สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านเมื่อเช้าครับ :)
1
ทันทีที่อ่านบทสัมภาษณ์พี่โน้ต-อุดม แต้พานิชใน The Cloud จบลง ผมก็ส่งข้อความไปหาพี่โน้ตทันทีว่าอ่านแล้วชอบมาก
ที่ชอบเพราะหลายคำตอบในนั้นทำให้เห็น "คำตอบ" ที่มาพร้อม "ความอาวุโส" ของชีวิต
พูดถึง "ความอาวุโส" นี้ผมไม่คิดว่าเกี่ยวกับ "อายุ" หากเกี่ยวกับความรู้สึก "อยู่มานาน" ซึ่งแต่ละคนมีไม่เท่ากัน ตามทฤษฎีด้านเวลา-หากชีวิตใครผ่านเหตุการณ์หรือประสบการณ์มามากจะรู้สึกว่าตัวเอง "ผ่านเวลา" มานานกว่าคนที่มีเหตุการณ์ในชีวิตน้อยกว่า
ชีวิตที่ "eventful" จึง "อาวุโส"
นอกจากนั้นผมยังแอบคิดอีกว่าการแบกรับภาระของ "ความดัง" ไว้บนบ่าก็ทำให้คนเรา "อาวุโส" ได้เช่นกัน เชื่อว่าน้องๆ BNK48 ทั้งหลายเมื่อผ่านไปสามปีก็จะมีความ "อาวุโส" ในหัวใจมากกว่าคนวัยเดียวกันทั่วๆ ไป
"อาวุโส" จึงไม่เท่ากับ "ชรา"
แต่อาจนำมาซึ่งความเข้าใจชีวิต
...
2
“แต่ก่อนผมไม่ค่อยระวังตัว ถ้าเป็นช่วง 30 เราพรั่งพรูออกไปแล้วเดี๋ยวเกิดอะไรก็เรื่องของมึง ทั้งที่ผมไม่ต้องพูดประโยคนั้นก็ได้ ไม่ต้องมีใครเดือดร้อน ตอนนี้ผมพยายามเลือกคำ มีความใจเขาใจเราอยู่”
นี่เป็นหนึ่งคำตอบธรรมดาๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงระหว่าง "วัยห่าม" กับ "วัยนิ่ง"
"ศูนย์กลาง" เปลี่ยนไปจากตัวเองไปอยู่ที่คนอื่น การก่นด่าโลกเปลี่ยนไปเป็นการทำงานกับตัวเองภายใน
...
3
ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับไวชวนปวดหัว หลายอาชีพล้มหายตายจาก โอกาสเหมือนมีให้ไขว่คว้าเต็มไปหมด แต่คว้ามาแล้วไม่นานก็หลุดมือไปอีก เจอคู่แข่งใหม่ๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็น พี่โน้ตพบคำตอบของตัวเองว่า "ให้ทำเรื่องเล็กๆ อยู่ในที่เล็กๆ ของเราก็สามารถอยู่ได้"
เขายกตัวอย่าง "จิโร่" คุณลุงนักทำซูชิระดับเทพ ที่ทำซูชิเสียจนกลายเป็น "ศิลปะ" ผู้คนรอต่อคิวเป็นเดือนๆ ขายในราคาที่แพงกว่าซูชิทั่วไป
ส่วนตัวแล้วผมสนใจคำว่า "เล็กๆ" ที่ออกจากปากของคนระดับซูเปอร์สตาร์ ผมเดาว่าแต่ก่อนพี่โน้ตน่าจะเคยรู้สึกว่า "เดี่ยว" ของเขานั้นไม่ใช่งานเล็ก กระทั่งอาจมีบางช่วงวัยที่อยากขยายตัวเองให้ครอบคลุมพื้นที่ออกไปให้มากที่สุด
แต่ในโลกที่ขยายตัวออกทุกวินาที พี่โน้ตกลับเห็นสิ่งที่ตัวเองทำเป็นเพียง "เรื่องเล็กๆ" ซึ่งอยู่ใน "ที่เล็กๆ ของเรา"
...
4
คำว่า "ที่เล็กๆ ของเรา" ก็สำคัญ ในโลกทุกวันนี้เราต้องหา "ที่แห่งนั้น" ให้เจอ ซึ่งจะว่าไปอาจไม่ควรใช้คำว่า "หา" แต่ควรใช้คำว่า "สร้าง" ที่แห่งนั้นขึ้นมาเสียมากกว่า
ไม่ได้ "สร้าง" แบบเร่งรีบ ขอไปที แต่สร้างแบบพิถีพิถัน ค่อยเป็นค่อยไป ประณีตบรรจง ใส่ใจ ทุ่มเท แล้ว "ที่เล็กๆ ของเรา" จะค่อยๆ เกิดขึ้นมา และเปิดโอกาสให้เราได้หยัดยืนบนผืนโลกที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง
พี่โน้ตตอบข้อความกลับมาว่า "ผมเพิ่งเข้าไปอ่านบทสัมภาษณ์ของพี่บอยโกซึ่งอยู่ถัดจากบทสัมภาษณ์ของผม สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือว่าคล้ายคลึงกันในความคิดความรู้สึกอย่างมาก มันน่าจะเป็นเช่นนี้ใช่ไหมสำหรับคนอายุ 50"
ผมคลิกตามเข้าไปอ่านบทสัมภาษณ์พี่บอยใน The Cloud ซึ่งพูดถึงการละวางจากชื่อเสียง ความไม่เที่ยงของมัน แต่สิ่งที่คล้ายกันกับคำตอบของพี่โน้ตมากก็คือความรู้สึกอยากทำงานไปจนตาย ถึงขั้นพูดว่า "ตอนตายต้องตายในห้องอัด หรือกำลังทำเพลงแล้วก็หัวใจวายตาย พีกดี ถ้าเป็นแบบนี้สำหรับเรามันเป็น Happy Ending"
ขณะที่พี่โน้ตพูดถึงการทำงานว่าไม่ได้ทำเพื่อให้คนมายกย่องว่าสุดยอด ไม่ได้เปรียบเทียบกับตัวเองในครั้งที่ผ่านๆ มา แต่ทำเพื่อ "ดำเนินต่อไป" ทำเพราะรักที่จะทำ และกระบวนการที่เอาใจใส่ในการพูดการซ้อมเพื่อให้ได้ "ซูชิ" ที่ดีที่สุดนี่เองที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย
อีกจุดที่น่าสนใจคือ เนื้อแท้ของการทำงานนั้นไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแบบเดิมแล้ว แต่ทำเพื่อคนอื่น ตั้งใจทำเพื่อให้คนอื่นมีความสุข คล้ายกับพี่บอยโกที่อยากเขียนเพลงเพื่อชโลมหัวใจคน เมื่อทำงานด้วยทัศนคติแบบนี้ "ความเจ๋ง" ก็เป็นเรื่องเล็ก และ "น้ำหนัก" ของการเปรียบเทียบทั้งกับตัวเองและคนอื่นที่แบกไว้บนบ่าก็เบาลงทันที
เรา "คราฟต์" ผลงานของเราเพื่อรอยยิ้มของคนที่ได้สัมผัสผลงานนั้น
...
