⚡ "อย่าเพิ่งเริ่มต้นเขียนโปรแกรม ถ้าไม่รู้ว่าภาษาไหนแตกต่างกันยังไง !?"
.
เพราะเอาจริง ๆ แล้ว แอดบอกเลยว่า "ภาษาแรกที่เราเลือกเขียนนั้น จะเป็นตัวกำหนดชีวิตเราไปอีกยาว ๆ"
.
ถามว่าทำไมเป็นแบบนั้น ก็เพราะว่า "ถ้าเราไปหยิบภาษาที่เข้าใจยาก หรือ ดูแล้วมีความซับซ้อนสุด ๆ มันอาจทำให้เราทิ้งการเขียนโปรแกรมไปเลยก็ได้นั่นเอง"
.
ดังนั้นในวันนี้ แอดได้รวมเด็ด 7 ภาษา ที่มี 7 สไตล์แตกต่างกันมาให้ทุกคนดู และ พิจารณากันว่า เราควรเริ่มจากตัวไหน หรือ ตัวไหนเหมาะกับเรานั่นเอง !!
.
พร้อมแล้ว มาดูกันเลย !
.
✅ ภาษา Python เป็นภาษาที่ทุกคนขนานนามว่า เข้าใจง่ายที่สุดหนึ่งภาษา แม้ว่ารูปแบบการเขียนจะแตกต่างกับพวก C, C++ โดยสิ้นเชิง
.
การเริ่มต้นที่ภาษานี้ทำให้เราเข้าใจ Concept ของการเขียนโปรแกรม หรือ เน้นไปที่กระบวนการคิดได้ง่าย แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้างตรงที่ ถ้าเริ่มจากจุดนี้แล้วจะกระโดดไปเขียนตระกูล C หรือ Java อาจมีความสับสนในใจได้นั่นเอง
.
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็แค่ช่วงแรกเท่านั้นแหละ ถ้าเรามีทักษะกระบวนการคิดที่ได้จาก Python แล้ว ภาษาไหน ๆ ก็เขียนได้ แค่อาจต้องปรับตัวตอนแรกเท่านั้น
.
สำหรับ Python นั้นเหมาะกับใครที่อยากเริ่มต้นเขียนโปรแกรม เข้าใจ Concept การคิด แก้ไขปัญหา จนถึง การประยุกต์เป็นการวิเคราะห์ข้อมูล ระบบปัญญาประดิษฐ์ พัฒนาเว็บไซต์ และ แอปพลิเคชัน เพราะ Python นี้เขาครบเครื่องจริง ๆ
.
✅ ภาษา C เป็นภาษาสุดคลาสิค ที่จะได้เรียนรู้วิธีการเขียน และ การจัดการภายในของโปรแกรมจริง ๆ เพราะ เครื่องมือหลาย ๆ อย่างไม่ได้ถูกสร้างติดมาด้วยเหมือนกับ Python
.
ดังนั้นเนื่องจากเป็นภาษาที่ลงไปให้เราเข้าใจได้ในระดับนั้น ทำให้ผู้ที่ลุยภาษา C มาก่อนจนเชี่ยวชาญ จะค่อนข้างมีความรู้ลึกในหลักการทำงานภายในมากกว่าภาษาอื่น ๆ นั่นเอง
.
การเรียนรู้ภาษา C นี้ เหมาะมาก ๆ สำหรับใครที่อยากจัดการลงลึก เช่น การพัฒนา Hardware, ระบบ IoT ที่มีทรัพยากรให้ใช้อย่างจำกัด (RAM อาจอยู่ในหลัก กิโลไบต์ หรือ Megabyte เท่านั้น) ซึ่งปัจจุบันก็นิยมใช้กันมาก
.
✅ ต่อมาแบบไว ๆ กับภาษา C# ที่ถูกพัฒนามาจากภาษา C และ นำข้อดีของ Java มารวมกัน เป็นหนึ่งภาษาที่แอดคิดว่าเขียนง่ายมาก ๆ
.
(ง่ายกว่า C ประมาณ 100 เท่าเลยหละ 5555)
.
เหมาะกับใครที่อยากพัฒนางานฝั่ง Microsoft เช่น Windows Application จนไปถึงพัฒนาเว็บไซต์ ASP.NET ที่เป็นเว็บแอปขนาดใหญ่ก็ยังได้ด้วย
.
แถมเขายังจัดการเรื่องความปลอดภัยให้เราอีกด้วยนะ
.
✅ มาอยู่ที่ภาษา C++ (อ่านว่า ซี พลัส พลัส ไม่ใช่ซี บวก บวก นะ 555) โดยตัวนี้จะเป็นภาษาที่ต่อยอดมาจาก C เพิ่มฟังก์ชันในการทำงานมากขึ้น
.
รวมถึงปรับประสิทธิภาพให้แจ่มแมวมาก ๆ รองรับการเขียนโปรแกรมที่มีขนาดใหญ่กว่าได้สบาย ๆ หรือ Concept การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุก็ใช้ได้แบบชิว ๆ แต่ถ้าภาษา C เดิม ๆ จะทำตรงนี้ไม่ได้จ้า
.
งานที่ใช้จริง ๆ ก็จะคล้าย ๆ กับภาษา C ที่พบได้บ่อยในการทำอุปกรณ์ไฮเทค IoT ต่าง ๆ จนถึงหุ่นยนต์ และ การจัดการฐานข้อมูล หรือ โปรแกรมที่เน้น Performance ภาษานี้ก็มักจะเป็นตัวเลือกที่คนยังใช้กันอยู่จ้า <3
.
