ประเทศไทย กำลังเนื้อหอมใน Travel Bubble /โดย ลงทุนแมน
ปัจจุบัน โควิด-19 ยังคงระบาดหนักอยู่ในหลายประเทศ
แต่ก็มีหลายประเทศเช่นกัน ที่เริ่มควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
ถ้าต่างฝ่ายต่างต้องปิดประเทศแบบนี้กันไปอีกเป็นปี
ก็คงจะมีหลายคนต้องลำบากหนัก โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
เช่น สายการบิน โรงแรม
จึงมีการเดินทางระหว่างประเทศรูปแบบใหม่เกิดขึ้น
ที่เรียกว่า “Travel Bubble”
แล้ว Travel Bubble คืออะไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Travel Bubble แปลตรงๆ ก็คือ ฟองอากาศของการท่องเที่ยว
ด้านในของฟองอากาศ คือ ประเทศที่มีการจับคู่ หรือรวมกลุ่มกัน
เพื่อให้มีการเดินทางระหว่างกันได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการกักตัว (State Quarantine) 14 วัน
แต่ใช่ว่าทุกประเทศจะสามารถเข้าไปอยู่ด้านในฟองอากาศนี้ได้
เพราะด้านในของแต่ละฟอง ต้องเป็นคู่หรือกลุ่มประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้แล้วอย่างมีประสิทธิภาพ และยินยอมให้ไปมาหากัน
เพราะฉะนั้น ประเทศที่ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูง และยังคุมสถานการณ์ได้ไม่ดีพอ
ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในฟองอากาศเหล่านั้น
ส่วนประเทศในฟองอากาศแต่ละฟอง อาจมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไปตามแต่ตกลง
เช่น ต้องมีใบรับรองว่ามีสุขภาพแข็งแรงไม่มีการติดเชื้อ หรืออนุญาตเฉพาะการเดินทางเพื่อทำธุรกิจหรือธุระจำเป็นเท่านั้น
เท่ากับว่า ไม่จำเป็นต้องรอให้มีวัคซีน หรือรอให้เชื้อไวรัสหมดไป
กลุ่มประเทศที่พร้อม ก็สามารถกลับมาเปิดประเทศให้ไปมาหาสู่กันได้
เพื่อช่วยให้หลายฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศ ค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา
แล้วการทำ Travel Bubble มันเกิดขึ้นแล้วหรือยัง?
ก็ต้องตอบว่า มีทั้งกลุ่มที่เริ่มทำแล้ว และกลุ่มที่กำลังจะเริ่ม
กลุ่มที่เริ่มทำ Travel Bubble แล้ว ประกอบด้วย
1. กลุ่มประเทศแถบทะเลบอลติก ในยุโรปตะวันออก
ประกอบด้วย ลัตเวีย ลิทัวเนีย เอสโตเนีย
กลุ่มนี้อนุญาตให้ประชากรทุกคนเดินทางไปมาได้อย่างเสรี
และเริ่มทำ Travel Bubble แล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม
2. คู่ระหว่างสิงคโปร์กับบางมณฑลในจีน
อนุญาตให้เฉพาะนักธุรกิจหรือข้าราชการที่มีใบอนุญาต และใบรับรองสุขภาพเท่านั้น
โดยมณฑลในจีนที่จับกลุ่มกับสิงคโปร์ คือ เซี่ยงไฮ้ กวางตุ้ง เจ้อเจียง เทียนจิน เจียงซู และฉงชิ่ง
กลุ่มนี้เริ่มทำ Travel Bubble แล้ว ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน
กลุ่มที่กำลังจะเริ่มทำ Travel Bubble เช่น
1. กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย
ประกอบด้วย นอร์เวย์และเดนมาร์ก
ยกเว้น สวีเดน ที่ยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูง และใช้วิธีปล่อยให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity)
กลุ่มนี้จะเริ่มทำ Travel Bubble ในวันที่ 15 มิถุนายน
2. กลุ่มประเทศในทะเลแทสมัน
ประกอบด้วย นิวซีแลนด์ กับ ออสเตรเลีย
กลุ่มนี้จะเริ่มทำ Travel Bubble ในเดือนกันยายน
3. กลุ่มประเทศในยุโรป
ประกอบด้วย เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ ออสเตรีย
กลุ่มนี้จะเริ่มทำ Travel Bubble ในวันที่ 15 มิถุนายน
นอกจากกลุ่มประเทศที่ว่ามานี้
ยังมีอีกหลายกลุ่ม ที่อยู่ในช่วง “กำลังพิจารณา” เพื่อเปิดให้มีการเดินทางในรูปแบบนี้
รวมถึง “ประเทศไทย”
ซึ่งการเปิดให้มีการเดินทางระหว่างประเทศในรูปแบบฟองอากาศนี้
