ตั้งแต่ดูหนังมา. หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ผมกล้าแนะนำทุกคนแบบสุดเสียง
“2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว”
ไม่ใช่แค่”น่าดู”
“แต่..ต้องดู”
หนังเรื่องนี้สร้างจากโครงการ”ก้าวคนละก้าว”ของ”ตูน บอดี้สแลม”เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ซึ่งกลายเป็น”ปรากฏการณ์”ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย
เมื่อคนๆหนึ่งวิ่งจากใต้สุดไปเหนือสุดของเมืองไทย
ก่อนที่”ตูน”จะเริ่มโครงการนี้. เขาเข้าไปคุยกับ”พี่เก้ง”จิระ มะลิกุล.
ตอนแรก เขาอยากให้ GDH ช่วยตัดฟุตเทจจากการ LIVE ของการวิ่งไปบางสะพานเป็นหนังหรือบันทึกความทรงจำ
แต่”พี่เก้ง”และ”วรรณ”วรรณฤดี. พงษ์สิทธิศักดิ์ โปรดิวเซอร์มือทองของ GDH บอกว่าการทำหนังกับการบันทึก LIVE นั้นแตกต่างกัน
ขอเป็นโครงการใหม่ที่”ตูน”กำลังจะทำดีกว่า
“พี่เก้ง”ชอบวิ่งอยู่แล้ว.
เขาเคยไปวิ่งกับ”ตูน”มาแล้วในโครงการบางสะพาน
ได้เห็นความงดงามและพลังดีๆตลอดข้างทางที่”ตูน”วิ่ง
GDH ดึง”ไก่”ณฐพล บุญประกอบ คนเขียนบทภาพยนตร์มือดี และผู้กำกับหนังสารคดีหลายเรื่องมาเป็นผู้กำกับหนังเรื่องนี้
“ไก่”กำลังเรียนต่อที่นิวยอร์ค เรื่องสารคดี
เขาบินกลับมาทันทีเมื่อรู้ว่าได้ทำโครงการนี้
”ไก่”และน้องๆอีก 5 คน ติดตามบันทึกภาพการวิ่ง 2,215 กิโลเมตรของ”ตูน”
สารคดีแบบนี้ไม่มี”บทภาพยนตร์”ล่วงหน้า
เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตลอดเวลา 55 วันนี้
จากวันนั้นจนถึงวันนี้
7 เดือนกว่า
ฟุตเทจทั้่งหมดก็กลายมาเป็นหนังสารคดีที่ยิ่งใหญ่
“2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว”
..............
ผมดูหนังเรื่องนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขอ”พี่เก้ง”เหมารอบให้นักเรียน ABC ทุกรุ่นได้ดูกัน
หวังจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการร่วมบริจาคเงินตามเป้าหมายของ”ตูน”
ตอนแรก"ตูน"ตั้งใจที่จะให้ทุกคนได้ดูฟรี
"ตูน"ขอเปลี่ยน"ค่าตั๋ว"เป็นเงินบริจาคเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่อาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
"ราคาตั๋ว"ขึ้นอยู่กับเราจะให้ค่ากับหนังเรื่องนี้แค่ไหน
"คิงเพาเวอร์"ให้การสนับสนุนโครงการนี้เต็มที่
เหมาโรงทั้งในเครือเมเจอร์และเอสเอฟให้คนดูฟรี 700,000 กว่าที่นั่ง
แต่ตอนหลังมีคนบอกว่าถ้าเปิดให้ดูฟรีอย่างเดียว. คนที่อยากดูแต่ขี้เกียจไปลุ้นหน้าโรงว่ามีที่นั่งว่างหรือเปล่าจะไม่ไปดู
เขาก็เลยเปิดขายบัตรตามปกติแต่ราคาถูกเป็นพิเศษ
และเพิ่มช่องทางให้คนที่อยากส่งต่อแรงบันดาลใจบริจาคเงินก้อนหนึ่งเข้ามูลนิธิและเหมาโรงให้นักเรียนหรือคนในบริษัทมาดู
"2,125 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว"เป็นหนังที่น่ารักมากๆครับ
หนังเรื่องนี้พาเราให้ย้อนอดีตกลับไปสู่ช่วงเวลาแห่งความสุขอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องราวของผู้ชายรูปร่างผอมบางคนหนึ่ง.
