ทำไม ฝรั่งเศส จึงเป็นประเทศแห่ง Chef ทำอาหาร? /โดย ลงทุนแมน
คำว่า “Chef” ที่เราคุ้นเคย ว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในแวดวงการทำอาหาร
ไม่ว่าจะเป็นเชฟในภัตตาคารหรู หรือเชฟในรายการแข่งขันทำอาหาร
แต่รู้หรือไม่ว่า คำนี้มีที่มาจากภาษาฝรั่งเศส..
คนฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับอาหารการกิน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบที่หลากหลาย
กรรมวิธีการปรุงอาหารที่สลับซับซ้อน ไปจนถึงวัฒนธรรมการกินที่ละเมียดละไม
ไม่ว่าจะเป็นเอสคาร์โก กงฟีเป็ด หรือฟัวกราส์
อาหารฝรั่งเศสคือตัวแทนของความหรูหรา
และได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดของอาหารตะวันตก
ตำราอาหารฝรั่งเศสกลายเป็นพื้นฐานของโรงเรียนสอนทำอาหาร
และการจัดอันดับร้านอาหารกลายเป็นมาตรฐานที่คนทั้งโลกยอมรับ
อะไรที่ทำให้การทำอาหาร กลายเป็นสิ่งแรกๆ ที่ทุกคนนึกถึงวัฒนธรรมฝรั่งเศส
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม ฝรั่งเศส จึงเป็นประเทศแห่ง Chef ทำอาหาร?
หากคำนึงถึงเหตุผลในแง่ภูมิศาสตร์
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางภูมิอากาศมากที่สุดประเทศหนึ่งในยุโรป
มีทั้งที่ราบเขตหนาว ชายฝั่งทะเลเขตหนาว ทะเลเขตอบอุ่น และเขตภูเขาสูง
ทั้งหมดล้วนส่งผลมาถึงความหลากหลายของผลผลิตทางการเกษตร
ที่ราบทางตอนเหนือ ใช้เพาะปลูกพืชเขตหนาว
ที่ราบทางตอนใต้ ใช้เพาะปลูกพืชแถบเมดิเตอร์เรเนียน เช่น มะกอก ส้ม และองุ่น
ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกที่หนาวเย็น ให้อาหารทะเลที่แตกต่างกันไปกับชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่น
ส่วนเขตเทือกเขาแอลป์ทางตะวันออกใช้เลี้ยงสัตว์ ให้ผลิตภัณฑ์ทั้งเนื้อสัตว์ นม และชีส
เมื่อมีวัตถุดิบที่หลากหลาย พ่อครัวก็สามารถรังสรรค์อาหารได้หลายรูปแบบ
และแหล่งศูนย์รวมพ่อครัวจะเป็นที่ไหนไม่ได้ นอกจากราชสำนักแวร์ซาย..
ราชสำนักฝรั่งเศสมีชื่อเสียงไปทั่วยุโรปในเรื่องของความหรูหรา
และก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมของภาคพื้นทวีปในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
วิถีชีวิตที่มีความละเมียดละไม ตั้งแต่แฟชั่นการแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้
ล้วนกลายเป็นต้นแบบให้ชนชั้นสูงทั่วยุโรปดำเนินรอยตาม
และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “อาหารการกิน”
อาหารฝรั่งเศสในวังถูกเรียกว่า Haute Cuisine (โอตคูซีน) ที่หมายถึงอาหารชั้นสูง
อาหารเหล่านี้ล้วนต้องการการปรุงอย่างพิถีพิถัน กรรมวิธีซับซ้อน ใช้เวลาในการเตรียมนาน
และเมื่อเสิร์ฟก็ต้องตกแต่งอย่างสวยงาม
แต่เมื่อเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1789 ชนชั้นสูงและขุนนางต่างล้มหายตายจาก
เหล่าพ่อครัวที่เคยทำงานในพระราชวังแวร์ซายจึงต้องออกมาเปิดร้านอาหารเพื่อหาเลี้ยงชีพ
เปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้มีโอกาสลิ้มลองรสชาติความอร่อยของอาหารชาววัง
Marie-Antoine Carême, มารี อองตวน กาแรม หนึ่งในหัวหน้าพ่อครัวที่เคยทำงานในวัง