5
เมื่อคราฟต์ผลงาน ชีวิตเราจะคราฟต์ตามไปด้วย ประณีตตามไปด้วย เราไม่ได้ทำทุกสิ่งที่ทำได้ แต่เราจะทำเฉพาะสิ่งที่รักและตั้งใจทำให้ดีที่สุด
ชีวิตเช่นนี้ย่อม "คัดสรร" สิ่งที่เห็นแล้วว่ามีคุณค่าของตัวเองและคนอื่น มิใช่ทำทุกอย่างที่โอกาสเปิดกว้างให้ทำ
ไม่พยายามยืดแขนขาออกไปครอบครองอาณาจักรใหญ่โต แต่เข้มข้นที่สุด บรรจงที่สุดกับ "ที่เล็กๆ ของเรา" และตั้งใจทำ "สิ่งเล็กๆ" นั้นให้ดีที่สุด แล้ววันหนึ่ง "สิ่งเล็กๆ" นั้นจะผลิดอกออกผลทำให้เราอยู่ได้
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ การตั้งใจทำ "หนึ่งสิ่ง" ให้ดีสุดฝีมือนั้นทำให้ทุกวันมีความหมายมากกว่าการทำ "ทุกสิ่ง" แล้วความสนใจ พลังงาน ความสามารถกระจัดกระจายเสียจนสัมผัสไม่ได้ถึงคุณค่าของสิ่งนั้นและคุณค่าของตัวเอง
เมื่อตั้งใจทำงาน เราจะรู้สึกทันทีว่าตัวเรามีคุณค่า
เมื่อทำแบบผ่านๆ ไป ขอไปที เราจะรู้สึกว่าชีวิตช่างไร้ความหมาย
...
6
ในหนังสือ "ฮารูกิ มูราคามิ ไปพบ ฮายาโอะ คาวาอิ" มีประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นคือเรื่อง "คอมมิตเมนต์" หรือการทุ่มเทตน
คุณคาวาอิบอกว่า คนหนุ่มสาวเดี๋ยวนี้จะรู้สึกว่าสภาพ "ดีแทชเมนต์" (การไม่ยึดโยงเข้ากับอะไร/อิสรภาพ) เป็นเรื่องที่คูลและเท่ ส่วนมูราคามิบอกว่า เขาให้ความสำคัญกับคอมมิตเมนต์มากขึ้นเรื่อยๆ
ผมตั้งข้อสังเกตเอาเองว่า ด้วยความเร็วของเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารล้นทะลักเช่นนี้ ผู้คน "จ่มตัวเอง" ลงไปในสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ยากขึ้นเรื่อยๆ เราหลงใหลคลั่งไคล้และให้เวลาด่ำดิ่งลงไปในสิ่งที่รัก สิ่งที่มุ่งมาดปรารถนากันอย่างยาวนานน้อยลงเรื่อยๆ ทำสิ่งหนึ่งได้แป๊บหนึ่งเดี๋ยวก็เปลี่ยนไปทำอีกอย่างหนึ่งแล้ว หรือไม่ก็ทำงานชิ้นเล็กๆ แบบรวดเร็วให้จบไปในแต่ละวัน จึงยากมากที่จะมีโอกาสได้สร้างสรรค์งานที่ประณีตบรรจงซึ่งต้องอาศัยการ "คอมมิต" ตัวเองกับสิ่งนั้นอย่างจ่มจ่อเนิ่นนาน
การที่เราทำงานแบบ "ผ่านไปวันๆ" นี่เองที่ทำให้เรารู้สึกว่างเปล่ากับชีวิต ความคิดอยาก "ดีแทช" ตัวเองจากทุกอย่างนี่เองที่ทำให้เรา "เหงา"
ชีวิตที่มีความหมายคือชีวิตที่ปักหลัก จมจ่อ ใส่ใจ ขัดเกลา ทำเกินร้อย สร้างงานที่ทำอยู่ให้เป็น "งานคราฟต์" ไม่ว่างานนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม
แทนที่จะใฝ่หา "อิสระ" ทางการงานหรือการเงิน สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายกลับกลายเป็นการ "ผูกมัด" ตัวเองเข้ากับสิ่งที่เราเห็นว่ามีคุณค่าต่างหาก
แทนที่จะคิดถึงการ "ลาออก" สิ่งที่ทำให้ชีวิตเบิกบานอาจเป็นการ "ทุ่มเท" ให้งานที่ทำอยู่กลายเป็นสิ่งที่มีความหมายในชีวิตให้จงได้
...