บนเวที เขาเป็น"ร็อคสตาร์"อันดับหนึ่งของเมืองไทย
แต่ช่วงเวลานั้น "ตูน"คือ คนที่ทั้ง"บ้า"และ"ดื้อ"กับเกมที่เขากำหนดขึ้นมาเอง
55 วันกับระยะทาง 2,215 กิโลเมตร
ไม่มีการผ่อนปรนอะไรทั้งสิ้น
มีฉากหนึ่งที่ทีมงานบอกให้"ตูน"เลิกแวะถ่ายรูปหรือทักทายกับคนที่ยืนรอตามทาง
แต่"ตูน"บอกว่าเขาทำไม่ได้
ทุกคนอยากเจอเขา
ถ้าเขาวิ่งผ่านไป. ภาพนั้นก็จะยังติดตาเขาอยู่
แล้วจะ"คาใจ"ว่าทำไมไม่ทักทายคนที่รอเจอเขา
นั่นคือ "ตูน"
......
สิ่งที่ผมชอบมากในหนังเรื่องนี้ คือ บทภาพยนตร์
"ไก่"เก่งมาก
เขาเขียนบทจาก"ความจริง"ที่เกิดขึ้น
แต่เสริมแต่งอย่างเหมาะสม
ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์พ่อ-แม่ของ"ตูน"ถึงวัยเด็ก
หรือการใช้เส้นเรื่องจากการสัมภาษณ์"กบ"บิ๊กแอส
คนที่แต่งเพลงให้"ตูน"
และเข้าใจ"ตูน"มากที่สุดคนหนึ่ง
เพราะ"ตูน"เป็นคนขี้อายที่จะพูดถึงตัวเองในมุมดีๆ
คำพูดของ"กบ"จึงช่วยทำให้เรารู้จัก"ตูน"มากขึ้น
ในมุมที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
บอกได้เลยว่าหนังเรื่องนี้คมคายขึ้นเพราะคำพูดของ”กบ”
แต่ละประโยคของ"กบ"คมมากครับ
ในหนังเราจะเห็นว่าแท้จริง”ตูน”ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
ไม่ใช่”ซูเปอร์ฮีโร่”
มีทั้งอารมณ์เกรี้ยวกราด ขว้างของ บนรถบ้าน
ดื้อกับแม่
หรือมุขแป๊กในบางเวลา
แต่”ความยิ่งใหญ่”ของ”ตูน”คือ ขนาดของ”หัวใจ”
คุณเคยดูหนังที่ไม่อยากให้จบไหมครับ
ตอนที่หนังเดินเรื่องมาถึงเชียงราย
เรารู้แล้วว่าหนังกำลังจะจบ
เพราะอีกนิดเดียวก็ถึง”แม่สาย”
ปลายทางของการวิ่งครั้งนี้
แต่เรายังอยากดูต่อ
ไม่อยากให้จบ
แต่ไม่ว่า”ความปรารถนา”ของเราจะเป็นอย่างไร
“ความจริง”ก็คือ”ความจริง”
หนังเรื่องนี้ต้องจบ
เหมือนกับ”ชีวิต”ที่ต้องมีการแยกจาก
ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้ให้อะไรกับเรา
ตอบได้เลยครับว่าให้แรงบันดาลใจที่ท่วมท้น
ได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราได้ทำอะไรเพื่อผู้อื่นบ้างหรือยัง
ไม่ต้องเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ระดับชาติเหมือน”ตูน”
เพราะทุกคนมี”ขนาด”ที่เหมาะสมของตัวเอง
ไม่ต้องทำใหญ่เท่าเขา
แต่ให้ทำแบบเขา
ทำเพื่อคนอื่น
มีคนถามผมว่าเขามีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง
จะบริจาคเข้ามูลนิธิทั้งหมดหรือเหมาโรงให้คนในบริษัทหรือนักเรียนได้ดูหนังเรื่องดี
คำแนะนำของผมก็คือ...
“เหมาโรงเถอะครับ”
เพราะผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้เหมือน”น้ำ”และ”ปุ๋ย”ที่จะช่วยให้ต้นไม้”ความดี”ในใจที่ทุกคนมีอยู่เติบโตขึ้น
ถ้าแค่ครึ่งหนึ่งของคนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้คิดจะทำเพื่อคนอื่นแบบ"ตูน"
สังคมไทยคงงดงาม
..........
