ทำไม เบลเยียม จึงเป็นประเทศแห่ง ช็อกโกแลต? /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงประเทศเบลเยียม สินค้าขึ้นชื่อที่หลายคนจะนึกถึงก็คือ ช็อกโกแลต
และหากเอ่ยถึงช็อกโกแลตที่ดีที่สุด ช็อกโกแลตจากเบลเยียมจะเป็นหนึ่งในนั้น
ความขม และความหวานผสมผสานอยู่ในวิถีชีวิตของชาวเบลเยียม
ในประเทศที่มีพื้นที่เพียง 30,280 ตารางกิโลเมตร ขนาดเล็กกว่าไทย 17 เท่า
เมืองทุกเมืองไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่จะมีร้านช็อกโกแลตที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่อย่างน้อยหนึ่งร้าน
โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่างกรุงบรัสเซลส์ ที่มีร้านช็อกโกแลตตั้งอยู่แทบทุกหัวมุมถนน
จนได้รับฉายาว่า “เมืองหลวงแห่งช็อกโกแลต”
เบลเยียมส่งออกช็อกโกแลตมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากเยอรมนี
ด้วยมูลค่าปีละเกือบ 100,000 ล้านบาท
ทั้งที่ประเทศนี้มีพื้นที่เล็กกว่าเยอรมนี 10 เท่า
แน่นอนว่า ประเทศเขตหนาวอย่างเบลเยียมย่อมไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการปลูกโกโก้
ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของช็อกโกแลต
แล้วอะไรที่ทำให้ประเทศเล็กๆ ที่แทบไม่มีพื้นที่สำหรับปลูกวัตถุดิบตั้งต้น
ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกช็อกโกแลตระดับโลก?
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม เบลเยียม จึงเป็นประเทศแห่ง ช็อกโกแลต?
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ช็อกโกแลตเป็นผลผลิตจากเมล็ดของต้นโกโก้ ซึ่งเป็นพืชเขตร้อน ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในเม็กซิโก
ชนพื้นเมืองของจักรวรรดิแอซเท็ก อารยธรรมดั้งเดิมแถบเม็กซิโก มีการใช้เมล็ดโกโก้แทนเงินตราเนื่องจากเป็นสิ่งหายาก ในขณะที่ชนชั้นสูงจะนำเมล็ดมาต้มเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ที่เรียกว่า ช็อกโกแลต (Chocolatl)
แล้วพืชเขตร้อนจากเม็กซิโก เดินทางมาถึงประเทศเขตหนาวอย่างเบลเยียมได้อย่างไร?
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นในยุคแห่งการสำรวจ..
ศตวรรษที่ 15 เมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักสำรวจผู้ทำงานให้กับราชสำนักสเปน เดินทางจากยุโรปมาค้นพบทวีปอเมริกา
หลังจากนั้น ชาวสเปนที่มีทั้งอาวุธและโรคร้ายก็ค่อยๆ เข้ามาครอบครองดินแดนแห่งใหม่ ในที่สุดก็สามารถยึดดินแดนของชาวแอซเท็กเป็นอาณานิคมได้ในที่สุด
สินค้าจากทวีปใหม่ถูกขนกลับเข้าสู่ยุโรป ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ ทองแดง
ไปจนถึงพืชเขตร้อนอย่างมันฝรั่ง ยาสูบ และโกโก้
แต่ในเวลานั้น เมืองท่าที่สำคัญที่สุดของสเปน ไม่ได้ตั้งอยู่บนแผ่นดินสเปน แต่กลับอยู่ในดินแดนอารักขาของสเปนที่เรียกว่า “แฟลนเดอร์” ดินแดนที่ราบทางตอนเหนือของยุโรป
