หมอขอส่งท้ายปี2019 ด้วยการเอาบทความเกี่ยวกับสุขภาพที่กำลังเป็นที่ฮือฮากันในอเมริกา โดยที่สื่อหลักทั้ง CNN, Newsweek, New York Post, Forbes, WebMD, และอีกมากต่างรายงานบทความนี้ซึ่งเป็นเรื่องประโยชน์ของการอดอาหารกับผลต่อสุขภาพของเรา อายุขัย และโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย ถึงจะไม่ได้เกี่ยวกับการศัลยกรรมแต่หมอคิดว่ามีประโยชน์กับทุกๆคนมากเลยเอามาเขียนนะครับ
แม้เรื่องนี้จะมีการพูดถึงมานานพอสมควรในวงการสุขภาพ แต่ที่หมอเห็นว่าควรกล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้งเพราะ ครั้งนี้มีการสรุปเนื้อหาและผลการวิจัยที่น่าเชื่อถือได้ ลงในวารสารทางการแพทย์อันดับ1ของโลก ที่ชื่อว่า New England Journal of Medicine ฉบับ26ธค2019 เรื่อง...
Effect of Intermittent Fasting on Health, Aging, and Disease ซึ่งบทความใดที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเล่มนี้ ก็เป็นการรับประกันความน่าเชื่อถือของข้อมูลว่าไม่ได้เขียนได้แบบเลื่อนลอยแน่นอน ซึ่ง
บทความเรื่องนี้ เขียนโดย Prof. Mark Mattson จากมหาวิทยาลัย John Hopkins ที่เป็นกูรูด้านนี้ ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มากว่า25ปี ซึ่งใครสนใจสามารถไปหาอ่านได้เลย แต่หมอจะขอสรุปให้อ่านง่ายๆแบบนี้ครับ
สาระเนื้อหาที่สำคัญ
เป็นการกล่าวถึงการทานอาหารสลับกับการงดอาหารที่นานพอ ซึ่งจะกล่าวถึงเทคนิคสองแบบคือ
1. การควบคุมการทานอาหารในช่วง6-8ชั่วโมงต่อวัน และหยุดไม่ทานอาหารเลยอีก16-18ชั่วโมงต่อวัน หรือ
2. ทานอาหารปกติสลับกับงดอาหารหรือควบคุมอาหารไม่เกิน500-700 Cal สองวันต่อสัปดาห์ (สูตร5:2)
การทานอาหารแบบนี้จะทำให้ร่างกายได้พักฟื้นและนำเอาไขมันสะสมมาใช้ระหว่างที่ไม่มีการทานอาหาร ซึ่งผลดีในระยะยาวคือร่างกายมีสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้น อายุยืนยาวมากขึ้นอย่างมีสุขภาพที่ดีด้วย
อธิบายได้อย่างไร?
ทางการแพทย์เรียกว่าmetabolic switch
คือปกติหลังทานอาหารเสร็จใหม่ๆ ร่างกายจะใช้ glucose สำหรับเป็นแหล่งพลังงานหลักและสะสมไขมันไว้ก่อน Glucoseจะถูกนำไปใช้ในการทำงานของเซลร่างกายทั้งหลาย ซึ่งแน่นอนการทำงานของร่างกายก็ไม่ต่างจากเครื่องจักร คือต้องมีของเสีย ต้องมีการสึกหรอที่ต้องการซ่อมแซมด้วย
ส่วนในระหว่างที่เราไม่ได้ทานอาหารเป็นเวลานานพอ ร่างกายจะสลับเอาไขมันที่สะสมนี้มาใช้ และจะเกิดสารที่เรียกว่า ketone bodies หรือที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักในชื่อว่าคีโตน ที่ร่างกายจะนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานแทนglucose ซึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากอดอาหารไปประมาณ8-12ชั่วโมง ซึ่งการเกิดสาร ketone bodies นี้จะถูกนำไปใช้ในสมอง และอวัยวะต่างๆ และคีโตนในระดับนี้ จะทำให้เกิดผลต่อเนื่องที่เป็นผลดีต่อสุขภาพในแง่การควบคุมความดันโลหิต หัวใจและความทนทานของกล้ามเนื้อในการออกกำลังกาย