วันที่ดูหนังฝนตกหนักทำให้มีที่นั่งเหลือพอประมาณ
ผมติดนิสัยชอบดูหนังคนเดียวแบบโล่งๆก็เลยเลือกที่นั่งแถวหน้าๆ
เป็นแถวที่ไม่มีคนนั่งเลย
ช่างเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมาก
เพราะหนังเริ่มไปแค่ 5 นาที.
นัยน์ตาเริ่มมีความเปียกชื้นมาปกคลุม
ถ้ามีคนนั่งติดกัน. ผมจะรักษาฟอร์ม นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้น้ำตาเอ่อไปเรื่อยๆ.
ความมืดในโรงหนังมีประโยชน์ตรงนี้
ถ้าเราไม่แสดงอาการ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเรากำลังร้องไห้
ถ้ารำคาญมากก็แกล้งคันตาหลังจากซีนนั้นผ่านไป
แล้วก็พยายามดึงอารมณ์ไม่ให้คล้อยตามหนัง
จะไม่ยอมเสียฟอร์มควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเด็ดขาด
แต่วันนี้สบายมากครับ
ทั้งแถวที่นั่ง ไม่มีใครเห็น
ผมควักผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงอย่างสง่าผ่าเผยเลย
ถอดแว่น แล้วซับน้ำตา
ก่อนเก็บผ้าเช็ดหน้าเข้ากระเป๋า
ผ่านไปอีกพักหนึ่ง. เฮ้ย...คลออีกแล้ว
เหมือนเดิม
ควักผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา เสร็จแล้วเก็บเข้ากระเป๋า
พอถึงกลางเรื่องเอาอีกแล้ว
ครั้งนี้ผมควักผ้าเช็ดหน้าวางไว้บนตักเลย
ท้า”ไก่”ณัฐพล. ผู้กำกับฯในใจ
รู้แล้วว่าเขาไม่หยุดแน่
เอาเลย”ไก่”... ตามสบาย
"ผ้าเช็ดหน้า"พร้อม
"2,125 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว"ไม่ใช่หนังเศร้า
แต่เป็นหนังที่น่ารักมากๆ
คุณเคยเจอหนังที่น่ารักจนจนน้ำตาคลอเพราะความประทับใจไหมครับ
หนังเรื่องนี้เป็นแบบนั้น
..........
ตอนใกล้จบของ”2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว”
มีฉาก”ตูน”บอกกับทีมงานก่อนลงไปวิ่งครั้งสุดท้าย
“จบแล้ว ไม่ทำอีกแล้ว”
เหมือนจะบอกทีมงานที่เหน็ดเหนื่อยทุกคนว่า”อาทิวราห์ คงมาลัย”จะไม่ทำอะไรบ้าๆแบบนี้อีก
ผมเชื่อว่าฉากนี้”ไก่”คงไม่ได้คิดเอง
แต่ทีมงาน”ก้าว”กดดันผู้กำกับ
ขอให้มีฉากนี้ในหนัง
เพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน
เวลา”ตูน”คิดอะไรบ้าๆขึ้นมาอีก
ทุกคนจะเอาฉากนี้ให้”ตูน”ดู
“สัญญาว่าไง”
เพราะทุกคนรู้ดีว่า”ตูน”คงไม่จบแค่นี้แน่นอน
“เส้นชัย”สำหรับ”ตูน”
มันคือ “การสิ้นสุด”ของสิ่งหนึ่ง
เพื่อจะ”เริ่มต้น”สิ่งใหม่เท่านั้นเอง
เพราะนี่คือ”ความสุข”แท้จริงที่เขาได้ค้นพบแล้ว
Since I watched the movie. This movie is a movie that I dare to recommend everyone.
" Haha. I believe that I'm crazy. I dare to
Not just "nice to watch"
"But.. must watch"
This movie is made from the " One Step " project of " Toon Bodyslam " at the end of the year.
Which became the greatest "phenomenon" of Thailand.
When someone runs from south to the north of Thailand
Before "Toon" starts this project. He went in to talk to "Brother Keng" Jira Mali KUl.