โดยเมืองท่าที่สำคัญที่สุดของแถบแฟลนเดอร์
คือเมืองแอนต์เวิร์ป ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศเบลเยียม
โดยชาวสเปนนำเครื่องดื่มช็อกโกแลตมาเผยแพร่ และมีการใส่น้ำตาลผสมลงไป ทำให้กลายเป็นเครื่องดื่มรสหวาน ชาวเบลเยียมจึงผูกพันกับโกโก้และช็อกโกแลตมาตั้งแต่ยุคแห่งการสำรวจ
แต่ความนิยมในการดื่มช็อกโกแลตร้อนยังคงจำกัดอยู่ในแวดวงขุนนางและชนชั้นสูงชาวสเปน เนื่องจากการปลูกโกโก้ยังมีจำกัดอยู่ในอเมริกา และมีราคาสูงมาก
จนถึงยุคจักรวรรดินิยมในช่วงปลายศตวรรษที่ 19
เมื่อชาวยุโรปแข่งกันล่าอาณานิคมเขตร้อนในทวีปแอฟริกาและเอเชีย
มหาอำนาจหลายประเทศจากยุโรปเริ่มได้ครอบครองดินแดนชายฝั่งของแอฟริกา
มีการนำโกโก้มาปลูกในดินแดนอาณานิคมและขนส่งกลับยุโรป
และเมื่อมีวัตถุดิบมากขึ้น เครื่องดื่มช็อกโกแลตก็ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่กับชนชั้นสูงอีกต่อไป
ส่วน เบลเยียม เพิ่งก่อตั้งประเทศในปี ค.ศ. 1830 และเป็นเพียงอาณาจักรเล็กๆ แต่ก็ยังอยากครอบครองดินแดนในทวีปแอฟริกา
ท้ายที่สุด ในสมัยพระเจ้าลีโอโปลด์ที่ 2 เบลเยียมก็ได้ครอบครองป่าดงดิบขนาดใหญ่ใจกลางทวีป และเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า “คองโกของเบลเยียม”
ความพิเศษของดินแดนคองโก คือตั้งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรพาดผ่านพอดี จึงมีฝนตกชุกตลอดปี เป็นภูมิอากาศที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของโกโก้ เบลเยียมจึงเริ่มมีแหล่งผลิตโกโก้เป็นของตัวเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณโกโก้ที่เบลเยียมผลิตได้ก็ยังเป็นจำนวนน้อยมาก และเมื่อช็อกโกแลตเริ่มแพร่หลายในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เบลเยียมก็กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่นำเข้าช็อกโกแลตมากที่สุดในยุโรป
แล้วเบลเยียมเปลี่ยนจากประเทศผู้นำเข้า ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกได้อย่างไร?
สิ่งสำคัญที่สุด อยู่ที่ทำเลที่ตั้ง..
เบลเยียมตั้งอยู่ปากแม่น้ำ ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก ด้วยทำเลที่ดี เบลเยียมจึงเป็นดินแดนแห่งการขนส่งและการค้าขายมาตั้งแต่ยุคกลาง
ดินแดนแห่งนี้ดึงดูดทั้งพ่อค้า นายธนาคาร และนักประดิษฐ์ให้เข้ามาตั้งรกราก ชาวเบลเยียมจึงมีลักษณะของความเป็นพ่อค้า คือค้าขายเก่ง และพูดได้หลายภาษาทั้งดัตช์ ฝรั่งเศส และเยอรมัน
และด้วยทำเลที่อยู่ระหว่างมหาอำนาจ ตอนเหนือติดกับเนเธอร์แลนด์ ตอนใต้ติดกับฝรั่งเศส ด้านตะวันออกติดกับเยอรมนี อีกคุณลักษณะที่สำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวเบลเยียม คือปรับตัวเก่ง และมีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ
ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เองก็ทำให้ชาวเบลเยียมสามารถนำความรู้และวิทยาการของมหาอำนาจรอบตัว มาคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ที่นำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการช็อกโกแลต
และเปลี่ยนจากประเทศผู้นำเข้ากลายเป็นผู้ส่งออกช็อกโกแลตได้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
สิ่งประดิษฐ์แรก คือ “Praline” หรือ ช็อกโกแลตสอดไส้
ในปี ค.ศ. 1857 เภสัชกร Jean Neuhaus
ได้ย้ายมาเปิดร้านขายยาใกล้ๆ กับจัตุรัสใจกลางกรุงบรัสเซลส์
ด้วยความตั้งใจที่อยากจะแก้ปัญหาให้กับผู้ป่วยที่ไม่กินยา
เขาจึงได้นำช็อกโกแลตมาเคลือบยา เพื่อกลบรสขม และทำให้ผู้ป่วยกินยาได้ง่ายขึ้น
จนร้านยาของเขามีชื่อเสียงโด่งดัง
ต่อมาในปี ค.ศ. 1912 หลานชาย Jean Neuhaus Junior ได้นำไอเดียของคุณปู่มาต่อยอด
โดยเขาได้คิดค้นช็อกโกแลตที่มีไส้สอดตรงกลางเรียกว่า “Praline” (พราลีน) และให้กำเนิดร้านขายช็อกโกแลตภายใต้แบรนด์ “Neuhaus”
ในอีก 3 ปีต่อมา Louise Agostini ภรรยาของเขา ยังเป็นผู้คิดค้นกล่องสี่เหลี่ยมสำหรับบรรจุช็อกโกแลต Praline โดยเฉพาะ ที่เรียกว่า “Ballotin”
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นที่ 2 คือ “Batton” หรือ ช็อกโกแลตแท่งขนาดเล็ก
ชาวดัตช์เป็นผู้ริเริ่ม ที่ทำให้เครื่องดื่มช็อกโกแลต
กลายเป็น “ช็อกโกแลตแท่ง” อย่างที่พวกเราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน
แต่ชาวเบลเยียมชื่อว่า Kwatta เป็นผู้ทำให้ขนาดของช็อกโกแลตแท่งกลายเป็นแท่งเล็กๆ ขนาดเพียง 30-45 กรัม สะดวกต่อการพกพาและสามารถเป็นขนมขบเคี้ยวได้
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นที่ 3 คือ “Couverture chocolate” หรือ ช็อกโกแลตแท้สำหรับแปรรูป’
ในกระบวนการผลิตช็อกโกแลต จากต้นกำเนิดคือเมล็ดโกโก้ จะต้องมีการนำมาคั่ว ผ่านหลายขั้นตอนจนกว่าจะมาเป็นช็อกโกแลต
แต่การคิดค้น Couverture Chocolate โดย Octaaf Callebaut ในปี ค.ศ. 1925 ช่วยย่นระยะเวลาของขั้นตอนเหล่านี้ลง
Couverture Chocolate หรือหลายคนอาจเรียกว่า กระดุมหรือเหรียญช็อกโกแลต
กลายเป็นสารตั้งต้นช็อกโกแลตที่ทำให้การทำช็อกโกแลตง่ายขึ้นมาก สามารถนำมาแปรรูปเป็นขนมหวานได้หลายชนิด และทำให้แบรนด์ “Callebaut” กลายเป็นผู้นำในการส่งออกช็อกโกแลตแท้สำหรับแปรรูปรายสำคัญของโลก
สิ่งประดิษฐ์ทั้ง 3 ช่วยเปลี่ยนช็อกโกแลตของเบลเยียมให้ก้าวขึ้นมามีบทบาทในวงการช็อกโกแลตโลก และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่แบรนด์ช็อกโกแลตเบลเยียมเริ่มมีชื่อเสียง
ทั้งแบรนด์ Leonidas ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1913 เป็นแบรนด์ช็อกโกแลตแบรนด์แรกที่มีการตกแต่งร้าน ให้ลูกค้าที่มาซื้อช็อกโกแลตสามารถมองเห็นกระบวนการผลิตช็อกโกแลตได้ทั้งหมด
