Search
黨鐵，雙手沾血。
由721到上個禮拜關站，到今日放任黑警恐襲，向中共跪低過程中令幾多人受傷被捕？
有咩可能唔需要付出代價？
咁嘅，五十年代黑人運動，為抗議巴士公司種族歧視，曾經進行大規模杯葛罷坐運動。Montgomery bus boycott，每逢星期一罷坐巴士，行路、carpool、踩單車自己搵辦法返工放工，總之堅決罷坐。
整場運動為期1年零15日，為巴士公司帶來慘重損失，每個星期一次路上嘅人流亦多少令地面交通癱瘓，最後成功逼使改例。
我地二百萬（或以上）人，一個禮拜，基本盤，一齊罷坐地鐵兩日（當然最好更多，但驚未必個個做到）。但重點要持續做，長時間堅持到底。我梗係知難啦，但已經進入人道災難嘅香港人，做唔做得到？？？？
無。L。可。能。俾黨鐵就咁蒙混過去。
集思廣益，calling連登，純粹拋個想法出嚟，跪求大家接手一齊唔掂諗掂佢。🙏🏿🙏🏿🙏🏿🙏🏿🙏🏿
〔#干你啤事 043 蝦米！黑人平權也不過是50年前的事！〕
各位捧由好！黑啤我姓黑、全身黑嚕嚕～沒錯，就是隻黑熊來著ˊwˋ（被毆飛）現在大家對我都很好，但我實在很難想像，61年前的今天，就是發生黑人女士在公車不讓座白人的歧視事件，後續引發十幾年的 #黑人平權運動！
其中大家應該都在英文課本還是電視上聽過馬丁‧路德‧金恩！沒錯，就是那個用演講稿裡面重複很多次 "I Have A Dream" 入侵我們小捧由英文課本的傢伙！但揪竟那時是發生了什麼事呢？
-
美國18世紀建國以來，由於勞動力缺乏開始從非洲引進黑人充當勞動力，但即使1862年林肯總統發表了《解放奴隸宣言》，那時相對低教育水平與貧窮的黑人，在經濟上必須仰賴白人聘僱，於是遭受層層剝削！甚至發生以下事件：
❶1896年，美國聯邦最高法院作出「普萊西訴弗格森案」判決，確立對黑人採行「隔離但平等」措施的合法性時，『#隔離』的作用被無限放大，甚至連在工廠、醫院及軍隊都採取種族隔離制度，無疑對黑人人權的踐踏！
❷ 1955-1956年，因一名黑人拒絕聽從公車司機讓座給白人乘客的指令，引起聯合抵制蒙哥馬利公車運動（Montgomery Bus Boycott）擴及全美，馬丁‧路德‧金恩（Martin Luther King Jr.）在黑人人權運動中成為領袖。
❸ 1957年，美國阿肯色州小岩城中央中學開辦黑人與白人共同就學計畫，艾森豪總統下令美國陸軍部隊第101空降師護送9位黑人學生，但就學中處處遭受白人學生 #霸凌 欺侮，9人之中只有1人畢業！
... ...事件多到黑啤我讀不完啊啊啊啊啊啊啊ˊAˋ
-
現在再習慣不過的黑膚白膚黃膚紅膚人人平等，50年前的歧視樣樣沒少，當時也扮演重要平權角色的甘迺迪總統，1966年接受《展望雜誌》採訪時說：「我們都認為黑人低劣，如果我們所有人到了天堂，抬頭瞻仰高高在上的上帝，發現他不是白人，該怎麼辦的？我們該作何反應？」
如果我們用現在的思維聽到有人喊『這個社會還沒有 #共識！！！黑人平權要再等等！！！不然白人要滅亡啦！！』，我們真的會眼睛翻到吊點滴...
各位捧由～除了翻白眼外，我們更可以積極爭取人權爭取自由，而在不妨礙他人自由的前提下，才是 #真自由！一起甘我啤事吧！：'D
#快把當年黑人處境分享出去 #將心比心
#人家有報紙頭版我們有鍵盤
หมายเหตุ อันนี้โพสต์บ่น
ตอนที่ผมเขียนเรื่องผู้ประท้วงคราวก่อน
มีเด็กหลายคนมากที่มาบอกว่า
การ [ชูสามนิ้ว] นั้นไม่ได้ต่างอะไรกับการ [คุกเข่าประท้วง] ที่อเมริกา
ซึ่งผมก็อยากจะมาพูดนะครับว่า ......... มึงจะบ้าเหรอ?