At first he wanted GDH to help cut the foot from the live of running to bang saphan or a movie.
But " Brother Predatory " and " Wan " Wan Rit Dee. Pongsak, GDH's golden producer said that the movie making and live recording is different.
Let's be a new project that "Toon" is about to do.
"Brother Predatory" likes to run anyway.
He has been running with "Toon" in Bang Saphan project.
I have seen the beauty and good power on the side of the road that "Toon" runs.
GDH Pull "Kai" Nathaphon Bunprakkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkkk
"Chicken" is studying in New York about documentaries.
He flew right back when he found out this project.
" Kai " and 5 other sisters follow the 2,215 km run of " Toon "
Documentaries like this don't have " screenplay
Because no one knows what will happen all the time 55 today
From that day till today
Over 7 months
All the footage became a great documentary.
" Haha. I believe that I'm crazy. I dare to
..............
I watched this movie last week
Asking for "Brother Predatory" to buy round for all models of ABC students to watch.
Hope to be a good start of donating money according to "Toon" goal.
First episode "Toon" intended to let everyone watch for free.
" Toon " would like to change " ticket " to buy medical equipment for Akaranwamin 8 4 Buddhist Lent of Medicine Siriraj.
"Ticket price" depends on how much we value this movie.
"King Power" supports this project.
Buying both major and SF group for more than 700,000 seats to watch.
But later, someone told me that if I open it for free only. Those who want to watch but lazy to see if there is an empty seat. I won't go to see.
So they are open for sale as usual, but it's cheap.
And add a way to those who want to pass on inspiration to donate money to the foundation and buy a school for students or company.
"Haha. I believe that I dare to step" is a very cute movie.
This movie takes us back to the happy times.
The story of some skinny man.
On stage he is the number one "rock star" in Thailand.
But that moment " Toon " is the one who is " crazy " and " stubborn " with his own game.
55 days and 2,215 km distance
No respite at all
There is a scene where the team told "Toon" to stop by to take photos or say hi to those who are waiting along the way.
But "Toon" says he can't.
Everyone wants to see him
If he runs through. That picture will still be stuck in his eyes
Why don't you say hi to those who wait to see him?
That's "Toon"
......
My favorite thing in this movie is the movie.
"Chicken" is very good
He wrote a script from "truth"
But enhance the proper decoration.
Whether it's an interview for "Toon" to childhood.
Or using the line from the "Kop" interview.
The one who wrote the song for "Toon"
And understand one of the most "Toon"
Because "Toon" is shy to talk about himself in a good corner.
The words of " Kop " help us know more about " Toon "
In a corner we never knew.
I can tell that this movie is sharp because of the words of " frog
Each sentence of "Kop" is very sharp.
In the movie, we will see that "Toon" is an ordinary person.
Not a " superhero
There is a temper, angry, throwing stuff on the car.
Stubborn with mom
Or a joke some time
But the " greatness " of " Toon " is the size of " heart "
Have you ever finished watching a movie that you don't want to finish?
When the movie came to Chiang Rai
We knew the movie was about to end.
Because just a little bit more to "Mae Sai"
Destination of this run
But we still want to continue watching
Don't want to finish
But no matter what our "desire" is.
" Truth " is " truth "
This movie must end
Just like "life" to be separated from
If you ask what this movie gave us
I can answer that it gives overwhelming inspiration.
Have you asked myself what have we done for others?
No need to be a national big thing like "Toon"
Because everyone has their own "size"
No need to do it as big as him
But let's do it like him
Do it for others.
Someone asked me if he had a bar of money
Do you want to donate to all the foundation or buy theaters for people in the company or students to watch movies?
My advice is...
"Let's buy the shed"
Because I believe that this movie is like " water " and " fertilizer " that will help the " goodness " in mind that everyone has growing up.
If only half of the people watched this movie think about doing it for other people like "Toon"
Thai society would be beautiful
..........
Movie day. Heavy rain makes a lot of seats left.
I'm addicted to watching movies alone, so I choose front row seats.
It's a row where there is no one to sit.
What a right decision
Because the movie started for 5 minutes.
Eyes are getting wet.
If someone sits in a row. I will keep the form, sit still, let the tears, uh, go.
Darkness in the theater is useful here.
If we don't show symptoms, nobody knows we're crying.