การสลับกันไประหว่างการทานอาหารและงดอาหาร 16-18ชม หรือการทานอาหารปกติสลับกับวันที่งดอาหารหรือควบคุมแคลอรี่ ทำให้การทำงานของอวัยวะโดยรวมดีขึ้น ฟื้นตัวจากสภาพมลภาวะรอบตัวได้ดีขึ้น อธิบายได้จากการที่ร่างกายมีเวลาซ่อมแซมตัวเองมากขึ้น ไม่ต้องคอยย่อยอาหารที่เราทาน มีผลให้ป่วยยากขึ้น มีการศึกษาในผู้ป่วยเบาหวาน ความจำเสื่อม โรคหอบหืด โรคมะเร็ง พบว่ามีประโยชน์เกิดขึ้นมากมายหลายอย่างล้วนแต่เป็นผลดีทั้งสิ้น
ข้อจำกัด
วัฒนธรรมการกินยุคนี้คือทานสามมื้อบวกของว่าง ทำให้การเปลี่ยนยากมาก เพราะเราเคยชินแบบนี้มาตลอด และคนรอบข้างก็มักจะชวนทานทำให้หลีกเลี่ยงการทานอาหารได้ยาก และบางครั้งในการสลับพอช่วงทานได้ก็ทานแหลกเพราะในช่วงแรกจะหิวหน้ามืดตาลายได้ แทนที่จะทานอาหารแต่พอดี ก็กลายเป็นทานอาหารเกินจำเป็นอีก ทำให้สุขภาพไม่ได้ดีขึ้น และส่วนใหญ่ก็ตบะแตกไปก่อนเพราะหักดิบเกินไปในช่วงแรก
อยากจะทำควรเริ่มอย่างไร?
อาจจะเริ่มจากทานในช่วง10ชม งด14ชมก่อน หรือหากจะเอาสูตร5:2 วันที่งดอาจจะเปลี่ยนเป็นลดแคลอรี่ก่อนสักไม่เกิน1000cal ก็ได้ แล้วค่อยปรับเป็น ทาน8งด16ชม และปรับเป็นทาน6งด18 หรือแนวงดอาหาร5:2 วันที่งดก็ลดcalories ให้ไม่เกิน500 อาจจะค่อยๆปรับทีละน้อยเเละตั้งเป้าไว้ประมาณ4เดือน
อาการหงุดหงิดหน้ามืดจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนแรก ถ้าอึดและอดทนจนเกินเดือนมักจะทำได้ในที่สุด มีคำแนะนำให้หาเพื่อนร่วมกันงดอาหารหรือพยายามเข้ากลุ่ม เพื่อให้กำลังใจกันก็จะช่วยกันได้มาก
อาหารที่แนะนำคือผัก ผลไม้ ถั่วธัญพืช ปลา เนื้อสัตว์แบบไร้ไขมัน โยเกิร์ต งดน้ำตาล เกลือ เค็ม อาหารทอดๆมันๆ และดื่มน้ำเยอะๆ และชาหรือกาแฟดำก็ไม่ได้ห้าม โดยช่วงที่ทานปกติ ก็พยายามทานให้พออิ่ม แต่ไม่ใช่ทานแบบขาดสติ
ประโยชน์ของการทานอาหารแบบจำกัดแคลอรี่ แต่ไม่จำกัดคุณค่าสารอาหาร และการทานสลับกับการงดอาหารที่พอดีจะทำให้ร่างกายปรับสภาพให้สมดุลมากขึ้น หากร่วมกับการพักผ่อนที่เพียงพอ การออกกำลังกายที่เหมาะสม ก็จะทำให้มีสุขภาพที่ดี ไม่เป็นโรคง่ายๆ
ถ้าใครอยากอ่านฉบับเต็มได้ก็หาได้เลย โดยsearchใน NEJM (New England Journal of Medicine) แต่คนไม่ใช่แพทย์หรือไม่มีความรู็ทางชีววิทยาไม่น่าจะอ่านรู้เรื่อง เอาเข้าจริงทำตามไปเลย ทานให้น้อยลง แต่ทานอาหารที่ดี มีช่วงงดอาหารเลยให้ร่างกายพักนานๆ ก็จะทำให้สุขภาพดีขึ้น อายุยาวขึ้น โรคภัยไข้เจ็บลดลง แน่นอน แต่ถ้าจะทำแบบextreme ปรึกษาแพทย์ผู้รู้ก่อนก็ดี เพราะเป็นความรู้ใหม่ แพทย์ที่ไม่ได้updateอาจให้ความเห็นไม่ได้เช่นกัน และที่สำคัญ การทานแบบนี้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนเสมอ
สวัสดีปีใหม่ 2020 ทุกท่านนะครับ!
