ท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ดูแล 90 สน.ในกรุงเทพฯ) บอกว่า สารวัตร สน.แสมดำ ที่ถูกยิงตายในบ่อน "เฮียตี้" นั้น ไม่ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ ฉะนั้นถือเป็นเรื่องโกรธแค้นส่วนตัวกับคนยิง อืม..ถูก!
.
คนยิงตำรวจตาย ถูกยิงตายไปด้วย คนยิงอีกทอดหนีไป ยังไม่รู้ว่าใคร !
.
ท่านสั่งการให้ ผบก.น.5 (ดูแล สน.ทุ่งมหาเมฆ) ไปตรวจสอบดูซิว่า ตรงนี้ใช่บ่อนมั๊ย? 555
.
ถ้าเป็นบ่อนจริงๆ ดูต่อไปว่า ตำรวจในพื้นที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ หรือตำรวจมีส่วนรู้เห็นหรือเปล่า? โห..ลุ้นอ่ะ..
.
นักข่าวถาม เมื่อคืนพอยิงกันแล้ว มีการขนย้ายอุปกรณ์เล่นการพนันออกไปจนเกือบหมด เหลือโต๊ะพนันตัวเดียว (เหลือไว้ทำหอกอะไร?)
.
และพยายามปิดกั้นสื่อไม่ให้เข้าไปด้วยครับ? ท่านตอบ "ตรงนี้ไม่ทราบอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากมีการขนย้ายจริงแล้วไปกระทบพยานหลักฐาน ถือว่าเป็นการทำลายหลักฐานเป็นความผิดที่ต้องดำเนินการ"
.
โอเค..นักข่าวสบายใจละ ท่านจะดูให้
.
ผบก.น.9 (ดูแล สน.แสมดำ) รับทราบจากการสอบถามเพื่อนร่วมรุ่น สารวัตร บอกว่าผู้ตายชอบเล่นการพนัน
.
ล่าสุด ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่แล้ว ไปหาภาพจากกล้องวงจรปิด (อยากได้มาก) ข่าวว่าที่บ่อนนี้ติดกล้องไว้เพียบ แต่ยังหาไม่เจอ 555
.
ที่แน่ๆ คำสั่งเด้ง 5 เสือโรงพักทุ่งมหาเมฆ ออกละ ครั้งนี้เด้งแค่ 4 เสือ เว้นอีก 1 เด้งท่าน ผบก.น.5 ด้วย
.
อ้าว !! (เพิ่งสั่งให้ผมไปตรวจดูว่า ใช่บ่อนหรือไม่??)
.
เด้งเค้าไมอ่ะ ??
.
ติดตาม เนชั่น ทีวี
คืนนี้ 20.15 น.
.
เกิดจาก..เสี่ยนักธุรกิจฉุน เล่นเสียเกือบ 50 ล้านบาท ฟิวส์ขาด! ใช่หรือไม่..
ข่าวข้น คนเนชั่น
https://www.nationtv.tv/main/content/378788521/?qj&fbclid=IwAR0K8mMnfuUNImCRLdh-KF7srRUL8GogtWlg77dQF96B2DCWzKiCFhdLkNg
แต่ยังหาไม่เจอ 在 Milana Facebook 八卦
กลับมา กทม แล้วค่ะ แต่หมดแรงไลฟ์ พลอยหากล้อง TR15 คู่ใจไม่เจอ กังวลมาหลายวันแล้ว ไม่น่าจะได้ติดเอาไป ตจว ด้วย น่าจะอยู่ที่บ้าน แต่ยังหาไม่เจอ นอยด์มากๆ พลอยรักมากเครื่องนี้ ละแฟนไซน์ไฮพรีสล่าสุดที่ถ่ายก็ยังไม่ได้เอาลงคอม ขอโทษคนที่จองแฟนไซน์ไว้ด้วยนะคะ ถ้าอีก 2-3 วัน ยังหาไม่เจอ เดี๋ยวจะไปซื้อกล้องใหม่ แล้วถ่ายให้ใหม่นะคะ ฮือ... TT
ดูรูปที่ทันได้เอาลงมือถือไว้นิดหน่อยไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ 😭
แต่ยังหาไม่เจอ 在 Aof BigAss Facebook 八卦
เมื่อวานได้มีโอกาสกลับไปบ้านหลังเก่าที่ใช้ทำเพลง Big Ass Bodyslam ยุคแรกๆ ไปเพื่อค้นหาบางอย่างที่น้องไก่ผู้กำกับ GDH อยากจะใช้ในหนังเรื่องหนึ่งที่เขากำลังทำอยู่ ตอนแรกคิดว่าได้ค้นของเก่าๆคงเพลินๆดี แต่พอลิ้นชักที่ใช้เก็บ CD Demo, เทป Demo, ม้วนวีดีโอ ( ส่วนใหญ่เป็นเบื้องหลังการอัดเสียงที่ตอนนั้นยังใช้เป็น Mini DV อยู่ ) ถูกเปิดออกมา จากนั้นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงที่นั่งอยู่ตรงลิ้นชักตู้เสื้อผ้าเก่านั่น ผมเหมือนนั่งอยู่กลางทะเลที่มีลมแรงพัดพาภาพอดีตต่างๆซัดเข้ามาเป็นคลื่นลูกแล้วลูกเล่า เทปและ CD Demo หลายๆอัลบั้ม