แบรนด์ Godiva ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1929 เป็นแบรนด์ช็อกโกแลต Praline ที่สร้างสตอรีของแบรนด์ด้วยการใช้เรื่องราวของเลดี้โกไดวา วีรสตรีในตำนานของอังกฤษ ที่ใช้ความกล้าต่อสู้กับความอยุติธรรม จนเมื่อช็อกโกแลตได้รับความนิยม Godiva จึงเริ่มขยายไปตั้งสาขาที่ต่างประเทศ โดยเริ่มที่กรุงปารีสในปี ค.ศ. 1958
ไม่นาน จากประเทศผู้นำเข้าช็อกโกแลต เบลเยียมก็ก้าวขึ้นมากลายเป็นผู้ส่งออกช็อกโกแลตรายใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อมีการจัดงาน World Expo ที่กรุงบรัสเซลส์ในปี ค.ศ. 1958
รัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมของเบลเยียมได้ร่วมกันโปรโมตช็อกโกแลตเบลเยียมสู่สายตาชาวโลก
แบรนด์ช็อกโกแลตเบลเยียมก็เริ่มขยายร้านไปตั้งสาขาอยู่นอกประเทศ
และบุกตลาดโลก ด้วยการตั้งสาขาในทวีปอเมริกา และทวีปเอเชีย
ไม่ใช่แค่ปริมาณเท่านั้น แต่การกำหนดและควบคุมคุณภาพก็เป็นอีกประเด็นที่สำคัญมากๆ
ผู้ผลิตช็อกโกแลตกว่า 170 บริษัท ได้รวมตัวกันเพื่อจัดตั้ง The Royal Belgian Association of the Chocolate, Pralines, Biscuit and Confectionary หรือ Choprabisco
เพื่อที่จะควบคุมการผลิตช็อกโกแลตเบลเยียมให้คงมาตรฐาน
ตัวอย่างเช่น ช็อกโกแลตเบลเยียมจำเป็นต้องใช้โกโก้บริสุทธิ์เป็นส่วนผสมขั้นต่ำ 35%
และทุกกระบวนการการผลิตช็อกโกแลตจะต้องทำขึ้นในประเทศเบลเยียม
ถ้าบริษัทไหนในเบลเยียมทำได้ตามมาตรฐานนี้
ก็ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นช็อกโกแลตจากประเทศเบลเยียม
และสามารถใช้คำว่า “Belgian Chocolate” อยู่บนผลิตภัณฑ์ได้
นอกจากคุณภาพแล้ว เบลเยียมยังไม่หยุดที่จะพัฒนา..
มีการวิจัยและพัฒนาช็อกโกแลตเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยมีสถาบัน เช่น University of Ghent ในเมือง Ghent ได้จัดตั้งหน่วยวิจัย Cacao Lab เพื่อพัฒนาวัตถุดิบ คัดสรรโกโก้ที่ดีที่สุด ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตใหม่ๆ ออกสู่ตลาด
โดยเฉพาะโกโก้ที่ใช้ทำช็อกโกแลต มีงานวิจัยว่าจะต้องถูกบดละเอียดจนมีขนาดเล็กกว่า 20 ไมครอน ซึ่งเล็กกว่าระยะห่างของตุ่มรับรสในลิ้น เพื่อให้ได้ช็อกโกแลตที่มีสัมผัสนุ่มละมุน
จากจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้นำเข้าช็อกโกแลต ชาวเบลเยียมได้ต่อยอด คิดค้น และหาช่องว่างในการพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำแห่งวงการช็อกโกแลตที่คนทั้งโลกยอมรับ
ช็อกโกแลตของเบลเยียมไม่ได้เป็นที่สุดในด้านคุณภาพเท่านั้น
แต่แสดงถึงการมีอยู่ของความคิดสร้างสรรค์ตลอดเวลานับ 100 ปี ของคนในประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีเพียงพอแม้แต่พื้นที่ปลูกโกโก้ และต้องนำเข้าโกโก้เป็นมูลค่าถึงปีละเกือบ 20,000 ล้านบาท แต่กลับสามารถรังสรรค์ช็อกโกแลตคุณภาพสูงที่เข้มข้น นุ่มละมุน และจะละลายทันทีเมื่อนำเข้าปาก
หากถามว่าอะไรที่จะแปรรูปจากเมล็ดโกโก้ธรรมดาให้กลายเป็นช็อกโกแลตเลิศรส?
“ความคิดสร้างสรรค์” ก็คงเป็นคำตอบสำคัญที่สุด สำหรับชาวเบลเยียม..