กาแรม เป็นผู้มีฝีมือการทำอาหารที่โดดเด่น แต่สิ่งที่เขาแตกต่างจากพ่อครัวคนอื่น ก็คือ
อาหารที่เขาทำทั้งหมดมี “การจดบันทึกวิธีการทำอาหาร” อย่างละเอียด
กาแรม ได้รวบรวมเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสที่มีความหลากหลายเพิ่มเติมจากต้ม, ผัด, แกง, ทอด ซึ่งเทคนิคเหล่านี้เรามักได้ยินจากรายการทำอาหาร เช่น
Poach (โพช) คือ การทำอาหารให้สุก แบบกึ่งลวกกึ่งต้ม
Confit (กงฟี) คือ การตุ๋นอาหารในน้ำมันหรือน้ำเชื่อม
Sauté (ซอเต้) คือ การทอดลักษณะขลุกขลิกโดยใช้น้ำมันน้อยๆ
นอกจากนี้ กาแรม ยังได้คิดค้นเทคนิคการปรุงใหม่ๆ การกำหนดสัดส่วนการใช้เครื่องปรุง
ไปจนถึงวิธีการเสิร์ฟอาหาร ที่แบ่งคร่าวๆ เป็นอาหารจานเปิดตัว อาหารจานหลัก และของหวาน
ซึ่งทั้งหมดก็ถูกจดบันทึกไว้อย่างละเอียด
บันทึกของ กาแรม “L'art de la cuisine française” ซึ่งเริ่มตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1833
กลายมาเป็นสุดยอดตำราการปรุงอาหารฝรั่งเศส
จนเขาได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งอาหารฝรั่งเศส” เป็นผู้รวบรวมวัฒนธรรมอาหารการกินให้เป็นลายลักษณ์อักษร
เมื่อมีต้นตำรับวิธีการทำอาหาร และข้อมูลที่ละเอียดชัดเจน
เปิดโอกาสให้พ่อครัวฝรั่งเศสในรุ่นต่อๆ มาได้ต่อยอดจากตำราของ กาแรม
Auguste Escoffier, ออกุสต์ เอสโคฟิเอร์
เป็นพ่อครัวผู้วางรากฐานระบบร้านอาหารให้ทันสมัย
จากเดิมในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ร้านอาหารในฝรั่งเศสล้วนอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ สกปรก
มีภาพลักษณ์เป็นสถานบริการทางเพศ
อาชีพพ่อครัวเป็นอาชีพที่ไม่มีเกียรติ มีรายได้น้อย ทำงานในที่สกปรก
และส่วนใหญ่มักสูบบุหรี่ในระหว่างทำอาหาร
เอสโคฟิเอร์ เริ่มต้นจากการเป็นพ่อครัวในเมืองนีซ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
ต่อมาเมื่อได้เป็นหัวหน้าห้องครัว เขาก็ได้ตั้งกฎใหม่ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตการทำครัวไปอย่างถาวร
ทั้งการห้ามสูบบุหรี่ระหว่างทำอาหาร และให้พ่อครัวสวมใส่เครื่องแบบสีขาวเพื่อความสะอาด
ปี ค.ศ. 1890 เอสโคฟิเอร์ ได้มาร่วมงานกับ César Ritz นักการโรงแรม ที่โรงแรม Savoy ในกรุงลอนดอน เขาเป็นผู้พัฒนาระบบร้านอาหารในโรงแรมแบบมืออาชีพ นำความสะอาดมาสู่การบริการ มีการนำเสนออาหารฝรั่งเศสชั้นสูง หรือ Haute Cuisine ให้แก่ลูกค้า
ด้วยความที่อาหารเหล่านี้ต้องใช้เวลาเตรียมนาน และมีกรรมวิธีที่ยุ่งยากซับซ้อน
เอสโคฟิเอร์ ได้จัดระบบการทำงานในห้องครัวแบบใหม่ เรียกว่า “Brigade System”
ระบบการทำงานแบบใหม่ จะมีการแบ่งงานกันทำ มีตำแหน่งที่ระบุชัดเจน
มีพ่อครัวประจำหน่วยต่าง ๆ เช่น หน่วยปรุงซอส หน่วยของหวาน และจัดระดับการทำงานจากบนลงล่าง โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของหัวหน้าพ่อครัว หรือ “Chef de Cuisine”
และนี่คือจุดเริ่มต้นของบทบาทอาชีพ “Chef” อย่างเป็นทางการ..
ต่อมาในปี ค.ศ. 1898 ทั้ง เอสโคฟิเอร์ และ ริทซ์ ได้ย้ายกลับมาฝรั่งเศส และเปิดโรงแรม Ritz ขึ้นที่กรุงปารีส โดยใช้ระบบการบริหารร้านอาหารที่เอสโคฟิเอร์ได้วางไว้
ซึ่งโรงแรม Ritz ต่อมาก็ได้ขยายกลายเป็นเครือโรงแรม The Ritz-Carlton ในปัจจุบัน..
