อัฟกานิสถาน ประเทศที่ผู้คน มีความสุขน้อยที่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
เมื่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คือสิ่งที่ทุกคนล้วนใฝ่ฝัน
ถึงแม้ความสุขจะวัดออกมาเป็นตัวเลขได้ยาก แต่ก็มีหลายองค์กรที่พยายามสร้างเกณฑ์ในการวัด และจัดอันดับว่าประเทศไหนที่ผู้คนมีความสุขมากที่สุดในโลก
หนึ่งในนั้นคือ World Happiness Report 2021
ที่ได้ทำการสำรวจทั้งหมด 149 ประเทศทั่วโลก
ผลปรากฏว่า ประเทศที่ผู้คนมีความสุขมากที่สุดในโลก คือ ฟินแลนด์
ส่วนประเทศไทย ผู้คนมีความสุขอยู่ในอันดับที่ 54
และประเทศที่ผู้คนมีความสุขน้อยที่สุดในโลก คือ อัฟกานิสถาน
เรื่องของฟินแลนด์ลงทุนแมนเคยเล่าให้ฟังบ้างแล้ว
แต่สำหรับอัฟกานิสถาน ทำไมผู้คนในประเทศนี้ถึงมีความสุขน้อยที่สุดในโลก ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จากรายงานของ World Happiness Report 2021 พบว่า
ประเทศที่คนมีความสุขมากที่สุดในโลก 3 อันดับสุดท้ายคือ
147. รวันดา ประเทศในทวีปแอฟริกา คะแนน 3.415
148. ซิมบับเว ประเทศในทวีปแอฟริกา คะแนน 3.145
149. อัฟกานิสถาน ประเทศในทวีปเอเชีย คะแนน 2.523
ซึ่งเกณฑ์ที่ใช้วัดว่าประเทศมีความสุขมากน้อยแค่ไหน ?
มีอยู่ 6 ข้อด้วยกัน ประกอบไปด้วย
1. รายได้
2. สุขภาพและอายุขัยเฉลี่ย
3. การสนับสนุนจากสังคม
4. อิสรภาพ
5. การได้รับความไว้วางใจ
6. การคอร์รัปชันของคนในสังคม
ทีนี้เรามาลองไล่เรียงแต่ละปัจจัยของอัฟกานิสถานว่าเป็นอย่างไร ?
เริ่มจากรายได้..
ชาวอัฟกานิสถาน 37 ล้านคนมี GDP เฉลี่ยต่อหัวต่อปี อยู่ที่เพียง 15,814 บาท
อยู่ในอันดับที่ 177 จากทั้งหมด 195 ประเทศ
นั่นก็อาจหมายความว่า ประชาชนในอัฟกานิสถานมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวที่ต่ำมาก
ซึ่งก็ไปสอดคล้องกับงานวิจัยของ Penn’s Wharton School
ที่พบว่า ความสุขที่ลดลง จะสัมพันธ์กับรายได้ที่มีน้อยลง
ปัจจัยด้านต่อมาก็คือ สุขภาพและอายุขัยเฉลี่ย
ในปี 2018 อัฟกานิสถานมีอายุขัยเฉลี่ยเพียง 64.4 ปี เป็นอันดับท้าย ๆ ของโลก
ส่วนการบริการสาธารณสุขก็เจอกับปัญหาการโจมตีสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์
นอกจากนี้ ยังมีการกีดกันไม่ให้ผู้หญิงจำนวนมากเข้าถึงสถานบริการด้านสุขภาพอีกด้วย
ซึ่งเรื่องนี้ก็สะท้อนมาจากการที่ผู้หญิงในอัฟกานิสถานแทบจะไม่มีสิทธิอะไรเลยในชีวิต
ผู้หญิงจะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนคนเดียว ต้องแต่งกายให้มิดชิด
ไม่เปิดเผยอวัยวะในร่างกายให้คนอื่นได้เห็น
อีกปัญหาใหญ่สำหรับผู้หญิงอัฟกานิสถานคือ การไม่มีตัวตนในสังคม
ผู้หญิงอัฟกานิสถานไม่สามารถเปิดเผยชื่อของตัวเองในที่สาธารณะได้
เอกสารทางราชการต่าง ๆ บัตรประชาชน จะไม่มีชื่อของผู้หญิงปรากฏ
มีเพียงการบอกว่า เป็นบุตรของใคร หรือหากแต่งงานแล้วก็จะระบุว่าเป็นภรรยาของใคร
และสุดท้ายเมื่อเสียชีวิต ที่ป้ายหลุมศพก็ไม่มีแม้แต่การระบุชื่อ
ทำได้เพียงระบุว่าเป็นบุตรสาวของใคร เป็นภรรยาของใคร หรือเป็นมารดาของใครเท่านั้น
ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็นำไปสู่โครงการ “Where Is My Name ?”
