อิสราเอล ประเทศแรก ๆ ที่กำลังจะเอาชนะ โรคระบาด /โดย ลงทุนแมน
ถ้าหากพูดถึงประเทศที่ควบคุมการระบาดของโควิด 19 ได้ดีในตอนนี้
ประเทศหนึ่งที่ต้องพูดถึง ก็คงเป็น “อิสราเอล”
อิสราเอล เป็นประเทศที่มีสัดส่วนพลเมืองเข้ารับวัคซีนมากที่สุดในโลกขณะนี้
และเมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา รัฐบาลอิสราเอล ก็อนุญาตให้พลเมืองไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัยออกนอกบ้านกันได้แล้ว
จากข้อมูลล่าสุด มีพลเมืองในอิสราเอลมากกว่า 61.7% เข้ารับวัคซีนแล้ว 1 โดส
และฉีดครบ 2 โดสแล้ว คิดเป็น 57.4% ของประชากรทั้งประเทศที่ประมาณ 9 ล้านคน
หรือพูดได้ว่า อิสราเอล น่าจะเป็นประเทศแรก ๆ ของโลก ที่สามารถสร้าง Herd Immunity หรือภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับคนในประเทศได้ (ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อประชาชนในประเทศได้รับวัคซีนครบ 2 โดส อย่างน้อย 70-90% ของประชากร จากการคาดการณ์ขององค์การอนามัยโลก)
แล้วประเทศแห่งนี้ มีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
อิสราเอลเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในแถบตะวันออกกลาง
บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
โดยอิสราเอลมีเขตแดนติดกับหลายประเทศในตะวันออกกลาง คือ เลบานอน ซีเรีย และจอร์แดน
และพื้นที่บางส่วนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อยู่ติดกับคาบสมุทรไซนาย ของประเทศอียิปต์
อิสราเอล ถือเป็นประเทศหนึ่งจากเอเชีย ที่มีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง เทียบได้กับประเทศพัฒนาแล้วอย่างประเทศในแถบยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา
ในปี 2019 อิสราเอลมีมูลค่า GDP เท่ากับ 12.1 ล้านล้านบาท เมื่อหารด้วยจำนวนประชากรประมาณ 9 ล้านคน รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากร เท่ากับ 1.3 ล้านบาทต่อปี สูงเป็นอันดับที่ 19 ของโลก
จุดที่เรียกว่าเด่นมาก ๆ ของอิสราเอล
คือการให้ความสำคัญกับการค้นคว้าและวิจัย (R&D) ของประเทศอย่างมาก
โดยในปี 2018 งบประมาณด้าน R&D มีสัดส่วนสูงถึง 4.95% ของ GDP ประเทศ
ซึ่งสูงที่สุดในโลกในปีนั้น จากการจัดอันดับของ World Bank
การให้ความสำคัญกับด้าน R&D กลายเป็นปัจจัยสำคัญ
ที่ส่งผลให้อิสราเอล กลายเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าสูง
ในด้านนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เมื่อบวกกับการที่ประเทศมีประชากรน้อย ซึ่งทำให้ตลาดของพวกเขานั้นเล็กมาก
DNA ในการทำธุรกิจของคนในอิสราเอล จึงเป็นการ “Think Global” หรือจะทำอะไรทั้งที ทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการของอิสราเอลต้องคิดใหญ่ไปสู่ระดับโลกเลย
แล้วมีอะไรบ้างของอิสราเอลในวันนี้ ที่ก้าวไปสู่ระดับโลก ?