#เพจหมอเน้นให้ความรู้เป็นหลัก
#เพจหมอไม่ได้โฆษณาอะไรไม่มีโปรโมชั่นใดๆทั้งสิ้น
#คนไข้อ่านแล้วจะไปรักษาผ่าตัดกับใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องมาหาหมอเท่านั้น
#หมอไม่ได้ตอบคำถามในPostหรือcommentใต้โพสเลยนะครับ
ในกรณีที่มีปัญหาด้านศัลยกรรมตกแต่ง
สามารถinboxหรือส่งline มาทางline@ id: @dr.surawejrama ได้ครับ(ต้องใส่@ด้วย)
#หมอจะพยายามตอบทุกคำถามแค่เป็นแนวทางนะครับ
#หมอไม่ได้ตอบทุกวันบางทีเป็นสัปดาห์ถึงเช็คคำถาม
หรือถ้าต้องการมาตรวจสามารถมาได้ที่
1. รพ.รามาทุกวันจันทร์คลินิกปกติในเวลาราชการ 9.00-15.00น หรือคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการวันจันทร์16.30-18.30นหรือวันเสาร์ 9-11.30น (เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) แผนกศัลยกรรม ชั้น2 อาคารศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์
โทร 02-2003186 (โทรได้เฉพาะวันเวลาราชการเท่านั้นนะครับ)
#แต่โทรติดยากมากนะครับ และมีเพียงเบอร์เดียว
#อยากตรวจจริงขอให้walkinมาอย่างเดียว หมอจะพยายามตรวจให้ทุกคนเว้นแต่คนไข้มากจริงๆ
#เคสหน้าอกตรวจวันจันทร์ในเวลาราชการเท่านั้นครับ
2. รพ.พระราม9 หมอออกตรวจทุกวันอาทิตย์ 11.00-16.30 น โทร 02-202-9999 หรือ 1270 (รับเคสโทรนัดอย่างเดียวไม่รับwalkinครับ)
「เคสหน้าอกตรวจวันจันทร์ในเวลาราชการเท่านั้นครับ」的推薦目錄:
เคสหน้าอกตรวจวันจันทร์ในเวลาราชการเท่านั้นครับ 在 Dr.Surawej Numhom นายแพทย์สุรเวช น้ำหอม Facebook 八卦
#ประโยชน์ของการนอน8ชั่วโมง
แม้ไม่เกี่ยวกับศัลยกรรมตรงๆแต่มีประโยชน์มาก
ในขณะที่พวกเราทุกคนกำลังตระหนกตกใจกับการระบาดของโคโรน่าไวรัส จนหน้ากากขาดตลาด นอกจากการป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคแล้ว หมอขอแนะนำแนวทางการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตัวเองที่ง่ายที่สุดในการต่อสู้กับไวรัสที่ไม่ต้องเสียเงินเลย คือการนอนให้ได้ประมาณ8ชั่วโมง! (สิ่งที่ต่อสู้กับไวรัสที่ดีที่สุดคือระบบภูมิคุ้มกันของเราเองครับ) (ได้ประโยชน์ในการฟื้นตัวหลังผ่าตัดด้วยนะ)
ข้อมูลส่วนใหญ่หมอสรุปมาจากหนังสือ Why We Sleep ของ Dr Matthew Walker นักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญเรื่องเกี่ยวกับร่างกายและการนอนหลับ ซึ่งเป็นหนังสือที่ Bill Gates ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft ได้แนะนำไว้ตอนปีใหม่ ว่าเป็น1ใน5หนังสือที่เขาแนะนำให้อ่านของปีเลย และชื่นชมหนังสือเล่มนี้มากว่าทำให้เขาเข้าใจความสำคัญของการนอนมากกว่าเดิมมาก และต้องการให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีโดยเริ่มจากการนอนนี่เอง