ถ้าเราลงทุนสร้างมาตรฐานการควบคุมให้ดี ก็จะช่วยจำกัดความเสี่ยงของการระบาดระลอก 2 ได้
และจะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวของไทย ฟื้นตัวกลับมาได้ไม่น้อย
ด้วยความสำเร็จในการรับมือการระบาดของโควิด-19 ของไทย
ประเทศไทยตอนนี้กำลังเนื้อหอม และเป็นที่หมายตาของหลายประเทศในการถูกเลือกเข้าไปในฟองสบู่ลูกต่างๆ ที่เกิดขึ้น
คำถามที่สำคัญคือ
ประเทศไหนดีพอจะมาอยู่ใน Bubble เดียวกับเรา
และเราจะได้ประโยชน์อย่างไรในการอยู่ Bubble เดียวกับประเทศนั้น
เลือกประเทศดีๆ แล้วไทยจะได้ประโยชน์มหาศาลจากฟองสบู่ลูกนี้
เพราะเรากำลังเป็น “คนสวย” ที่เลือกได้..
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.nytimes.com/2020/06/05/travel/europe-reopening-tourism-covid.html
-https://www.bbc.com/news/world-europe-52673373
-https://www.theguardian.com/world/2020/may/27/australia-new-zealand-travel-bubble-jacinda-ardern-says-plan-will-be-presented-in-june-coronavirus
-https://www.smithsonianmag.com/travel/five-things-know-about-travel-bubbles-180974983/
-https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/884192
-https://www.wonderfulpackage.com/article/v/1306/
同時也有27部Youtube影片,追蹤數超過44萬的網紅Composite,也在其Youtube影片中提到,This took shorter time than I thought. Original Music: We are number one - Lazy Town Beginning Music: Arvo Part - Spiegel Im Spiegel Subscribe for ...
facebook europe news 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
มิลาน กำลังแบกอิตาลีทั้งประเทศ /โดย ลงทุนแมน
นับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008
ประเทศอิตาลีก็ประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมาโดยตลอด
แม้จะผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว
GDP ของอิตาลีในปี 2018 ติดลบ 3.3% จากจุดสูงสุดในปี 2008
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเมืองหนึ่งที่มีเศรษฐกิจโตวันโตคืน
GDP ของเมืองแห่งนี้ เติบโตจากปี 2008 อยู่ 6.4%
และหากวัดจาก 5 ปีที่แล้ว GDP ของเมืองแห่งนี้จะเติบโตถึง 9.7%
ไม่ใช่เมืองหลวงที่มีอายุหลายพันปีอย่างกรุงโรม
แต่เป็นเมืองใหญ่ทางตอนเหนือที่มีชื่อว่า มิลาน หรือที่ชาวอิตาลีเรียกกันว่า มิลาโน
มิลานมีดีอะไร ?
ถึงสามารถแบกอิตาลีทั้งประเทศได้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่ประวัติศาสตร์ มิลาน มีชื่อมาจากภาษาละตินว่า Mediolanum
ซึ่งมีความหมายว่า ใจกลางของที่ราบ
เพราะที่ตั้งของเมืองตั้งอยู่ใจกลางของที่ราบลุ่มแม่น้ำโป
ซึ่งเป็นที่ราบขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรอิตาลี
ด้วยทำเลที่ตั้งที่ดี เชื่อมระหว่างกรุงโรมกับเมืองอื่นๆของยุโรปเหนือ
ทำให้มิลานเติบโตจนกลายเป็นชุมทางการค้าที่สำคัญของคาบสมุทรอิตาลี
แม้แต่ยามที่กรุงโรมและจักรวรรดิโรมันล่มสลาย
จนเมื่อถึงยุคเรอเนซองซ์ ราวคริสตศตวรรษที่ 15
มิลานกลายเป็นศูนย์รวมของพ่อค้า นายธนาคาร
ความร่ำรวยทำให้เหล่าพ่อค้าต้องการศิลปินเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ตัวเอง
มิลานจึงกลายเป็นแหล่งรวมของศิลปินและนักออกแบบ และเติบโตจนกลายเป็นนครรัฐที่ยิ่งใหญ่อยู่หลายศตวรรษ
หลังจากมีการรวมแคว้นและนครรัฐต่างๆ จนเกิดเป็นประเทศอิตาลีในปี ค.ศ. 1861
และกรุงโรมได้รับเกียรติให้เป็นเมืองหลวง
ทำให้ถนนแทบทุกสายมุ่งหน้าสู่กรุงโรมอีกครั้ง
โดยเฉพาะสายการปกครอง สายศาสนา และการท่องเที่ยว
แต่ไม่ใช่สำหรับถนนสายเศรษฐกิจ..