- เป็นประเทศที่มีจำนวนบริษัท Startup มากกว่า 6,000 บริษัท มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา
- เป็นประเทศที่มีจำนวนบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq มากที่สุดอันดับ 3 รองจากสหรัฐอเมริกาและจีน
- เป็นศูนย์กลางการค้าเพชรและอัญมณีของโลก โดยมีตลาดกลางค้าเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่กรุงเทลอาวีฟ เมืองท่าสำคัญของประเทศ
- เป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมของบริษัทข้ามชาติมากกว่า 530 บริษัท เช่น IBM, Microsoft, Apple, Facebook, Google, Johnson & Johnson
แต่อิสราเอลก็ไม่ได้มีความโดดเด่นเพียงแค่ด้านนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพียงเท่านั้น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของอิสราเอล ก็ถือว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศด้วยเช่นกัน
- ปี 2009 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาอิสราเอลเท่ากับ 2.7 ล้านคน
- ปี 2019 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาอิสราเอลเท่ากับ 4.6 ล้านคน
จึงทำให้ประเทศเล็ก ๆ อย่างอิสราเอลนั้น มีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 50% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ
ในปี 2019 นิตยสาร Forbes จัดอันดับให้กรุงเทลอาวีฟ ติดอันดับ 1 ใน 20 เมืองของโลกที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว
โดยมีเมืองสำคัญอย่าง เทลอาวีฟ (Tel Aviv) ที่ไม่เพียงแต่เป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจและการค้าเพชรของอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมรวม และเป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมที่สวยงามของประเทศอีกด้วย
ในปี 2019 ประเทศอิสราเอลมีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 207,000 ล้านบาท ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น มีการสร้างงานไม่ต่ำกว่า 230,000 ตำแหน่ง หรือประมาณ 6% ของจำนวนแรงงานทั้งประเทศ
รัฐบาลอิสราเอลพยายามโปรโมตอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
- การดำน้ำที่ไอลัต (Eilat) เมืองทางตอนใต้ของอิสราเอล ที่ถือเป็นสถานที่ดำน้ำระดับโลกที่นักดำน้ำทั่วโลกใฝ่ฝัน โดยแต่ละปีจะมีนักดำน้ำมาที่นี่กว่า 250,000 คน
- การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ซึ่งอิสราเอลนั้น ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์อย่างมาก จนสามารถดึงดูดคนไข้จากต่างประเทศให้เข้ามารักษาที่นี่ได้ สร้างรายได้เข้าประเทศปีละเป็นหลักหมื่นล้านบาท
แน่นอนว่า การระบาดของโควิด 19 ในปี 2020 ที่ผ่านมา สร้างผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศอิสราเอล
GDP ของอิสราเอลหดตัวลง 2.4% ซึ่งแม้จะดูเหมือนไม่มากเมื่อเทียบกับหลายประเทศ แต่การหดตัวของ GDP ในครั้งนี้ของอิสราเอล เป็นการติดลบที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ประเทศประกาศเอกราชเมื่อปี 1948 เลยทีเดียว
วิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ ยังทำให้อัตราการว่างงานในประเทศพุ่งสูงกว่า 15% ในช่วงที่ประเทศมีมาตรการล็อกดาวน์ หลายธุรกิจต้องปิดตัวลงชั่วคราวและถาวร
อย่างไรก็ตาม ปี 2021 นี้ ก็มีการคาดการณ์กันว่า
เศรษฐกิจของอิสราเอลจะกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นจากปีที่แล้ว
ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ การเร่งฉีดวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19
วันนี้อิสราเอลเป็นประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่อจำนวนประชากร สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
และถ้าถามว่าประเทศไหนที่เอาชนะโรคระบาดได้สมบูรณ์ที่สุดก่อนใคร
อิสราเอล ก็น่าจะเข้าเส้นชัยเป็นประเทศแรก ๆ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.mfa.go.th/th/content/5d5bcc1c15e39c306000a01d?cate=5d5bcb4e15e39c3060006870
-https://en.wikipedia.org/wiki/Economy_of_Israel
-https://data.worldbank.org/indicator/GB.XPD.RSDV.GD.ZS?locations=IL
-https://www.fiba.io/israeli-entrepreneurs-must-think-globally-from-day-one/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Israel_Diamond_Exchange
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_multinational_companies_with_research_and_development_centres_in_Israel
-https://www.ceicdata.com/en/indicator/israel/tourism-revenue
-https://www.forbes.com/sites/forbestravelguide/2019/12/13/forbes-travel-guide-20-top-destinations-for-2020/?sh=600bd61473df
-https://www.oecd-ilibrary.org/sites/c0fde9b6-en/index.html?itemId=/content/component/c0fde9b6-en
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tourism_in_Israel
-https://bookinghealth.com/blog/diagnoses-and-treatment/diagnosis-and-treatment/603927-medical-tourism-to-israel.html
-https://www.bbc.com/news/health-56722186
-https://www.reuters.com/article/us-israel-economy-gdp-idUSKBN2AG14I
-https://thestandard.co/israelis-no-longer-required-to-wear-masks/
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過31萬的網紅Spark Liang 张开亮,也在其Youtube影片中提到,【科技股暴跌是泡沫破裂?還是合理調整?投資者應該如何應對?】 就在剛踏入9月的時候 特斯拉(Tesla)在一個星期內 大幅下跌了33.7% 這一跌可真的不得了 因為特斯拉的股價大跌 間接影響了整個美國股市的情緒 導致其他的科技股也跟著下跌 而納斯達克指數「NASDAQ」在上個星期更是下跌了10% ...
