ได้ลอง GoPro MAX ต่อเนื่องมาหลายวัน ขอสรุปเรื่องราวต่าง ๆ ให้อ่านกันตรงนี้
สิ่งที่ดีคือ GoPro คิดใหม่ทำใหม่ ไม่ได้มองว่ากล้อง 360° ต้องเป็นแค่กล้อง 360° ใครเคยใช้กล้อง 360° มาจะทราบดีว่าพอใช้สักระยะมันจะเอียน ๆ เลี่ยน ๆ กับมุมมองชวนเวียนหัว เล่นสักพักก็เบื่อวางทิ้งไว้
และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับกล้อง 360° อีก ออกมากี่รุ่นต่อกี่รุ่น ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไฟล์ใหญ่ ทำงานด้วยยาก( ช้า ) แถมคุณภาพของภาพก็เละ ๆ เหมือนหนังแผ่น VCD ตกพื้นมีรอยขูดแล้วนำมาเล่น
GoPro เองก็เคยออก GoPro Fusion มา ซึ่งก็เข้าข่ายความพังตามที่ได้เขียนไว้ข้างต้น จนคิดว่าน่าจะถอดใจไปเหมือนตอนที่ทำ Karma Drone เลิกล้มความคิดเรื่อง 360° มุ่งพัฒนาตัว Action Cam อย่าง Series Hero ที่ตัวเองถนัด และเป็นเจ้าตลาดที่หาใครมาล้มยาก
แต่อยู่ดี ๆ ก็มี GoPro MAX ออกมาให้แปลกใจ และยังแปลกใจได้อีก หลังจากที่ได้ทดลองใช้แบบหาเรื่องชวนทะเลาะ แล้วพบว่ามันตอบโต้สิ่งที่เราท้าทายได้อย่างไม่ลดละ
GoPro MAX ใช้ประโยชน์จากมุมมองแบบ 360° มาต่อยอดทำสิ่งต่าง ๆ ที่กล้องเลนส์เดียวแบบปกติทำไม่ได้ เช่น ถ่ายมาแบบ 360° เห็นภาพรอบตัว แล้วนำมา Reframe หรือ Crop มาแสดงผลที่ 1080p เพื่อให้ได้ภาพตามที่ผู้ใช้เลือก
Fusion ก็ทำได้ครับ แต่ช้า และยุ่งยากมาก เอาเวลาไปสร้างจรวดส่งไปดาวอังคาร น่าจะดูมีประโยชน์กว่า
แต่ GoPro แก้ปัญหาตรงจุดนี้ โดยการคิดใหม่ทำใหม่ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างของไฟล์แบบ 360° มันซะดื้อ ๆ ไม่ได้ยึดถือตามขนบดั้งเดิม ไฟล์แม้ว่าจะยังมีขนาดใหญ่กว่าไฟล์ Video ปกติ แต่ถ้าเทียบกันกับไฟล์ 360° ในความละเอียดเดียวกัน มันทำงานได้ไวกว่ามาก และได้ไฟล์ที่น่าพอใจ ใน Bitrate ที่ไม่ได้หรูหรา
จากนั้นก็ทำ App ให้ใช้งานง่าย เรียนรู้ได้เร็ว การตอบสนองทำได้แบบ Realtime แก้จุดอ่อนจากปัญหาของตัว Fusion ก่อนหน้า รวมถึงใช้เวลา Render ตอน Export ไม่นานเมื่อคิดถึงการทำงานหนักขนาดนั้น
นั่นคือส่วนของ 360° แต่ GoPro คิดไปไกลกว่านั้น เพราะถ้ามันยังเป็นแค่กล้อง 360° มันจะน่าเบื่ออย่างที่บอก GoPro ก็เลยทำ Hero Mode ใส่มาให้ ซึ่งจะว่าไปก็เหมือนเอา GoPro Hero อีกตัวยัดเข้าไปใน GoPro MAX