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องมีการนอนหลับ เพราะเป็นวงจรชีวิตตามธรรมชาติ การนอนน้อยกว่า8ชั่วโมง มีการศึกษาผลกระทบมานานมากแล้ว คือการนอนไม่พอติดต่อกันจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง การเกิดความดันโลหิตสูง การเกิดโรคสมองเสื่อม การเกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคติดเชื้อ และอื่นๆอีกมากมาย เรียกว่าไม่มีข้อดีอะไรเลยจากการนอนน้อย
ทำไมเราต้องนอน8ชั่วโมงด้วย? ทำไมไม่นอน5,6 หรือ 7 ชั่วโมง
คำตอบอยู่ในเซลของเราเอง
ในเซลของเรา มีระบบนาฬิกาชีวภาพควบคุมการทำงานอยู่ คือรอบของการทำงานจะเท่ากับ24ชั่วโมงเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์เพราะเป็นไปตามธรรมชาติของเวลาเลย แม้ว่าจะทดสอบโดยให้อยู่ในที่มืดติดต่อกันเป็นเดือน วงจรการทำงานของเราก็24ชั่วโมงอยู่ดี เรียกวงจรการทำงานนี้ง่ายๆว่า circadian rhythm
ในวงรอบ24ชั่วโมง เซลจะมีรอบการพักผ่อนประมาณ8ชั่วโมง คือฮอร์โมนทุกอย่างจะพร้อมใจกันสั่งการให้ร่างกายหยุดพัก และเกิดความง่วงขึ้น ซึ่งหากเรานอนตามที่ร่างกายสั่งพอดี เราก็จะตื่นภายในเวลาประมาณ8ชั่วโมงเอง เพราะร่างกายจะส่งสัญญาณให้เซลของเราตื่น อันนี้หมายถึงภาวะปกติ
ระหว่างการนอน ร่างกายเราก็จะมีการซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพความสึกหรอ และที่สำคัญที่นักวิทยาศาสตร์สนใจมากที่สุดคือการทำงานของสมองเราขณะหลับ เพราะเชื่อว่าจะใช้ประโยชน์ในการบ่งบอกสุขภาพได้
การทำงานของสมองเราขณะหลับ น่ามหัศจรรย์มาก เพราะมีจังหวะการทำงานที่ค่อนข้างคงที่ แต่มีรายละเอียดมาก กล่าวคือ วงจรการหลับ (Sleep Cycle) จะแบ่งเป็นรอบละ90นาที ใน90นาทีจะแบ่งย่อยออกเป็น 2ช่วงใหญ่ คือ NREM และ REM แยกง่ายๆจากการกลอกตาตอนนอนหลับ
1. NREM (Non rapid Eye Movement) พบว่าขณะที่เริ่มหลับ สมองจะทำงานช้าลง ร่างกายจะทำงานผ่อนคลาย และจะหลับลึกขึ้นเรื่อยๆ หมายถึงจะปลุกให้ตื่นได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ลูกตาของเราในช่วงนี้หากเปิดดูจะพบว่าอยู่นิ่งๆ นักวิทยาศาสตร์จะแบ่งความลึกของการหลับเป็น1ถึง4 โดย4คือหลับลึกสุด
