves, forcing everything to go in my way.
Three things that I can do is one - accept practice by telling myself, " Today I will accept people, situations, and events as it appears. I realize that the moment is what it has to be if there is unliked because It's a result of my picks in the past "
Accepting doesn't mean not fix it, but accepting is not to lose power to complain. Try to hit yourself. If it is to understand, you wish to make things to be better and do better.
Two - take responsibility, don't blame others, including yourself, but take responsibility. There is a creative reaction in that event. Find a way to create new thing as " the " doer " not "
Three - try the least is not to protect their own thoughts. Most people spend up to 99 percent to protect themselves. If we can abandon, we will get more power to create more new things. Protection will find resistance. Accept every word and comment will make you find new ideas. Just hold of yourself less. Do your best in that situation. One day the flowers will flourish naturally. No need to rush or try to protect yourself like that much.
========================================
:: 5) Law of Determination and Desire ::
These two are the power to lead to success.
Whatever our attention will grow stronger in your life. Anything you don't pay attention to will be weak and disappears from life.
Determination caused by self-interest is powerful. It will manage things. No matter how difficult or complicated it is.
" Desire " is weak because it looks at the result, but " determination " doesn't care about the result. Just do your best as much as the future as the present. When you don't worry, don't worry, you will be calm, you will be calm and head towards I'm confused.
Do what you can do your best. The rest is not attached. Let everything be allocated as it will be.
=======================================
:: 6) The law of letting go ::
Without letting go, we will be prisoners.
If you don't let go, we will be stuck with the words of those who are worried about small details.
Finding stability is definitely attached to what " already know " if you can put this habit, we will open ourselves to " unknown " which is full of new possibilities.
How to practice: Don't keep an eye on uncertainty. See what it unfold. When you don't expect it "must be" any kind of results come out. It's up to accept it.
Practice like this often. We will be calm in every situation. Accept what happens and walk into the wonders of an open life and never know in advance.
========================================
:: 7) The law of goals in life.
Find out what we do well. Do it to the fullest.
There is something you can do better than others. Take time and believe in it. Keep doing better. Ask yourself how to use this potential to benefit human friends. This will bring wealth both spiritual and income.
Use our talents for the benefit of others. We are happy. They are happy to the condition of taking turns and receiving.