เอสโคฟิเอร์ ยังเป็นผู้ตีพิมพ์ “Le guide culinaire” ตำรารวมสูตรอาหารฝรั่งเศส 500 สูตร
ทำให้กรรมวิธีการปรุงอาหารฝรั่งเศส กลายเป็นรากฐานของอาหารตะวันตกนับตั้งแต่นั้น
โรงเรียนสอนทำอาหารตะวันตกจึงนิยมใช้อาหารฝรั่งเศสเป็นพื้นฐาน
โดยหนึ่งในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่ก่อตั้งในช่วงเวลาใกล้เคียงกันก็คือ
“Le Cordon Bleu” หรือโรงเรียนเลอ กอร์ดอง เบลอ ที่บุคคลในแวดวงอาหารรู้จักกันดี
จากจุดเริ่มต้นของการทำนิตยสารด้านอาหารชื่อว่า “La Cuisinière Cordon Bleu”
ต่อมานักหนังสือพิมพ์ Marthe Distel ได้จัดตั้งโรงเรียนสอนทำอาหารขึ้นในปี ค.ศ. 1895
และมีการจัดสาธิตการประกอบอาหารด้วยเตาไฟฟ้าขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนแห่งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์นิตยสาร และเปิดโรงเรียนสอนทำอาหาร
ไม่นาน ภาพการทำอาหารก็แพร่หลายไปทั่วยุโรป เหล่าบรรดาเชฟและผู้รักการทำอาหารต่างสนใจเข้าเรียนอย่างล้นหลาม จนต่อมาโรงเรียนแห่งนี้สามารถขยายสาขาได้ถึง 20 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย
เวลานั้นเริ่มมีนิตยสารด้านการทำอาหารแพร่หลาย
นอกจากนิตยสาร La Cuisinière Cordon Bleu แล้ว
อีกหนึ่งนิตยสารที่มีชื่อเสียงและก่อตั้งในเวลาใกล้เคียงกันก็คือ “Michelin Guide”
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ทั่วทั้งยุโรปมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้ว
อุตสาหกรรมเหล็กเติบโตกลายเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์
ทั้งเยอรมนี อังกฤษ และฝรั่งเศส ต่างแข่งขันกันพัฒนารถยนต์
เมื่อมีรถยนต์ ผู้คนที่มีฐานะก็สามารถใช้เวลาในช่วงวันหยุดเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วประเทศ
ปี ค.ศ. 1900 ฝรั่งเศสมีรถยนต์อยู่ประมาณ 3,000 คัน
สองพี่น้อง Édouard และ André Michelin ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกิจการยางรถยนต์ Michelin
มีความคิดที่จะทำหนังสือแนะนำสถานที่ต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้รถ โดยหวังว่าจะเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนออกมาซื้อรถ รวมไปถึงซื้อยางจากพวกเขามากขึ้น หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “Michelin Guide”
แรกเริ่มเดิมที Michelin Guide เป็นการนำเสนอแผนที่ ซึ่งบอกตำแหน่งของปั๊มน้ำมัน ร้านซ่อมรถ ร้านเปลี่ยนยาง และโรงแรมในฝรั่งเศสเพียงเท่านั้น
ต่อมา Michelin พบว่าส่วนที่เป็นการแนะนำร้านอาหารนั้นได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยมา
จึงริเริ่มการให้คะแนนร้านอาหารผ่านการให้ “ดาว” หรือที่เรียกว่า Michelin Star เป็นครั้งแรก ในปีค.ศ. 1926
Michelin Star แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
1 ดาว หมายถึง ร้านอาหารที่ดีมากในหมวดหมู่นั้นๆ
2 ดาว หมายถึง ร้านอาหารชั้นยอด ที่ควรค่าแก่การแวะออกนอกเส้นทางเพื่อไปลิ้มลอง
3 ดาว หมายถึง ร้านอาหารชั้นเลิศ ที่ควรค่าแก่การเดินทางไปเพื่อลิ้มลองโดยเฉพาะ
ไม่ใช่เพียงตัวร้านอาหารเท่านั้นที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นร้านอาหารระดับ Michelin Star แต่ตัวเชฟเอง ก็จะถูกเรียกว่าเป็นเชฟ Michelin Star ด้วย ซึ่งเป็นเครื่องการันตีว่าอนาคตในวงการอาหารของเชฟคนนั้นจะต้องไปได้ไกลอย่างแน่นอน
จากจุดเริ่มต้นของการให้ดาวมิชลินแก่ร้านอาหารในฝรั่งเศส
ต่อมาก็ค่อยๆ ขยายไปยังร้านอาหารในยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และมาถึงประเทศไทย
เท่ากับว่า ร้านอาหารทั่วโลกต่างก็ให้การยอมรับมาตรฐานของดาวมิชลิน ซึ่งก่อตั้งโดยคนฝรั่งเศส
จากเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมา ก็น่าจะสรุปได้ว่า
การที่วัฒนธรรมอาหารฝรั่งเศสได้รับการยอมรับในระดับสากล
สาเหตุที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เพราะความหรูหราที่สั่งสมมานาน
หรือเป็นเพราะอาหารฝรั่งเศสอร่อยกว่าอาหารของชาติอื่นๆ
แต่เป็นเพราะการสร้างระบบในการทำอาหารให้มี “มาตรฐาน”
การต่อยอดจากการทำอาหาร มาสู่การจดบันทึก ตีพิมพ์ตำราอาหาร
วางระบบการทำงานในร้านอาหาร ตั้งโรงเรียนสอนทำอาหาร ก่อตั้งนิตยสาร
ไปจนถึงการให้คะแนนร้านอาหาร
พัฒนาการที่ต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 100 ปี
ทำให้วัฒนธรรมอาหารฝรั่งเศสแข็งแกร่ง และกลายเป็นสิ่งที่ทำรายได้มหาศาลให้กับประเทศ
ซึ่งหากจะคิดถึงสักประเทศที่เป็นเจ้าแห่ง “Chef” ทำอาหาร
“ฝรั่งเศส” จะเป็นประเทศแรกที่คนทั่วโลกนึกถึงนั่นเอง..
