HateSpeech กำลังกัดกร่อนสังคม ในขณะที่ เจ้าของแพลตฟอร์มได้กำไร /โดย ลงทุนแมน
เรื่องร้อนแรง ในวงการโฆษณาทั่วโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมากคือ
แบรนด์ใหญ่ต่างพากัน “หยุดซื้อโฆษณา” จากโซเชียลมีเดีย
ซึ่งรวมถึง Unilever และ Coca-Cola
หมายความว่าต่อจากนี้ ถ้าเราเล่นเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, ยูทูบ, ทวิตเตอร์
เราจะไม่เห็นโฆษณาโค้ก แฟนต้า เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน
ส่วนแบรนด์ของ Unilever จะนานหน่อย เพราะหยุดโฆษณาไปถึงสิ้นปีนี้
แบรนด์ของ Unilever จะมีหลายสินค้าเช่น
ไอศกรีมวอลล์ ผงซักฟอกบรีส โอโม
แชมพูซันซิล สบู่ลักซ์ ซุปก้อนคนอร์ น้ำยาล้างจานซันไลต์
ถ้าใครยังเห็นโฆษณาของแบรนด์เหล่านี้ ก็อาจต้องไปทักแอดมินเพจของแบรนด์นั้น แล้วบอกว่า บริษัทของคุณประกาศว่าจะหยุดซื้อโฆษณาในโซเชียลมีเดียแล้ว ทำไมยังมีโฆษณาอยู่..
╔═══════════╗
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
แต่คำถามที่สำคัญก็คือ
แล้วทำไมแบรนด์เหล่านี้ ถึงตัดสินใจหยุดโฆษณาในโซเชียลมีเดีย?
คำตอบก็คือแบรนด์เหล่านี้ไม่พอใจ “เจ้าของแพลตฟอร์ม” ในเรื่อง “การจัดการเนื้อหา” ที่มีเนื้อหาเกลียดชัง ข้อมูลปลอม ถ้อยคำรุนแรง และนำไปสู่ความแตกแยกของสังคม จนเกิดเป็นแคมเปญชื่อ #StopHateforProfit
แคมเปญ #StopHateforProfit จะส่งสารสำคัญไปถึงเจ้าของแพลตฟอร์มเหล่านี้ว่า กำไรของคุณจะ “ไม่มีค่า” ถ้ามันไปส่งเสริมความเกลียดชัง การใส่ร้าย ความรุนแรง การเหยียดชนชาติ
ถ้าจะมองย้อนกลับไป จริงๆแล้ว เรื่องนี้เป็นปัญหาที่เริ่มต้นตั้งแต่วันแรก ที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเกิดขึ้น
แต่นับวันปัญหามันก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น
แล้วทำไมเรื่องนี้ ถึงเพิ่งเกิดขึ้นในยุคโซเชียลมีเดีย?
ต้องยอมรับว่า การขัดแย้งทางความคิด และการใช้ HateSpeech มันฝังอยู่ในสังคมมนุษย์ตั้งแต่สมัยโบราณ
เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น
ย่อมมีคนที่มีความเห็นไม่ตรงกัน
ย่อมมีคนที่เสียประโยชน์
ย่อมมีคนที่อยากกดคู่ขัดแย้งให้จมดิน
แต่สมัยก่อนถ้าจะขัดแย้งกัน ก็จะทะเลาะกันในวงเล็ก
จะต่อยกัน ด่ากัน ก็รู้กันแค่ในตลาด
กว่าข่าวจะดังและไปถึงทุกคน ก็คงต้องเป็นเรื่องที่มีน้ำหนักพอ ที่จะรอลงหนังสือพิมพ์ในวันรุ่นขึ้น
แต่ในวันนี้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
เชื่อมต่อให้ทุกคนรู้เรื่องเดียวกัน ภายในเสี้ยววินาที
และถ้าเรื่องมีคนสนใจมากพอ มันก็พร้อมที่จะกลายเป็นกระแสสังคมในทันที
แล้วอะไรที่มักเป็นกระแสสังคม?