Do your best. Do it with your heart that you let go. Try less, don't choose to do karma that benefits yourself and others. Always have a heart that you want to stay. Don't accidentally stick to the outside, but communicate with yourself. Understand yourself. Give time to be quiet. With myself
These are little practices that will lead us to a beautiful and beautiful life for ourselves and others.
=======================================
Thank you brother Grape - Nonthawittai, the translator of this book for giving me a valuable book to read and apply it in life. (Sor. nant book)
Vincent van Gogh flower photo
*** Press like, press follow or see first this page. I will bring you good knowledge regularly. ***Translated
the eyes of van gogh 在 ABOVE THE MARS Facebook 八卦
Arles, France ' In his place '
https://www.youtube.com/watch?v=vp5qJlr4go0
— Starry, starry night
Paint your palette blue and grey
Look out on a summer's day
With eyes that know the darkness in my soul
มีบางความงดงามที่แอบซ่อนความเจ็บปวดอันขมขื่นมากมายเอาไว้
ความเดียวดายที่คอยกัดกินหัวใจของคนเรา
จนทำให้บางครั้งโลกนี้ก็ดูโหดร้ายเกินไป
ถ้าความสุขเปรียบได้กับแสงสว่างนั้น
มันคงหริบหรี่เหมือนแสงของดวงดาวตอนใกล้รุ่งเช้า
แต่ใครเลยจะคิดว่านั้นคือช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด
ของโลกใบนี้เหมือนกัน
หากการเลือกรถไฟสักขบวน เพื่อพาเราไปยังจุดหมาย
การลาจากโลกนี้ไปก็อาจเป็นหนทางเพื่อไปสู่ดวงดาวเช่นกัน
สำหรับจิตกรอย่าง Vincent ผู้แปลงความโศกและเศร้าเป็นความงดงามผ่านฝีแปรง สำหรับวินเซนต์ความตายอาจไม่ใช่เรื่องยากหรือน่ากลัวนักเท่าไหร่
เมื่อเทียบกับการมีชีวิตอยู่ในฐานะศิลปินที่ไม่ประสบความสำเร็จ
ในสิ่งที่ตัวเองรักมากที่สุด น่าเศร้าที่ผลงานของ Vincent ไม่ได้เจิดจรัสในยุคนั้น
แต่นั้นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เรายิ่งรักศิลปินคนนี้มากเข้าไปอีก
การจากไปของ Vincent น่าเศร้า
แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าภายใต้ความปวดร้าวของจิตใจนั้น
ได้ซ่อนความงดงามเอาไว้เช่นกัน
หากถามเราแล้ว Vincent ไม่ใช่เพียงศิลปินที่ดีและเก่งเท่านั้นหากแต่คือ
จิตวิญญาณอันงดงามของศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่เราเคยรู้จักมา
Shadows on the hills
Sketch the trees and the daffodils
Catch the breeze and the winter chills
In colors on the snowy linen land
Starry, starry night
Flaming flowers that brightly blaze
Swirling clouds in violet haze
Reflect in Vincent's eyes of china blue
Colors changing hue
Morning fields of amber grain
Weathered faces lined in pain
Are soothed beneath the artist's loving hand
เมื่อเราได้มาถึงที่ Arles, France
ในที่สุดเราก็ได้พบกับ ‘Bright Light’
ได้เห็นทุ่งหญ้าสีเหลืองและต้นสนยอดแหลมทรงแปลกเหมือนในภาพ
Wheat Field with Cypresses ทุ่งต้นมะกอกเหมือนในภาพ Olive Trees
ในทุกมุมถนนมีเรื่องราวมากมาย
ที่เหมือนยังคงหยุดนิ่งไม่ได้ไหลไปตามกาลเวลา
ตรอกถนนเส้นเล็กที่ไม่ได้มีการขยายให้ใหญ่ขึ้น
เสมือนรองรับได้เพียงแต่รถม้าและคนเดิน,
เคยเป็นมาอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