มิลาน ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์ดี หรือ Lombadia ในภาษาอิตาลี
เป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์เพียงแห่งเดียวในอิตาลี คือ Borsa Italiana
ธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดของอิตาลี Unicredit ซึ่งมีสินทรัพย์กว่า 27 ล้านล้านบาท
ก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแห่งนี้
มิลานคือศูนย์กลางการเงินของอิตาลี
เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของธนาคารและบริษัทประกันภัยหลายแห่ง
นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์ Alfa Romeo ก็มีต้นกำเนิดมาจากเมืองนี้
นอกจากยานยนต์ ยังมีอุตสาหกรรมยา สื่อมวลชน และสิ่งพิมพ์
ด้วยภาคการเงินและอุตสาหกรรมการผลิตที่แข็งแกร่ง
ส่งผลให้มิลานและเขตปริมณฑล หรือ Grande Milano
ที่มีอาณาเขตครอบคลุมประชากรรวม 4.2 ล้านคน
สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 6.7 ล้านล้านบาทในปี 2017
มิลานจึงเป็นเมืองใหญ่ ที่มี GDP ต่อหัวมากที่สุดของอิตาลี คือปีละ 1,595,000 บาท
มากกว่า GDP ต่อหัวของชาวอิตาลีเกือบ 2 เท่า
หากรวมแคว้นลอมบาร์ดี ซึ่งเป็นแคว้นที่มีมิลานเป็นเมืองหลวง
จะมีขนาด GDP ถึง 14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20% ของ GDP ประเทศอิตาลี
แต่นอกจากเรื่องการเงิน
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับมิลานมากที่สุด
ก็คือ “อุตสาหกรรมแฟชั่น”
การเป็นศูนย์รวมของพ่อค้าและศิลปินมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15
ทำให้มิลานกลายเป็นศูนย์กลางของการออกแบบเครื่องแต่งกาย มีสถาบันศิลปะและการออกแบบที่มีชื่อเสียง สร้างดีไซเนอร์ระดับโลกมากมาย
หากลองนึกถึงแบรนด์เครื่องแต่งกายหรูจากอิตาลี เกือบทั้งหมดล้วนมีต้นกำเนิดมาจากมิลาน
ทั้ง Giorgio Armani, Prada, Versace, Dolce&Gabbana, Ermenegildo Zegna,
Bottega Veneta และ Moschino
แม้แต่แบรนด์แว่นตาชั้นนำ ทั้ง Ray-Ban และ Oakley ซึ่งเป็นของบริษัท Luxottica
บริษัทนี้ก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มิลาน
แบรนด์เหล่านี้สร้างชื่อเสียงให้กับมิลานจนกลายเป็นเมืองระดับ Big 4 ของวงการแฟชั่นโลก
งานมิลานแฟชั่นวีก กลายเป็นสถานที่รวมดีไซเนอร์และนักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในเสน่ห์ของดีไซน์อิตาลี
วงการแฟชั่นและแบรนด์หรูที่เติบโตได้ดี ดึงดูดเงินจากนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักทั่วทุกมุมโลก
สร้างรายได้มหาศาลให้กับมิลาน
ความคึกคักทางเศรษฐกิจดึงดูดแรงงานเข้ามาทำงานในมิลานมากขึ้นเรื่อยๆ
อัตราว่างงานในมิลานอยู่ที่ 8% ส่วนอิตาลีอยู่ที่ 12%
โดยแรงงานส่วนใหญ่อพยพมาจากแคว้นทางตอนใต้ของอิตาลี
ประเทศอิตาลีมีความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างแคว้นทางเหนือกับแคว้นทางใต้มานับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งประเทศ
แคว้นทางเหนือ เป็นที่ตั้งของเมืองอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะมิลาน
มีอุตสาหกรรมก้าวหน้า ทั้งการเงิน แฟชั่น ยานยนต์ และการท่องเที่ยว
เศรษฐกิจที่หลากหลายทำให้ผู้คนมีฐานะร่ำรวย
ในขณะที่ผู้คนในแคว้นทางภาคใต้ ซึ่งมีเมืองสำคัญอย่างเนเปิลส์ และปาแลร์โม