ที่ผู้หญิงออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแก้กฎหมายดังกล่าว
เพราะการระบุชื่อผู้หญิงในเอกสารสำคัญทางราชการเป็นสิทธิที่ผู้หญิงทุกคนควรได้รับ
นอกจากปัญหาด้านรายได้ สุขภาพ การสนับสนุนจากสังคม
ยังมีอีกปัญหาที่สำคัญของอัฟกานิสถาน ก็คือ “ปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ”
เริ่มมาตั้งแต่ในปี 1978 ซึ่งเป็นช่วงสงครามเย็น
เกิดการล้มล้างรัฐบาลของ โมฮัมเหม็ด ดาวูด ข่าน ประธานาธิบดีคนแรกของอัฟกานิสถาน โดยกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ ที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของสหภาพโซเวียต ซึ่งได้ทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง
และสังหารครอบครัวของประธานาธิบดี โมฮัมเหม็ด ดาวูด ข่าน ทั้งครอบครัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเพียง 1 ปี สหภาพโซเวียตก็เข้ามายึดอัฟกานิสถาน
กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่างโซเวียตและอัฟกานิสถาน และโซเวียตได้ยึดครองอัฟกานิสถานอยู่นานถึง 10 ปี ซึ่งสร้างความไม่พอใจ จนเกิดกลุ่มต่อต้านโซเวียตที่ชื่อว่า กลุ่มมูจาฮีดีน
แต่หลังจากที่สหภาพโซเวียตยอมถอนทัพออกไปจากอัฟกานิสถาน
สถานการณ์กลับกลายเป็นย่ำแย่ยิ่งไปกว่าเดิม
เพราะในช่วงปี 1989 ถึง 1996 เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในอัฟกานิสถาน
จากกลุ่มมูจาฮีดีนที่ร่วมกันขับไล่สหภาพโซเวียตหันมาทะเลาะกันเอง
เพื่อแย่งชิงอำนาจในการปกครองประเทศ
นอกจากนี้ในปี 1991 ยังเกิดกลุ่มตอลิบานขึ้นเพราะต้องการต่อต้านกลุ่มมูจาฮีดีน
ซึ่งในช่วงแรก ตอลิบานก็ได้รับการสนับสนุนจากชาวอัฟกานิสถานเป็นอย่างดี
จนสามารถรวบรวมกองกำลังได้ถึงหลักหมื่น และสามารถยึดอำนาจทั้งยังจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
แต่ภายหลังที่ตอลิบานขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็เปลี่ยนคำสัญญาจากหน้ามือเป็นหลังมือ
จากคำสัญญาที่เคยให้ไว้ว่า จะสร้างความสงบ พัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า
ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง กลายมาเป็นออกกฎให้ผู้หญิงแทบจะไม่เหลือสิทธิและเสรีภาพใด ๆ เลย
สังหารผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามนิกายอื่น ๆ ที่ไม่ใช่นิกายซุนนีที่กลุ่มตอลิบานนับถือ
รวมถึงการเปลี่ยนชื่อประเทศไปเป็น Islamic Emirate of Afghanistan อีกด้วย
แต่เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นและเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก็คือ เหตุการณ์ 9/11
ที่กลุ่มอัลกออิดะฮ์ พันธมิตรของกลุ่มตอลิบาน ซึ่งก่อตั้งโดย อุซามะฮ์ บิน ลาดิน ชาวซาอุดีอาระเบียได้โจมตีแบบพลีชีพทางอากาศในประเทศสหรัฐอเมริกา และได้ทำให้เกิดสงครามในอัฟกานิสถานขึ้นมาอีกครั้ง
ปัจจุบันอัฟกานิสถานยังคงมีปัญหาการก่อการร้ายและการสู้รบรุนแรงภายในประเทศ
จากข้อมูลของ Global Peace Index 2020 ได้ระบุว่า
อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่อันตรายที่สุดในโลก จากการสำรวจทั้งหมด 163 ประเทศอีกด้วย
ด้วยความที่ประเทศยังคงอยู่ในอันตรายร้ายแรง ทำให้การพัฒนาด้านต่าง ๆ ของอัฟกานิสถานยังคงล้าหลัง เต็มไปด้วยปัญหามากมาย ทั้งด้านการศึกษา
อัตราการรู้หนังสือของคนในอัฟกานิสถานมีเพียง 38.2% เท่านั้น
รวมไปถึงปัญหาด้านคอร์รัปชัน โดยจากการจัดอันดับด้านความโปร่งใส
อัฟกานิสถานอยู่อันดับที่ 165 จากทั้งหมด 180 ประเทศ
จะเห็นได้ว่า จากทั้ง 6 เกณฑ์ที่ใช้วัดว่าแต่ละประเทศมีความสุขมากแค่ไหน
อัฟกานิสถานถูกจัดให้อยู่ในอันดับท้าย ๆ ของโลก ในทุก ๆ เกณฑ์
ผู้คนในประเทศนี้ล้วนผ่านภาพของสงครามมากมาย เผชิญกับความตายไม่เว้นแต่ละวัน
และมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้ว
สำหรับผู้คนที่ยังอยู่ในสังคมที่ร้าวฉานแห่งนี้ จากเรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมา
สิ่งเดียวที่ผลักดันให้ผู้คนเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ก็อาจจะเป็นเพียงความหวังเล็ก ๆ ว่า วันพรุ่งนี้คงจะมีอะไรสักอย่างที่ดีกว่าวันนี้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.npr.org/sections/goatsandsoda/2019/03/20/704585567/looking-for-happiness-in-the-3rd-least-happy-country-in-the-world
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=ZW&most_recent_value_desc=true
-https://www.forbes.com/sites/alexledsom/2021/02/07/new-study-shows-that-more-money-buys-more-happiness/?sh=3af5469970d5
-http://www.emro.who.int/afg/afghanistan-infocus/situation-reports.html
-https://applications.emro.who.int/docs/AFG/EMRLIBAFG050E.pdf?ua=1
-https://www.nia.go.th/newsnow/almanac-files/static/pdf/2564/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99_2564.pdf
-http://gotomanager.com/content/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%99/
-https://www.history.com/this-day-in-history/soviet-tanks-roll-into-afghanistan
-https://www.britannica.com/event/Afghan-War
-https://www.longtunman.com/9734
-https://thematter.co/thinkers/taliban-and-afghanistan/13225
-https://thematter.co/thinkers/taliban-and-afghanistan-2/13268
同時也有235部Youtube影片,追蹤數超過115萬的網紅Rayner Teo,也在其Youtube影片中提到,Discover how the moving average trading indicator helps you better time your entries, "predict" market turning points, and increase your winning rate....