If you are very annoyed, pretending to be itchy after that scene has passed
Then try to pull the mood from the movie
I won't lose the form to take a handkerchief.
But today is very comfortable.
The whole row of seats, no one can see.
I took the handkerchief out of my pants gracefully.
Taking off my glasses and tears
Before packing handkerchief in the bag
It's been a while. Hey... again
Same same same same as usual
Finished taking the handkerchief and packed it in the bag.
When it comes to the middle of the story again
This time I put my handkerchief on my lap
Challenge "chicken" at cuddle thaphon. Director in mind
I know he won't stop
Go ahead "chicken"... at ease.
"Handkerchief" ready
"Haha. I believe that I dare to step" not a sad movie.
But what a lovely movie
Have you ever met a movie that is so cute that you cry because of the impression?
This movie is like that
..........
Near the end of "Haha. I believe that I dare to step"
There is a scene "Toon" to tell the team before going down to run for the last
"It's done. I won't do it again"
It seems to tell all the tired team that " Sunday, I will never do anything crazy like this.
I believe this scene "chicken" doesn't think about it.
But the team "step" pressures the director.
Let's have this scene in the movie
For proof of confirmation.
When "Toon" thinks more crazy
Everyone will show this scene to "Toon"
" What do you promise
Because everyone knows that "Toon" won't end this for sure.
" finish line " for " Toon "
It's the "ending" of one thing.
To "start" something new
Because this is the true "happiness" he has discovered.Translated
同時也有11部Youtube影片,追蹤數超過98萬的網紅CANACANA family,也在其Youtube影片中提到,楽譜の購入は下記URLよりです♫ ▷https://www.kokomu.jp/sheet-music/3342 みなさん、たくさんのコメント、リクエスト本当にありがとうございました!とても嬉しいです。 300曲近くのリクエストをいただき、その中でNo.1リクエストであった乃木坂46の『シンクロ...
「movie near me」的推薦目錄:
movie near me 在 mrbrown Facebook 八卦
Isaac, Joy and Papa Go Japan: Day 3 and 4, Higashikawa, Otaru, Sounkyo and Asahidake
⠀⠀⠀ ⠀⠀⠀⠀⠀⠀
I did not plan to drive around the entire island of Hokkaido in the few days we had. It would not be practical or fun. So I decided to keep things within the centre of Hokkaido.
From Shikotsuko, we drove to Higashikawa (my favourite town) and stayed at my friends’ B&B. Dinner was spent watching the Rugby World Cup Finals with my friends (they were rooting for England) while Isaac and Joy played with their kids, who were a few years younger. Jody and Nina adore big sister Joy, whom they met when she came visiting during my solo trip with her when she turned 12, and the girls were happy to see her again.
The next morning, we set off again, without any plans once more. I thought, perhaps we could drive out to Otaru, just to have a look. Frankly, it was just an excuse to drive, as the drive itself is very pleasant. I told them, “Otaru is famous for their canals.”
Joy asked, “And?”
“That’s pretty much it,” I said. It is one big tourist trap, to be honest, and I told them, “Essentially, we are driving all the way to see Otaru’s Long Kangs.” They laughed and were cool with their father’s rather stupid travel plans.
“The canals are actually quite nice when it is winter, to be honest,” I added, trying to make it sound a bit more exciting.
When we got to Otaru, I found a parking lot near the canals and was quite pleased it said ¥100 for 30 minutes. After parking, I realized I read it wrongly and it was actually ¥400 for 30 minutes during the day, and ¥100 for 30 minutes AT NIGHT.
“We better not stay too long,” I told the kids. Joy, the financially-minded of the two, said, “Ya, not worth paying that kind of parking for Long Kang.”
So we snapped some photos, walked around the food court a bit, and then left Otaru. I figured we would get lunch further away, en route to Sounkyo, where we planned to stay the night.
Sounkyo is a quaint mountain resort area, located in Kamikawa. It is considered a touristy place, but a good base to hike Daisetsuzan National Park from. We stopped at a ramen place in Kamikawa called Yoshino, just off the highway. And wow, the ramen was great. They even had thick slices of Miton roast pork available as a side, in limited quantities. This is part of the fun of road trips: stumbling upon good places to eat.