แม้ว่าจะถ่ายได้ที่ 1080p 60fps ไม่ถึง 4K เหมือนตัว Hero 8 แต่แค่นี้ก็ตอบโจทย์งานแบบเดินถือถ่ายท่องเที่ยวสบาย ๆ ได้แล้ว รวมถึงไฟล์ที่ได้จาก Hero Mode ก็ทำได้ดีมากจนน่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นในสภาพแสงปกติ หรือในที่แสงน้อย ทั้ง ๆ ที่ Bitrate ไม่ได้มากมายอะไร แถมยังเป็นการ Crop มาแสดง นอกจากนั้นยังปรับมุมมองได้หลายแบบด้วย ไม่ว่าจะเป็น Narrow Linear Wide หรือ Super View
แต่ขอย้ำตรงนี้อีกทีว่าตัว MAX ไฟล์จะไม่เต็มที่เท่า Hero 8 ใน Hero Mode นะครับ ตัว Hero 8 น่าจะทำได้ดีกว่า (อดใจรออีกนิดจะทดลองให้ชมกันครับ)
สิ่งอันเป็นที่อัศจรรย์ใจกับหลายคน รวมถึงพี่หาวก็คือ เรื่องกันสั่น ที่นอกจากมี Hypersmooth 2.0 แบบ GoPro Hero 8 แล้ว ยังมี Horizon Leveling ที่ประมวลผลได้จากในตัวกล้องเลยมาให้ใช้งาน จะสั่น จะเขย่า จะขโยก โยกเยกน้ำท่วมเมฆดาวเสาร์ ภาพวิดีโอที่ได้แทบจะกลายเป็นภาพนิ่ง อย่างที่หลายคนได้เห็นไปแล้ว
ทั้งนี้เป็นเพราะตัว GoPro MAX มันเป็นกล้อง 360° มันก็เอาไฟล์ 360° นั่นแหละมาต่อยอดทำตรงนี้ ผีก็เลยออกมาหลอกตอนกลางวันแสก ๆ ได้
เรื่องไมโครโฟนก็เป็นอีกเรื่องที่ GoPro จัดเต็มมาให้ MAX ไม่ต้องไปหาไมค์เสริมให้ยุ่งยาก คิดซะว่าเดินถือไมค์ที่ถ่ายวิดีโอได้ก็แล้วกัน จะรับรอบตัว หรือเลือกไมค์ หน้า หลัง ตามกล้อง หรือ Stereo ใน Hero Mode สามารถทำได้ เอาที่ใช้แล้วสบายใจ เสียงที่ได้ออกมาดีทุก Clip ที่บันทึก
รวมถึงการทำ Noise Canceling เสียงรบกวน เสียงลม แทบจะไม่มีให้ได้ยินเวลาชม Clip เรื่องเสียงหมดกังวลได้
ส่วน Timelapse TimeWarp มีมาให้ครบ ทั้ง 360° และ Hero Mode มีเลือกความเร็วเป็นแบบ Auto ให้ ไม่ต้องมาคำนวนความเร็วให้งง ๆ ตอนตั้งค่า และยังสามารถกดให้บันทึกความเร็วปกติตอนบันทึกได้ด้วย ... วัยรุ่นชอบ
ส่วนสิ่งที่ไม่ชอบก็มีนะ ไม่ใช่ดีไปเสียทั้งหมด เช่น
จอภาพที่มีถือว่าโอเค เวลาถ่าย เวลาเล่น หรือควบคุม ช่วยงานได้มาก แม้ว่าขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มองเห็นชัดเวลาใชังาน