nasdaq wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
จีนอาจไม่สามารถ พยุงเศรษฐกิจโลกได้ ในวิกฤติครั้งต่อไป / โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามว่าตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา
เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยกี่ครั้ง?
คำตอบคือ 2 ครั้ง
ปี 2001
วิกฤติฟองสบู่ดอตคอมที่เกิดจากการเก็งกำไรอย่างหนักของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี ในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq
สุดท้าย ดัชนีลดลงกว่า 78% จากจุดสูงสุด หลายบริษัทล้มละลาย อัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาเพิ่มถึง 6.3% เศรษฐกิจถดถอยเป็นระยะเวลา 8 เดือน
ปี 2008
วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ คนกว่า 9 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาต้องตกงาน
อัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาเพิ่มถึง 10.0% เศรษฐกิจถดถอยเป็นระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน
แน่นอนว่า เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามีปัญหา เศรษฐกิจโลกก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
และในช่วงเวลาที่มีปัญหา จีน คือส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ดีหลังวิกฤติ
ปี 2001 เป็นช่วงที่จีนเริ่มเข้าสู่การเป็นสมาชิกของ WTO จึงมีการปฏิรูประบบภาษีและภาคการเงิน ส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ รัฐบาลสนับสนุนการสร้างงานกว่า 200 ล้านตำแหน่ง เพื่อรองรับแรงงานจากภาคเกษตรที่เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม
ปี 2001 มูลค่า GDP ของจีนเท่ากับ 41 ล้านล้านบาท
ปี 2005 มูลค่า GDP ของจีนเท่ากับ 70 ล้านล้านบาท
ปี 2008 เมื่อเกิดวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ รัฐบาลจีนใช้ทั้งนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายโดยการลดอัตราดอกเบี้ยลง และนโยบายการคลัง โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศกว่า 17.7 ล้านล้านบาท
รวมทั้งผ่อนคลายการให้สินเชื่อ ส่งผลให้มูลค่าสินเชื่อทั้งระบบธนาคารของจีนเพิ่มสูงถึง 41 ล้านล้านบาท
ปี 2008 มูลค่า GDP ของจีนเท่ากับ 140 ล้านล้านบาท
ปี 2012 มูลค่า GDP ของจีนเท่ากับ 261 ล้านล้านบาท
จะเห็นว่าทั้ง 2 ช่วงที่โลกประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจนั้น GDP ของจีนเติบโตเกือบเท่าตัว
และจีนถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะหลังปี 2008 ที่สหรัฐอเมริกาได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ ขณะที่ฝั่งยุโรปก็เจอกับวิกฤติหนี้สินในยุโรป
แต่เรื่องราวที่ดำเนินต่อไปอย่างสวยงามของเศรษฐกิจจีน ได้ซ่อนปัญหาบางอย่างไว้..