「the indicator」的推薦目錄:
- 關於the indicator 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於the indicator 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於the indicator 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook
- 關於the indicator 在 Rayner Teo Youtube
- 關於the indicator 在 Rayner Teo Youtube
- 關於the indicator 在 Rayner Teo Youtube
- 關於the indicator 在 Recession, retail, retaliation | The Indicator - YouTube 的評價
the indicator 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
ท้อแท้ สิ้นหวัง แตกหัก ฮ่องกง / โดย ลงทุนแมน
ทุกคนในฮ่องกงเวลานี้ ต่างจมอยู่กับความสิ้นหวัง..
ภาพบ้านเมืองที่พัฒนาแล้ว มีตึกสูงเรียงกัน
เปลี่ยนเป็นภาพผู้คนโกรธเคือง พร้อมทำลายสิ่งขวางกั้น
มองไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก ที่จะนำไปสู่ความสงบ
รู้หรือไม่ว่า ในตอนนี้ ฮ่องกง ได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย
คำว่า เศรษฐกิจถดถอย (Recession) แปลว่า
GDP หดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสติดต่อกัน
ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นไม่บ่อย และเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี
ในวันที่ทุกอย่างรุมเร้า
ในวันที่มองไม่เห็นทางออก
จุดเริ่มต้นของสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร
แล้วจุดสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
บทความนี้ สนับสนุนโดย
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
ฮ่องกงเคยเป็นเมืองที่เป็นผู้นำของภูมิภาคเอเชียในทุกๆ ด้าน
ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือแม้แต่ด้านบันเทิง
มังกรหยก หลิวเต๋อหัว เฉินหลง ถ้าย้อนกลับไป 20 ปีก่อน เราคนไทยน่าจะรู้จักกันทุกคนไม่แพ้ K-POP หรือ ดาราฮอลลีวูด ในสมัยนี้
จุดหมายการท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของคนไทย
ถ้าถามคนสมัยก่อนว่า เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก
เราจะไปที่ไหน?
คำตอบแรกคือ “ฮ่องกง”
แต่ในวันนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป
จนรู้ตัวอีกที
ฮ่องกงในวันนี้ อาจไม่ได้เป็นฮ่องกงคนเดิมที่เรารู้จัก
ฮ่องกงในวันนี้ มองไปทางไหนก็ไม่สดใสเหมือนเดิม
ฮ่องกงในวันนี้ เริ่มไม่ได้เป็นผู้นำเอเชียในทุกด้านเหมือนวันก่อน
แล้วที่ผ่านมาคนฮ่องกงเจออะไร
คนฮ่องกงเก่งน้อยลง
หรือ คนประเทศอื่นเก่งมากขึ้น
หรือ มันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ที่ทำให้ฮ่องกงเดินทางมาถึงจุดนี้
จุดที่ทุกอย่างพร้อมจะพังทลายลง
เรามาหาความจริงกัน
ฮ่องกง คือเมืองที่มีตึกระฟ้ามากที่สุดในโลก มี 1,300 ตึก ที่สูงมากกว่า 100 เมตร (100 เมตรคือประมาณ 30 ชั้น)
ฮ่องกง คือเมืองที่มีคนรวย 2 คน ติดอันดับรวยที่สุดในโลก 25 คนแรก โดยธุรกิจหลักของพวกเขาคือ อสังหาริมทรัพย์
ฮ่องกง คือเมืองที่มีราคาบ้านเพิ่ม 2 เท่าภายใน 5 ปี
และแพงอันดับ 2 ของโลก รองจากโมนาโก
ห้องขนาด 30 ตารางเมตรในฮ่องกง มีราคา 50 ล้านบาท
ด้วยราคาขนาดนี้สามารถซื้อบ้านหรูในประเทศไทยได้
ที่ผ่านมา ฮ่องกงดูเป็นที่สุดในโลกในทุกด้าน
แต่การเป็นที่สุด
ย่อมแลกมาด้วยสิ่งที่ทำให้ ฮ่องกง เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความแตกต่างระหว่างคนรวย กับ คนชั้นกลางมากที่สุดในโลก
ซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า ความเหลื่อมล้ำ..