แต่จอตัวนี้ ทำงานกับระบบ Touchscreen ไม่ค่อยสะดวก กดแล้วไม่ค่อยโดนจุดที่ต้องการ ปัดซ้าย ขวา ขึ้น บน ไปบ้างไม่ไปบ้าง หลายครั้งชวนหงุดหงิด(วัยทอง) สาเหตุน่าจะเป็นที่ขนาด ทำให้จุดสัมผัสต่าง ๆ พลอยมีพื้นที่ตอบสนองน้อยไปด้วย
แล้วตัวนี้ไม่มี Preset ตั้งค่าล่วงหน้าได้แบบ Hero 8 จะทำอะไรต้องกดเข้าไปเปลี่ยน ก็เลยเพิ่มขั้นตอนการทำงานให้กับผู้ใช้
กล้องตัวนี้เน้นถ่ายแบบอารมณ์สนุก ท่องเที่ยวเฮฮา หรือแนวเดินลุย คุยสนุก ๆ แต่ถ้าอยากได้แบบ Cinematic Look ทำยากนะ หา ND Filter มาแปะหน้าเลนส์ก็เหนื่อยแล้ว (แต่คิดว่าคงมีคนทำออกมา) แต่มันจะลำบากตอนเปลี่ยนการตั้งค่าถ่าย เปลี่ยนสลับไปมา เนื่องจากการใช้งานเมนูบนจออย่างที่บอก ตรงนี้ตัว Hero 8 น่าจะเหมาะกว่า
แบตเตอรี่ทนใช้ได้ ทั้งที่ดูแล้วไม่น่าจะทน อย่างที่เห็นทำ Clip ขึ้นไปหลาย Clip แต่ละ Clip ที่ถ่าย ใช้แบตไปไม่ถึง 40% รวมเวลาตอนดูภาพต่อ WiFi กับ Smartphone แล้วด้วยนะ แต่เพื่อความสบายใจ ไปเที่ยวควรหาซื้อเพิ่มไว้อีกซัก 2 ชุด และถ้าให้ดีควรซื้อเครื่องชาร์จแยกมาด้วย
ส่วนที่ไม่ชอบอีกเรื่องคือตัว GoPro App ที่เมื่อดึงภาพเข้าไปแล้ว ไม่ยอม Save ลง Protos แบบอัตโนมัติ ต้องสั่ง Share อีกที ใช้แรก ๆ จะงง ๆ ใช้บ่อย ๆ จะรู้สึกว่าเสียเวลาทำงานซ้ำซ้อน
GoPro MAX ถือว่าเป็นกล้องที่ดีกว่าที่คาดหวังไว้มาก เหมาะกับงานสนุก ๆ เอาไปสร้างสรรค์อะไรได้เยอะ แนว VLOG ท่องเที่ยวน่าจะชอบ ถือกล้องตัวเดียวจบ ๆ
ภาพแม้ว่าจะไม่ได้ดูสวยหรูเหมือนถ่ายด้วยกล้อง Mirrorless หรือ DSLR แต่การได้มาของภาพมันง่ายกว่ามาก ใช้งานไม่กังวลใจ ไม่เป็นภาระในการทำงาน คนที่ไม่ต้องการความยุ่งยากถือว่ายอมรับได้
เขียนบทความนี้เพื่อเป็นข้อมูล ถ้าคิดซื้อ ควรลองพิจารณาตามความต้องการการใช้งานของเราให้ดี อย่าแค่ต้องมีตามกระแส
ส่วนวันนี้ออกมาหาซื้อแบตเตอรี่ กับเครื่องชาร์จอีกรอบ ไม่รู้ว่าจะมีขายหรือยัง
ส่วนตัวกล้องมีขายแล้วที่ร้าน BIG Camera ราคา 17,000 บาท ถ้าของหมดก็ Pre Order ที่ร้านไว้ก่อนได้
และควรใช้ร่วมกับไม้ Shorty ช่วยให้จับถือถ่าย หรือวางพื้น ทำงานได้สะดวกขึ้นครับ
#GoProMAX #GoPro #Mentagram
#BigCamera
#Manfrotto #AdvancedPhotoSystems
#2howMobileWorkflow #LumaFusion
#Sandisk #SandiskExtremeProPortableSSD