อ่านซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ในตอนก่อนหน้าทั้งหมดได้ที่แอป Blockdit blockdit.com/download
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.escoffier.edu/about/history-and-timeline/
-https://www.cordonbleu.edu/our-story/en
-https://www.foodnetwork.ca/dining-out/blog/what-it-takes-to-become-a-1-2-or-3-michelin-star-restaurant/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Marie-Antoine_Carême
-https://www.highspeedtraining.co.uk/hub/kitchen-hierarchy-brigade-de-cuisine/
-รู้เท่าเข้าถึงฝรั่งเศส, หน้าต่างสู่โลกกว้าง
同時也有12部Youtube影片,追蹤數超過12萬的網紅Stephen Leung 吃喝玩樂,也在其Youtube影片中提到,香港酒店推介 Staycation 港麗酒店 Conrad Hong Kong A Peace of mind 住宿體驗 https://conraddining.com/en/dining-news-and-offers/a-peace-of-mind-staying-experience-wit...
「ritz-carlton dining」的推薦目錄:
ritz-carlton dining 在 Kevin Zahri Facebook 八卦
I don't write reviews often but my recent stay at Ritz Carlton Millenia Singapore (22nd - 25th Oct) definitely deserves one.
I am a father of 2 small children aged 5 and 3 and this was my maiden holiday without their mummy (she was away with GFs in Bali).
I would to thank everyone at Ritz Carlton Singapore for making us, especially my kids, feel so welcome.
I cant thank you enough for surprising my kids (and their daddy!) by setting up a real tent with mattress and rotating star lights in our room! My eyes were swelling as I saw their excitement. A real tent!? Wow!
A huge thanks to Cherry and everyone at the Club lounge and really everyone for being so genuinely nice to my children. They enjoyed the treasure hunt, the complimentary kids in-room dining, daily chocolate tray, the tent, the rubber ducks, FREE ice-cream, complimentary Limo rides, the Ritz Lion and the list goes on and on. They felt really special. They told me "aunty Cherry must be sad that we are leaving today!"
I cant applaud everyone enough for everything and we will definitely be coming back again and again! Again, thank you so much. I will forever remember this first trip alone with the 2 most important people in my life FOREVER and thanks to RC, for ALL the right reasons!
ritz-carlton dining 在 Bà Dì Nulo Facebook 八卦
#mentor_in_spotlight #2k3_nulocareer
Mentor #93: cựu du học sinh ngành Nhà hàng khách sạn, bỏ ngành và hành trình mở tiệm bánh chay online hơi bị xịn
Dì gửi contact của mentor Mie
IG: https://www.instagram.com/coconnuts.sg/?hl=en
Post này là dì dành cho Mie nên phần reply thắc mắc post này là của Na <3
cựu du học sinh ngành Nhà hàng khách sạn, bỏ ngành và hành trình mở tiệm bánh chay online hơi bị xịn"
Xin chào dì và các bạn, mình là Mie Trần, là cựu du học sinh ngành quản trị nhà hàng-khách sạn (hospitality) tại Thuỵ Sĩ và hiện đã rời ngành và tự start up với tiệm bánh thuần chay (vegan) online.
Mình đã có 3 năm du học ngành hospitality tại Hotel Institute Montreux- một ngôi trường chuyên đào tạo ngành này tại Thuỵ Sĩ. Đối với mình, trường không chỉ đem lại kiến thức về ngành học, mà còn như thay đổi hoàn toàn cuộc sống của mình với mindset mới, những trải nghiệm mới, môi trường mới và những con người mới. Theo chương trình học của trường, mình phải hoàn thành 2 kì thực tập được trả lương và hoàn toàn tự kiếm offer tuỳ theo năng lực của mình.
Kì đầu tiên mình làm nhân viên phục vụ của một nhà hàng fine-dining chuyên đồ ăn Nhật Bản trong golf resort của The Ritz-Carlton ở Sintra, Bồ Đào Nha. Mình thực sự học được rất nhiều từ đây và yêu quãng thời gian này, khi mới chân ướt chân ráo vào ngành, và được tiếp xúc, học hỏi những standard cao nhất trong ngành. Môi trường làm việc ở đây cũng rất đề cao sự sáng tạo và quyền tự quyết định (empowerment) của nhân viên trong các tình huống khác nhau, nên với một người vừa đi thực tập lần đầu tiên thì mình đã rất nhiệt huyết, nỗ lực và ngày càng tự tin khi được đánh giá cao và giao nhiều công việc bởi cấp trên. Văn hoá làm việc và mọi người trong team và trong công ty ai nấy đều rất đoàn kết và thân thiện nên mình càng yêu hơn công việc này. Sau kì thực tập, mình như được thay da đổi thịt, từ một người khá rụt rè khi trước trở nên rất tự tin và giành được liên tiếp những thứ hạng nhất và giải thưởng khi quay lại trường học.