กลับมีฐานะยากจนกว่า เพราะมีรายได้หลักมาจากภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว
และถูกรุมเร้าด้วยปัญหาการว่างงานและอัตราอาชญากรรมที่สูง
ทำให้แรงงานต้องอพยพไปยังภาคเหนือเพื่อหางานทำ
นอกจากนั้นแคว้นทางภาคใต้ยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาการคอร์รัปชัน มาเฟียท้องถิ่น และจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อผู้คนในแคว้นลอมบาร์ดีซึ่งเมืองมิลานตั้งอยู่
เริ่มรู้สึกว่าภาษีที่ตัวเองจ่ายให้ส่วนกลางกว่า 2 ล้านล้านบาท
ถูกนำไปถมให้กับปัญหาเรื้อรังทางภาคใต้ มากกว่านำมาใช้ประโยชน์ต่อการลงทุนในท้องถิ่น
การลงประชามติเพื่อขออำนาจในการปกครองตนเองของแคว้นลอมบาร์ดีในเดือนตุลาคม ปี 2017 จึงเกิดขึ้น ทั้งที่ผู้มาเข้าร่วมมีไม่ถึง 40% ของทั้งแคว้น
แต่กว่า 95% ของผู้ลงประชามติ ก็ให้การสนับสนุนกับการปกครองตนเอง
แม้การลงประชามติครั้งนี้ จะเป็นไปเพื่อต่อรองกับทางกรุงโรม เพื่อขออิสระในการจัดการบริหารเงินภาษี มากกว่าที่จะขอแบ่งแยกประเทศ
แต่ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ..
ในประเทศอุตสาหกรรมชั้นแนวหน้าของโลก มีระบบรัฐสวัสดิการที่ครอบคลุมอย่างอิตาลี
ยังมีความเหลื่อมล้ำที่เห็นได้ชัดเจน
ช่องว่างระหว่างแคว้นทางเหนือที่ร่ำรวย กับแคว้นทางใต้ที่ยากจน เริ่มห่างกันมากขึ้นทุกที
หากยิ่งคำนึงถึงหนี้สาธารณะของประเทศที่มีสูงถึง 131% ของ GDP
อนาคตของสาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งเพิ่งรวมประเทศกันมาได้เพียง 159 ปี ก็อาจสั่นคลอนได้
ล่าสุดจากเหตุการณ์พบผู้ป่วย COVID-19 ในแคว้นลอมบาร์ดีจำนวนมาก ก็ยิ่งเป็นที่น่าจับตาว่าจะกระทบเศรษฐกิจของเมืองมิลานขนาดไหน
และถ้ามิลานเป็นอะไรไป
ก็อาจหมายความว่า
มิลานจะแบกอิตาลีทั้งประเทศต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
และสุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ก็คือทุกคนในอิตาลี นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.thelocal.it/…/milan-should-be-the-new-capital-o…
-https://europe.uli.org/…/Milan-and-Turin-Competitiveness-of…
-https://www.theguardian.com/…/how-europes-cities-stole-cont…
-https://www.ft.com/con…/cfb822ea-9307-11e7-a9e6-11d2f0ebb7f0
-https://www.bbc.com/news/world-europe-41712263
facebook europe news 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
มิลาน กำลังแบกอิตาลีทั้งประเทศ /โดย ลงทุนแมน
นับตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008
ประเทศอิตาลีก็ประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมาโดยตลอด
แม้จะผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว
GDP ของอิตาลีในปี 2018 ติดลบ 3.3% จากจุดสูงสุดในปี 2008
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีเมืองหนึ่งที่มีเศรษฐกิจโตวันโตคืน
GDP ของเมืองแห่งนี้ เติบโตจากปี 2008 อยู่ 6.4%
และหากวัดจาก 5 ปีที่แล้ว GDP ของเมืองแห่งนี้จะเติบโตถึง 9.7%
ไม่ใช่เมืองหลวงที่มีอายุหลายพันปีอย่างกรุงโรม
แต่เป็นเมืองใหญ่ทางตอนเหนือที่มีชื่อว่า มิลาน หรือที่ชาวอิตาลีเรียกกันว่า มิลาโน
มิลานมีดีอะไร ?