อ่านซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ในตอนก่อนหน้าทั้งหมดได้ที่แอป Blockdit blockdit.com/download
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://theculturetrip.com/europe/belgium/articles/a-brief-history-of-belgian-chocolate/
-http://www.worldstopexports.com/chocolate-exporters/
-https://www.aocs.org/stay-informed/inform-magazine/featured-articles/the-secrets-of-belgian-chocolate-may-2012?SSO=True
-https://www.econstor.eu/bitstream/10419/126506/1/827122217.pdf
-https://data.worldbank.org/indicator/AG.LND.TOTL.K2?locations=IT-BE-DE-TH
-https://www.waterbridge.net/blog/brief-history-of-belgian-chocolate.html
-https://www.pilotguides.com/articles/belgian-chocolate/
-https://www.godiva.com/chocolate-belgium-heritage-1
-https://www.ugent.be/en/ghentuniv/facilities/giftshop/cacaolab.htm
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過305萬的網紅softpomz,也在其Youtube影片中提到,คนรักช็อคโกแล็ตห้ามพลาด!! เรามาถึงถิ่นแล้ว!! ใครดูตอนกลางคืน หาของกินมาจกกินด้วยกันเร้วว ฮ่าๆ :P ❥อย่าลืมกดติดตาม เพื่อไม่พลาดคลิปใหม่จากซอฟค่า : htt...
「neuhaus chocolate」的推薦目錄:
- 關於neuhaus chocolate 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於neuhaus chocolate 在 Fancy Goh Facebook
- 關於neuhaus chocolate 在 Maggi Apa Bhavilai Fanpage Facebook
- 關於neuhaus chocolate 在 softpomz Youtube
- 關於neuhaus chocolate 在 JUNJUN SQUARE Youtube
- 關於neuhaus chocolate 在 The Neahaus Belgian Chocolate Factory Outlet Tour - Pinterest 的評價
neuhaus chocolate 在 Fancy Goh Facebook 八卦
各種彩色包裝的巧克力!每天睡前一顆,夢更美! #女人最愛 #chocolate #neuhaus #sweetdream
neuhaus chocolate 在 Maggi Apa Bhavilai Fanpage Facebook 八卦
หวาน • เบา แต่ เช้า #neuhaus #chocolate #paris
neuhaus chocolate 在 softpomz Youtube 的評價
คนรักช็อคโกแล็ตห้ามพลาด!! เรามาถึงถิ่นแล้ว!! ใครดูตอนกลางคืน หาของกินมาจกกินด้วยกันเร้วว ฮ่าๆ :P
❥อย่าลืมกดติดตาม เพื่อไม่พลาดคลิปใหม่จากซอฟค่า : http://goo.gl/bniqrB
ตามมาพูดคุยกับซอฟได้ที่นี่เลยค่า☺
❥Facebook : http://www.facebook.com/SoftpomzTV
❥Google+ : http://goo.gl/KZZdT0
❥Instagram : http://instagram.com/softpomz
❥ติดต่อได้ที่
ContactSoftpomz@gmail.com
neuhaus chocolate 在 JUNJUN SQUARE Youtube 的評價
JunJun 老師的旅行紀錄來到比利時的布魯塞爾,不止有可愛的尿尿小童還有很多好吃的巧克力跟比利時鬆餅。最重要的是一定要拜訪最早開始製作皮包的牌子 Delvaux 呀!!跟著老師一起來瞭解比利時的特色文化吧!
影片中所提到的牌子和相關資訊
Neuhaus Chocolate: 地址 Grand Place 27, 1000 Bruxelles, Belgium
Delvaux 創始店: 地址 Galerie de la Rein 31, 1000 Brussel, Belgium
**************************************************************
Where To Find Me
Instagram: junjunsquare
Blog: http://junjunsquare.blogspot.com/
Facebook: https://www.facebook.com/junjunsquare/
Contact:junjunsquare@gmail.com
**************************************************************
Jun Jun 和Chi Chi 開了一個新的頻道是關於我們旅行,生活上的點點滴滴的。有興趣的朋友們也可以去訂閱唷!
Chi & Jun Channel連結在此:
https://www.youtube.com/chijun
neuhaus chocolate 在 The Neahaus Belgian Chocolate Factory Outlet Tour - Pinterest 的八卦
Jun 6, 2019 - A guide to Neuhaus chocolate: The Neuhaus Belgian Chocolate Factory and how to visit the best-kept secret of Belgium chocolate at a discount. ... <看更多>