After eating at Yoshino, we drove on to Sounkyo and stopped at the Twin Waterfalls rest stop. That was when we encountered some serious cold and wind chill. It was -1ºC and windy there. We looked at the majestic cliffs for a bit, stared at the waterfall which was not flowing very rapidly (Spring is when the ice melts and you get a grander sight) and then we ran into the souvenir store to enjoy some heat.
The store ladies were so kind, and offered us cups of soup. They had a hot pot set up with paper cups to serve their customers, and we were very thankful for the soup. So much so that I felt I had to buy some stuff there, in gratitude. I bought some sweets and grapes. You may have seen the Instastory of Joy and me eating said grapes in our ryokan later, and attempting to spit the seeds into the bowl.
I asked the kids if they wanted to climb the stairs to the viewing platform but the sign said, “20 minutes” and there was a sign to look out for bears. So we chickened out. Actually we were just lazy. It was too much of a climb on a cold autumn’s day just to see two off-peak waterfalls.
We finally checked into Kumoi Hotel, a nice little place that was renovated only two years ago. Many of these onsen hotels in areas like this tend to be old and tired. A couple of the hotels I saw along the way had signs with missing words in their names. But not the Kumoi.
The kids had to set up the futon beds themselves, something they learned to do in our first house, and I have to say, it is handy having two assistants to set up the beds.
At least this Sounkyo area had three restaurants open till 8pm, so we did not need to tabao food. We chose an Italian place called Bear Grill, run by a handsome old man who made great food.
We also stopped by the Seicomart, the FamilyMart of Hokkaido, to resupply our drinks and junk food. And then retired to our hotel.
Because the Kumoi has its own onsen baths, I took the kids to the baths and taught the son how it works. Joy already had some experience in our previous trip so she was fine. The son took some convincing. “Nobody will look at your junk lah,” I assured him.
I gave him pointers on how to use an onsen, like putting a small towel on his head, and using the same small towel to cover his lower bits. The butt, that one cannot cover, the small towel was not big enough.
The kids enjoyed the onsen experience thoroughly, and we vowed to do it again when we could. And we ended our night at Sounkyo with a movie screening in the room, where I introduced them to The Matrix. Suffice to say, their minds were blown.
The next morning we drove back towards Higashikawa and stopped at the Seven Stars Tree. It is a scenic spot where, I later learned, a famous oak tree, that was once used on the packaging of seven stars tobacco, stood.
I only found out when I got to the Tree. Great, we drove all this way to see a cigarette advertisement. But the view was really nice lah. So it was not for nothing.
We also made a stop at the Shirogane Blue Pond, which was recently upgraded with new viewing platforms and lights. There, we spotted some dumb tourists taking photos on a tree branch that grew over the water. This is why we can’t have nice things.
By then it was close to sunset, and I didn’t want to drive in the dark, so we drove to Hotel Bear Monte, near Asahidake mountain, where I booked a night in this bigger, fancier onsen hotel. It took a lot of talking to convince the kids that it is okay to walk around the hotel in our yukata. And even to have the buffet dinner wearing our takata.
“This is how the farmers used to do it, on their vacations to onsen hotels,” I told the kids. They looked a little skeptical but took to it eventually. So we walked here walked there, like a boss, in our yukatas.
Like Japanese farmers on their winter onsen vacations.
#travel
#mrbrowntravels
#mrbrowninJapan
#isaacjoyandpapagojapan
movie near me 在 mrbrown Facebook 八卦
Isaac, Joy and Papa Go Japan: Day 5 and 6, Asahidake and Mombetsu
On Day 5, we woke up at Hotel Bearmonte and when we looked out the window of our “Western Room with Loft” we saw the surroundings covered in a blanket of white.
“It snowed last night!” the kids exclaimed.
Yes, winter comes earlier to Hokkaido than the rest of Japan and we witnessed the arrival of the first post-autumn snow. It was a pretty sight.
After consuming an obscene amount of food at the breakfast buffet, we packed up our things and loaded up the car to head to Asahidake Ropeway.
To be fair, it was only a short walk from Hotel Bearmonte to the ropeway but the ground was covered in snow and only Joy had her mother’s waterproof snow boots on. Isaac was wearing his Nike track shoes and I was wearing my Allbirds sneakers. Not the best choice for traipsing in snow.