การใช้จ่ายเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้หนี้สาธารณะต่อ GDP ของจีนค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ฝั่งธนาคารพาณิชย์นั้น สินเชื่อที่ธนาคารนำมาปล่อยกู้แทนที่จะนำไปลงทุนในภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีการผลิตสินค้าและบริการที่เกิดขึ้นจริง แต่กลับถูกนำไปเก็งกำไรในตลาดหลักทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์เสียเป็นส่วนใหญ่
เมื่อรวมกับการปล่อยสินเชื่อที่หละหลวมในช่วงที่ผ่านมาของธนาคารหลายแห่งของจีน หนี้เสียจึงเพิ่มสูงขึ้น จนปัจจุบัน หนี้เสียในระบบของธนาคารจีนสูงเกือบ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งมากที่สุดในรอบ 10 ปี
ที่น่าสนใจคือ ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งของจีนนั้นถือหุ้นโดยรัฐบาลจีน หมายความว่า ถ้าเกิดปัญหาในระบบธนาคารของจีนนั้น รัฐบาลมีภาระที่ต้องเข้ามาแก้ไขด้วย
ปัจจุบัน หนี้สินของภาครัฐและภาคเอกชนของจีน มีมูลค่ารวมกันกว่า 1,220 ล้านล้านบาท คิดเป็น 16% ของหนี้สินทั้งโลกที่ประมาณ 7,518 ล้านล้านบาท
ขณะที่หนี้สินดังกล่าวมีสัดส่วนถึง 300% ของ GDP จีน
เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2008 ที่เท่ากับ 162%
ภาระหนี้สินที่มหาศาล ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศกำลังเติบโตต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี ดูแล้วเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับจีนในตอนนี้พอสมควร
ดังนั้น ใครที่หวังจะให้จีนมาช่วยกอบกู้ปัญหาเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน อาจต้องกลับมาคิดใหม่
เพราะตอนนี้ จีนก็มีปัญหาของตัวเองที่ต้องสะสางมากมายเหลือเกิน
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ปี 2001
จีน มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 32,100 บาท ต่อปี
ไทย มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 57,700 บาท ต่อปี
ปี 2018
จีน มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 298,100 บาท ต่อปี
ไทย มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 221,857 บาท ต่อปี
เมื่อก่อนจีนรายได้เฉลี่ยต่อหัวน้อยกว่าไทย แต่ตอนนี้ แซงไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งไทยและจีน ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง
โดยประเทศที่มีรายได้สูง มีตัวชี้วัดคือ รายได้เฉลี่ยต่อหัวต้องสูงกว่า 367,000 บาท ต่อปี
จากการคาดการณ์ จีนจะใช้เวลา 4 ปี ในการก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีรายได้สูง แต่สำหรับประเทศไทยต้องใช้เวลาอีก 15 ปี..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://www.bloomberg.com/…/china-isn-t-willing-or-able-to-…
-https://www.hindawi.com/journals/ecri/2012/961694/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Dot-com_bubble
-https://en.wikipedia.org/wiki/Subprime_mortgage_crisis
-https://en.wikipedia.org/wiki/Historical_GDP_of_China
-https://en.wikipedia.org/…/List_of_recessions_in_the_United…
-https://en.wikipedia.org/…/List_of_countries_by_largest_his…
-https://tradingeconomics.com/china/government-debt-to-gdp
-https://www.scmp.com/…/chinas-total-debt-rises-over-300-cen…
-https://www.bloomberg.com/quicktake/chinas-debt-bomb
nasdaq wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
จีนอาจไม่สามารถ พยุงเศรษฐกิจโลกได้ ในวิกฤติครั้งต่อไป / โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามว่าตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา
เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยกี่ครั้ง?