7
กระนั้นคุณคาวาอิก็แนะนำว่า "คนเราควรใช้ชีวิตไปกับสิ่งที่สำคัญที่สุดของตน...อัตลักษณ์จะปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างมีชีวิตไป"
สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในโลกที่เต็มไปด้วยทางเลือกเช่นทุกวันนี้คือการตัด คัดทิ้ง และคอมมิตเฉพาะสิ่งที่สำคัญ
บังเอิญเหลือเกินที่หนังสือ "อิคิไก" ของเคน โมงิ ก็ยกตัวอย่างเรื่องซูชิของคุณลุงจิโร่ เริ่มเล็กๆ จดจ่อกับสิ่งนั้น ปั้นมันให้เป็นคราฟต์ ไปให้ไกลกว่าที่ตลาดต้องการ ทำให้มีคุณภาพยิ่งกว่าที่จำเป็น แล้วงานนั้นจะค่อยๆ พาเราเข้าไปอยู่ในภาวะลื่นไหล แล้วเราจะอยากตื่นขึ้นมาทำงานนั้น
"งานเล็กๆ" ใน "ที่เล็กๆ ของเรา"
คุณลุงจิโร่ก็พูดคล้ายพี่บอยโกว่า จะขอตายตอนปั้นซูชินี่แหละ
...
8
ชีวิตของผมเองตอนนี้ตัดเหลือสามสิ่งสำคัญ หนึ่งคือร่างกาย สองคือการงาน สามคือความสัมพันธ์
ร่างกาย-ผมคอมมิตกับตัวเองว่าจะวิ่งมาราธอนเป็นระยะ ทำให้ต้องซ้อมอย่างต่อเนื่อง อยากวิ่งให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และพยายามจะ "คราฟต์" การวิ่งให้ค่อยๆ สวยงามขึ้นในแง่สถิติทั้งหลาย
การงาน-หลังจากเปลี่ยนวิธีการ ตัดการงานเล็กน้อยออกไป ใช้เวลาเขียนหนังสือเล่มหนาๆ ผมพบว่าตัวเองมีพลัง มีภาวะลื่นไหล และมีสมาธิกับงานแบบนี้อย่างมาก ที่สำคัญกว่านั้นผมรู้สึกมีความสุขกับงานที่ทำ และชอบผลงานที่สำเร็จออกมามากกว่าตอนทำงานชิ้นเล็กๆ ที่มีปริมาณมากแต่คุณภาพอาจไม่เข้มข้น
ความสัมพันธ์-เมื่อคัดสรรงานและกิจกรรมให้เหลือแต่สิ่งสำคัญ เวลาที่มากขึ้นจึงมอบให้คนใกล้ชิดและมิตรสหายได้มากขึ้น ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีย่อมทำให้ชีวิตมีพลังไปดูแลร่างกายและสร้างสรรค์ผลงานต่อไป
ช่วงสองปีที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้ว่า ชีวิตที่ดีนั้นไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร กระทั่งเปรียบเทียบกับตัวเองในอดีต งานที่ดีคืองานที่เราพร้อมทุ่มเท จดจ่อ และอยากพัฒนาให้มันดีที่สุด จะทำแบบนั้นได้ต้องปล่อยมือจากงานที่ "อยากทำ" แต่ไม่ "อยากที่สุด" เสียบ้าง การทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่องจะทำให้เรารู้สึกอยากตื่นขึ้นมาเพื่อ "ขัดเกลา" สิ่งนั้นให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ใช่แหละ, เราอาจยังทำได้ไม่ดีที่สุดในตอนต้น เหมือนการวิ่งที่ยังไม่ดีนัก แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ เราจะค่อยๆ เห็นผลในการงานที่ทำ ขอเพียงแค่อย่ารีบปล่อยมือจากมัน
"งานเล็กๆ" ในสายตาคนอื่น อาจมีคุณค่ามากสำหรับชีวิตเรา เพราะมันจะค่อยๆ ถางทางให้เกิด "ที่เล็กๆ ของเรา" ขึ้นมาได้
เราไม่ได้ต้องการคนทั้งโลกหรือทั้งประเทศ หรือมากมายอะไรเพื่อทำให้การงานที่เรารักนั้นดำเนินต่อไปได้ เราต้องการแค่ "จำนวนหนึ่ง" ซึ่งมากพอ
"จำนวนหนึ่ง" ที่ต่อแถวรอเข้าร้านซูชิร้านเล็กๆ ของเรา
แต่สิ่งนั้นมิได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน มันอาศัยการยืนระยะ กัดไม่ปล่อย และทำสุดหัวใจและฝีมือ จนกว่าจะได้ "ซูชิ" ที่อร่อยที่สุด
แต่มันคุ้มที่จะ "คอมมิต" กับอะไรสักอย่าง เพราะชีวิตที่ไม่คอมมิตกับอะไรอย่างจริงจังนั้นช่างว่างเปล่าและไร้ความหมาย
หาสิ่งที่จะประณีตกับมัน ทำสุดหัวใจ
แล้วชีวิตเราจะมีความหมาย
แล้วชีวิตจะกลายเป็น "ศิลปะ" ในตัวมันเอง
1
As soon as I read the interview, brother note-udomtae panich in the cloud ended, I sent a message to brother note that I like it very much.