So we drove that short distance and parked the car as near to the entrance of the ropeway as possible, then took the scenic ride up Hokkaido’s highest mountain (2,291m).
We had a lovely hike at the Sugatami Station (altitude 1,600m), wearing borrowed rubber boots. We would have finished the full one-hour hike but snow starting falling heavily. Weather in the mountains must be respected and it can turn bad very quickly. So one must always know one’s limits.
Then it was lunch at the ropeway restaurant, and a drive back to Higashikawa.
The next day, I decided that we would drive out to Mombetsu. Actually it was not so organized. We were just looking for breakfast and we just drove further and further away from our home base until we found ourselves back in Kamikawa, but this time we found another ramen place there. Parking our car in the snow-covered car park, we walked over to Asahi Shokudo, and we were their first customers of the day.
Their ramen was worth driving from Higashikawa to Kamikawa for. Try their Maboroshi ramen made from natural Okhotsk sea salt. Limited to 20 bowls a day. I had Bowl One of Twenty.
Also great, their miso ramen. Some of the best ramen I’ve ever tasted. The owner, a handsome elderly gentleman whose face was on many of the photos on the wall, posing with celebrities, asked me where we were heading.
“Mombetsu,” I blurted out, even though it was just a random thought in my mind. I didn’t even know what was there. Just that I haven’t been there before, and I’ve covered A LOT of Hokkaido in prior trips.
“Ah,” he said, “about 95km from here. Maybe three hours in this weather. Drive carefully, ok? Big snow.”
I thanked him for the advice and my teens and I drove off towards Monbetsu. Along the way, I asked Isaac to look the town up and read me some facts.
Turns out Mombetsu is famous for crabs and for the port, the sea ice, and icebreaker ships. Well, it wasn’t quite sea ice season but we were already on our way there, so what the heck. Let’s go.
The snow got heavier and heavier as I drove on the highway. I was super-cautious because we Singaporeans don’t drive in snow very often.
As my children fell asleep one by one, my iPhone started playing Angels We Have Heard on High, by Sixpence None the Richer, though the car stereo.
On my windscreen, I saw snow gently falling. In the car, I heard:
“Angels we have heard on high,
Singing sweetly through the night,
And the mountains in reply
Echoing their brave delight.”
It was like a scene out of a winter movie. Except I was also a hyper-alert father driving as carefully as I can, mindful of the sleeping young charges in my care.
When we got to Mombetsu, there was no snow. Just windy cold coastal weather. I drove the kids to the Okhotsk Tower where you can normally see the sea ice in the Sea of Okhotsk and take icebreaker cruises. We settled for visiting the underwater observatory that is 8m below sea level.
And oh, we also made sure we visited the giant Crab Claw Statue that is the pride of Monbetsu town. Not visiting the Crab Claw in Mombetsu is like not visiting the Merlion in Singapore, ok? Must go one.
Wish I tasted some of that Monbetsu crab though. But it was a long drive back to Monbetsu, and at 4pm, it would soon be nightfall and I still had that snowy part of the highway to drive through. And miles to go before I eat.
Dinner.
#travel
#mrbrowntravels
#mrbrowninJapan
#IsaacJoyAndPapaGoJapan
movie near me 在 CANACANA family Youtube 的評價
楽譜の購入は下記URLよりです♫
▷https://www.kokomu.jp/sheet-music/3342
みなさん、たくさんのコメント、リクエスト本当にありがとうございました!とても嬉しいです。
300曲近くのリクエストをいただき、その中でNo.1リクエストであった乃木坂46の『シンクロニシティ』を耳コピアレンジで弾いてみました(´∇`)最速で頑張りましたw
爽やかな、美しいメロディのこの曲、私も好きです。乃木坂さんの動画を見すぎて、白いワンピースを着て踊れそうです(^^)w
ベビちゃん、ピアノが大好きで、練習中は側でニコニコしながら聴いてくれています♪
ピアノ:姉 動画編集:弟
Syncronisity - Nogizaka46 - Piano cover
Everyone, many comments, thank you very much for your request! I am very happy.