Sau đó thì đến kì thực tập số 2, lần này mình chọn làm ở Thuy Sĩ vì không như các bạn, mình đã sắp xếp để đi thực tập sau khi tốt nghiệp. Vì mình đã muốn thử xem liệu mình có thể ở lại Thuỵ Sĩ sau khi học và thực tập không. Mình chọn catering company cho lần này vì muốn thử làm ở những loại hình khác khách sạn trong ngành này, và mình là một người khá yêu ẩm thực. Công ty này tên là Eldora Traiteur- được coi là catering company lớn nhất nhì Thuỵ Sĩ bấy giờ. Ngoài là đơn vị cung cấp mảng ăn uống cho trung tâm hội nghị lớn nhất Lausanne, cho các hội thảo hay gala, party dinner .... tầm cỡ quốc tế, công ty này còn có cả nhà hàng và tiệm bánh và cung cấp dịch vụ ẩm thực cho các event cao cấp bên ngoài. Khi đọc về profile công ty thì mình bị ấn tượng về chất lượng đồ ăn ở đó và nghĩ là sẽ được thử sức ở nhiều mảng khác nhau, nhất là công ty còn có tiêm bánh- loại cửa hàng mình luôn mơ ước được sở hữu từ lúc còn nhỏ, nên đã chọn làm thực tập ở đây. Nhưng khi làm việc ở đây, dù quy mô công ty rất lớn, và mình được các cấp trên đặc biệt yêu quý, mình đã dần dần chán nản chỉ sau 3 tháng đầu. Vì mình chỉ là một phần rất nhỏ trong tổ chức ấy, và chỉ đảm nhiệm chừng ấy nhiệm vụ, lặp đi lặp lại ngày này qua ngày khác. Mình nghĩ phần nhiều vì văn hoá công ty này nói riêng và văn hoá làm việc tại Thuỵ Sĩ rất khác với kì thực tập đầu tiên nên mình dần thấy chán và nản. Ở đây mọi người làm việc độc lập hơn, không thân thiện, và sau khi tan làm thì ai về nhà nấy, chứ không dành thời gian đi chơi, kết nối với nhau như gia đình như ở Bồ Đào Nha. Phần nhiều cũng là vì thành viên trong team đều rất lớn tuổi chứ không có những người trẻ nên nhiều khi mình thấy hơi trống trải. Vì với mình, khi ấy ở nơi đất khách quê người, mình chú trọng cả cuộc sống ngoài công việc nên càng cảm thấy không hạnh phúc lúc đó. Và ở công ty này thì mình không được giao nhiều trách nhiệm nên mình cảm thấy bị gò bó và giới hạn năng lực. Dù cuối cùng trước khi kết thúc kì thực tập, cấp trên đã offer giữ mình ở lại công ty, nhưng mình đã từ chối và quyết định không tiếp tục sống ở Thuỵ Sĩ nữa.
Về Việt Nam thì công việc đầu tiên mình quyết định là làm Front Officer cho một khách sạn boutique sắp khai trương trong Phố Cổ Hà Nội. Công việc này rất mới mẻ với mình, vì trước đây mình chỉ có kinh nghiệm về F&B. Mình chọn khách sạn này vì 3 lý do: 1 là nó đang trong giai đoạn pre-opening- giai đoạn có rất nhiều thứ mình sẽ được học từ đầu. 2 là vì quy mô nó nhỏ, bởi mình đã làm ở công ty lớn 2 lần trước, và ở lần thứ 2 thì mình nhận ra khi làm ở công ty/ tập đoàn lớn, mình sẽ chỉ là một mắt xích đơn lẻ, tập trung cho một công việc nhất định. Ở đây vì nó nhỏ và mới, nên mình sẽ được đảm nhiệm nhiều công việc hơn. Và thứ 3, vì lần này mình làm trong Front Office của 1 khách sạn boutique - nơi thường chăm chút nhiều đến personal service và trải nghiệm của khách hàng sẽ giúp mình học được rất nhiều. Khi mình thực sự đi làm thì 3 điều ấy thực sự đã đáp ứng kì vọng của mình. Mình cũng học được kha khá thứ từ đó và có những đồng nghiệp dễ thương. Nhưng sau vài tháng thì dần dần mình lại cảm thấy không hạnh phúc lần nữa. Mình nhận ra là công việc dần trở nên lặp lại vì mình hết thứ để học hỏi vì quy mô khách sạn quá nhỏ, cũng khó để thăng tiến. Lương của ngành hospitality thì rất thấp, nhất là cho những người mới ra trường, còn ở entry level nữa. Và đó cũng là lần đầu tiên mình làm ở một môi trường Việt Nam hoàn toàn nên cũng thấy có nhiều thứ không hợp với mindset và văn hoá làm việc trước đây của mình. Vậy là mình quyết định nghỉ việc.