Alres เก็บรักษาอดีตไว้อย่างดีจนถึงตอนนี้
เราเดินทางผ่านภาพเขียนของ Van Gogh ไปยังสถานที่ต่างๆมันทำให้เราเห็น
อะไรที่เขาเคยเห็น ทำให้เราสัมผัสว่าอะไรที่เขาอยากที่จะบอกผ่านภาพเขียน
โทนสีที่แวนโกะห์ใช้เพื่ออธิบายความหมายในภาพ สีท้องฟ้าที่สดใส
ทุ่งนาที่เหลืองสด แสงที่ส่องลงมา สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศทั้งหมด
ทำให้เรานึกถึง Van Gogh, ทุกที่
สวนดอกไม้ โรงพยาบาล สวนสาธารณะ
หรือแม้กระทั่งสะพานเชื่อมที่ปัจจุบันถูกทิ้งร้าง
ทุกอย่างเหมือนดังในภาพวาดของเค้าทั้งหมดจนทำให้บางจังหวะเราน้ำตาคลอ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ Van Gogh เคยพบเจอ กับหมู่บ้านแห่งนี้
ที่ในตอนนั้นไม่มีแม้แต่คนที่จะต้อนรับ
แต่ปัจจุบัน เราสัมผัสได้ถึง Van Gogh ที่อยู่ในทุกอนูของพื้นที่
เราท่องเที่ยวเข้าไปในความทรงจำ ระหว่างการเดินทางของเวลา
Van Gogh เปิดตาให้กับเรา และยังเปิดหัวใจ ให้เราเห็นในสิ่งที่เค้าเห็น
ความสวยงามที่ไม่ตรงตามกาลเวลา อย่างที่มีคนเคยพูดไว้ว่า Van Gogh
สร้างผลงานที่สวยงามแต่อาจจะแค่เกิดผิดยุคสมัย
และการได้มาที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็ยิ่งทำให้เราเข้าใจ ว่าทำไม Van Gogh
ถึงเลือกสถานที่แห่งนี้ ครั้งหนึ่ง Van Gogh เคยพูดกับเพื่อนศิลปิน
อย่าง Paul Gauguin ว่าอยากเห็น ’Bright light’
Gauguin จึงแนะนำให้ Van Gogh ลงไปทางใต้ และที่ ’Alres’ นี่เอง
ที่ Van Gogh เลือก เมืองชนบทอันแสนสงบ และห่างไกลในฤดูร้อน
หรือวันที่อากาศเป็นใจที่นี่ถูกฉาบไปด้วยมวลของสีเหลืองนวล
อบอุ่นของพระอาทิตย์ แม้จะมีชีวิตที่ขุ่นมัวไม่น้อยแต่แน่นอนว่าสีโปรดของ Vincent
ก็คือสีเหลืองเฉดสีที่หมายถึงความสุขและสดใส
ความสว่างที่หาจากเมืองอื่นในฝรั่งเศสไม่ได้
สีเขียวของต้นมะกอก หรือแม้แต่องศาของแสงแดด
ก็ทำให้เราเข้าใจว่ามันสวยราวภาพเขียนจริงๆ
และทำไม Van Gogh ถึงมีเลือกสถานที่อันธรรมดาแห่งนี้
นั่นเพราะมันมีชีวิตชีวา เรายังคงเห็นสายลมที่พัดใบไม้ให้พริ้วไหว
ต้นข้าวสีทองที่ลู่ไปตามแรงลม ท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน
ทุกอย่างถ่ายทอดออกมาด้วยฝีแปรงของศิลปินที่ชื่อว่า Vincent Van Goh
ผู้จรรโลงโลกให้สวยงามและสว่างไสว แม้ในยามที่ค่ำคืนจะมืดมนแค่ไหนก็ตาม
For they could not love you
But still, your love was true
And when no hope was left in sight
On that starry, starry night
You took your life, as lovers often do
But I could have told you, Vincent
This world was never meant for one
As beautiful as you
Now I understand
What you tried to say to me
And how you suffered for your sanity
And how you tried to set them free
They would not listen, they did not know how
Perhaps they'll listen now
For all the sign of stars that always shine for you
Loving
Mars.
#ABOVETHEMARS
the eyes of van gogh 在 賢賢的奇異世界 Youtube 的評價
但是這個東西沒有讓他覺得自滿,但是由於他懂得
怎樣去跟這些名畫的交易商談價錢還有抬高價錢,
因此大部分的名畫都可以買到很好的價錢,
那大家都知道,我們想起畢加索,就會想起那些抽象畫,
而這些抽象畫才是他真正賺大錢的名畫。
在那個時候,從來沒有人做過這些超現實主義的畫,就是這種抽像畫
可以說是在創作裡面的一片藍海,但是要讓歐洲的畫商
還有收藏品的收藏家,接受那麽前衛的作品,
需要非常好的營銷還有編排,而他非常善於社交還有非常有商業頭腦,
成功的把這些非常前衛的抽象畫賣到了歐洲的貴族的手中,
大家看看這一幅畫,這幅叫【讀書】,畫的就是他的情人Walter,
在2011年倫敦拍賣裏面,成功以2520萬英鎊拍賣給一名俄羅斯的商人。
而且他是打電話來訂的。
畢加索一生裏面創作最少有37000副畫,在他死後留下來兩億美金的財產,
以通膨來計算,到現在為止大概價值100-200億美金,
當中還有幾萬副畫,還有一些別墅和雕像留給了他的後代。
那麼問題來了
為何梵高和畢加索,兩個都是畫畫的天才,
但是兩者的遭遇為什麼會不一樣呢?那梵高究竟做少的什麼東西呢?