ถึงสามารถแบกอิตาลีทั้งประเทศได้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่ประวัติศาสตร์ มิลาน มีชื่อมาจากภาษาละตินว่า Mediolanum
ซึ่งมีความหมายว่า ใจกลางของที่ราบ
เพราะที่ตั้งของเมืองตั้งอยู่ใจกลางของที่ราบลุ่มแม่น้ำโป
ซึ่งเป็นที่ราบขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของคาบสมุทรอิตาลี
ด้วยทำเลที่ตั้งที่ดี เชื่อมระหว่างกรุงโรมกับเมืองอื่นๆของยุโรปเหนือ
ทำให้มิลานเติบโตจนกลายเป็นชุมทางการค้าที่สำคัญของคาบสมุทรอิตาลี
แม้แต่ยามที่กรุงโรมและจักรวรรดิโรมันล่มสลาย
จนเมื่อถึงยุคเรอเนซองซ์ ราวคริสตศตวรรษที่ 15
มิลานกลายเป็นศูนย์รวมของพ่อค้า นายธนาคาร
ความร่ำรวยทำให้เหล่าพ่อค้าต้องการศิลปินเพื่อสร้างสรรค์ผลงานให้ตัวเอง
มิลานจึงกลายเป็นแหล่งรวมของศิลปินและนักออกแบบ และเติบโตจนกลายเป็นนครรัฐที่ยิ่งใหญ่อยู่หลายศตวรรษ
หลังจากมีการรวมแคว้นและนครรัฐต่างๆ จนเกิดเป็นประเทศอิตาลีในปี ค.ศ. 1861
และกรุงโรมได้รับเกียรติให้เป็นเมืองหลวง
ทำให้ถนนแทบทุกสายมุ่งหน้าสู่กรุงโรมอีกครั้ง
โดยเฉพาะสายการปกครอง สายศาสนา และการท่องเที่ยว
แต่ไม่ใช่สำหรับถนนสายเศรษฐกิจ..
มิลาน ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของแคว้นลอมบาร์ดี หรือ Lombadia ในภาษาอิตาลี
เป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์เพียงแห่งเดียวในอิตาลี คือ Borsa Italiana
ธนาคารที่มีสินทรัพย์มากที่สุดของอิตาลี Unicredit ซึ่งมีสินทรัพย์กว่า 27 ล้านล้านบาท
ก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแห่งนี้
มิลานคือศูนย์กลางการเงินของอิตาลี
เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของธนาคารและบริษัทประกันภัยหลายแห่ง
นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมยานยนต์
รถยนต์ Alfa Romeo ก็มีต้นกำเนิดมาจากเมืองนี้
นอกจากยานยนต์ ยังมีอุตสาหกรรมยา สื่อมวลชน และสิ่งพิมพ์
ด้วยภาคการเงินและอุตสาหกรรมการผลิตที่แข็งแกร่ง
ส่งผลให้มิลานและเขตปริมณฑล หรือ Grande Milano
ที่มีอาณาเขตครอบคลุมประชากรรวม 4.2 ล้านคน
สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 6.7 ล้านล้านบาทในปี 2017
มิลานจึงเป็นเมืองใหญ่ ที่มี GDP ต่อหัวมากที่สุดของอิตาลี คือปีละ 1,595,000 บาท
มากกว่า GDP ต่อหัวของชาวอิตาลีเกือบ 2 เท่า
หากรวมแคว้นลอมบาร์ดี ซึ่งเป็นแคว้นที่มีมิลานเป็นเมืองหลวง
จะมีขนาด GDP ถึง 14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20% ของ GDP ประเทศอิตาลี
แต่นอกจากเรื่องการเงิน
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับมิลานมากที่สุด
ก็คือ “อุตสาหกรรมแฟชั่น”
การเป็นศูนย์รวมของพ่อค้าและศิลปินมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15