คำตอบคือ 2 ครั้ง
ปี 2001
วิกฤติฟองสบู่ดอตคอมที่เกิดจากการเก็งกำไรอย่างหนักของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี ในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq
สุดท้าย ดัชนีลดลงกว่า 78% จากจุดสูงสุด หลายบริษัทล้มละลาย อัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาเพิ่มถึง 6.3% เศรษฐกิจถดถอยเป็นระยะเวลา 8 เดือน
ปี 2008
วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ คนกว่า 9 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาต้องตกงาน
อัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาเพิ่มถึง 10.0% เศรษฐกิจถดถอยเป็นระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน
แน่นอนว่า เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามีปัญหา เศรษฐกิจโลกก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
และในช่วงเวลาที่มีปัญหา จีน คือส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ดีหลังวิกฤติ
ปี 2001 เป็นช่วงที่จีนเริ่มเข้าสู่การเป็นสมาชิกของ WTO จึงมีการปฏิรูประบบภาษีและภาคการเงิน ส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ รัฐบาลสนับสนุนการสร้างงานกว่า 200 ล้านตำแหน่ง เพื่อรองรับแรงงานจากภาคเกษตรที่เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม
ปี 2001 มูลค่า GDP ของจีนเท่ากับ 41 ล้านล้านบาท
ปี 2005 มูลค่า GDP ของจีนเท่ากับ 70 ล้านล้านบาท
ปี 2008 เมื่อเกิดวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ รัฐบาลจีนใช้ทั้งนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายโดยการลดอัตราดอกเบี้ยลง และนโยบายการคลัง โดยใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศกว่า 17.7 ล้านล้านบาท
รวมทั้งผ่อนคลายการให้สินเชื่อ ส่งผลให้มูลค่าสินเชื่อทั้งระบบธนาคารของจีนเพิ่มสูงถึง 41 ล้านล้านบาท
ปี 2008 มูลค่า GDP ของจีนเท่ากับ 140 ล้านล้านบาท
ปี 2012 มูลค่า GDP ของจีนเท่ากับ 261 ล้านล้านบาท
จะเห็นว่าทั้ง 2 ช่วงที่โลกประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจนั้น GDP ของจีนเติบโตเกือบเท่าตัว
และจีนถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะหลังปี 2008 ที่สหรัฐอเมริกาได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ ขณะที่ฝั่งยุโรปก็เจอกับวิกฤติหนี้สินในยุโรป
แต่เรื่องราวที่ดำเนินต่อไปอย่างสวยงามของเศรษฐกิจจีน ได้ซ่อนปัญหาบางอย่างไว้..
การใช้จ่ายเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้หนี้สาธารณะต่อ GDP ของจีนค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ฝั่งธนาคารพาณิชย์นั้น สินเชื่อที่ธนาคารนำมาปล่อยกู้แทนที่จะนำไปลงทุนในภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีการผลิตสินค้าและบริการที่เกิดขึ้นจริง แต่กลับถูกนำไปเก็งกำไรในตลาดหลักทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์เสียเป็นส่วนใหญ่
เมื่อรวมกับการปล่อยสินเชื่อที่หละหลวมในช่วงที่ผ่านมาของธนาคารหลายแห่งของจีน หนี้เสียจึงเพิ่มสูงขึ้น จนปัจจุบัน หนี้เสียในระบบของธนาคารจีนสูงเกือบ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งมากที่สุดในรอบ 10 ปี
ที่น่าสนใจคือ ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งของจีนนั้นถือหุ้นโดยรัฐบาลจีน หมายความว่า ถ้าเกิดปัญหาในระบบธนาคารของจีนนั้น รัฐบาลมีภาระที่ต้องเข้ามาแก้ไขด้วย
ปัจจุบัน หนี้สินของภาครัฐและภาคเอกชนของจีน มีมูลค่ารวมกันกว่า 1,220 ล้านล้านบาท คิดเป็น 16% ของหนี้สินทั้งโลกที่ประมาณ 7,518 ล้านล้านบาท
ขณะที่หนี้สินดังกล่าวมีสัดส่วนถึง 300% ของ GDP จีน
เพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2008 ที่เท่ากับ 162%
ภาระหนี้สินที่มหาศาล ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศกำลังเติบโตต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี ดูแล้วเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับจีนในตอนนี้พอสมควร