I got a request near 300 songs, I tried playing "Synchronicity" of Nogizaka 46 which was No. 1 request in the ear Copy Arrange ('∇ `) I did my best at the fastest lol
This song of a fresh, beautiful melody, I also like it. I am looking at Nogizaka's videos so much that I can wear a white one piece and dance at the center(^^)lol
Baby, He love the piano, he listens to me while mypracticing while always smiling at the side
Piano : sister Movie edit : brother
他にも乃木坂46の曲を弾いています♪
【逃げ水】https://youtu.be/wQHISeDExLc
【いつかできるから今日できる】https://youtu.be/MU4dwCUGtiQ
【twitter】(弟発信)
http://twitter.com/CANACANA_broth
【instagram】(弟発信)
http://instagram.com/canacana_piano
movie near me 在 Kyle Le Dot Net Youtube 的評價
At the base of Chu Prong Mountain on Highway 14C near Pleiku City, was one of the most famous battlegrounds of the Vietnam War. The movie We Were Soldiers recounts this moment in history. Thousands of soldiers died around this area. I didn't know very much when I came here. I wasn't too sure if I was in the exact location because I only had a picture of a map. But it turns out that it was indeed the right spot.
--------------------------------------------------
About Me: I'm Kyle Le and I live, travel, and eat in Vietnam and many Asian countries. I'm passionate about making videos and sharing modern Asia to the world. I've traveled everywhere in Vietnam, from Hanoi to Saigon - Far North, Central Highlands, Islands, and Deep Mekong Delta - I've visited there. In addition to 10+ countries in Asia from Indonesia to Thailand to Singapore, you'll find all of my food, tourist attractions, and daily life experiences discovering my roots in the motherland on this amazing journey right on this channel. So be sure to subscribe- there's new videos all the time and connect with me below so you don't miss any adventures.
Subscribe Now: https://goo.gl/tMnTmX
More Info: http://www.KyleLe.net
Like: Facebook: http://www.fb.com/KyleLe.net
Follow: Instagram and Snapchat @KyleLeDotNet
Support for more videos.
Patreon http://www.patreon.com/KyleLe
Buy a T shirt: http://www.kyleledotnet.spreadshirt.com
Paypal Donation: https://goo.gl/Ju3qLk
Original Music by Antti Luode.
I produce, film, and edit all videos myself, so I welcome any help Visit: http://www.kylele.net/support
to see how you can ensure more videos to come.
movie near me 在 Claym morez Youtube 的評價
The Flash on a new Scene of Saving people! GTA 5 Crashed Tanker scene! The Flash is gonna run as fast as he can to save everyone near it! And I will upload this scene later! so everyone can enjoy saving people lives!
Support Me On PATREON ! https://www.patreon.com/claymmorez
Join ME ON DISCORD: https://discord.gg/b64ub4Z
Mash the LIKE button and the SHARE button if u do love what you are watching ! That will be cool and awesome !
Follow Me To See More Videos !
PARETON : https://www.patreon.com/claymmorez
Facebook : https://www.facebook.com/Claymmorez
Twitter : https://twitter.com/Claymmorez
Google+ : https://plus.google.com/u/0/+Claymmor...
Mods Download link :
The Ultimate Flash Mod : https://www.patreon.com/JulioNIB
The Flash Season 4: https://www.gta5-mods.com/player/flash-season-4
The Flash Scenario: https://www.gta5-mods.com/maps/the-flash-scenarios-different-scenarios-to-play-with-superheros
Flash Mod Enhancement: https://www.gta5-mods.com/scripts/flashextended
Menyoo : https://www.gta5-mods.com/scripts/menyoo-pc-sp
Old Flash Mod: https://www.gta5-mods.com/scripts/slowmomod
Naturalvision graphic mod : https://www.gta5-mods.com/misc/naturalvision-photorealistic-gtav
If you enjoy , Sub to my channel here ! And I will be grateful for getting your support !
https://www.youtube.com/channel/UCGQk...
“Villanelle” by “Jo Blankenburg"
Music used with permission from Position Music and Freedom!
http://sync.positionmusic.com/
Production Music courtesy of Epidemic Sound: http://www.epidemicsound.com
movie near me 在 台北双喜電影A Really Happy Film -Taipei - YouTube 的八卦
... ☆ 入選2021多倫多影展☆ 【模仿遊戲】班尼迪克康柏拜區×金球獎影后克萊兒芙伊再度合作☆ 揭開天才畫家「路易斯韋恩」傳奇一生本片敘述古怪的英國藝術家路易斯韋 ... ... <看更多>