“มนุษย์เป็ด” อยู่รอดได้…เพราะ “รู้กว้าง” และทำได้หลายอย่าง
.
หนึ่งในคำถามที่น่าสนใจเเละเป็นที่ถกเถียงกันมากในยุคนี้ คือ คนที่มีความรู้เเบบ "รู้กว้าง” หรือ มีความรู้หลากหลายเเต่ไม่เด่นสักด้าน กับ “รู้ลึก" หรือ มีความรู้ความชำนาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลึกซึ่งเพียงเรื่องเดียว ความสามารถเเบบไหนที่ตลาดในยุคนี้ต้องการมากกว่ากัน ?
.
ซึ่งกระแสใหม่ในช่วงนี้ ค่อนข้างจะหนักไปทาง “รู้กว้าง” หรือ คุณสมบัติความเป็น “มนุษย์เป็ด” ที่ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แต่ปรับตัวไว ทำได้หลายอย่าง จะเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า ซึ่งสวนทางกับค่านิยมในอดีตที่มองว่า คนที่เชี่ยวชาญในด้านในด้านหนึ่งน่าจะได้เปรียบกว่า
.
ข้อถกเถียงดังกล่าว จึงนำไปสู่การค้นคว้าวิจัยของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยเขาได้ทำการสำรวจผู้ที่เรียนจบ MBA จำนวน 400 คน จนพบว่าคนที่จบด้าน Investment Banking โดยเฉพาะ จะได้รับการเสนองานน้อยกว่าคนที่มีภูมิหลังเเละประสบการณ์เเบบรู้กว้าง
.
สรุปง่ายๆ ก็คือ คนที่ “รู้กว้าง” ได้รับการเสนองาน “มากกว่า” คนที่ “รู้ลึก” นั่นเอง ซึ่งสาเหตุที่บริษัทในยุคนี้เริ่มต้องการคนที่ “รู้กว้าง” มากกว่า คือ
.
1) ยุคนี้องค์กรต่างๆ นิยมการทำงานแบบทีมเล็กกันมากขึ้น ยิ่งในบริษัทที่ผมเคยทำงานประจำซึ่งเป็นสตาร์ทอัพ แล้ว คนหนึ่งคนจำเป็นต้องทำได้หลายอย่าง
.
เช่น ตำแหน่งพัฒนาธุรกิจที่ผมทำงานอยู่ ซึ่งหน้าที่หลักคือ ต้องวางแผนธุรกิจ และ เจรจากับคู่ค้า แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องสามารถสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดได้ รวมถึงต้องขายเป็นด้วย ยังไม่นับรวมที่ผมต้องไปฝึกอบรมให้ลูกค้าอีก เรียกว่าต้องทำทุกอย่างได้แบบ All-in-one เลยก็ว่าได้
.
2) บริษัทมักจะมองหาคนที่สามารถนำมาฝึกฝนได้มากกว่า จากที่ผมสังเกตเวลาบริษัทรับคนเข้ามา เขาจะไม่ค่อยรับคนที่เชี่ยวชาญด้านในด้านหนึ่งมาเลย เหตุผลง่ายๆ คือ “เพราะเขาไม่อยากจ่ายค่าจ้างแพง” นั่นเอง
.
3) ลักษณะงานมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับเทคโนโลยีต้องบอกว่าการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงเกือบทุกวัน งานที่เราคิดว่าต้องทำตอนสมัครเข้ามาใหม่ๆ ผ่านไปเดือนเดียวอาจจะต้องเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแล้วก็ได้ ซึ่งคนที่รู้กว้างจะได้เปรียบเรื่องการปรับตัว เพราะอย่างน้อยก็มีพื้นฐานความรู้ด้านอื่นๆ มาบ้าง ต่างกับคนที่รู้ลึกหรือเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งการปรับตัวจะทำได้ยากกว่า บริษัทจึงคิดว่าถ้าเกิดการทำงานเปลี่ยนแต่คนไม่สามารถปรับตัวได้มันจะเป็นภาระบริษัทเสียมากกว่า
.
อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าการเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งไม่สำคัญ เพราะมันก็ยังมีงานที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางอยู่ อย่างเช่น หมอ พยาบาล วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ เป็นต้น
.