คำตอบก็คือ “เรื่องดราม่า”
จากหนังสือ 500 ล้านปีของความรัก เขียนโดย นายแพทย์ชัชพล เกียรติขจรธาดา ได้ให้เหตุผลว่าทำไมมนุษย์ชอบเสพเรื่องดราม่า เพราะว่าเป็น “วิวัฒนาการสมองของมนุษย์”
สรุปง่ายๆก็คือ สมองของเราสั่งให้ เราชอบเสพเรื่องดราม่า เรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นกับชีวิตคนอื่น ก็เพราะว่าเราจะได้เรียนรู้เรื่องแย่ๆเหล่านั้น และเราจะหาวิธีที่จะปกป้องไม่ให้เรื่องแย่นั้นเกิดขึ้นกับตัวเราในอนาคต เพื่อเราจะได้อยู่รอดต่อไปได้
และนั่นก็เป็นที่มาว่า
ทำไมหลายคนที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเอง
เราก็จะหลงไปกับดราม่าต่างๆที่เกิดขึ้นประจำวัน
จนในบางครั้งเราก็ไปร่วมวง กลั่นแกล้ง คนที่กำลังถูกสังคมบูลลี่ด้วย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ถ้าไม่มีโซเชียลมีเดีย
เราอาจจะไม่ได้รับรู้เรื่องนั้น
และเราก็จะไม่มีเครื่องมือ หรือ ช่องทางที่จะไปใช้ถ้อยคำรุนแรง ล้อเลียน ประจาน ให้กับคนรอบข้างเราได้เหมือนทุกวันนี้
พูดง่ายๆคือ โซเชียลมีเดีย เป็นตัวสนับสนุนให้เราเสพเรื่องแย่ๆได้ง่ายขึ้น และโซเชียลมีเดียยังมีเครื่องมือพร้อมที่จะ สนับสนุนให้เรามีปฏิกริยา หรือใช้ถ้อยคำ HateSpeech ในทางลบต่อเรื่องนั้นได้ง่ายขึ้น
และสิ่งสำคัญ คนรอบข้างและคนในสาธารณะจะเห็นสิ่งนั้นต่อ ซึ่งมันจะวนลูปไปกระตุ้นคนอื่นอีกหลายคนให้ทำตามๆกัน
สรุปแล้วสังคมจะมี “ความแตกแยก” จากเรื่องนี้มากขึ้นเป็นทวีคูณ ตามจำนวนคนในแพลตฟอร์มที่มากขึ้น..
ในฐานะเจ้าของแพลตฟอร์ม เรื่องนี้ก็คงเป็นเรื่องที่ตัดสินใจลำบาก
เพราะแต่ละแพลตฟอร์มก็มีคาแรกเตอร์ของตนต่างกัน
มีบางแพลตฟอร์มที่หนึ่งคนจะเปิดกี่บัญชีก็ได้ ใช้รูปปลอม ใช้ถ้อยคำว่าใคร ก็สามารถทำได้เลย
และนี่อาจเป็นจุดเด่นของแพลตฟอร์มที่เน้นในเรื่อง FreeSpeech หรือความอิสระที่เราจะบอกให้โลกรู้ว่าเราคิดอะไร
การที่เจ้าของแพลตฟอร์มจะไปลบข้อความ หรือควบคุม ก็จะมีความเสี่ยงที่แพลตฟอร์มจะโดนผู้ใช้งานไม่พอใจ และหันไปใช้แพลตฟอร์มอื่น
แต่การเปิดอิสระให้ทำอะไรก็ได้ ก็จะนำไปสู่การบูลลี่ ใช้ถ้อยคำ HateSpeech พร้อมที่จะกดคนเห็นต่างให้จมดิน ดูถูกคนที่ไม่ชอบ พร้อมลากคนอื่นมารุมประจาน และตัดสินว่าคนนั้นไม่ดีอย่างไร
ในขณะเดียวกัน ยิ่งมีเรื่องแบบนี้มากขึ้น แพลตฟอร์มนั้นก็จะยิ่งได้กำไร เพราะเมื่อผู้ใช้งานเล่นมากขึ้น เสพมากขึ้น พวกเขาจะสามารถแสดงโฆษณาได้มากขึ้นตามเช่นกัน
และถึงแม้แพลตฟอร์มบอกว่าพวกเขาไม่สนกำไร และรู้ตัวว่าควรแก้ไขเรื่องนี้
เขาก็จะเลือกแก้ในประเทศของเขาก่อน ส่วนประเทศเล็กๆอย่างเราเดี๋ยวค่อยว่ากัน
สิ่งสำคัญก็คือ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ในแต่ละประเทศก็อาจต้องใช้วิธีรับมือที่แตกต่างกัน
ทั้งในแง่ภาษา สังคม ศาสนา วัฒนธรรม
สำหรับประเทศไทยที่กำลังพึ่งพาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลัก จากต่างประเทศทั้งหมด
ต้องตั้งคำถามตัวใหญ่ๆว่า เราพร้อมที่จะรับมือกับเรื่อง HateSpeech ที่นับวันจะรุนแรงขึ้น ได้ดีแค่ไหน?
ถ้าให้ภาครัฐมาสร้างแพลตฟอร์มของประเทศ ก็คงไม่มีใครใช้ เพราะจะไม่มีใครไว้ใจในความอิสระ
แต่ถ้าเราเลือกที่จะรอ และต้องขอร้องให้เจ้าของแพลตฟอร์มต่างประเทศมาช่วยแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น
ในเวลานั้นสังคมของเรา ก็อาจถูกกัดกร่อนไปเรียบร้อยแล้ว..
╔═══════════╗
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過62萬的網紅Bryan Wee,也在其Youtube影片中提到,...