ทำให้มิลานกลายเป็นศูนย์กลางของการออกแบบเครื่องแต่งกาย มีสถาบันศิลปะและการออกแบบที่มีชื่อเสียง สร้างดีไซเนอร์ระดับโลกมากมาย
หากลองนึกถึงแบรนด์เครื่องแต่งกายหรูจากอิตาลี เกือบทั้งหมดล้วนมีต้นกำเนิดมาจากมิลาน
ทั้ง Giorgio Armani, Prada, Versace, Dolce&Gabbana, Ermenegildo Zegna,
Bottega Veneta และ Moschino
แม้แต่แบรนด์แว่นตาชั้นนำ ทั้ง Ray-Ban และ Oakley ซึ่งเป็นของบริษัท Luxottica
บริษัทนี้ก็มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มิลาน
แบรนด์เหล่านี้สร้างชื่อเสียงให้กับมิลานจนกลายเป็นเมืองระดับ Big 4 ของวงการแฟชั่นโลก
งานมิลานแฟชั่นวีก กลายเป็นสถานที่รวมดีไซเนอร์และนักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในเสน่ห์ของดีไซน์อิตาลี
วงการแฟชั่นและแบรนด์หรูที่เติบโตได้ดี ดึงดูดเงินจากนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักทั่วทุกมุมโลก
สร้างรายได้มหาศาลให้กับมิลาน
ความคึกคักทางเศรษฐกิจดึงดูดแรงงานเข้ามาทำงานในมิลานมากขึ้นเรื่อยๆ
อัตราว่างงานในมิลานอยู่ที่ 8% ส่วนอิตาลีอยู่ที่ 12%
โดยแรงงานส่วนใหญ่อพยพมาจากแคว้นทางตอนใต้ของอิตาลี
ประเทศอิตาลีมีความแตกต่างทางเศรษฐกิจระหว่างแคว้นทางเหนือกับแคว้นทางใต้มานับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งประเทศ
แคว้นทางเหนือ เป็นที่ตั้งของเมืองอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะมิลาน
มีอุตสาหกรรมก้าวหน้า ทั้งการเงิน แฟชั่น ยานยนต์ และการท่องเที่ยว
เศรษฐกิจที่หลากหลายทำให้ผู้คนมีฐานะร่ำรวย
ในขณะที่ผู้คนในแคว้นทางภาคใต้ ซึ่งมีเมืองสำคัญอย่างเนเปิลส์ และปาแลร์โม
กลับมีฐานะยากจนกว่า เพราะมีรายได้หลักมาจากภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว
และถูกรุมเร้าด้วยปัญหาการว่างงานและอัตราอาชญากรรมที่สูง
ทำให้แรงงานต้องอพยพไปยังภาคเหนือเพื่อหางานทำ
นอกจากนั้นแคว้นทางภาคใต้ยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาการคอร์รัปชัน มาเฟียท้องถิ่น และจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น เมื่อผู้คนในแคว้นลอมบาร์ดีซึ่งเมืองมิลานตั้งอยู่
เริ่มรู้สึกว่าภาษีที่ตัวเองจ่ายให้ส่วนกลางกว่า 2 ล้านล้านบาท
ถูกนำไปถมให้กับปัญหาเรื้อรังทางภาคใต้ มากกว่านำมาใช้ประโยชน์ต่อการลงทุนในท้องถิ่น
การลงประชามติเพื่อขออำนาจในการปกครองตนเองของแคว้นลอมบาร์ดีในเดือนตุลาคม ปี 2017 จึงเกิดขึ้น ทั้งที่ผู้มาเข้าร่วมมีไม่ถึง 40% ของทั้งแคว้น
แต่กว่า 95% ของผู้ลงประชามติ ก็ให้การสนับสนุนกับการปกครองตนเอง
แม้การลงประชามติครั้งนี้ จะเป็นไปเพื่อต่อรองกับทางกรุงโรม เพื่อขออิสระในการจัดการบริหารเงินภาษี มากกว่าที่จะขอแบ่งแยกประเทศ
แต่ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ..