แต่ถ้าพูดถึงคนทำงานส่วนใหญ่ และ การทำงานกับองค์กรเอกชนในปัจจุบันแล้ว การมีความรู้แบบกว้างอาจจะได้เปรียบมากกว่า แต่ถ้าถามผมว่า คนเราควรมีความรู้แบบไหน “ผมว่ายุคนี้การมีความรู้แบบตัว T เป็นทักษะที่ดีที่สุด” คือ รู้ลึกหรือเชี่ยวชาญอะไรสักด้าน ขณะเดียวกันก็ต้องมีความรู้กว้างในด้านอื่นๆ ด้วย
.
หมายความว่า จะเป็นเป็ดที่รู้กว้างอย่างเดียวก็ไม่ได้ แต่จะต้องมีสิ่งที่เราทำได้ดีสักอย่าง เพื่อเป็น “จุดขาย” ให้กับตัวเองด้วย
.
แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ ตั้งแต่เราเข้าเรียนมหาลัยจนจบ ไม่เคยมีใครสอนให้เราเข้าใจเรื่องนี้ ซึ่งในระบบการศึกษาเรามักสอนแค่ทักษะบางอย่าง ทำให้คนส่วนใหญ่ติดกับดักที่ว่า “ถ้าฉันเก่งด้านใดด้านหนึ่งก็คงไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ หรือ ถ้าทำได้หลายอย่างก็จะมองว่าตัวเองคงเก่งไม่จริงสักอย่าง”
.
และในเมื่อตอนนี้ เราก้าวเข้าสู่โลกการทำงานแล้ว ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ก็ต้อง ‘เริ่ม’ เติมทักษะความรู้กว้างให้ตัวเองตั้งแต่วันนี้ หรือ พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เริ่มจากการฝัง “ความกล้า” ที่จะเรียนรู้ และ สร้างกรอบความคิดแบบ Growth Mindset ที่มองว่าทุกอย่างสามารถพัฒนาได้ รวมถึงความกล้าที่จะละทิ้งอะไรเดิมๆ แบบ Agile Mindset เพื่อให้รู้วิธีที่จะโต้คลื่นความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ และสามารถปรับตัวเข้ากับงานที่ทำได้ไม่ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหนก็ตาม
.
แค่คำถามคือ จะเริ่มยังไง และ ควรเริ่มจากตรงไหนล่ะ ?
.
ผมขอแนะนำให้เริ่มจากการลงทุนในความรู้กับ YourNextU แพลตฟอร์มการเรียนรู้ ที่จะให้เราได้เข้าถึงทุกทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในยุคนี้ ด้วยระบบสมาชิก ที่จ่ายครั้งเดียว มีมากกว่า 200+ หลักสูตรทั้งออนไลน์ หรือเรียนแบบเจอหน้ากันจริงๆ เริ่มต้นที่ 4,000 บาท / 3 เดือน บอกได้อย่างเดียวว่า แค่ลงเรียนหลักสูตร Growth Mindset ตัวเดียวก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว ตอบโจทย์คนทำงานอย่างเราๆ ในยุคนี้สุดๆ
.
แถมยังมีสิทธิพิเศษสำหรับแฟนเพจ “สมองไหล”
.
- รับส่วนลดทันที 700 บาท เพียงกรอก Code : LEARNMARCH (วันนี้ – 21 มี.ค. นี้เท่านั้นนะ)
- สมัครได้ที่ https://bit.ly/3uQWv2J
- หรือถ้าต้องการรับสิทธิส่วนลดไว้ก่อน และอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถกรอกรายละเอียดได้ที่ https://forms.gle/ZJkNqCmBGe1fk4Ws9 เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับ
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過51萬的網紅spin9,也在其Youtube影片中提到,พบกับ YourNextU by SEAC สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่มีหลักสูตรเพิ่มทักษะรอบด้านให้เลือกเรียน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,700 บาทต่อ 3 เดือน ที่จะช่วยให...