Sau đó thì mình cũng làm một số việc part-time khác nhau trong ngành, rồi dần dần mình nhận ra là mình đã hết muốn làm hospitality nữa, nếu làm tiếp thì cũng chỉ là để có thể trang trải cuộc sống chứ mình không đam mê hay thấy ý nghĩa khi làm việc. Hoặc từ đầu mình đã không thực sự thích nó đến thế. Thực ra thứ ngày trước mình muốn học là làm bánh. Mình yêu thích và bắt đầu mày mò tự học làm bánh từ hồi cấp 2 nhưng ba mẹ sợ mình sẽ vất vả nên định hướng học một ngành hơi liên quan là hospitality. Trước khi đến trường mình hoàn toàn không biết gì về nó. Giờ nếu hỏi để đưa ra lời khuyên cho các bạn muốn theo đuổi ngành này hoặc hỏi mình nếu được chọn lại có chọn con đường đó không, thì mình nghĩ là vẫn sẽ chọn con đường đó, vì những kinh nghiệm làm việc và ngôi trường ấy vẫn mang lại nhiều thứ cho mình. Đó là mindset, là một phần tính cách, những mối quan hệ đáng gía, và những hiểu biết và kiến thức mới không chỉ về ngành nghề và sách vở, mà còn về thế giới, văn hoá, xã hội.... Nhưng mình sẽ học và xây dựng career một cách có định hướng và chiến lược hơn. Vì có quá nhiều mảng nhỏ có thể làm ở trong ngành ví dụ như F&B, FO, Marketing, Finance, Event... Nếu bạn đã biết mình mạnh hoặc yêu thích mảng nào đó thì nên tập trung xây dựng những kiến thức và kinh nghiệm liên quan trực tiếp tới mảng đó. Vì ngành đòi hỏi rất nhiều về kinh nghiệm làm việc thực tế hơn là kiến thức sách vở, dù bạn có học hành cao siêu tới đâu. Vậy thì cơ hội thăng tiến để lên chức trong mảng đó sẽ cao hơn là bạn có kinh nghiệm rải rác mà không chuyên thứ gì.
Còn nếu bạn chưa biết và không thể xác định là mình muốn làm mảng nào thì có thể dành những kì thực tập để thử sức và tìm ra công việc mình muốn làm. Những chương trình management training trước khi đi làm chính thức cũng là một ý hay vì bạn sẽ được rotate với xuyên suốt các phòng ban khác nhau.
Một điều nữa mình nhận ra và muốn thay đổi nếu có thể làm lại, nhất là khi học ngành hospitality ở Thuỵ Sĩ, đó là trau dồi ngoại ngữ thứ 2, thứ 3 trước khi đi học. Một điểm yếu phổ biến của các du học sinh ở Thuỵ Sĩ khi xin việc đó là chỉ nói tiếng Anh - ngôn ngữ không chính thức ở quốc gia có 4 ngôn ngữ này.
Và sau một quãng thời gian dài nhận thấy bản thân không hạnh phúc với công việc và cuộc sống hiện tại, mình đã quyết định vào Sài Gòn theo tiếng gọi của cô bạn thân. Lúc đó mình đã nung nấu ý định là dấn thân vào Creative Industry vì bản thân mình là một người yêu thích sự sáng tạo. Nhưng trái ngang là năm ngoái khi vừa chuyển vào Sài Gòn một tuần thì dịch Covid bùng phát và có lệnh toàn dân cách ly tại nhà từ chính phủ. Phải ở nhà và dừng lại toàn bộ plan ban đầu, mình tìm đến căn bếp giải khuây.
Trước giờ mình luôn thích làm bánh, nhưng là bánh thường. Những năm gần đây thì mình biết đến và thích veganism hơn nên lần đó đã quyết định làm thử bánh thuần chay xem sao. Vì nghĩ thì thấy thú vị. Đối với mình làm bánh mang lại niềm vui vì cảm giác chinh phục khi làm thành công một thứ phức tạp và tinh tế như vậy. Mà bánh vegan thì sẽ không được sử dụng bơ, trứng, sữa, gelatin và các thành phần động vật khác nên càng thử thách hơn. Và thật bất ngờ là chiếc bánh vegan cheesecake đầu tiên mình làm tặng cô bạn lại ngon bất ngờ đến thế. Rồi trong thời gian cách ly ấy, mình dần dần nhen nhóm ý định mở tiệm bánh, ước mơ mà mình có từ hồi nhỏ tới giờ nhưng luôn sợ sệt chưa dám bắt đầu vì không có kinh nghiệm gì. Nhưng lần này mình có mục tiêu rõ ràng và cao cả hơn là riêng cho bản thân nên có rất nhiều động lực để quyết tâm theo nó. Vì mình nghĩ rằng ăn thuần chay là một điều rất tốt cho sức khoẻ, cho môi trường và tất cả các loài động vật. Nhưng khó để tất cả mọi người ăn thuần chay vì nhiều lý do khác nhau. Nhưng đối với bánh ngọt thì khác. Mọi người ăn bánh ngọt không để no và bổ sung dinh dưỡng, mà nó như một thứ mang lại niềm vui khi nhìn, khi ăn nhiều hơn, nên nếu mình có thể làm bánh thuần chay thực sự ngon và đẹp thì mọi người có thêm một lựa chọn mới cho đồ ngọt để giảm thiểu hậu quả lên Trái Đất. Và để các bạn ăn thuần chay, các bạn bị dị ứng hay các bạn ăn mặn nhưng thích và ủng hộ việc ăn chay cũng sẽ có niềm vui khi ăn bánh ngọt mà không phải lo lắng gì. Nên Coco & Nuts của mình đã ra đời như thế đó!