ในประเทศอุตสาหกรรมชั้นแนวหน้าของโลก มีระบบรัฐสวัสดิการที่ครอบคลุมอย่างอิตาลี
ยังมีความเหลื่อมล้ำที่เห็นได้ชัดเจน
ช่องว่างระหว่างแคว้นทางเหนือที่ร่ำรวย กับแคว้นทางใต้ที่ยากจน เริ่มห่างกันมากขึ้นทุกที
หากยิ่งคำนึงถึงหนี้สาธารณะของประเทศที่มีสูงถึง 131% ของ GDP
อนาคตของสาธารณรัฐอิตาลี ซึ่งเพิ่งรวมประเทศกันมาได้เพียง 159 ปี ก็อาจสั่นคลอนได้
ล่าสุดจากเหตุการณ์พบผู้ป่วย COVID-19 ในแคว้นลอมบาร์ดีจำนวนมาก ก็ยิ่งเป็นที่น่าจับตาว่าจะกระทบเศรษฐกิจของเมืองมิลานขนาดไหน
และถ้ามิลานเป็นอะไรไป
ก็อาจหมายความว่า
มิลานจะแบกอิตาลีทั้งประเทศต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
และสุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ก็คือทุกคนในอิตาลี นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit ที่สุดของแอปมีสาระ
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.thelocal.it/20170222/milan-should-be-the-new-capital-of-italy-beats-rome-business-economy-culture
-https://europe.uli.org/wp-content/uploads/sites/127/ULI-Documents/Milan-and-Turin-Competitiveness-of-Italys-great-northern-cities-Web.pdf
-https://www.theguardian.com/cities/2019/nov/10/how-europes-cities-stole-continents-wealth
-https://www.ft.com/content/cfb822ea-9307-11e7-a9e6-11d2f0ebb7f0
-https://www.bbc.com/news/world-europe-41712263
facebook europe news 在 Composite Youtube 的評價
This took shorter time than I thought.
Original Music: We are number one - Lazy Town
Beginning Music: Arvo Part - Spiegel Im Spiegel
Subscribe for more content, or you can follow on:
Twitter: https://twitter.com/CompositeOnTW
Facebook: https://www.facebook.com/CompositeonFaceB/
Discord: https://discord.gg/gqMJE2A
Gmail: composoite1618@gmail.com
Copyright Disclaimer Under Section 107 of the Copyright Act 1976, allowance is made for "fair use" for purposes such as criticism, comment, news reporting, teaching, scholarship, and research. Fair use is a use permitted by copyright statute that might otherwise be infringing. Non-profit, educational or personal use tips the balance in favor of fair use. This video was made for entertainment purposes. Spongebob is owned by Viacom, and LazyTown is owned by Viacom internationally, BBC in the UK, and TBs, Inc. in Europe.

facebook europe news 在 Composite Youtube 的評價
Trying out the dogsource.
Original music: We Are Number One - Lazy Town
Subscribe for more content, or you can follow on:
Twitter: https://twitter.com/CompositeOnTW
Facebook: https://www.facebook.com/CompositeonFaceB/
Discord: https://discord.gg/gqMJE2A
Gmail: composoite1618@gmail.com
Copyright Disclaimer Under Section 107 of the Copyright Act 1976, allowance is made for "fair use" for purposes such as criticism, comment, news reporting, teaching, scholarship, and research. Fair use is a use permitted by copyright statute that might otherwise be infringing. Non-profit, educational or personal use tips the balance in favor of fair use. This video was made for entertainment purposes. LazyTown is owned by Viacom internationally, BBC in the UK, and TBs, Inc. in Europe.

facebook europe news 在 艾德探險日誌 Youtube 的評價
吳建衡經過了國外的旅行、比賽、實習,有感於外國朋友對於台灣的不認識,因此於2011年,自費與三太子前往印度,展開台灣三太子的旅程。
三年時間,走遍72個國家,嚐遍酸甜苦辣、結交無數朋友,除了希望讓更多人認識台灣,也希望為這個世界一點點的正面能量!
There are so many people in this world who do not know about my beautiful country – Taiwan. I have made it my mission to change that and hope to do so in a special way.
Facebook : 台灣三太子 Taiwan Sometimes
BLOG: 台灣三太子出巡囉!
新書: 台灣三太子出巡囉! 熱血出遊72國!
Music: Trip the Light (got the permission from Mr. Garry Schyman)
ed_wu_@hotmail.com