จริงๆ แล้วความเหลื่อมล้ำเป็นแค่เชื้อเพลิงที่สะสม ถ้าไม่มีใครมาจุดไฟมันก็คงไม่เกิดอะไร
เชื้อเพลิงมันก็กองกันอยู่อย่างนั้น
แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง มีคนมาจุดชนวน ทุกอย่างก็จะกลายเป็นไฟ ลุกโชติช่วงแบบไม่ดับลงง่ายๆ
เหมือนภาพที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้
และชนวนที่สำคัญก็คือ ประเด็นการส่งผู้ร้ายข้ามแดน..
ใครจะไปคิดว่า ตัวจุดชนวนนี้คือ เรื่องฆาตกรรมของคนเพียงคนเดียว ที่เกิดขึ้นบนเกาะไต้หวัน..
ย้อนกลับไป 9 เดือนที่แล้ว
เดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 เมื่อคู่รักฮ่องกงคู่หนึ่งเดินทางไปเที่ยวไต้หวัน
แต่ฝ่ายชายกลับฆ่าฝ่ายหญิงที่ไต้หวัน และ เดินทางกลับมาที่ฮ่องกงโดยที่ไม่มีใครจับได้
ต่อมาผู้ชายถูกจับตัวได้ที่ฮ่องกง แต่ตำรวจฮ่องกงไม่สามารถตั้งข้อหาได้ เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไต้หวัน
ขณะที่ทั้งฮ่องกงและไต้หวัน ไม่มีสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน จึงไม่สามารถส่งตัวคนผิดไปดำเนินคดีที่ไต้หวัน
พอเรื่องเป็นแบบนี้ คณะผู้บริหารฮ่องกงจึงเสนอร่างกฎหมายเพื่อที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังไต้หวัน
แต่เรื่องนี้กลับกลายใหญ่โตขึ้น เพราะร่างกฎหมายนี้ ดันรวมไปถึงการส่งตัวผู้ทำผิดไปประเทศจีนด้วย
ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ชาวฮ่องกงไม่พอใจ และออกมาชุมนุมประท้วงนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ทางคณะผู้บริหารฮ่องกงเองได้ยกเลิกสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปแล้ว แต่หลังจากนั้น ข้อเรียกร้องยกระดับเป็นการให้ แคร์รี หล่ำ ผู้ว่าฮ่องกง ลาออก เลยไปจนถึงการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย
แม้ว่าปัจจุบันฮ่องกงมีสิทธิในการปกครองตนเองอย่างอิสระ ซึ่งสามารถดำเนินนโยบายทางการเมือง เศรษฐกิจ และกฎหมายได้โดยตนเอง
แต่ในอนาคต ปี 2047 หรืออีก 28 ปี ข้างหน้า ฮ่องกงมีกำหนดส่งอำนาจการปกครองคืนให้จีน
ผู้คนที่ออกมาชุมนุมมีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยหนุ่มสาว มาจากบุคคลหลากวิชาชีพ ตั้งแต่ นักศึกษา ครู นักกฎหมาย ไปจนถึงพนักงานในสายการบิน ซึ่งการประท้วงได้ยกระดับไปถึงการปิดสนามบิน การกีดขวางขนส่งมวลชน ไปจนถึงการทำลายร้านค้า อาคาร และทำร้ายผู้ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม
ส่วนผู้ที่ต่อต้านการชุมนุมก็มีเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอายุที่มากกว่า หรือเป็นนักธุรกิจ
ย้อนดูประวัติศาสตร์ฮ่องกง
ค.ศ. 1898 สงครามฝิ่นเป็นจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมด
อังกฤษได้ครอบครองฮ่องกงจากจีนแบบเสรีนิยมเป็นเวลา 99 ปี ด้วยนโยบายการค้าเสรีทำให้ฮ่องกงกลายเป็นเมืองท่า ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการเงินของโลก
ค.ศ. 1997 หรืออีก 99 ปีถัดมา อังกฤษได้ส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีน
รัฐบาลปักกิ่งได้ตกลงให้ปกครองฮ่องกงด้วยนโยบาย หนึ่งประเทศ สองระบบ ไปอีก 50 ปี เพื่อให้เศรษฐกิจ ธุรกิจ ดำเนินไปเหมือนเดิม ยกเว้นเรื่องการทหารและการต่างประเทศ ที่รัฐบาลปักกิ่งเป็นผู้ดูแล
เรามาดูความจริงที่เกิดขึ้นกัน
คนฮ่องกง 3.5 ล้านคนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ได้ออกเสียงเลือกตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกง
โดยที่ผ่านมา ผู้บริหารเขตฮ่องกงมาจากการเลือกโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 1,200 คน ซึ่งถูกเลือกมาจากกลุ่มคนจำนวนน้อยที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นผู้แทนของนักธุรกิจและรัฐบาลปักกิ่ง และการแต่งตั้งผู้บริหารเขตฮ่องกงก็ต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลปักกิ่ง