2. REM พอหลับลึกแล้ว เป็นที่น่าสนใจที่พบว่าสมองจะค่อยๆทำงานขึ้นมาเองคล้ายกับตอนตื่น เพียงแต่ร่างกายก็จะยังผ่อนคลายอยู่ หากเปิดตาดูจะเห็นว่าตาจะกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว คือสมองทำงานเหมือนตื่นเลย ซึ่งในช่วงรอบแรกของการนอน (sleep cycle1) ที่จะรอบละ90นาที ช่วง REMจะสั้น แล้วสมองก็จะกลับไปสู่ช่วง NREM ใหม่
การทำงานของสมองจะสลับช่วง NREMและREM สลับไปตลอดทั้งคืน สิ่งที่ต่างกันคือ ยิ่งนาน ช่วงREMก็จะยิ่งยาวขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลคือ การทำงานของสมองแบบNREM จะเปรียบเหมือนการจัดเก็บข้อมูล และการจัดระเบียบ ลบข้อมูลที่ไม่ได้ใช้งานออกไปในส่วนสมองที่ไม่สำคัญ แต่การทำงานช่วง REM คือการเชื่อมต่อข้อมูลเข้าหากัน คล้ายกับการแก้ปัญหา การวิเคราะห์ การหาเหตุผล การจัดการทางอารมณ์ ดังนั้นการนอนให้เต็ม 8 ชม สมองจะมีการเชื่อมต่อข้อมูลได้สมบูรณ์ ความคิดจินตนาการการแก้ปัญหาก็จะดี แต่ถ้านอนไม่พอ สมองก็จะตื้อๆ งงๆ และความฝันเรา จะเกิดในช่วง REM และช่วง REM จะยาวตอนใกล้ตื่น ซึ่งก็เป็นช่วงที่เราฝันพอดี สังเกตง่ายๆ หากเราตื่นแล้วนอนต่อ บางทีเราก็ฝันต่อไปได้เลย
หากเราอดนอน การทำงานของสมองเราจะไม่สมบูรณ์ การทำงานของร่างกายก็จะฝืน ระบบของร่างกายก็จะรวน ทำให้เกิดความเจ็บป่วยตามมามากมายอย่างที่บอก แต่ที่อยากเน้นเพราะเกิดปัญหาได้ทันที คือการที่นอนไม่พอแล้วต้องขับขี่ยานพาหนะ ที่จะทำให้เกิดการหลับใน
ปัญหาการหลับใน คนไม่น้อยเคยมีประสบการณ์มาแล้ว คือจะวูบไปเลย ซึ่งจะไม่ตอบสนองต่อส่งภายนอก ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่รุนแรงได้ และเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่มากกว่าเมาแล้วขับอีก เพราะง่วงแล้วขับไม่ผิดกฎหมาย ไม่สามารถตรวจลมหายใจได้ แต่เกิดอุบัติเหตุได้
หากง่วงมากๆตอนขับรถ วิธีที่แก้ง่วงที่ดีที่สุดคือการหยุดแล้วนอนประมาณ20-30 นาที จะรู้สึกดีขึ้นมาก ส่วนการเปิดเพลงดังๆ ให้คนบีบนวด การหยิกตัวเอง การดื่มคาเฟอีน การเอาผ้าเย็นประคบ ฯลฯ พวกนี้จะช่วยแทบไม่ได้ คือเราก็จะยังง่วงไปเรื่อยๆ และแย่ขึ้นเรื่อยๆ จึงควรจอดนอนจะดีกว่า
ส่วนปัญหาคนสมัยใหม่ที่มักติดมือถือ ดูจอ LED ทำให้ไม่ง่วง เลยนอนดึกแล้วก็ต้องตื่นเช้าไปทำงาน ทำให้นอนไม่พอ ก็จะมีคำแนะนำกว้างๆที่ช่วยให้นอนได้ดีขึ้นคือ
1. พยายามนอนให้ตรงเวลา เหมือนมีนาฬิกาเตือนให้นอนบ้าง
2. อย่าออกกำลังกายหนัก 2-3 ชมก่อนนอน
3. หลีกเลี่ยง ชา กาแฟ 8 ชมก่อนนอน
4. หลีกเลี่ยงการดื่มalcohol การดื่มทำให้ง่วงก็จริง แต่ก็ทำให้หลับแบบตื้นๆ และขัดขวางการนอนแบบREM ทำให้ตื่นมาก็งง คิดอะไรไม่ออก
5. หลีกเลี่ยงการทานอาหารหนักก่อนนอน เพราะจะไม่ย่อย