yournextu 在 HR - The Next Gen Facebook 八卦
เรื่องนึงที่ผมพูดบ่อยมากและยังคงจะพูดไปเรื่อย ๆ คือ พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ Upskill และ Reskill นี่แหละที่ทำให้เราเอาตัวรอดได้ และมากกว่านั้นคือ เราจะไม่พลาดโอกาสไปเพราะความสามารถเรามีไม่พอ
เคยมั้ยที่เราเห็นโอกาสอยู่ตรงหน้าเนี่ย แต่เราคว้าไว้ไม่ได้ เพราะเราขาดทักษะบางอย่างไป จะมาคิดพัฒนาเอาตอนนั้นมันก็ไม่ทัน หรือไปบอกใครต่อใครว่า ผมอยากได้โอกาสนี้มาก ขอผมเข้าไปจอยก่อนแล้วผมสัญญาว่าผมจะเร่งพัฒนาตัวเองให้ทัน
สิ่งที่เราต้องไม่ลืมเหมือนกันก็คือ โอกาสที่ว่าไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่อยากได้ ยิ่งโอกาสนั้นเป็นโอกาสที่ดีมาก คู่แข่งก็ยิ่งเยอะตามไปด้วย ดังนั้น การพัฒนาตัวเองเนี่ย เป็นความรับผิดชอบของเราโดยตรงเลยนะ อย่าไปรอว่า เฮ้ย บริษัทไม่ส่งเราไปเรียนซักที งั้นเราก็ไม่ไปหรอก ถ้าเราเองก็มีความเชื่อเรื่องการลงทุน ก็อย่าลืมลงทุนในการพัฒนาตัวเองด้วยนะครับ ผลลัพธ์เกิดขึ้นกับตัวเราแน่ ๆ โดยเฉพาะถ้าเราเรียนรู้ในสิ่งที่ตลาดกำลังต้องการ
ผมเองไปร่วมงานกับ YourNextU อยู่บ่อย ๆ ทั้งไปเรียนแล้วก็ไปแชร์ประสบการณ์ วันนี้เลยจะมาแชร์ข้อมูลที่ YourNextU ให้มา ว่านี่แหละข้อมูลที่คนในวัยทำงานต้องการ
เผื่อใครจะยังไม่รู้จัก YourNextU เป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่เป็นตัวช่วยสำหรับวัยทำงาน ทั้งช่วยเติมทักษะที่จำเป็นต่าง ๆ เพื่อปลดล็อคความคิดให้เราได้เติบโต และการเรียนรู้กับ YourNextU ยังมีความหลากหลายทั้งในรูปแบบของ Virtual Learning หรือห้องเรียนเสมือนจริงที่ทุกคนยังสามารถเรียนแบบ Real-time กับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านระดับแถวหน้าของวงการ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางหรือการออกมาเจอผู้คนมากมายนอกบ้าน การเรียนรู้ด้วย Online Learning ที่ทำให้เราสามารถกำหนดเวลาในการเรียนรู้ได้เองตามความสะดวก Classroom Learning และ Social Learning ที่ทาง YourNextU เตรียมพื้นที่ไว้สำหรับการแชร์ประสบการณ์ระหว่างผู้เรียนด้วยกันเอง และ Library ที่เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการเรียนรู้ผ่านการทบทวน ฝึกฝน และค้นคว้าได้อย่างไม่จำกัด
รูปแบบการเรียนรู้ทั้งหมดนี่แหละครับ ที่ผมมั่นใจว่าครอบคลุมและตอบโจทย์ชีวิตคนวัยทำงานสมัยนี้มากๆ
YourNextU ทำการสำรวจมาว่ามีทักษะไหนบ้างที่วัยทำงานอย่างเรา ๆ มองว่า นี่แหละคือทักษะที่จำเป็นและต้องรีบพัฒนาเพื่อที่จะเพิ่มโอกาสให้กับชีวิตของเราเอง ในวันที่สถานการณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายดาย
Design Thinking คือทักษะแรกซึ่งเป็นทักษะที่ช่วยส่งเสริมให้เกิด Creativity หรือความคิดสร้างสรรค์ ถ้าใครที่เคยฟังผมพูดตามเวทีต่าง ๆ นี่คืออีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ผมย้ำบ่อย ๆ เพราะยิ่งโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ โอกาสที่เราจะเจอทางตันก็ง่ายขึ้น ถ้าเราขาดความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน เราก็อาจจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านทางตันหรือกำแพงตรงหน้าได้