ปัจจุบัน ฮ่องกงเป็นตลาดทุนอันดับ 3 ของโลก มีมูลค่าตลาดรวมกันทั้งหมด 170 ล้านล้านบาท หรือใหญ่กว่าตลาดหลักทรัพย์ไทย 10 เท่า
แต่ภายใต้เศรษฐกิจที่ดูดี ราคาอสังหาริมทรัพย์ นโยบายที่ดินและสวัสดิการบ้านของรัฐบาลฮ่องกง เอื้อต่อนักธุรกิจ ทำให้ราคาที่พักสูงเกินที่คนฮ่องกงทั้งระดับล่างและระดับกลางจะซื้อได้ และนั่นทำให้คนฮ่องกงทั่วไปรู้สึกว่าตัวเขาเองใช้ชีวิตอยู่ลำบากในเมืองที่เขาเกิดมา
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีโอกาสจะลืมตาอ้าปากเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว
หนึ่งประเทศ สองระบบ หรือทุนนิยมที่ฮ่องกงอยากได้ กลับกลายเป็นสิ่งที่เชิดชูคนรวย และทำร้ายคนชั้นกลางในฮ่องกง
ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ ราคาบ้านที่สูงเกินเอื้อม
ไปจนถึงความกลัวว่าจะถูกรัฐบาลริดรอนเสรีภาพที่เคยมี
เมื่อมองไปทางไหนก็รู้สึกท้อแท้ และ สิ้นหวัง
หนทางเดียวที่มีอยู่ของคนฮ่องกง ก็คือการชุมนุม การประท้วง จนกว่าทุกอย่างจะมีการเปลี่ยนแปลง อย่างน้อยขอให้มีการเลือกตั้งแบบ 1 คนต่อ 1 เสียง (Universal Suffrage)
แต่ยิ่งประท้วงมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการทำร้ายเศรษฐกิจของตัวเองมากขึ้นทุกที
ทั้งภาคการเงิน การท่องเที่ยว
ฮ่องกงกำลังจะสูญเสียอะไรไปบ้าง?
นอกจากการที่ฮ่องกงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเป็นทางการแล้ว
Morgan Stanley คาดการณ์ว่า GDP ของฮ่องกงในปี 2019 จะหดตัว 0.8%
การส่งออกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2019
ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 7%
ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดในรอบ 10 ปี
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนสิงหาคมลดลง 34% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ถึงแม้ว่าตอนนี้ฮ่องกงยังครองตำแหน่งศูนย์กลางการเงินอันดับ 1 ของเอเชีย
แต่ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ตำแหน่งนี้กำลังถูกสั่นคลอนโดยสิงคโปร์ คู่แข่งที่ตามมาติดๆ ในอันดับ 2 และเซี่ยงไฮ้ซึ่งอยู่ในอันดับ 3
Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองของฮ่องกง
นักลงทุนอาจหอบเงินกว่า 120,000 ล้านบาท หนีไปลงทุนที่สิงคโปร์
ส่วน Bloomberg คาดการณ์ว่า มูลค่าหุ้นที่เข้ามาระดมทุนของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ มีแนวโน้มจะแซงหน้าตลาดหุ้นฮ่องกงในปีนี้
ยังไม่รวมห้างร้านหลายแห่งที่ต้องปิดตัวลง เพราะไม่สามารถขนส่งสินค้าเข้ามาในร้านได้
โรงแรมที่ซบเซาลงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง
ระบบขนส่งมวลชนที่เป็นอัมพาตจากการกีดขวางการจราจร
การประท้วงที่เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการก่อการร้าย
ทั้งขว้างปาก้อนอิฐ ก่อสิ่งกีดขวางการจราจร
ทำร้ายผู้คนที่ไม่เห็นด้วย เผาทำลายอาคารสถานที่ต่างๆ
แต่อย่างไรก็ตาม
ฮ่องกงซึ่งไม่มีทั้งกองกำลังทหารและอาวุธเป็นของตัวเอง
ยิ่งการประท้วงเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นเท่าไหร่
ก็ยิ่งเพิ่มความชอบธรรมให้รัฐบาลฮ่องกงขอรับการสนับสนุนกองกำลังทหารจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยที่ความขัดแย้งระหว่างฮ่องกงและจีน ถือเป็นกิจการภายใน ซึ่งต่างชาติก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซง
นั่นหมายความว่า ในทางกฎหมาย “การแยกประเทศ” ของชาวฮ่องกง คือสิ่งที่เป็นไปได้ยากมาก..