I like it because many answers in it makes me see the " answer " that comes with " Seniority " of life.
Speaking of this " Seniority " I don't think it's about " age " if it's about feeling " for a long time " that each person has not equal in theory - if someone's life has been through many events or experiences, you will feel like they are " through time " With less life events
" eventful " life is " Senior "
Besides, I secretly think that carrying the burden of " famous " on my shoulder can also make people " Senior " too. I believe that bnk48 sisters, there will be more " Senior " in the heart than the same age.
" Senior " is not equal to " old age "
But may bring understanding life
...
2
"before I wasn't careful. If it's 30, we were out. Whatever happens, it's your business. Even if I don't have to say that sentence. No one needs to be in trouble. Now I'm trying to choose a word to have his heart."
This is one normal answer that shows the change between " age " and " young age
"Center" has changed from yourself to other people. Cursing the world has changed to work with yourself within.
...
3
In the midst of a world that changes quickly, many careers fall away from opportunities. It seems like there are plenty of them. But I have snatched it. Soon, I found a new rival. I see brother note found his answer, " to do small things in Our small place can live "
For example, " Jiro " Uncle, a great sushi maker who made sushi to become " Art people have been waiting for months to sell at more expensive than normal sushi.
Personally, I am interested in the word " small " that comes out of superstar's mouth. I guess brother note should have felt that his " solo " is not a small job, even some ages that I want to extend himself to cover. Space out as much as possible
But in a world that expands every second, brother note sees what he does is just " small things " that are in our " small place "
...
4
The Word " our small place " is important in the world. Nowadays, we need to find " that place " that we should not use the word " find " but we should use the word " build " place to lose.
I don't " build " in a hustle, but it's a meticulously, gradually, delicately. We are dedicated. " our little place " will slowly happen and open the opportunity for us to stand on a world full of change.
Brother note replied, " I just read brother boy ko's interview next to my interview. The surprise thing is that it's very similar in my thoughts. It should be like this for a 50 year old
I clicked to read the interview of brother boy in the cloud, which talks about his reputation, but the similar thing with brother note's answer is that I want to work until he said " when I die, I die in the room. Recording or making music and having a heart attack. If it's like this for me, it's happy ending "
While brother note talks about working that he didn't do it to make people say that it's awesome. It doesn't compare to himself in the past time, but he does it to " continue " do it because he loves to do it and the best " process of speaking rehearsal to get the best " Sushi " that makes it Life has meaning
Another interesting point is that the real texture of work is not doing it for yourself, but do it for others. Focus on doing it to make others happy. Similar to brother boy who wants to write a song to help people's heart when working with this kind of attitude " cool " it's a small thing and the " weight " of comparing both myself and others who carry on the shoulder is lighter immediately.
We "Craft" our work for the smile of those who have touched that work.
...
5
When craft our life will craft followed by exquisite. We do not do everything we can, but we will do only what we love and focus on doing our best.
Life like this will "choose" what you see that you have value for yourself and others, not doing everything that you have an open opportunity to do.
Not trying to stretch out limbs to possess the biggest kingdom, but the most intense with " our little place " and focus on doing our best " small things " and one day " small things " will be bloomed to make us live.
More importantly, it is to do your best " one thing " makes every day more meaningful than doing " everything " and attention, energy, ability is scattered that you can't feel the value of that and your own value.
When we focus on working, we will immediately feel that we are valuable.
When I do it through, please ask for it. I will feel that life is meaningless.
...
6
In the book " Haruki Murami to meet hayao kawai there is one point about it. is " commissioned " or dedication.
Mr. Kawaii said that young people will now feel "Dtachmentum" (Non-connected to anything / freedom) is cool and cool. Murami says he values the commissions. More and more and more.
I have noticed that with the speed of technology and information overflow like this, people "dipping themselves" into something. We are passionate, crazy and give time to go down to what they love what you are focused. Let's wish for less and less. Do one thing. You will change. Do another thing or work quickly. Each day. It's very difficult to have a chance to create exquisite work that requires " commit. " myself with that for a long time.
The way we work like " through day " makes us feel empty with our life. I want to " Dtash " from everything that makes us " lonely "
A meaningful life is a life that settles down, purify, do more than a hundred. Create a "Craft" whatever the work is.
Instead of seeking " freedom " in work or finance, what makes life meaningful becomes " binding " to what we see valuable.
Instead of thinking about " quitting " what makes life cheerful, it may be " dedicated " to the work that you do become meaningful in life.
...
7
Mr. Kawaii also suggested that " people should live with their most important things... identity will become clearer while living...
What is absolutely necessary in a world full of choices such as these days is to cut off and commissions only what matters.
It's a coincidence that keni's "Ikikai" book. For example, Uncle Jiro's sushi started small. Focus on it into a craft further than the market wants to make it even more quality than necessary. And that job will slowly take us into slippery and we will want to wake up to that job
" small job " in our " little place "
Uncle Jiro said it's like brother boy ko that he would want to die when she made sushi.
...
8
My life is now cut down to three important things. One is the body. Two is work. Three is relationship.
My body - I commissioned myself that I would run a marathon periodically. I have to practice continuously. I want to run better and try to "Craft" running slowly getting more beautiful in terms of statistics.
Work - after changing the way to cut off a little work out to write a thick book, I found myself powerful, fluidity and focused on this kind of work. More importantly, I feel happy with the work and prefer the work done more than working. Small pieces with large quantities but quality may not be intense.
Relationships - when selecting jobs and activities are important, more time gives more people closer and friends. Good relationships make life powerful to take care of your body and create the work.