1. 不善於社交還有公關,他鄙視那些販賣藝術品的商人,
覺得他們是在侮辱了藝術,就好像劉青雲講的一樣:
‘做人公關不好,食屎啦,沒公關,屎都沒得食’
2. 包裝和銷售
產品每一個都需要經過包裝,還有有一個銷售的技巧方能賣出
這些東西都是梵高沒有做到的
3. 情緒管理
就是因為他的之前愛情的問題。。。
啊~不是愛情啦~單戀的那些問題,所有他在情緒上沒有管理好
4.這個是最重要,他就是低估了自己藝術品的價值。
那麼我們把這些東西放在自己的身上,我們有時會覺得自己的價值不高,
覺得自己不值那個價錢,我應該只適合這些工作,或者是領這一些薪水。
那我來跟大家講一個例子,一罐在超市裡面的可樂,
和一罐在馬爾代夫度假村裡面的可樂是不是一樣的呢?
可樂的本質其實沒有改變過,在馬爾代夫的可樂其實還是可樂,
並不會特別的好喝,
但是在超市的一罐賣Rm2,馬爾代夫的一罐買USD8,(不知道,應該更貴吧)
整整相差了RM30,那麼究竟是哪裡的分別呢?
重點在於如何讓顧客覺得值得,而不是你自己覺得值得
只要讓顧客覺得值得,那麼他用多少錢來買都可以
就好像梵高的畫一樣,他一生裡面只買過一副畫,
而且還是他親戚幫他買的,賣了400,
但是他死後他的畫在拍賣會上,最高的那一個
是7。。。8250多萬美金,不懂有幾千幾萬倍?
那我們來想啦~為什麼買畫的人覺得7150萬美金值得呢?
那除了它是獨一無二之外,畫背後的淒慘故事,
這幅畫帶給他的感覺等等
也有可能是因為這幅畫的投資價值,還有背後的那些故事
那所有他才買了這幅畫。
所以銷售就是要讓顧客覺得你的價錢值得,而不是你自己覺得值得。
讓顧客覺得值得,除了就是一些基本的條件
例如是品質啊~或者是公司的名氣等等,更重要的就是情緒,
80%的購買都是感性(情緒)而做出決定的,尤其是在這麼貴的東西身上,
理性的原因根本不可能成為他購買的關鍵。
那麼情緒購買,大概可以分為5種:
1. 視覺效果
那視覺效果,除了就是產品的包裝,產品的一些廣告之外
那個銷售人員(的外表)也是很重要的,
那如果彭于晏和八兩金一起賣同一個產品給你,
那你自己覺得是選誰呢?那答案就是很明顯的
不然賣跑車的商家幹嘛聘請一大堆的模特兒來賣跑車呢?
2. Pride ,就是身份和地位的象徵
如果你能讓顧客,在買了你的產品過後,
他的身份和地位會比以前不一樣,或者變得與眾不同
儘管那不一定會成為事實
但是那種感覺會讓他們,得到嚮往的生活。
就好像賣屋子的人一樣,他為什麼要花那麼多錢,
去做好那個示範屋呢?
原因就是讓顧客覺得他們以後的家園就會是這樣的,
那就從此過著幸福快樂的生活,那當然啦~不一定會達成
但你有讓他有那種感覺是最重要的
還有一些就是Limited edition, 就是獨一無二的那些東西
也是非常好賣的
3. 貪婪
讓顧客覺得賺到的一個假象,也是利用他貪婪的其中一種
例如好像那種promotion啊!買一送一啊~
那種其實是用這種因素的
4. 喜歡和偏愛,這個不需要解釋,喜歡就是喜歡
如果他是喜歡你的產品,喜歡你的人,或者是喜歡那個品牌
對於那個品牌有一定的偏愛
那麼根本不需考慮到其他理性的因素。
5. 恐懼
恐懼也是其中一個購買的因素,例如好像有限期的Promotion,
或者是你錯過了這個就會賣更貴啊~類似好像那種Promotion
好像保險的銷售其實也是利用恐懼這一個點,來做銷售的
那麼大家的人生想做梵高還是畢加索呢?由你自己來決定!