แต่จนถึงวันนี้ จุดยืนของรัฐบาลจีนต่อการประท้วง ก็คือการปล่อยให้คนฮ่องกงแก้ปัญหานี้กันเอง
ฮ่องกงซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีความสำคัญ เป็นประตูสู่การลงทุนของจีนแผ่นดินใหญ่
ปี 1997 ฮ่องกงมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 18.4% ของ GDP ประเทศจีน
ปี 2018 ฮ่องกงมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 2.7% ของ GDP ประเทศจีน
ในวันนี้ เมืองใหญ่ต่างๆ ของจีน ต่างพัฒนาเศรษฐกิจจนมีขนาด GDP แซงหน้าฮ่องกงไปแล้ว
ทั้ง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น ส่วนกว่างโจว และเทียนจิน กำลังจะแซงหน้าในเร็วๆ นี้
ความสำคัญในทางเศรษฐกิจของฮ่องกงต่อประเทศจีน กำลังลดระดับลงเรื่อยๆ
น่าคิดว่า ยิ่งการประท้วงในฮ่องกงยืดเยื้อเท่าไหร่ สุดท้ายผู้ที่ได้รับความเสียหายก็คือคนฮ่องกงเอง
ในปี ค.ศ. 2047 หรืออีก 28 ปี ข้างหน้า เมื่อครบ 50 ปีของการปกครองแบบหนึ่งประเทศ สองระบบ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป
- ฮ่องกงจะเป็นส่วนหนึ่งของ มณฑลกวางตุ้ง หนึ่งใน 23 มณฑลของจีน
- ดอลลาร์ฮ่องกง พาสปอร์ตฮ่องกง จะเป็นอดีต
- คนฮ่องกง 7.5 ล้านคน จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของคนจีน 1,400 ล้านคน
แน่นอนว่าคนฮ่องกงที่ประท้วงไม่อยากให้เป็นแบบนั้น และไม่ว่าการประท้วงที่ยาวนานครั้งนี้จะมีจุดจบเช่นไร เรื่องนี้ทำให้นึกถึงสิ่งที่ เรย์ ดาลิโอ ผู้เขียนหนังสือ Principles ได้กล่าวไว้เมื่อไม่นานมานี้ว่า
“โลกกำลังบ้าคลั่ง และ ระบบกำลังพัง”
ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองเป็นผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันที่ใหญ่สุดในโลก และคุ้นเคยกับโลกทุนนิยม
แต่เขาบอกว่า ระบบทุนนิยม แบบเดิมซึ่งเราเชื่อกันว่า จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมากในที่สุด
อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป..
เพราะระบบกำลังให้รางวัลกับคนรวย และทิ้งห่างคนส่วนใหญ่ไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนที่เหลือไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ระบบนี้จะไม่เสถียร ระบบนี้จะพังลงในที่สุด
และโลกนี้กำลังดำเนินเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวลาอันใกล้
หลายคนอาจจะไม่เชื่อว่าทุนนิยมมันจะพังได้อย่างไร ในเมื่อเราคุ้นเคยกันมานาน
แต่ดูเหมือนว่ามันอาจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งของโลกที่ชื่อว่า ฮ่องกง..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://www.chinadailyhk.com/articles/76/215/81/1572262453599.html
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-11-07/singapore-shanghai-threaten-hong-kong-status-as-asia-finance-hub
-https://www.zyen.com/media/documents/GFCI_26_Report_v1.0.pdf
-https://www.reuters.com/article/us-hongkong-protests-markets-explainer/explainer-how-important-is-hong-kong-to-the-rest-of-china-idUSKCN1VP35H
-https://www.cnbc.com/2019/03/20/hong-kong-is-building-an-80-billion-artificial-island.html
-https://www.censtatd.gov.hk/hkstat/sub/gender/demographic/index.jsp
-https://www.heritage.org/index/
-https://www.scmp.com/comment/opinion/article/3021423/how-hong-kong-can-put-end-protest-chaos-its-about-economy-so-fix
-https://www.chinadailyhk.com/articles/213/102/126/1551884339370.html
-https://www.statista.com/statistics/960155/hong-kong-high-net-worth-individuals-by-wealth-group/
-https://www.isranews.org/thaireform/thaireform-talk-interview/79389-universal-suffragehk79389.html
-https://www.nytimes.com/2019/07/08/world/asia/hong-kong-protests-democracy.html
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-04-10/hong-kong-overtakes-japan-as-world-s-third-largest-stock-market
-https://en.wikipedia.org/wiki/2019_Hong_Kong_anti-extradition_bill_protests
-https://www.bloomberg.com/graphics/2019-hong-kong-protests-economic-impact/?srnd=premium-asia
-https://th.investing.com/indices/hang-sen-40
-https://en.wikipedia.org/wiki/Economy_of_Hong_Kong
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tourism_in_Hong_Kong
-https://www.ceicdata.com/en/indicator/hong-kong/tourism-revenue
-https://nypost.com/2019/08/14/alibaba-ipo-plan-at-risk-amid-massive-hong-kong-protests/
-https://tradingeconomics.com/hong-kong/gdp-growth-annual
-https://www.scmp.com/news/hong-kong/hong-kong-economy/article/3008578/hong-kongs-gdp-slows-05-cent-first-quarter-2019
-https://edition.cnn.com/2019/08/15/economy/hong-kong-economy-stimulus/index.html
-https://www.linkedin.com/pulse/world-has-gone-mad-system-broken-ray-dalio
the indicator 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 八卦
“เกาหลีใต้” จากค่าแรงต่อคนที่ (เคย) ได้เท่าไทย ปัจจุบันพุ่งไกล! มากกว่า 4 เท่า!!