✅ ต่อมาภาษา Java ที่เคลมว่า มีนักพัฒนาโปรแกรมด้วยภาษานี้กว่า 12 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงมีอุปกรณ์กว่า 3 พันล้านชิ้นบนโลกที่ใช้ Java
.
ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์, Printer, Router, โทรศัพท์มือถือ และ อื่น ๆ อีกเพียบบบ
.
เป็นหนึ่งในภาษาที่ Never Die และ จะไม่ตายในเร็ว ๆ นี้แน่ ๆ อยู่ยงคงกระพันจัด ๆ พร้อม Library ให้เราใช้ไม่อั้น
.
ไม่ว่าจะทำเว็บ ทำแอป ทำอุปกรณ์ IoT จนไปถึง หุ่นยนต์ Cloud Service ต่าง ๆ ก็รองรับ Java ทั้งนั้นเลย
.
แต่พูดถึงข้อดี ก็จะไม่พูดอีกด้านไม่ได้ นั่นก็คือ ความยาวของ Syntax หรือ ความซ้ำซ้อน ซับซ้อนในบางจุดมีค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับ Python หรือ Kotlin ภาษาใหม่ที่ลดข้อจำกัดเดิม ๆ ของ Java นั่นเอง
.
(แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แอดว่าก็ยังง่ายกว่า C เยอะะะะะะะ !)
.
✅ ก่อนสุดท้ายกับ JavaScript หนึ่งในภาษาที่แต่ก่อนจะใช้แค่ในส่วนหน้าแสดงผลของเว็บไซต์เท่านั้น แต่ปัจจุบัน นางไปอยู่ในทุกที่จ้าาาาาา
.
เดี๋ยววว แอดลืมบอกไปว่า เจ้า JavaScript กับ Java เนี้ย มันคือคนละตัวกันเลยนะะ ! อารมณ์แบบ คำว่า "คนจีน" กับ "ขนมจีน" อะ คนละเรื่องกันเลย 5555
.
โดยปัจจุบัน JavaScript ได้รับความนิยมขึ้นเพราะคนหันมาใช้ในฝั่ง Server ที่ประมวลผลงานให้เราได้นั่นเอง
.
แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการก็คือ บางอย่างใน JavaScript มันมีความประหลาดในตัวมันอยู่ จนบางคนอาจบอกว่ามันคือฝันร้ายนั่นเอง 5555
.
แต่ถ้าเราเขียนได้ และ ทำได้ดี สามารถต่อยอดเป็น TypeScript และ หาโอกาสดี ๆ ได้เพียบเลยนะจะบอกให้ !!
.
✅ ปิดท้ายกับ Swift ภาษานี้ส่วนใหญ่แล้วเราจะพบในสาย Apple เป็นหลัก เพราะเขาสามารถสร้างได้ทั้งแอปบน iOS, macOS, iPadOS หรือ ระบบที่อยู่ในนาฬิกาอัจฉริยะของ Apple ได้อีกด้วย
.
ภาษานี้ส่วนใหญ่จะใช้ได้ดี และ ทำงานจริงจังสำหรับคนมี Mac เท่านั้น แต่โดยรวมแอดชอบความรู้สึกในการเขียนภาษานี้นะ ดูเป็นมิตรกับทุกคนดี ระดับประมาณ Python เลยนั่นเอง <3
.
ทั้งนี้ทั้งนั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน หนึ่งข้อที่สำคัญที่สุดเมื่อเลือกภาษาโปรแกรมแล้วคืออะไรรู้ไหมมมมมมมมม ?
.
มันก็คือ เราต้องฝึกฝน ฝึกแก้ไขปัญหา (ภาษาทางการเรียก Problem Solving) อย่างสม่ำเสมอนั่นเอง 🏆
.
"เพราะการเขียนโปรแกรมไม่ใช่แค่นั่งอ่าน นั่งฟังแล้วจะทำได้ แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนด้วยยย !"
.
ดังนั้นเมื่อเราอยากลงมือทำแล้ว ก็ลุยให้เต็มที่ หาโจทย์ทั้งรูปแบบวัด Logic มาลองทำ หรือ ลองสร้างโปรเจคง่าย ๆ ของตัวเอง โดยเริ่มจากของง่าย ๆ ไปหายากเรื่อย ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ดีไม่แพ้กัน
.
🔥 ส่วนใครที่อยากฝึกสกิลด้าน Logic ในการเขียนโค้ด แบบฟรี ๆ แอดแนะนำเข้ามาที่นี่ได้เลย มีเพื่อนให้แข่งเป็นพัน มีโจทย์ให้เล่นเป็นร้อยยย >>
.
https://www.borntodev.com/intro-devlab-3-pro/
.
ปล.สำหรับใครมีอะไรจะแนะนำมือใหม่ที่เข้ามาอ่าน มาแชร์ความเห็นไปพร้อมกันได้เลยนะคร้าบบ > <
.
#borntoDev - 🦖 สร้างการเรียนรู้ที่ดีสำหรับสายไอทีในทุกวัน
python printer 在 Sending Things to a Printer in Python - Small Business ... 的相關結果
1. Download and install the Python win32 module, which includes the win32 printing resource. · 2. Open a text editor and create a file named "winprint.py." · 3. ... <看更多>
python printer 在 Printing on paper with Python 🖨️ - DEV Community 的相關結果
The original print tool In 2019, I was requested to create a solution for printing placard... Tagged with python. ... <看更多>
python printer 在 Print to standard printer from Python? - Stack Overflow 的相關結果
This has only been tested on Windows: You can do the following: import os os.startfile("C:/Users/TestFile.txt", "print"). ... <看更多>