บางม้วนบางแผ่นยังเป็นแค่ไอเดีย รวมไปถึงอันที่เสร็จสมบูรณ์มากๆก่อนไปอัดเสียงจริง สิ่งเหล่านี้มันมีพลังกระแทกความรู้สึกคนวัยสี่สิบนิดๆอย่างผมมากเกินกว่าที่นึกไว้ ตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมาผมและเพื่อนๆได้แต่ทำๆๆๆ ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่เรื่องของการเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว เสร็จอัลบั้มนี้ก็นึกถึงอัลบั้มต่อไป ไม่ได้มีเวลามานั่งดื่มด่ำทบทวนกับอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เห็นตรงหน้าตอนนี้ เหลือแค่ Demo มากมาย ที่ผมเห็นแค่ตัวเทปหรือแผ่น CD ก็นึกถึงเสียงที่อยู่ข้างในนั้นออก เพราะฟังมันไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยรอบ ผมปล่อยเวลาไปกับอดีตตรงหน้าลิ้นชักนั่นอยู่นาน มันมีภาพความสุข ความทุกข์ ความสนุก ความไม่น่าเชื่อ อยู่ในอารมณ์เต็มไปหมด แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามาหาอะไร ผมมาหากระดาษแผ่นหนึ่ง ที่เขียนเพื่อจะพรีเซนต์ตอนทำ Bodyslam ชุดแรก ว่าวงดนตรีวงนี้คืออะไร สิ่งที่พวกเขาเป็นคืออะไร และ เป้าหมายที่เขาควรจะไปให้ถึงคืออะไร แต่ยังหาไม่เจอ ซึ่งคิดว่าคงต้องใช้เวลาหาอีกนาน วันเดียวไม่น่าจะพอ เลยเอาของที่คิดว่าอยากเอามาเก็บไว้ดีๆ พากลับมาที่บ้าน เพื่อฟังมันอีกครั้งและแปลงไฟล์เก็บไว้ในคอม ไม่น่าเชื่อว่าการนั่งฟังเดโม่เพลง “ความเชื่อ” เดโม่ BIG ASS อัลบั้ม XL ,My World รวมไปถึงแผ่นเดโม่ที่เขียนว่า Toon Pid Pao (ตอนนั้นยังไม่มีชื่อวง Bodyslam) อีกครั้งมันทำให้รู้สึกขนลุกบอกไม่ถูก ตอนนั้นใครจะไปรู้ว่าเดโม่ที่ใช้โปรแกรม Cakewalk กับ Sound Card Creative จะพาเราสองวงเดินทางมาไกลขนาดนี้ ฟังแล้วฮึกเหิมอยากกลับไปมีพลังเหลือเฟือแบบนั้นอีกสักครั้ง นี่ขนาดยังไม่ได้เห็นวีดีโอที่อยู่ในม้วน Mini DV นะ ถ้าได้เปิดดูมันคงได้อารมณ์กว่านี้แน่ๆ (รอเครื่องเปิดจากน้องไก่อยู่นะครับ)
ลืมเล่าไปว่า ตอนค้นๆของอยู่มีแว่บนึง ผมนึกถึงคำที่ทนายท่านหนึ่งฝากพวกเราให้รวบรวมหลักฐานที่น่าจะใช้ยืนยันว่าพวกเราเป็นคนทำเพลงเหล่านี้มาเก็บไว้เยอะๆ เพราะช่วงนี้มีเรื่องมีราวเกี่ยวกับลิขสิทธิ์นิดหน่อย ผมก็เลยไปไล่ๆหาพวกปกเทป , เดโม่แรกๆของเพลงที่มีเรื่องมีราวอยู่ หาๆไปสักพักก็รู้สึกขำ รู้สึกเขินๆ ปนตลกตัวเอง เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่เพลงเหล่านี้มันเกิดขึ้น เรารู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว ว่าใครทำมันขึ้นมา แล้วก็ดันเลยเถิดสงสัยไปว่า แล้วพี่ๆที่เค้ามาเรียกร้องสิทธิ ดำเนินคดีนู่นนี่นั่นกับพวกเรา เขาจะขำ หรือเขินๆปนตลกตัวเองเหมือนผมตอนนี้บ้างไหมนะ ตอนที่ตัดสินใจทำอะไรแบบนี้ ก็ได้แต่สงสัย แต่ก็นั่นแหละ รู้ทั้งรู้อยู่ว่าโลกใบนี้เขาใช้แผ่นกระดาษที่เรียกว่า”สัญญา”คุยกัน แต่ก็แอบเหนื่อยหน่ายกับกฎหมายลิขสิทธิ์ที่ควรจะได้คุ้มครองคนที่คิดที่สร้างผลงานขึ้นมา มันกลับกลายเป็นเครื่องมืออะไรไปแล้วก็ไม่รู้ พอถึงโมเม้นนี้ความรู้สึกของผมมันช่างกลวงโบ๋................. และเจ็บปวด
ก็ปล่อยเขาว่ากันไป เขียนถึงความสุขอยู่ดีๆ มาจบแบบนี้ซะงั้น เฮ้อ สวัสดี