.
เมื่อย้อนกลับไปประมาณ 40-50 ปีก่อน เกาหลีใต้และไทย ค่อนข้างเป็นประเทศที่มีความคล้ายกัน ทั้งในฐานะที่เป็นประเทศที่พึ่งพาการเกษตรเป็นหลัก และประชากรยังมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนเท่า ๆ กันที่ประมาณ 400-440 บาท แต่มาวันนี้ ปี 2020 ในขณะที่ไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 บาท แต่สำหรับเกาหลีใต้รายได้ได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า 80,000 บาท ซึ่งนับว่ารายได้พุ่งสูงขึ้น มากกว่าไทยถึง 4 เท่า!
.
หากถามว่าพวกเขาทำได้อย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาประเทศ จากที่เคยเป็นหนึ่งในประเทศที่พึ่งพาการเกษตรเป็นหลักและยากจนที่สุดในเอเชียตะวันออก สู่การเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของโลก ทั้งยังพ่วงมาด้วยการเป็นผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรมและอุตสาหกรรมที่สำคัญของเอเชียนั้น เนื่องจาก เกาหลีใต้มีความตื่นตัวและเร่งพัฒนาประเทศอยู่เสมอ รวมถึงแนวคิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเกาหลีใต้ที่ผ่านมา เป็นการปฏิรูปนโยบายที่มุ่งให้เกิดการเปิดประเทศสู่ระดับสากล ซึ่งแนวคิดที่เกาหลีใต้ใช้ในการพัฒนาประเทศนั้น มีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อหลัก ๆ ดังนี้
.
1.พัฒนาทักษะแรงงานในประเทศ เปลี่ยนจากประเทศพึ่งพาการเกษตร เป็นประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรม
ในยุคสมัยก่อน คนเกาหลีมีการทำการเกษตรเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวเป็นหลัก แต่เพราะข้อเสียสำคัญที่ว่า ต้องใช้แรงงานเยอะ ใช้เวลาและทรัพยากรต่าง ๆ สูง แต่ผลผลิตกลับได้ไม่สูงมาก รวมถึงแรงงานในสมัยนั้นมีคุณภาพต่ำ เนื่องจากยังไม่มีความรู้มากพอ ในปี 1950 เกาหลีใต้จึงได้วางแผนที่จะเปลี่ยนประเทศสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรม โดยเริ่มตั้งแต่การทำให้คนประเทศได้ศึกษาเล่าเรียน เพราะเมื่อมีความรู้ ก็สามารถทำงานในระบบอุตสาหกรรมได้ ซึ่งปัจจุบันเกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งฐานการผลิตที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจในการมาลงทุนตั้งโรงงาน
.
2.พัฒนาในด้านการค้าขายระหว่างประเทศ
หลังจากที่เกาหลีใต้ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายของประเทศมาสู่การเป็นอุตสาหกรรม ส่งผลให้การพัฒนาด้านการค้าระหว่างประเทศ ยิ่งเห็นผลชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากบริษัทในเกาหลีใต้สามารถเติบโต และสร้างแบรนด์ได้อย่างแข็งแรง อีกทั้งการส่งออกของประเทศก็มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 2 เท่า โดยเฉพาะในปี 2012 ที่อัตราการเติบโตของการส่งออกขยับขึ้นมาเป็น 56% ซึ่งเกินกว่าครึ่งของเศรษฐกิจเกาหลีใต้
.
3.ส่งเสริมงานวิจัยเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจผู้ผลิตในประเทศ
เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการทุ่มงบให้กับงานวิจัยสูงมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีสัดส่วนเงินลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาการผลิตสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาทต่อปี คิดเป็น 4% ของ GDP โดยควบคู่กับการการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ จากนั้นจึงใช้วิธีการศึกษา และเรียนรู้จากเทคโนโลยีเหล่านั้น แล้วนำมาพัฒนาในประเทศ จนกลายเป็นประเทศที่มีธุรกิจส่งออกสินค้าด้านเทคโนโลยีที่สำคัญของเอเชีย ได้แก่ Samsung และ Hyundai
.