ทักษะที่สองคือ Growth Mindset ซึ่งเรื่องนี้ผมเองก็เพิ่งพูดไปว่าในช่วงที่องค์กรพยายามจะ Transform ไปในรูปแบบต่าง ๆ Growth Mindset คือสิ่งที่องค์กรอยากได้จากพนักงาน ทั้งคนที่กำลังจะเข้ามาใหม่ และคนที่ยังอยู่กับองค์กร และแน่นอนครับ คนที่องค์กรจะเลือกให้เติบโต คือคนที่มี Mindset ที่พร้อมจะเติบโตอยู่ตลอดเวลานี่แหละครับ
และอีกหนึ่งทักษะคือ Agile Mindset ช่วงนี้หลายองค์กรต้องการคิดเร็ว ทำเร็ว และปรับเปลี่ยนได้รวดเร็วเช่นเดียวกัน ซึ่งทุกคนควรเข้าใจแนวคิดและความสำคัญของการทำงานแบบ Agile รวมไปถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่จะทำให้เรามี Agility มากขึ้น และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
ทั้ง 3 ทักษะนี้มีหลักสูตรมาตรฐานและได้รับความนิยมอย่างมากที่ YourNextU ครับ
สำหรับใครที่สนใจอยากจะพัฒนาความรู้ความสามารถของเราเองใน 3 ทักษะกับทาง YourNextU ผมมีส่วนลดพิเศษ เพียงสมัครสมาชิก และระบุ Redeem Code “HRNG300” ลงในช่องคูปองก่อนชำระเงิน ก็จะได้รับส่วนลด 300 บาท แล้วยังได้หนังสือ Designing Your Life คู่มือออกแบบชีวิตด้วย Design Thinking ส่งตรงถึงบ้านด้วย
ถ้าต้องการรับสิทธิส่วนลดไว้ก่อน สามารถกรอกข้อมูลที่นี่ https://forms.gle/zQaYLUYpL6Gqmh2x9 แล้วทีมงานของ YourNextU จะติดต่อไปอธิบายข้อมูลเพิ่มเติม หรือลองศึกษาแพ็กเกจแล้วสมัครเลยก็ได้เหมือนกันที่ https://bit.ly/3e0YVpk ครับ
หมายเหตุ ส่วนลด 300 บาท เฉพาะการสมัครสมาชิกแพคเกจ Virtual หรือ Full Access เท่านั้น
#DesignThinking #GrowthMindset #AgileMindset
#YourNextU #WorldClassLearning #MarketplaceofLearning #LearningCommunity
#HRTheNextGen
yournextu 在 Roundfinger Facebook 八卦
เหตุผลที่เราควรสวมรองเท้าของคนอื่น
---
1
สมัยวัยรุ่นกว่านี้ ผมเผลอคิดไปว่ามนุษย์ทุกคนในโลกคงเหมือนๆ กัน แถมยังชอบคิดว่าโลกนี้มี "สิ่งที่ควรเป็น" แค่แบบเดียว ซึ่งตัวผมเองเป็นคนตัดสินว่ามัน "ควรเป็น" แบบไหน ว่าง่ายๆ คือยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
2
เติบโตขึ้นมาจึงค่อยๆ เข้าใจมากขึ้นผ่านการทำงานร่วมกับคนอื่นว่า มนุษย์มีหลายแบบ เมื่อเข้าใจเช่นนี้แล้ว ส่วนหนึ่งก็เห็นปัญหาที่เกิดจากการปะทะกันของคนที่แตกต่าง แต่อีกมุมก็เห็นประโยชน์ของการร่วมมือกันของความแตกต่างหลากหลาย
3
เมื่อต้องทำงานร่วมกับคนที่ไม่เหมือนเรา เราจะเห็นตัวเองชัดขึ้นมาก และถ้าลดอคติว่า "ฉันถูกที่สุด" ลงได้ เราจะเห็นว่ามุมมองของเราบางทีเป็นปัญหาสำหรับคนอื่นเช่นกัน
4
ผมออกแนวศิลปินหน่อยๆ ทำอะไรไม่ค่อยเป็นตาราง เชื่อสัญชาตญาณมากกว่าการวางแผน รักอิสระ ไม่ชอบกรอบ เมื่อมาทำงานกับนักวางแผน กำหนดขอบเขตงานชัดเจนก็เห็นชัดเลยว่า เราต่างเป็นปัญหาของกันและกัน และถ้าดื้อก็พังแน่ๆ
5
โชคดีที่ความเติบโตทำให้เรายืดหยุ่นมากขึ้น ผมค่อยๆ เรียนรู้จากคนที่แตกต่างมากขึ้นเรื่อยๆ จึงพบว่า "คนที่ต่าง" แท้จริงแล้วคือ "คนที่เติม" ในสิ่งที่ขาดให้แก่เรา
6
การวางแผนที่ดีกลับทำให้ผมใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่มากขึ้น คนที่มองโลกในแง่ร้ายกลับกลายเป็นคนรอบคอบที่ชี้ให้เห็นปัญหาที่ผมมองข้าม คนที่ชอบค้าขายมีความเป็นนักธุรกิจกลับช่วยทำให้งานศิลปะดูน่าจับต้องมากกว่าเดิม ผมจึงเริ่มชอบการทำงานกับคนที่ไม่เหมือนตัวเอง
7
เมื่อทำงานด้วยกันไปเรื่อยๆ รับฟังมากขึ้น ผมจึงเข้าใจว่าเราสามารถเรียนรู้จากเพื่อนร่วมงานที่แตกต่างได้ด้วยการหัดสวมรองเท้าของเขา
8