6. หลีกเลี่ยงยาที่ทำให้นอนไม่หลับ อันนี้อาจต้องถามเภสัช
7. อย่างีบหลับหลังบ่ายสาม เพราะจะทำให้กลางคืนไม่นอน
8. พักผ่อน อ่านหนังสือก่อนนอน มีเวลาrelaxก่อนนอน
9. อาบน้ำอุ่นจะช่วยให่หลับดีขึ้น
10. ปิดไฟนอน อากาศเย็นสบาย ไม่มีทีวี ไม่เล่นมือถือก่อนนอน
11. ตื่นนอนแล้วรับแสงสว่าง เพื่อให้ร่างกายจดจำ เพราะแสงสว่างจะกระตุ้นให้ร่างกายตื่น
12. อย่านอนตาค้างบนเตียง หากเลย20นาทีแล้ว ลุกขึ้นอ่านหนังสือให้ง่วง อย่าเล่นมือถืออีก
นี่คือคำแนะนำง่ายๆ แต่การนอนหลับยังมีรายละเอียดอีกมากมาย ที่หาอ่านได้จากหนังสือ Why We Sleep ซึ่งตอนนี้มีแปลเป็นภาษาไทยแล้วด้วยซ้ำ ที่หมอเขียนสรุป เป็นแค่เนื้อหาคร่าวๆ เพื่อให้คนที่สนใจจะเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ตัวเองง่ายๆเลย โดยการนอน 8 ชม
สำหรับหลังผ่าตัด การนอนพักผ่อนก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้หายเร็วและลดการติดเชื้อด้วยนะครับ ก็ขอให้นอนหลับเต็มที่กันทุกคนนะครับ!
#เพจหมอเน้นให้ความรู้เป็นหลัก
#เพจหมอไม่ได้โฆษณาอะไรไม่มีโปรโมชั่นใดๆทั้งสิ้น
#คนไข้อ่านแล้วจะไปรักษาผ่าตัดกับใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องมาหาหมอเท่านั้น
#หมอไม่ได้ตอบคำถามในPostหรือcommentใต้โพสเลยนะครับ
ในกรณีที่มีปัญหาด้านศัลยกรรมตกแต่ง
สามารถinboxหรือส่งline มาทางline@ id: @dr.surawejrama ได้ครับ(ต้องใส่@ด้วย)
#หมอจะพยายามตอบทุกคำถามแค่เป็นแนวทางนะครับ
#หมอไม่ได้ตอบทุกวันบางทีเป็นสัปดาห์ถึงเช็คคำถาม
หรือถ้าต้องการมาตรวจสามารถมาได้ที่
1. รพ.รามาทุกวันจันทร์คลินิกปกติในเวลาราชการ 9.00-15.00น หรือคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการวันจันทร์16.30-18.30นหรือวันเสาร์ 9-11.30น (เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) แผนกศัลยกรรม ชั้น2 อาคารศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์
โทร 02-2003186 (โทรได้เฉพาะวันเวลาราชการเท่านั้นนะครับ)
#แต่โทรติดยากมากนะครับ และมีเพียงเบอร์เดียว
#อยากตรวจจริงขอให้walkinมาอย่างเดียว หมอจะพยายามตรวจให้ทุกคนเว้นแต่คนไข้มากจริงๆ
#เคสหน้าอกตรวจวันจันทร์ในเวลาราชการเท่านั้นครับ
2. รพ.พระราม9 หมอออกตรวจทุกวันอาทิตย์ 11.00-16.30 น โทร 02-202-9999 หรือ 1270 (รับเคสโทรนัดอย่างเดียวไม่รับwalkinครับ)
เคสหน้าอกตรวจวันจันทร์ในเวลาราชการเท่านั้นครับ 在 Dr.Surawej Numhom นายแพทย์สุรเวช น้ำหอม Facebook 八卦
#เตือนสติก่อนคิดทำศัลยกรรม