In the past two years, I have learned that a good life doesn't have to compare to anyone. Even compare to myself in the past. Good work is a job that we are ready to focus on and want to develop the best. We can do that. We have to let go of the work that I want to do " but I don't want to do the most doing this continuously will make us feel like waking up to " purify " that thing better.
Yes, we may not do our best at the beginning. It's like a bad run. But if we keep doing it, we will gradually see the result in the work that we do. Just don't rush to let go of it.
" small work " in other people's eyes may be very valuable for our lives because it will slowly squatter the way to " our small place "
We don't need the whole world or the whole country or anything to make our loved work continue. We only need "a number" which is enough.
"a number" in line waiting to enter our little sushi shop
But that doesn't happen overnight. It lives standing, biting, not letting go and doing all my heart and skill until the most delicious "Sushi"
But it's worth "commissioned" with something because life that doesn't commissioned with anything seriously is empty and meaningless.
Find something to be exquisite with it. Do with all my heart.
And our lives will have meaning.
Then life will become "Art" in itself.Translated
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過283萬的網紅bubzbeauty,也在其Youtube影片中提到,Hello Youtube Family, My brother and I do the ‘Not My Arms’ makeup challenge. Whoever created this challenge designed it for major failure but Ricky ...
love cloud meaning 在 Facebook 八卦
Baca Ini Jika Tak Pandai Bahasa Inggeris
Kepada korang yang dah pandai bahasa Inggeris boleh abaikan surat ini. Biarkan abang ajar kepada korang korang yang lain.
Semua sedia maklum bahasa Inggeris itu penting kerana banyak sekali sumber ilmu yang dapat dirujuk dalam bahasa ini.
Wikipedia yang menjadi rujukan terbesar pun paling banyak artikel ditulis dalam bahasa Inggeris. Begitu juga kalau korang berniat untuk menyelamatkan dunia, maka ‘kerja’ itu akan jadi lebih mudah bila korang pandai English. InshaAllah berjaya terutamanya jika korang expert like a crazy pig (pandai gila babi).
Nota: Gila babi bukan digunakan untuk menghina tapi untuk menujukkan rasa kagum yang teramat iaitu kagum gila babi. Harap maklum.
Berbalik pada topik utama. Dipendekkan cerita, dulu abang mayat adalah seorang Melayu yang agak malas untuk belajar bahasa Inggeris. Mungkin pada zaman itu, PM belum mewajibkan lagi pelajaran matematik dan sains dalam bahasa Inggeris. Lagipun pada masa itu belum ada internet, maka abang membuat endah tak endah dengan pentingnya BI (alasan semuanya itu).
Sehinggalah pada suatu hari, abang mayat melihat sekumpulan budak-budak Punk ketawa selepas membaca tulisan di dinding tandas terutama bila ada F word. Hal ini membuatkan abang iri hati dengan kelebihan ilmu mereka dan ditambah pula dengan ramainya pendosa dari luar negara yang datang ke Malaysia, maka abang memulakan langkah to improve my English sebagai salah satu kaedah yang lebih cepat dalam usaha menyelamatkan dunia. InshaAllah!
Bak kata pepatah:
“Everyone should be able to do one card trick, tell two jokes and recite three poems, in case they are ever trapped in an elevator.” (Lemony Snicket)
Namun, oleh kerana abang dah lama habis sekolah dan datang dari keluarga yang kurang berkemampuan, maka abang belajar bahasa Inggeris dengan cara sendiri.
Sekarang, berkat usaha gigih, karisma, dedikasi dan integriti... err… kejap! Cerita ini bukanlah nak bercerita tentang abang yang pandai English gila babi, tapi cerita tentang bagaimana kita boleh cepat pandai dalam bahasa itu. Bila cepat tiada lagi istilah ‘hot-hot chicken shit’.
Kalau mahu belajar apa-apa bahasa, perkara pertama adalah korang kena ada kamus sendiri. Korang kena beli kamus dan bawa ke mana sahaja. Kalau boleh hafal satu kamus. Jika dulu nabi digelar ‘al-Quran bergerak’, sekarang giliran korang pula menjadi ‘kamus bergerak’. Jika ada kawan bertanya, what is inception? Terus dapat jawab, the Nolam film in the beginning blah blah...nampak tak?
Abang tahu, korang lemah BI bukan sebab bodoh tetapi korang tak tahu makna dan malas menghafal kerana dalam otak sudah ditanam ‘tak tahu English pun boleh hidup juga’ atau ‘malaikat dalam kubur tak tanya dalam bahasa Inggeris’. Bukankah dalam syurga lebih afdal cakap Arab? Arghh… malas nak cerita bab ni. Apa kata korang buang persepsi itu. Jangan jadikan itu alasan dan halangan.
Abang juga hairan kenapa pelajar dalam kelas English jarang bawa kamus. Masalah utama korang adalah tak tahu makna. Jadi, kalau tak tahu kenalah beli kamus dan hafal. Itu kunci yang pertama!
“Don't be so humble, you are not that great.” (Golda Meir)
Dah ada kamus? Sekarang pergi beli buku nota untuk mencatat perkataan yang tak faham sewaktu membaca dan sebelum tidur hafal balik perkataan baru tadi.
Jadi korang akan ada dua buku, satu adalah kamus dan satu lagi buku nota yang akan menjadi kamus peribadi kerana korang akan mencatat perkataan baru dan tak tahu makna sahaja. Lama kelamaan, buku nota itu akan menjadi tebal dan korang dah tak perlu merujuk kamus lagi.