4.พัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีสู่นวัตกรรมของโลกอนาคต
ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ อาจกำลังสั่นสะเทือนเนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศจีน ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่าอุตสาหกรรมในจีนนั้น ใช้โมเดลเดียวกับเกาหลีใต้ คือการรับจ้างผลิต วิจัย พัฒนา รวมถึงการสร้างแบรนด์ได้เอง อีกทั้งจีนยังสามารถทำเองได้ทุกอย่าง ทำให้นัลงทุนต่างชาติเลิกนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้ ทำให้รายได้จึงหดหายไปด้วย ซึ่งเกาหลีใต้ก็ได้มีการแก้ปัญหาตรงนี้โดยการ ขายความเป็นเกาหลีให้เป็นที่รู้จักของชาวโลก รวมถึงพัฒนาด้านอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี สร้างศูนย์กลางไอทีภายในประเทศ สร้างเมืองอัจฉริยะ โดยที่สุดแล้ว เกาหลีใต้ยังคงหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งผู้นำในอนาคต ที่มีการพึ่งพาระบบเครือข่ายพื้นฐานอย่าง 5G, AI และหุ่นยนต์
.
ทั้งหมดนี้คือแนวคิดการพัฒนาและบริหารประเทศของเกาหลีใต้ ที่สามารถนำพาตัวเองขึ้นมาสู่การเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำในด้านต่าง ๆ ของโลกได้ ซึ่งเป็นเพราะว่าเขารู้และมองเห็นจุดยืนของตัวเอง รู้ว่าประเทศตัวเองนั้น โดดเด่นเรื่องใด และต้องการพัฒนาอะไร ซึ่งหากประเทศไทย ต้องการพัฒนาให้ประเทศไปสู่ระดับสากล และเป็นผู้นำของโลกได้นั้น อาจต้องมองหาทิศทางและโอกาสที่สามารถพาประเทศไปสู่การพัฒนาได้ โดยต้องสอดคล้องและช่วยส่งเสริมกับศักยภาพที่โดดเด่นของประเทศด้วย นั่นคือ การท่องเที่ยว และการส่งออก
.
ที่มา : https://www.stlouisfed.org/on-the-economy/2018/march/how-south-korea-economy-develop-quickly
https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?end=2017&locations=KR-TH&start=1960&view=chart
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#เกาหลีใต้ #พัฒนาประเทศ #ไทย
the indicator 在 Rayner Teo Youtube 的評價
Discover how the moving average trading indicator helps you better time your entries, "predict" market turning points, and increase your winning rate.
** FREE TRADING STRATEGY GUIDES **
The Ultimate Guide to Price Action Trading: https://www.tradingwithrayner.com/ultimate-guide-price-action-trading/
The Monster Guide to Candlestick Patterns: https://www.tradingwithrayner.com/candlestick-pdf-guide/
** PREMIUM TRAINING **
Pro Traders Edge: https://www.tradingwithrayner.com/pte/
Pullback Stock Trading System: https://pullbackstocktradingsystem.com/
Price Action Trading Secrets: https://priceactiontradingsecrets.com/
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/cSWC2WwbhHE/hqdefault.jpg)
the indicator 在 Rayner Teo Youtube 的評價
Discover how MACD indicator can help you "predict" market turning points, increase your winning rate, and identify high probability breakout trades.
** FREE TRADING STRATEGY GUIDES **
The Ultimate Guide to Price Action Trading: https://www.tradingwithrayner.com/ultimate-guide-price-action-trading/
The Monster Guide to Candlestick Patterns: https://www.tradingwithrayner.com/candlestick-pdf-guide/
** PREMIUM TRAINING **
Pro Traders Edge: https://www.tradingwithrayner.com/pte/
Pullback Stock Trading System: https://pullbackstocktradingsystem.com/
Price Action Trading Secrets: https://priceactiontradingsecrets.com/
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/eob4wv2v--k/hqdefault.jpg)
the indicator 在 Rayner Teo Youtube 的評價
Support and resistance is possibly the most popular concept in technical analysis.
And because it’s so popular, you can easily find a ton of information about it.
However, this comes at the expense of conflicting information.
For example, the more times support is tested, the weaker or stronger it becomes?
You’re not sure, right?
That’s why I’ve just created a new training so you can master support and resistance (in less than 20mins).
Specifically, here’s what you’ll learn:
** How to tell when SR will break so you don’t get caught on the wrong side of the move
** Why not all SR areas are created equal and how to identify the best ones which offer the greatest profit potential
** How to find losing traders to push the price in your favour so you can take profits—while they cut their losses
** Support & Resistance: How to find profitable trading opportunities overlooked by 90% of traders
Cool?
Then go watch it now.
? Subscribe To Rayner'S Youtube Channel Now ? https://www.youtube.com/subscription_center?add_user=tradingwithrayner
*** Free Trading Strategy Guides ***
#1: The Ultimate Guide to Price Action Trading: https://www.tradingwithrayner.com/ultimate-guide-price-action-trading/
#2: The Monster Guide to Candlestick Patterns: https://www.tradingwithrayner.com/candlestick-pdf-guide/
*** Premium Training ***
Pro Traders Edge: https://www.tradingwithrayner.com/pte/
Pullback Stock Trading System: https://pullbackstocktradingsystem.com/
Price Action Trading Secrets: https://priceactiontradingsecrets.com/
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/uj4ohg280eE/hqdefault.jpg)
the indicator 在 Recession, retail, retaliation | The Indicator - YouTube 的八卦
Economic news of the week – from the government's new projections on unemployment and inflation to the latest retail spending numbers. ... <看更多>