ไม่เข้าใจจริงๆหรือว่ามันต่างกันยังไง?
และระดับความลึกของชั้นเชิงนั้นมันคนละเรื่องกันเลย
---------------------------
อธิบาย
การคุกเข่าประท้วงในสหรัฐ
มีที่มาเพื่อแสดงออกถึงการต่อต้าน
การใช้ความรุนแรงของตำรวจ
ในการแข่งเกมกีฬาต่างๆในสหรัฐจะมีการร้องเพลงชาติ
และทุกคนจะยืนแล้วเอามือทาบหัวใจเพื่อแสดงความเคารพ
และมีนักกีฬาที่[แสดงออกต่อต้านรัฐ]
ด้วยการไม่ยืน และคุกเข่าแทน
โดยถ้าเราพูดถึงเรื่อง [จุดประสงค์] อย่างเดียว
...... ใช่ครับ ........ มันเหมือนกัน
......... แต่ ความต่างหลักๆของการคุกเข่าและการชูสามนิ้วนั้นมีอยู่ที่
การคุกเข่าเป็น Passive Protest
แต่การชูสามนิ้วเป็น Active Protest ครับ
-----------------------
ในกรณีของการคุกเข่า
ผู้ที่อยู่ในสถานะเป็นผู้ถูกกระทำ
ว่าฉันถูกสั่งให้ทำในสิ่งที่ฉันไม่พึงประสงค์
ฉันจะทำการต่อต้านด้วยการไม่ทำมัน
และตรงนี้มันแยกออกมาได้อีกว่า
การกระทำของคุณนั้นเป็นการทำผิดมารยาทที่ควรมี ณ จุดนั้นๆ
*****แต่มันไม่ได้มีเป้าหมายซึ่งหน้า
ที่ถูกคุกคามโดยการกระทำของคุณ*******
ทำให้คุณอาจถูกลงโทษโดยกฏระเบียบมารยาททางสังคมได้
แต่เขาไม่สามารถเอากฏหมายมาใช้ทำร้ายคุณได้
ถ้าเราจะเอาตรงจุดนี้มาเลียนแบบ
ก็จะมีตัวอย่างวิธีการดังนี้
คุณต้องใส่เสื้อสี[อะไรสักอย่าง] ใน [งานอะไรสักอย่าง]
แล้วคุณใส่เสื้อสีรุ้งมา
<== ซึ่งมันมีสีนั้นในเสื้อคุณด้วย
สมมุติว่าคุณเปิดร้านอาหารมีทีวี
พอขึ้นข่าวอะไรมาคุณก็เปลี่ยนไปเปิดดู Gordon Ramsay
แล้วบอก คุณ"ต้องดูเรื่องที่ทำให้ตัวเองทำมาหากินได้"
และถ้าจะพูดถึงตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมจริงๆเลย
ก็จะมีการไม่ยืนในโรงหนัง
ที่ตรงกันกับรูปแบบนี้
เป็นต้นครับ
---
แต่ในกรณีของการชูสามนิ้วนั้น
มันเป็นการกระทำที่มีเป้าหมายที่ชูใส่
สมมุติว่าคนที่เป็นเป้าหมายการต่อต้านของคุณเดินผ่านหน้าคุณ
แล้ว *ในขณะนั้น* เขาไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการบังคับขืนใจคุณ
เช่น การบอกให้คุณคุกเข่าต่อหน้าเขา
ถ้าคุณไปชูสามนิ้วใส่เขาในขณะนั้น
คุณจะมีสถานะเป็นผู้เริ่มการกระทำคุกคามแทน
ซึ่งใช่ ...... คุณสามารถอ้างได้ว่า "เราแค่ชูสามนิ้วเฉยๆ"
แต่สำหรับอีกฝ่าย
การทำกระทำนั้นสามารถจัดกลุ่มรวมได้กันกับ
การชูนิ้วกลาง และ การเอาปืนมาจ่อ
มันต่างกันแค่เรื่องสเกลเท่านั้น
คือต่อให้คุณไม่ได้เข้าไปชกเขา หรือยิงจริงๆ