ฝรั่งมีสำนวนว่า "Put yourself in someone else's shoes" หมายถึงลองแทนตัวเองเป็นคนอื่นดู แล้วมองโลกจากมุมมองของเขา เราจะเข้าใจความคิดของเขามากขึ้น
9
วิธีสวมรองเท้าคนอื่นแบบหนึ่งคือ ลดอัตตาตัวตนของเราลง แล้วรับฟังเขาให้มาก เพื่อเรียนรู้โลกที่เขามองเห็น หากทำบ่อยๆ เราจะได้ "ดวงตาใหม่" มามองโลกใบเดิม ทำให้เรามองโลกได้หลายมุมขึ้น
10
วิธีเช่นนี้มีคำเรียกว่า "Outward Mindset" คือการมองออกไปนอกตัวเอง ผมเรียกของผมเองว่า "การถ่ายเทสมองกันไปมา" หรือ "แลกแว่นตามองโลก"
11
ทำบ่อยๆ จะทำให้เรามีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น คิดในมุมที่กว้างกว่าเดิม มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เห็นโอกาสใหม่ๆ มากขึ้น และที่สำคัญ ทำให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนรอบตัวมากขึ้น ซึ่งทำให้เราทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีขึ้นด้วย เมื่อมองเห็นคุณค่าที่ผู้อื่นมีในสิ่งที่เราไม่มี แถมยังเป็นการพัฒนาตัวเองผ่านวิธีคิดของเพื่อนร่วมงานอีกต่างหาก
12
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราควรสลับรองเท้ากันใส่ เมื่อลองเปลี่ยนจุดยืนและวิธีมองโลก เราจะพบว่า บางทีเราอาจจะผิดเมื่อมองจากมุมอื่น และสิ่งที่เราเคยคิดว่าไม่เวิร์ก มันอาจจะมีเหตุผลในอีกมุมหนึ่ง
13
ทั้งในแง่การทำงาน ทีมเวิร์ก ครอบครัว รวมถึงสังคม หากมีวิธีคิดแบบ Outward Mindset กันมากขึ้น น่าจะทำให้เกิดความร่วมมือมากกว่าความขัดแย้ง
14
เพราะถึงที่สุดแล้ว เราก็ไม่ได้อยู่บนโลกนี้คนเดียว เราต่างต้องปรับมุมมองเข้าหากัน ทางที่ง่ายที่สุดคือเริ่มที่ตัวเรา ซึ่งนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการแลกรองเท้ากันใส่ และผลัดกันยืนมองสิ่งต่างๆ จากมุมของกันและกัน
15
สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากมี Outward Mindset และยังไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ตอนนี้ทาง YourNextU เปิดให้ผู้สนใจอยากเรียนจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ สามารถเข้ามาทดลองเรียนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ใช้เวลาแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นครับ แล้วอาจจะเห็นว่า การสลับรองเท้ากันใส่นั้นสนุกกว่าที่คิด
ลงทะเบียนเรียนได้ที่ลิงก์นี้เลยครับ http://bit.ly/30Ywb6E
#advertorial #YourNextU #YourLearningPartnerForSuccess
yournextu 在 spin9 Youtube 的評價
พบกับ YourNextU by SEAC สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่มีหลักสูตรเพิ่มทักษะรอบด้านให้เลือกเรียน ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,700 บาทต่อ 3 เดือน ที่จะช่วยให้เราปรับตัวเข้ากับยุคนี้ได้ดียิ่งขึ้น เรียนที่ไหนก็ได้ด้วยระบบ Virtual Classroom หรือห้องเรียนเสมือนจริง กับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เมื่อเรียนจบคอร์สได้รับ Certificate จากสถาบันระดับโลกอย่าง Stanford และ SEAC ด้วย ไปดูรีวิวกันครับ
ส่วนลดพิเศษ กรอกโค้ด IN01V300 ลด 300 บาท ได้ทั้งแบบ 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน ภายใน 30 มิถุนายน 2563
จำกัดเฉพาะ 50 สิทธิ์ เท่านั้น! หากใครสนใจ คลิกเข้าไปที่ลิงก์นี้ได้เลย https://bit.ly/2zgCMRP
*คลิปวิดีโอนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก SEAC*