Untuk permulaan, Pilih bahn bacaan yang mudah dahulu. Kalau boleh ambil bahan bacaan budak tadika, baca dan faham makna keseluruhan cerita. Selepas itu, baca buku budak sekolah rendah pula, seterusnya buku sekolah menengah, lirik lagu, dialog film, dan akhirnya bacalah novel Inggeris sebelum membaca tafsir al-Quran dalam bahasa Inggeris.
Abang masih ingat apabila baru berkecimpung dalam dunia internet, rasa teruja sungguh. Begitu banyak sumber ilmu yang boleh kita terokai. Buka sahaja Wikipedia bermacam-macam cerita yang boleh dibaca. Cukuplah ada wiki.. Ilmu tak bertepi.. perghhh!
Waktu tu pun baru tahu apa itu Rotten Tomatoes, siapa Maddox, imdb info dan banyak lagi istilah baru. Tetapi sebelum itu kenalah pandai English dulu!
Bila dah pandai, boleh mula berniat untuk berdakwah ke peringkat antarabangsa. Bukan setakat dari Perlis sampai ke Sabah saja perjuangan kita. Think BIG dan langkah kita akan besar tapi jika Think SMALL maka langkah pun akan small.
Contoh: Jika korang fikir habis belajar nanti cukuplah dapat bekerja makan gaji di company yang stabil, maka perjalanan hidup akan terhad kepada kerja lapan jam sehari, lima hari seminggu dan menunggu dinaikkan pangkat. Tetapi jika korang fikir mahu berbisnes, mencipta produk, menggaji pekerja, kayakan diri sendiri dan membuat sesuatu yang bermakna, maka perjalanan hidup korang akan luas tiada penghujungnya. Tapi sebelum nak mendapatkan semua ini, kenalah pandai bahasa penjajah!
“To stay around (if you dot want to go far), learn bahasa tempatan. To go futher, learn bahasa penjajah!” (Hamka Kereta Mayat)
Jadi Abang memang rajin baca Wikipedia. Sambil baca sambil buka kamus, (sekarang dah ada Google Translate lagi senang). Selepas itu abang beli akhbar The Star, komik English (sekarang banyak yang online) dan juga kitab karangan Maulana Yusof Mutakhab, hadis versi English. Baca, baca dan baca…
Dari dulu abang suka tengok movie. Selesai tengok movie, abang akan baca sinopsis atau plot cerita dalam bahasa Inggeris untuk tahu penggunaan ayat. Mana yang tak faham abang akan catat dan hafal pada waktu makan. Begitu juga dengan komik Dragonball dan GTO, walaupun dah khatam dalam bahasa Melayu, abang baca pula versi bahasa Inggeris di internet.
Bila berjalan abang akan bawa kamus, (sekarang cuma perlu download aplikasi ke dalam telefon) jika nampak tulisan yang diconteng di dinding tandas awam dalam bahasa Inggeris, abang akan buka kamus dan ketawa dalam slang English jika lawak itu bermutu tinggi.
Contoh lawak di dinding tandas;
‘A successful man is one who makes more money than his wife can spend. A successful woman is one who can find such a man.’ (Lana Turner)
Untuk lebih cepat pandai, abang pinjam dua buku dari perpustakaan awam iaitu versi Melayu dan Inggeris. Kedua-dua buku itu abang akan baca dan bandingkan. Antara buku yang abang buat begitu adalah How To Win Friends & Influence People tulisan Dale Carnegie, Rich Dad Poor Dad dan banyak buku popular lain.
Untuk dapat saham di dunia dan akhirat pula, abang baca buku islamik yang ada dua versi BM dan BI seperti buku tafsir dan hadis. Kedua-dua buku itu abang baca dan bandingkan. Ada juga waktunya isteri abang akan membaca taklim dalam BM dan ayah semak dalam BI.
Contoh hadis bahasa Inggeris yang dipetik dari A Selection of Hadith;
Nabi said: He is wise and shrew who takes account of himself and prepares for what is after death. And he is weak and incapable who follows his desires and yet pins high hopes on Allah’s Mercy. (Tirmidhi)
Kadang kadang abang kaji falsafah Inggeris:
“Before you were born, your parents weren't as boring as they are now. They got that way from paying your bills, cleaning your clothes and listening to you talk about how cool you thought you were. So before you save the rain forest from the parasites of your parent's generation, try delousing the closet in your own room.” (Bill Gates)
Ada masanya apabila menonton filem, abang akan fokus pada subtitiles dan gunakan dalam kehidupan seharian. Contoh petikan dialog daripada filem Bujang Lapuk (The Three Bachelor Warriors).
Aziz : Probably, that house that you mentioned, has anyone occupied it yet?
Sudin : Which house ?
Aziz : That house, the one that you kept talking about.
Sudin : Oh, that house. It's still vacant ... if we apply for it, we'll get it.
Aziz : How many rooms, Din ?
Sudin : I saw three rooms.
Aziz : That's good. Each of us can have a room to himself. Are they large ?
Sudin : Not very. But it's long, 7 feet ... about 3 feet long and 7 feet deep.
Aziz : Quite big, huh, there's even depth..that's A GRAVE !
Woha!
Bila dah naik sheikh, ada juga abang cuba menyanyi lagu Melayu dalam Bahasa English seperti lagu;
Sekadar Di Pinggiran - Just at the Edge
Menaruh Harapan - Pinning on Hope
Kau Kunci Cintaku Di Dalam Hatimu - You are the Key to My Love in Your Heart
Takdir Dan Waktu - Fate and Time
Pada Syurga Di Wajahmu - Your Heavenly Face
Teratai Layu Di Tasik Madu - Dying Lotus in the Honey Lake
Tanya Sama Itu Hud Hud - Ask the Woodpecker
Cinta Beralih Arah - Love Turns Away
Jerat Percintaan - Love Trap
Balqis - Queen of Sheba
Rela Ku Pujuk - I'm Willing to Entice
Gemilang - Glory
Terlalu Istimewa - Too Special
Awan Nano - Nano Cloud
Terukir Di Bintang - Etched In the Stars
Bahagiamu Deritaku - Your Happiness is My Pain
Kalau masih tak faham lagi, di sini abang copy paste satu lagu yang paling abang suka nyanyi dulu.