ปัจจุบันเป็นยุคที่ทุกคนไม่ปิดบังความต้องการที่จะทำศัลยกรรมเพื่อให้ดูดีขึ้น ซึ่งก็มีแหล่งข้อมูลและการโฆษณามากมาย ล้วนแต่ทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่าศัลยกรรมเป็นเรื่องง่ายๆ เดี๋ยวก็มีดาราหรือคนมีชื่อเสียงรีวิวการไปทำศัลยกรรม ฟื้นตัวเร็ว แป้ปเดียวก็สวยแล้ว
#คงจะดีมากถ้าการทำศัลยกรรมง่ายเหมือนโฆษณา
ในความเป็นจริง เคสมีปัญหามีมากมาย ซึ่งหมอเองก็เขียนเตือนตลอด แต่เคสที่มีปัญหาก็ไม่เคยลดลง กลับมีมากขึ้นตามความนิยมของศัลยกรรม
#การผ่าตัดแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่าย
ร่างกายคนเราเวลาผ่าตัดไปแล้วย่อมมีแผลเป็นและพังผืดเสมอ การผ่าตัดครั้งต่อไปก็มักจะยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะโครงสร้างเดิมก็ถูกทำลาย พังผืดก็อาจจะดึงรั้ง ปัญหาก็ซับซ้อนขึ้นทุกครั้งที่ทำการแก้ไข หลายคนแก้แล้วแก้อีกจนหน้าตาผิดรูปไปเลย
#ทำให้พอดีตั้งแต่แรกดีกว่า
ของจริงมักไม่เหมือนรีวิว คือการศัลยกรรมมักทำได้เท่าที่เนื้อคนไข้มี หากทำอะไรที่ฝืนความเป็นจริงมากเกินไป ก็มักจะทำให้เกิดปัญหาเสมอ ดังนั้นการทำศัลยกรรมให้เป็นธรรมชาติจึงปลอดภัยที่สุด เพียงแต่อาจจะไม่ถูกใจ เช่นการเสริมหน้าอก ยังมีความเชื่อว่าเสริมทั้งทีขอให้ใหญ่ไว้ก่อน ซึ่งสุดท้ายพอเวลาผ่านไป ก็เกิดปัญหา ทั้งไม่สวยงาม ทั้งต้องเสียเงินแก้ไขอีก
#จมูกบานใหญ่ตัดปีกจนจมูกเรียวเล็ก
แรกๆก็ดูเหมือนจะดี ถ่ายรูปออกมาดูแตกต่างจากเดิมมาก พอเวลาผ่านไปสักพักรูจมูกตีบตัน หายใจไม่ออก แก้ไขก็ยาก หากไม่เจอกับตัวก็คงไม่มีใครเชื่อ
#จมูกแบนเสริมจนโด่งพุ่งทรงหยดน้ำ
มักใช้ซิลิโคนตัวLทีทำให้ปลายพุ่งเป็นslopeสวยงาม แต่พอเวลาผ่านไปปลายจมูกจะเริ่มบางขึ้นๆ จนตึงแดง ซึ่งไม่น้อยที่จบลงด้วยการที่จมูกทะลุ
#ทำได้มากแค่ไหนปรึกษาแพทย์ที่มีความชำนาญ
ผลการผ่าตัดต้องดูกันให้ยาว การผ่าตัดส่วนใหญ่ตามคลินิก หลังผ่ามักได้เจอแพทย์ครั้งเดียว หรืออย่างมากไม่เกิน1เดือนหลังผ่า ซึ่งมักยังไม่เห็นปัญหา เวลาปรึกษาแพทย์ ก็มักจะบอกว่าทำแล้วไม่มีปัญหา แต่ในความเป็นจริง ปัญหาจะเกิดขึ้นในเวลาที่เลยระยะเวลาประกันเสมอ เช่นทำจมูกมักจะประกันให้สามเดือน ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่จะ้เห็นชัดๆก็หลังสามเดือนไปแล้วเป็นส่วนใหญ่
สรุปคือ ความจริงมักไม่เหมือนโฆษณา เคสที่ดีเหลือเชื่อมักมีไม่มาก ส่วนใหญ่คือไปตามพื้นฐานที่เป็นจริง อย่าเอาไปเทียบกับดาราที่มักมีพื้นฐานโครงสร้างที่ดีกว่าเฉลี่ยอยู่แล้ว เวลาทำศัลยกรรมก็มักจะดูดี เพราะคนที่ทำแล้วดูไม่ดี ก็ไม่มีโอกาสเป็นดารา และก็อย่าไปเชื่อโฆษณาหรือรายการศัลยกรรม เพราะบางครั้งเคสาที่มีปัญหา เขาก็ไม่เอาออกมาให้ดู ดังนั้นทำศัลยกรรมให้ดูดี ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติดีกว่า