Khó khăn khi làm Coco & Nuts thì nhiều vô kể! Vì khởi nghiệp đã khó, khởi nghiệp với một thứ quá mới mẻ như vậy còn khó hơn! Những kiến thức chuyên môn về bánh vegan rất giới hạn kể cả tiếng Việt hay tiếng Anh, nguyên liệu làm thì quá khó tìm và đắt đỏ vì nó chưa phổ biến nên mình thực sự phải tự nghiên cứu và thử nghiệm rất rất nhiều. Và vì mình vừa học vừa làm nên quy mô còn nhỏ, một mình mình làm từ đầu tới cuối, one woman show. Nó không chỉ đơn thuần là việc làm bánh nữa mà mình còn phải làm tất cả mọi thứ từ có tên tới không tên trong business ấy như: phát triển công thức, chụp hình, viết content, bán hàng, chăm sóc khách hàng, thu mua, kế toán, thậm chí là rửa bát, đi ship… nên có quá nhiều lúc mệt mỏi và hoài nghi. Rồi vì sản phẩm cũng quá lạ lẫm nên thời gian đầu chật vật mà ít khách hàng nên cũng nản lắm. Nhưng song song đó thì cũng có những mặt khiến mình yêu và gắn bó với nó. Đó chính là sự thử thách ấy, khiến bản thân tự phải mày mò học hỏi và tự kiếm câu trả lời. Là khi mình tự làm mới công việc và sáng tạo ra những sản phẩm của mình. Và là niềm vui và hạnh phúc khi người khác ủng hộ, trân trọng và tin tưởng những ý tưởng và mục tiêu của mình. Và quan trọng nhất là mình thấy hạnh phúc khi được sống có ý nghĩa và theo đuổi đam mê của mình.
Hiện tại mình đã xây dựng Coco & Nuts được hơn một năm, và có những niềm tự hào riêng với hành trình này. Mục tiêu của mình không chỉ là bán những chiếc bánh vegan của mình, mà còn là phát triển về loại bánh này ở Việt Nam, xa hơn là quốc tế, để nó trở nên phổ biến hơn và cùng nhau chúng mình góp phần khiến Trái Đất ngày càng tốt hơn.
ritz-carlton dining 在 Stephen Leung 吃喝玩樂 Youtube 的評價
香港酒店推介 Staycation 港麗酒店 Conrad Hong Kong
A Peace of mind 住宿體驗
https://conraddining.com/en/dining-news-and-offers/a-peace-of-mind-staying-experience-with-in-room-dining/
詳細請與酒店確定
香港金鐘道 88 號太古廣場電話:(852) 2521 3838
?? 補充少少,剛剛收到酒店update,房間退房是中午12點,不過大家記住問吓可否延遲退房,可以的酒店應該會做俾大家。貴賓室11點就可以入啦??♂️
???? 再㳄重温 ?????
【吃喝玩樂】Conrad 香港五星級酒店屈機 港麗酒店 Staycation 食+住 包起你 再送頂級 自助餐 weekend Brunch | Conrad Hong Kong 港麗酒店
https://youtu.be/QSAB7oIN6_Q
港麗酒店 週末早午自助餐 Sunday Brunch Conrad hong konG
https://youtu.be/4jORrW7EkFg
=============================================
Membership corner (會員專區)
?? ⭐️ ? ? 加入吃喝玩樂, 支持channel 繼續向前, 靠大家一㸃支持和鼓勵 ?? ⭐️ ??
成為會員和Stephen 緊密互動, 接收最新資訊, 半個飯盒的支持, 已經令我開心到彈起?
https://www.youtube.com/channel/UCrquuQB6v1Ued2xyRKZreGQ/join
想一次性的支持, 您也可以為我買杯咖啡,支援吃喝玩樂頻道:小弟非常感謝您的貢獻??♂️??
You can always buy me a coffee and help supporting this channel: https://www.buymeacoffee.com/rDdTOWa
⚠️??♂️ 溫馨提示:
所有體驗均屬於個人分享,食品質素及服務只代表當天的評價。歡迎留言及分享你們的用餐體驗。
??♂️ 互相尊重。
? 如有推廣及贊助定必在影片中提及。不需懷疑, 多謝!
❤️ 自由發揮,歡迎比 like,討論,批評,分享,更正,提點,改進,報料,甚至乎表示不喜歡?。唔好話我個樣就得啦??♂️??