最後送上畢加索的一句話,這句話其實是蠻有意思的
我們都知道藝術並不是真相,它只是尋找真相的一個謊言,
所以藝術家需要會講解還有說服,讓大家明白你的謊言
那好啦!今天的影片就到這裡啦,
最近我的工作其實是很忙
那今天我就來嘗試一下激勵和自我成長的一個主題,
那當然啦~奇異世界的影片還是照樣會做的
那如果大家想看什麼主題的話~,歡迎大家留言給我讓我知道吧!
那好啦~我們下個奇異世界見,Bye Bye
Vincent
Starry, starry night (繁星点点的夜晚)
Paint your palette blue and gray (为你的调色盘涂上蓝与灰)
Look out on a summer's day (你在那夏日向外远眺)
With eyes that know the darkness in my soul (用你那双能洞察人性灵魂的双眼)
Shadows on the hills (暗影铺满群山)
Sketch the trees and the daffodils (树木与水仙花点缀其间)
Catch the breeze and the winter chills (捕捉着微风与寒冷的冬天)
In colors on the snowy linen land (用那雪原斑驳的色彩)
Now I understand (如今我才明白)
What you tried to say to me (你想对我倾诉些什么)
How you suffered for your sanity (你为自己的清醒承受了多少折磨)
How you tried to set them free (你多么努力想让自己全然超脱)
They would not listen they did not know how (他们却不予理睬, 那时他们不知该如何面对)
Perhaps they'll listen now (也许现在他们会知道)
Starry, starry night (繁星点点的夜晚)
Flaming flowers that brightly blaze (火红的花朵明艳耀眼)
Swirling clouds in violet haze (紫幕轻垂,云舒云卷)
Reflecting Vincent's eyes of China blue (映照在文森特湛蓝的双眼)
Colors changing hue (色彩变化万千)
Morning fields of amber grain (清晨里琥珀色的田野)
Weathered faces lined in pain (张张饱经风霜与苦痛的脸)
Are soothed beneath the artist's loving hands (在艺术家的画笔下显得栩栩如生)
Now I understand (如今我才明白)
What you tried to say to me (你想对我倾诉些什么)
How you suffered for your sanity(你为自己的清醒承受了多少折磨)
How you tried to set them free (你多么努力想让自己全然超脱)
They would not listen they did not know how (他们却不予理睬, 那时他们不知该如何面对)
Perhaps they'll listen now (也许现在他们会知道)
For they could not love you (他们根本不会在乎你)
But still your love was true (但你的爱却依然真实存在)
And when no hope was left in sight (当最后一点希望都一去不返)
On that starry, starry night (在那繁星点点的夜晚)
You took your life as lovers often do (你愤然结束自己的生命,如绝望的恋人们一样)
But I could have told you Vincent (但文森特,我要告诉你)
This world was never meant for one as(像你这般美好的灵魂)
beautiful as you (本不该来这肮脏的世间)
Starry, starry night (繁星点点的夜晚)
Portraits hung in empty halls (空旷的大厅里画作高悬)
Frameless heads on nameless walls (无名的墙上无框的肖像)
With eyes that watch the world and can't forget (用注视整个世界的双眼,把一切铭记在心)
Like the strangers that you've met (就像你曾遇见的匆匆过客)
The ragged men in ragged clothes (褴褛的人们穿着破衣烂衫)
A silver thorn on a bloody rose (就像血红玫瑰上的银刺)
Lie crushed and broken on the virgin snow (零落成泥,摧折寸断,散落于皑皑白雪)
Now I think I know (如今我才明白)
What you tried to say to me (你想对我倾诉些什么)
How you suffered for your sanity (你为自己的清醒承受了多少折磨)
How you tried to set them free (你多么努力想让自己全然超脱)
They would not listen they're not listening still (他们却不予去傾聽,以後也還是不會)
Perhaps they never will (可能。。。。他們永遠也不會)