「freespeech」的推薦目錄:
- 關於freespeech 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於freespeech 在 Nat Sakdatorn Facebook
- 關於freespeech 在 外交部 Ministry of Foreign Affairs, ROC(Taiwan) Facebook
- 關於freespeech 在 Bryan Wee Youtube
- 關於freespeech 在 Travel Thirsty Youtube
- 關於freespeech 在 スキマスイッチ - 「全力少年」Music Video : SUKIMASWITCH / ZENRYOKU SHOUNEN Music Video Youtube
- 關於freespeech 在 Free Speech TV - YouTube 的評價
freespeech 在 Nat Sakdatorn Facebook 八卦
'ตอนนี้เราอยู่ในยุคของโลกออนไลน์ ที่ทุกคนต่างคิดว่าตัวเองมีสิทธิในแง่ของ free speech เต็มที่ จะพูดอะไรก็ได้ จะระบายอะไรก็ได้ จะด่าอะไรก็ได้ แต่ลืมไปหรือเปล่าว่า free speech ที่มันจะก่อให้เกิดประโยชน์จริงๆ มันต้องไม่ใช่ hate speech ในคราบของ free speech บางทีคอนเทนต์ที่พูด มีแต่การเหยียดด่าแรงๆ ว่าคนอื่นไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แบบนี้มันไม่นำไปสู่การแก้ปัญหา'
'พื้นที่ในการแสดงความเห็นที่ ‘ปลอดภัย’ มันคือพื้นที่ที่เราพูดได้ ต่อให้เราคิดไม่เหมือนกัน มันต้องมีการยอมรับและเคารพซึ่งกันและกันในความต่าง'
'การพูดคุยด้วยอารมณ์มันไม่ได้ช่วยอะไรใคร แล้วการใช้ถ้อยคำรุนแรงสาดใส่กัน แล้วอ้างว่านี่คือ free speech มันอาจจะทำให้เกิดผลตรงข้าม คือกลายเป็นว่าคนอื่นๆ จะยิ่งถอยห่างจาก free speech ไป เพราะเห็นว่ามันเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่น่ากลัว ไม่ปลอดภัย ไม่พูดอะไรดีกว่า'
'มันคงต้องสร้างความตระหนักเรื่องการพูดการแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ เอาง่ายๆ เลย ตอนนี้คนจำนวนมากยังแยกแยะไม่ค่อยออกเลย ระหว่างคนพูดตรงกับคนพูดหยาบ ถ้ายังแยกเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ก็น่าจะยังอีกไกลเลยนะ เราไม่ได้บอกให้ใช้ภาษาโลกสวยนะ แต่ควรเป็นคำพูดที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะไม่มีใครอยากจะคุยกับคนที่ไม่ให้เกียรติเรา หรือดูถูกเราอยู่ตลอดเวลาหรอก'
-----------------------
แล้วคุณล่ะครับ? คิดว่าพื้นที่ในการแสดงความเห็นในสังคมไทยเป็นยังไง? มี free speech เยอะแค่ไหน? หรือเป็น hate speech ซะมากกว่า? จะทำยังไงให้เกิดพื้นที่ที่เอื้อต่อ free speech แบบสร้างสรรค์มากขึ้น?
ชวนคุย ชวนคิด เรื่องสำคัญ ด้วยกันครับ
#thematter #freespeech
freespeech 在 外交部 Ministry of Foreign Affairs, ROC(Taiwan) Facebook 八卦
【世界反對網路審查日】👁
今天 #3月12日 是「口罩實名制2.0」上路的第一天,當大家在上網搶訂口罩的同時 (18日前預約都可以並非先搶先贏~),但或許很多人不曉得,每年的這一天,也是 #世界反對網路審查日 (World Day Against Cyber Censorship) 🙅♀️🙅♂️
這個由 #無國界記者 與 #國際特赦組織 在2009年所倡議設立的日子,是希望呼籲全球各大網路搜尋引擎,能夠停止支持各國政府對網路資訊的「審查制度」,讓全世界的網友都能享有 #自由開放 的資訊空間!
這陣子以來,我們已經深刻體會到,正確資訊在網路空間的 #透明公開、#即時傳播,是真真切切能夠守護我們健康安全的保護網 😷。#言論自由 並不是虛無飄渺的口號,而是我們必須時時守護的基本人權❗️
#亞洲民主燈塔
#台灣加油 💪
#還不清楚口罩新制的速前往 👉 衛生福利部粉專https://bit.ly/3cRnCSg
Today’s not just the launch of the online ordering system for face masks (see further info below*), it’s also the World #DayAgainstCyberCensorship!
Reporters sans frontières / Reporters Without Borders / RSF and Amnesty International established the day in 2009, calling for internet search engines to stop working with governments to allow the censorship of online information, to allow all web users around the world a free and open internet! Nowhere is this clearer than in #Taiwan, where internet freedoms and transparency of governance are valued very highly!
#DontShutMeDown #FreeSpeech #StopCensorship
*The trial version of the app is not currently available in English, but if you think your language skills are up to the job, you can download the NHI app here: http://bit.ly/39LflNJ (You’ll need to verify your identity with an ATM-style card reader).
freespeech 在 Free Speech TV - YouTube 的八卦
... <看更多>