? 如發表仇恨, 攻擊, 粗暴及破壞性言論,亦歡迎留言,不過不是在吃喝玩樂平台! 如有發現,3.75秒內會化為星塵 ✨
▄▄▄▄▄▄▄ ⚡️⚡️⚡️ 精選影片 ⚡️⚡️⚡️ ▄▄▄▄▄▄▄▄
??♂️全港自助餐大集合,一次過睇晒全港最受歡迎自助餐???????? ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ 5 Stars
?????????
https://www.youtube.com/watch?v=GRhkiUhIqRk&list=PLkPmZi_hiLifriBJpDQ8MOl3pKaWNIPLC
??♂️香港美食推介 , 放題, 街坊小店, 特色餐廳, 真實食評! 食吧! ???????
?????????
https://www.youtube.com/watch?v=Wga8q4L2S_s&list=PLkPmZi_hiLie1BQ04RVQXz0qsRoEanJQG
??♂️香港素食自助餐推介 , youtube 最強素食自助餐清單☕️????
?????????
https://www.youtube.com/watch?v=RPIl84841uQ&list=PLkPmZi_hiLidlxQEmhXmaHua6mMljSav
没有盛大製作,没有強勁器材,没有制作團隊,更没有財團支持
??♂️?? 有的只你的一個訂閲
吃喝玩樂 ►Facebook: http://bit.ly/2HIr701
吃喝玩樂 ►IG: http://bit.ly/2Ol1tjq
吃喝玩樂 ►訂閱我們: http://bit.ly/2OibRYQ
商務合作 ►Email: ctakfan@gmail.com
#酒店優惠 #香港酒店推介 #吃喝玩樂
ritz-carlton dining 在 Tziaaa Tan Youtube 的評價
RITZ-CALRTON LANGKAWI - our first cuti-cuti Malaysia ever since MCO started, which happen to my birthday trip as well.
We went to Greece for my birthday, also where Shengyi proposed to me, last year. You can watch the video here - https://www.youtube.com/watch?v=o4xcf4OPrG4&t=20s
This year, since it’s impossible to go overseas at the moment, he chose to celebrate my birthday in one of the most beautiful ocean front villa in Malaysia - Ritz Carlton Langkawi.
This ocean front villa, comes with a ocean view infinity private pool with a sundeck. The front of the villa is in full glass wall. Perfect for me who loves the sun, and Shengyi who prefers staying in while enjoying the ocean view + watching me swim at the same time.
With a 3 nights stay, we also enjoy a lavish bubbly buffet breakfast, a bottle of champagne, in room drawn bath with infused oils, and a 60mins time together ocean front massage.
There’s also a private signature dining beyond experience on the beach, while watching the sun sets arranged for my birthday.
I’m thankful that admist of this coronavirus pandemic, we still able to have such beautiful holiday in Malaysia itself.
2020 might not be the best year with all these crisis, but I will always remind myself to count my blessings. Be grateful for all that I have now.
Thank you for making my 2020 birthday such memorable one, ILY, Shengyikoh.
ritz-carlton dining 在 Stephen Leung 吃喝玩樂 Youtube 的評價
Get Surfshark VPN at https://surfshark.deals/stephenleung and enter promo code stephenleung for 85% discount and 3 extra months for free!
千禧新世界香港酒店
桃里 點心放題 任食2.5小時
香港九龍尖沙咀東部麼地道72號
Memebership : 「嘗薈」會員,於酒店餐廳或酒吧尊享75折餐飲優惠!
https://newworldmillenniumhotel.com/tc/dining/tao-li/
$315 一位包加一(8折)各大信用咭
+852 2739 1111
香港九龍尖沙咀東部麼地道72號
優點:環境舒適,食品高質,服務良好
缺點 :地㸃,cp 值
??♂️溫馨提示:
所有體驗均屬於個人分享,食品質素及服務只代表當天的評價。歡迎留言及分享你們的用餐體驗。互相尊重。如有推廣及贊助定必在影片中提及。不需懷疑, 多謝!
▄▄▄▄▄▄▄ ⚡️⚡️⚡️ 精選影片 ⚡️⚡️⚡️ ▄▄▄▄▄▄▄▄
??♂️全港自助餐大集合,一次過睇晒全港最受歡迎自助餐????????
?????????
https://www.youtube.com/watch?v=GRhkiUhIqRk&list=PLkPmZi_hiLifriBJpDQ8MOl3pKaWNIPLC
??♂️香港素食自助餐推介 , youtube 最強素食自助餐清單☕️????
?????????
https://www.youtube.com/watch?v=RPIl84841uQ&list=PLkPmZi_hiLidlxQEmhXmaHua6mMljSav8
??♂️跟我去日本尋找最好的當地美食 , 遊關西 大阪自由行 京都 美食 2019 ✈️❤️
?????????
https://www.youtube.com/watch?v=sikhXTFb5SA&list=PLkPmZi_hiLiczXcH0QsMw9EforrkGcZTS
没有盛大製作,没有強勁器材,没有制作團隊,更没有財團支持有的只你的一個訂閲
吃喝玩樂 ►Facebook: http://bit.ly/2HIr701
吃喝玩樂 ►IG: http://bit.ly/2Ol1tjq
吃喝玩樂 ►訂閱我們: http://bit.ly/2OibRYQ
商務合作 ►Email: ctakfan@gmail.com
#點心放題 #吃喝玩樂 #任食