Aci-Aci, open the door,
Nana come back at one a.m,
Don't be afraid of the owl,
Nana bring Semambu of cane.
Nana Nana, come home rush,
Aci afraid to be all alone,
There's a ghost behind the house,
Shifty eyes and a striped nose long.
Aci aci, don't be afraid,
Nana have Oh! a stunt machete,
Ghost and demons will be afraid,
See the machete, surely they desperated!
If Nana, just say so,
Then my heart is calm so-so,
If come again, ghost and demons,
Aci will beat them with a brooms!
(Lirik tibai, mintak tolong cikgu Inggeris betulkan)
Lagu lain:. suci dalam.debu.
Alkisahnya Lagu suci dalam debu popular waktu abang tingkatan satu.
Naik bas pergi sekolah driver putar lagu ni.
Abang waktu tu ada minat sorang awek pandai English bernama Adibah nor(typo nama sebenar), jadi abang translate lagu Iklim versi English dan bagi kat dia.
Tapi cinta abang ditolak. Mungkin sebab kesalahan grammar abang yang telus sangat. Ha ha
Clean in dust!
(Sila Nyanyi ikut rentak asal)
You just like a clean water
In the glass with dust
Even the dirty.... you can see
Beautiful of clean is still protect
Love is not only at eye
Love coming from heart
Let be wrong.. from they eye
Let the different can see... between us.
I hope you... still can accept
Even looking so ugly
Because the real meaning of love
Only we feel it
One day will coming
The light will appear
The door will open
We step in together
That time we can see
The light is bright
The dust be a pearl
The ugly be honor
This is not dreaming
What I sharing
But very confident
Happening
Because of love
The sea will burn
Still I swimming
Confirm!
Woha!
Selain itu, untuk menambahkan kefahaman dalam English, abang juga berpantun dengan orang-orang tua.
Contoh pantun;
The Pandan Island is far from land,
The Daik Mountain has three peak,
Though the body has rot in the sand,
The good deeds are never forget.
(grammar silap sikit sebab nak bagi belakangnya sinomim, adohai)
Terkadang abang juga ada berteka-teki dalam bahasa Inggeris;
1. Which mountain has three peaks?
2. Which island is far from land?
Sesekali, apabila berdiri seorang diri depan cermin, abang akan menari macam Michael Jackson dan menyanyi lagi ini;
You better run,
You better do what you can,
Don't wanna see no blood,
Don't be a macho man,
You wanna be tough,
Better do what you can,
So beat it,
But you wanna be bad,
Just beat it.
Bini abang cukup menyampah tengok ayah tergedik-gedik sepahkan bilik tidur dengan tarian gimnastik. Woha!
Kadang-kadang abang akan berpatriotik dalam Bahasa Inggeris;
Rukun Negara
Kepercayaan kepada Tuhan - Belief of God
Kesetiaan kepada Raja dan Negara - Loyalty to King and Country
Keluhuran Perlembagaan - The Supremacy of the Constitution
Kedaulatan Undang-Undang - The Rule of Law
Kesopanan dan Kesusilaan - Courtesy and Morality
Bila jumpa member-member berpendidikan tinggi yang bergelar pensyarah, doktor atau professor, tanpa segan silu abang akan terus bercakap dalam bahasa Inggeris dengan mereka. Begitu juga jika berurusan dengan orang Cina dan India, abang akan speaking dengan mereka. Malahan dengan kucing yang curi-curi masuk rumah pun abang akan halau dalam bahasa Inggeris. Malah sesekali bila berasmaradana dengan bini, kami speaking juga. Woha!
Dan pengalaman yang paling bernilai dalam hidup ialah ketika para pendakwah dari luar negara datang berdakwah di kampung maka abang akan menjadi pengalih bahasa untuk orang kampung yang tak tahu berbahasa Inggeris. Begitu lebih kurang…
“Alhamdulillah, Allah puts the success of human’s life in this world and the hereafter only in the perfect religion. The Perfect religion is carrying out all of the commandments of Allah following the way of Rasulullah S.A.W. All of the companions of Rasullulah have had the perfect religion in their life, It was mainly because all of them had six noble qualities with them. If we want to have the perfect religion in our life, we should follow the footsteps of those successful people by making effort to obtain and bring the six qualities into our life. If we have these six noble qualities with us, we will also be able to practice the perfect religion in our life easily…”
Alkisahnya, Pada suatu hari, ketika rancak berborak dengan kawan-kawan dalam bahasa Inggeris yang berterabur tapi janji faham, maka terciptalah satu teori baru dalam hidup abang. Kawan-kawan abang bila belajar bahasa Inggeris mereka ada target atau measurement masing-masing dalam menentukan setakat mana pengetahuan mereka dalam bahasa ini telah tercapai.
Sesetengah mereka menganggap sudah pandai berbahasa Inggeris apabila boleh berborak dengan pelancong asing. Ada pula yang merasakan mereka sudah fasih berbahasa ini apabila boleh menyanyi lagu Inggeris dan pada masa sama faham maksud tersirat. Ada yang anggap mereka sudah pandai berbahasa Inggeris apabila boleh mengarang resume sehingga diterima kerja. Selain itu, ada yang menganggap mereka sudah fluent English apabila boleh membaca novel barat tanpa merujuk kamus dan lain-lain.