#เพจหมอเน้นให้ความรู้เป็นหลัก
#เพจหมอไม่ได้โฆษณาอะไรไม่มีโปรโมชั่นใดๆทั้งสิ้น
#คนไข้อ่านแล้วจะไปรักษาผ่าตัดกับใครก็ได้ไม่จำเป็นต้องมาหาหมอเท่านั้น
#หมอไม่ได้ตอบคำถามในPostหรือcommentใต้โพสเลยนะครับ
ในกรณีที่มีปัญหาด้านศัลยกรรมตกแต่ง
สามารถinboxหรือส่งline มาทางline@ id: @dr.surawejrama ได้ครับ(ต้องใส่@ด้วย)
#หมอจะพยายามตอบทุกคำถามแค่เป็นแนวทางนะครับ
#หมอไม่ได้ตอบทุกวันบางทีเป็นสัปดาห์ถึงเช็คคำถาม
หรือถ้าต้องการมาตรวจสามารถมาได้ที่
1. รพ.รามาทุกวันจันทร์คลินิกปกติในเวลาราชการ 9.00-15.00น หรือคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการวันจันทร์16.30-18.30นหรือวันเสาร์ 9-11.30น (เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) แผนกศัลยกรรม ชั้น2 อาคารศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์
โทร 02-2003186 (โทรได้เฉพาะวันเวลาราชการเท่านั้นนะครับ)
#แต่โทรติดยากมากนะครับ และมีเพียงเบอร์เดียว
#อยากตรวจจริงขอให้walkinมาอย่างเดียว หมอจะพยายามตรวจให้ทุกคนเว้นแต่คนไข้มากจริงๆ
#เคสหน้าอกตรวจวันจันทร์ในเวลาราชการเท่านั้นครับ
2. รพ.พระราม9 หมอออกตรวจทุกวันอาทิตย์ 11.00-16.30 น โทร 02-202-9999 หรือ 1270 (รับเคสโทรนัดอย่างเดียวไม่รับwalkinครับ)
เคสหน้าอกตรวจวันจันทร์ในเวลาราชการเท่านั้นครับ 在 เจอตลอดครับ เคสที่เคยเสริมหน้าอกมาจากคลินิกดังๆ ที่มีรีวิวมาก ... 的相關結果
หรือถ้าต้องการมาตรวจสามารถมาได้ที่ รพรามาทุกวันจันทร์ 9-18น หรือวันเสาร์ 9-11.30 โทรนัด 022003186 (โทรได้เฉพาะวันเวลาราชการเท่านั้นนะครับ) แต่โทรยากมากนะ ... ... <看更多>
เคสหน้าอกตรวจวันจันทร์ในเวลาราชการเท่านั้นครับ 在 โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ 的相關結果
วันจันทร์ พุธ 16.00 - 20.00 น. คลินิกพิเศษเฉพาะทาง(SMC) ศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ (UroSx). การให้บริการ, : ตรวจ ... ... <看更多>
เคสหน้าอกตรวจวันจันทร์ในเวลาราชการเท่านั้นครับ 在 Dr.Surawej Numhom นายแพทย์สุรเวช น้ำหอม की पोस्ट 的相關結果
หมอจะพยายามตรวจให้ทุกคนเว้นแต่คนไข้มากจริงๆ #เคสหน้าอกตรวจวันจันทร์ในเวลาราชการเท่านั้นครับ 2. รพ.พระราม9 หมอออกตรวจทุกวันอาทิตย์ 11.00-16.30 น โทร 02-202 ... ... <看更多>