ดังนั้น ใครที่หวังจะให้จีนมาช่วยกอบกู้ปัญหาเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน อาจต้องกลับมาคิดใหม่
เพราะตอนนี้ จีนก็มีปัญหาของตัวเองที่ต้องสะสางมากมายเหลือเกิน
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ปี 2001
จีน มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 32,100 บาท ต่อปี
ไทย มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 57,700 บาท ต่อปี
ปี 2018
จีน มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 298,100 บาท ต่อปี
ไทย มีรายได้เฉลี่ยต่อหัว 221,857 บาท ต่อปี
เมื่อก่อนจีนรายได้เฉลี่ยต่อหัวน้อยกว่าไทย แต่ตอนนี้ แซงไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งไทยและจีน ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง
โดยประเทศที่มีรายได้สูง มีตัวชี้วัดคือ รายได้เฉลี่ยต่อหัวต้องสูงกว่า 367,000 บาท ต่อปี
จากการคาดการณ์ จีนจะใช้เวลา 4 ปี ในการก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีรายได้สูง แต่สำหรับประเทศไทยต้องใช้เวลาอีก 15 ปี..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2019-10-03/china-isn-t-willing-or-able-to-pull-global-economy-from-recession?utm_source=facebook&utm_campaign=socialflow-organic&utm_medium=social&utm_content=asia&fbclid=IwAR34F7FXW4va8Az9PohZMug0rA3C46IKAUII5JT9v_YF0rESZzSxh5UxWUQ
-https://www.hindawi.com/journals/ecri/2012/961694/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Dot-com_bubble
-https://en.wikipedia.org/wiki/Subprime_mortgage_crisis
-https://en.wikipedia.org/wiki/Historical_GDP_of_China
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_recessions_in_the_United_States
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_largest_historical_GDP
-https://tradingeconomics.com/china/government-debt-to-gdp
-https://www.scmp.com/economy/china-economy/article/3018991/chinas-total-debt-rises-over-300-cent-gdp-beijing-loosens
-https://www.bloomberg.com/quicktake/chinas-debt-bomb
nasdaq wiki 在 Spark Liang 张开亮 Youtube 的評價
【科技股暴跌是泡沫破裂?還是合理調整?投資者應該如何應對?】
就在剛踏入9月的時候
特斯拉(Tesla)在一個星期內
大幅下跌了33.7%
這一跌可真的不得了
因為特斯拉的股價大跌
間接影響了整個美國股市的情緒
導致其他的科技股也跟著下跌
而納斯達克指數「NASDAQ」在上個星期更是下跌了10%
眼看科技股的狀況這麼不穩定
很多人開始擔心
這會不會是科技股泡沫破裂呢?
或者只是股價的合理調整呢?
近期的納斯達克指數這麼不樂觀
難道美股真的要進入進入熊市了嗎?
已經買入科技股的投資者們
是不是很擔心呢?
想知道科技股的前景會是如何?
應該繼續持有?
還是把科技股給賣了?
那就快點點擊影片吧!
我會一一為你們分析!
影片概括:
0:00 Start
0:19 為什麼科技股會暴跌?
2:43 現在的科技股的價格只是虛高, 而不是泡沫?
7:09 科技股的下跌,身為投資者的我們應該怎麼樣應對?
9:02 股市會不會再次的進入熊市這件事情?
9:56 總結
.
獲取我的獨家理財貼士
http://bit.ly/get-spark-financial-tips
.
【免費】股票投資工作坊 - 從0開始學股票
http://bit.ly/join-free-webinar-now
.
🔥點擊連結瞭解更多詳情或購買🔥
https://valueinmind.co/zh/sparks/
.
我們需要人才
我們需要你
向我們展現你不可多得的能力與實力
數不盡的各種公司福利就等你
點擊鏈接提交求職申請:https://valueinmind.co/join-us/
.
🔥【Etoro】Spark 投資組合和表現 🔥
http://bit.ly/31FPXEz
.
全世界都可以用
eToro申请链接
简体
https://bit.ly/2ZWRd7G
繁體
https://bit.ly/2FYWip0
英文
https://bit.ly/35UmNXH
.
免責聲明:
高波動性投資產品,您的交易存在風險。過往表現不能作為將來業績指標。
視頻中談及的內容僅作為教學目的,而非是一種投資建議。
.
👇更多相關影片👇
突襲錢包大調查!Spark的錢包竟然有...
https://bit.ly/3hUfLEs
.
炒股群騙局,幫你賺錢?醒醒吧!
https://bit.ly/3mE7MPw
.
現在買REITs最好賺?3招教你怎麼買REITs
https://bit.ly/3iD3ypb
.
⚡ Spark 的 Facebook 很熱閙
http://bit.ly/2X3Cgwr
.
⚡Spark 的 YouTube 很多教學
http://bit.ly/2KMqMvR
.
⚡Spark 的 Instagram 很多八卦
http://bit.ly/31YMLon
.
⚡理财交流站
http://bit.ly/finspark-group
.
⚡美股交易交流区
http://bit.ly/finspark-foreign-stocks
#科技股 #technology stock #特斯拉分析

nasdaq wiki 在 Wiki in Plain English - YouTube 的八卦
A short explanation of wikis and how they can be used to coordinate a group. This video introduces a wiki website as a resource for helping ... ... <看更多>