Tapi abang lain, abang ada target tersendiri dalam menentukan setakat mana pengetahuan ayah dalam Bahasa Inggeris tercapai iaitu…
(bersambung...)
Dipetik dari buku Hamka keretamayat
.
.
.
.
.
.
.
.
Okey belanja sikit lagi...
Tapi abang lain, abang ada target tersendiri dalam menentukan setakat mana pengetahuan abang dalam Bahasa Inggeris tercapai iaitu…
Abang Mesti Bermimpi Dalam Bahasa Inggeris!
Maka untuk itu.., pada suatu hari yang lain
(Sekarang baru betul betul bersambung)
Woha!
(cerita penuh kisah ini ada dalam buku Hamka keretamayat-Ngeteh dikubur ayah)
Buku ada stok.
Semusim di Syurga- kisah penduduk kuala syurga dan masalah agama.
Kisah laki bini-cerita pasangan membantu cinta dalam masa tiga hari.
Kisah anak bini- kisah anak tanya soalan pelik tapi di jawab oleh ayah dengan bergaya.
NGETEH di kubur ayah-kisah surat dari kubur kepada masyarakat kebanyakkan.
Kerana dia anak syurga:-kisah 12 parent OKU berdamai dengan takdir.
No wasap untuk order abang mayat share dekat first komen.
Don't say abang not umbrella.. ella..ella.. umbrella.. ella.. ella..
Woha!
love cloud meaning 在 Germaine Yeap Facebook 八卦
Hey everyone! Sorry i have been off Instagram for a week because my Instagram account got hacked ☠💀 but it's all well and good now 😁
On another note, I would like to share my experience at Vippasana. I attended a 10 day course at their meditation centre and the purpose was to gain some knowledge on how to manage my thought process better in order to have a happier and more focused mind. Vippasana is a meditation technique used to help one become aware of any sensations experienced and conditioning the mind and body not to react towards it. I hope to be able to keep practising it to develop rational thinking and avoid as much as I can to let any emotions cloud my judgements. The course is not religious and it is free to attend. You can offer a donation at the end to help keep the facility available to others who wish to experience this type of meditation. It was quite hard for me at times as the course is done in complete silence🙊 (meaning no communicating with others as I think it allows one to reflect on their thoughts), vegetarian diet🥗, fasting during dinner and meditating for 10 hours a day🙏. The day begins at 4am and ends at 9pm everyday. However I am glad that I managed to complete the course 😁✊👍
If you are interested to know more, you can find out more on their website https://www.dhamma.org/en/index
#vippasana #meditation #happymind #healthymind #healthybody #peaceful #focused #determination #love #happiness #calm
love cloud meaning 在 bubzbeauty Youtube 的評價
Hello Youtube Family,
My brother and I do the ‘Not My Arms’ makeup challenge. Whoever created this challenge designed it for major failure but Ricky actually did a lot better than I expected. Still impressed that he said “contour palette” rather than bronzer. As I type this, I'm missing him so much. I had to fly back to sort out legal documents/home stuff before our big move back to the UK. I spent almost every single day with him. He'll always be my baby brother.
I spent the past 2 days feeling emotional with all the recent tragedies happening around the globe. It made me realise how dark the world can be. I was praying and praying but I couldn't help but feel hopeless. I know a lot of you must be feeling gloom with a cloud over your head. I hope this makes you smile even for a bit. Never take each day for granted no matter how mundane it may seem. As I tuck myself in bed each night, I realise how lucky I am to go to bed with a full belly, safe and sheltered. Life is fragile. Don't be afraid to remind your loved ones how much they mean to you. Do all the things that give you meaning. No matter how short or long your life is- you will know you spent it worthwhile.
Ps. Now I know how I will look with big arms and tattoos.
Check out my brother’s youtube channel here:
http://www.youtube.com/rikehtube
In fact, here's the comedy video we made together. Momo is back!
https://www.youtube.com/watch?v=j-PRlqxaFo4
Thank you for watching!!
Love, Bubz xo
Subscribe to my Vlog channel for daily doses of HAPPINESS!
http://bit.ly/BubzVlogz
Subscribe to my Beauty Channel here:
http://bit.ly/BubzBeauty
Connect with me:
MY WEBSITE: http://www.bubzbeauty.com
TWITTER: http://www.twitter.com/bubzbeauty
INSTAGRAM: http://www.instagram.com/itsbubz
TIM'S INSTAGRAM: http://www.instagram.com/bubzhubz
FACEBOOK: http://www.facebook.com/itsbubz
SHOP MY MAKEUP BRUSHES: http://www.shopbubbi.com
love cloud meaning 在 Serrini Youtube 的評價
I love poetry. I write some too. And then I bought this funny Ladida app and I played around with it and this song incarnated like a year ago or so?
Imogene is always my muse.
Visit: www.facebook.com/Serrini.rocks
"Ode to Imogene, my fair lady"
By Serruria
Your svelte contour, blinding to my eyes.
The suave countenance, your sorrow's disguise.
To say independence is perfect,
Is but the utter ignorance of our softness.
Life's uncaring tricks to us misapplies,
Yet none of us shall abide.
Like a cloud elegantly loitering,
No one shall grasp, catch, hurt, predict us.
We are into oblivion dissolving.
Time has no meaning,
Because as dreamers we keep on dreaming.
My lovely lady so fair,
I will pour my sweetest fragrance to the air,
As long as you are there.
We shall embrace life like a little child,
And shall never say despair.
PS*: despair's /p/ should not be an aspirated plosive