แต่มันเป็นการสร้างสถานการณ์ที่มันไม่ปลอดภัยสำหรับเขาไปแล้ว
และเขาสามารถเอาสถานการณ์นั้น
มาใช้อ้างทำความรุนแรงกับคุณได้
"เพื่อปกป้องตัวเขาเอง"
-----------------------
ต่อมา
ถ้าเราไปดูเรื่องต้นแบบจาก The Hunger Games
การชูสามนิ้วนั้นมีความหมายว่า
เราชื่นชมคุณ เราขอขอบคุณคุณ และขอลาจากกัน
ซึ่งเป้าหมายในการชูสามนิ้วนั้น
ไม่ใช่การชูต่อต้านไปที่อำนาจที่กดขี่โดยตรง
แต่ชูไปให้กำลังใจผู้ที่ถูกกดขี่ด้วยกัน
มันถึงได้ไม่ใช่การคุกคามซึ่งหน้า
ถ้าคุณจะยกเอาหลักการของต้นแบบมาใช้
วิธีการที่คล้ายกันกว่าคือ
ใช้มันทักทายกับเพื่อนฝูงแทนการสวัสดี
เพื่อเป็นการแสดงออกว่า
เราเป็นพวกเดียวกัน
เราจะไม่ทอดทิ้งกัน
เราจะฟันฝ่าต่อต้านอำนาจที่ไม่ชอบธรรมนี้ไปด้วยกัน
และมันยังเป็นการต่อต้านรัฐทางอ้อมด้วย
เพราะไอ้ "วัฒนธรรมการพูดสวัสดี" นะ
........ มันถูกกำหนดให้เป็น
"การทักทายอย่างทางการ" โดยจอมพล ป. ที่เป็น "เผด็จการ"
เราจะไม่ทำตามสิ่งที่เผด็จการมาบอกให้เราทำ
-----------------------
ท้ายสุด คือเรื่องผลประโยชน์
การทำอารยขัดขืนที่ได้ผลนั้น
จะต้องเป็นการกระทำที่ทำลายผลประโยชน์ของเป้าหมาย
เพื่อเป็นการสร้างข้อต่อรองว่า
คุณจะเสียผลประโยชน์นั้นไป
ถ้าข้อเรียกร้องของเราไม่ได้รับการตอบรับ
เช่นกรณี Montgomery Bus Boycott
ที่ต่อต้านด้วยการไม่ใช้รถเมล์จนขาดทุนหนัก
แล้วรัฐต้องยอมยกเลิกกฏแบ่งแยกคนผิวสีในบริการสาธารณะ
หรือในกรณีการจัดแข่งกีฬาเอง
ที่ผู้จัดนั้นจะอยู่ไม่ได้ถ้าฝูงชนต่อต้าน
จนต้องยอมผ่อนปรนกฏระเบียบต่างๆ
ซึ่งในตรงจุดนี้
....... สิ่งที่ได้ผลแล้วจริงๆคือการต่อต้านไม่สนับสนุนสปอนเซอร์
จนสถานีโทรทัศน์ต้องยอมเปลี่ยนแนวทาง
เพราะพวกเขาอยู่โดยไม่มีสปอนเซอร์ไม่ได้
หรือถ้าในกรณีของโรงหนัง
คุณก็สามารถไปบอกสปอนเซอร์ได้นะว่า
คุณไม่เข้าโรงก่อนเพลงนั้นจะจบ
ทำให้สปอนเซอร์อาจพิจารณายกเลิกจ่ายค่าโฆษณาให้โรงหนัง
แล้วโรงหนังอาจต้องพิจารณาเปลี่ยนมาตรการ
เช่นการเลื่อนเวลาฉายเพลงนั้นมาก่อนโฆษณาแทน
เป็นต้นครับ
--------
ในขณะที่การชูสามนิ้วนั้น
......... นอกจากจะไม่ได้ทำให้ผู้มีอำนาจเจ็บคันอะไรเลย
ยังจะไปเป็นตัวสร้างข้ออ้างให้อีกฝ่ายอีกต่างหาก
มันถึงได้เป็นเรื่องที่ต่างกันกับการคุกเข่า
ในระดับของชั้นเชิงครับ
montgomery bus boycott 在 Montgomery Bus Boycott |American Freedom Stories 的八卦
... <看更多>