หุ้นกลุ่มเดินเรือ กำลังกลับมาร้อนแรง /โดย ลงทุนแมน
ถ้าถามว่า นับจากต้นปีมานี้ หุ้นกลุ่มไหนที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงบ้าง
หนึ่งในนั้นน่าจะมีหุ้นกลุ่มเดินเรือรวมอยู่ด้วย
อุตสาหกรรมเดินเรือ ดูเหมือนจะเป็นอีกธุรกิจหนึ่ง
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19 ในช่วงแรก ๆ
แต่เวลาผ่านไปไม่นาน ทำไมหุ้นกลุ่มนี้ จึงกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่า ตั้งแต่ต้นปี 2021
หุ้นกลุ่มเดินเรือรายใหญ่ในตลาดหุ้นไทย 3 ตัว มีมูลค่าบริษัทปรับเพิ่มขึ้นมาเท่าไร
1. บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL มูลค่าบริษัท เพิ่มขึ้นประมาณ 61%
2. บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PSL มูลค่าบริษัท เพิ่มขึ้นประมาณ 47%
3. บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA มูลค่าบริษัท เพิ่มขึ้นประมาณ 36%
ซึ่งหุ้นทั้ง 3 ตัว ปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาประมาณ 9%
ที่เป็นแบบนี้ ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจาก
นักลงทุนกำลังคาดหวังว่า รายได้ของบริษัทเดินเรือเหล่านี้กำลังจะเติบโตมากขึ้นในอนาคต
โดยรายได้ของบริษัทเดินเรือนั้น หลัก ๆ คือมาจาก
“ค่าระวางเรือ (Ocean Freight Charges)” หรือค่าขนส่งสินค้าไปทางเรือ ซึ่งจะคิดคำนวณจากรายละเอียดการขนส่ง เช่น ระยะทางการขนส่ง ประเภทของสินค้า น้ำหนักของสินค้า
และปัจจุบัน หุ้นกลุ่มเดินเรือในตลาดหุ้นไทยนั้น มีอยู่ 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ
1. กลุ่มเดินเรือเทกอง หมายถึง เรือที่ขนสินค้าครั้งละมาก ๆ โดยไม่มีภาชนะบรรจุสินค้า
ซึ่งสินค้าพวกนี้ ก็อย่างเช่น แร่เหล็ก ถ่านหิน สินค้าเกษตร ซึ่งหุ้นที่อยู่ในกลุ่มนี้คือ หุ้น TTA และ PSL
โดยหุ้นกลุ่มนี้ มีดัชนีค่าระวางเรือที่เกี่ยวข้องก็คือ BDI (Baltic Dry Index)
2. กลุ่มเดินเรือที่ขนส่งสินค้าโดยบรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งหุ้นที่อยู่ในกลุ่มนื้คือ หุ้น RCL
โดยจะมีดัชนีค่าระวางเรือที่เกี่ยวข้อง คือ CCFI (China Containerized Freight Index) และ SCFI (Shanghai Containerized Freight Index)
หลายปีก่อนหน้านี้ อุตสาหกรรมขนส่งสินค้าทางเรือนั้นค่อนข้างซบเซา
เนื่องจากภาวะ Oversupply หรือปริมาณเรือในอุตสาหกรรมที่มีมากเกินไป ในช่วงปี 2551-2559
ภาวะอุตสาหกรรมที่ไม่สู้ดีนักมาหลายปี ยังถูกซ้ำเติมด้วยสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาในปี 2561
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานการค้าทั่วโลกอย่างหนัก และส่งผลกระทบอย่างหนักต่อหุ้นกลุ่มเดินเรืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พอสงครามการค้าเริ่มจะเบาบางลงไป อุตสาหกรรมเดินเรือขนส่งสินค้าทำท่าจะกลับมาฟื้นตัว ก็ดันมาเกิดการแพร่ระบาดของโควิด 19 ตั้งแต่ปลายปี 2562 อีก จนสร้างฝันร้ายให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดินเรือขนส่งสินค้า และแน่นอนว่าคนที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มเดินเรือด้วย
แม้ว่า ผลกระทบจากโควิด 19 ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก
การปิดเมือง ส่งผลโดยตรงต่อความต้องการขนส่งสินค้าทางเรือ
แต่อีกด้านหนึ่ง เรื่องนี้ก็ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เนื่องจากมีตู้คอนเทนเนอร์ จำนวนมากที่ยังคงตกค้างอยู่ในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
นอกจากนี้ การชะลอตัวของอุตสาหกรรมในช่วงหลายปีก่อนหน้า
ประกอบกับการที่สถาบันการเงินหลายแห่งไม่ปล่อยกู้ให้แก่บริษัทเดินเรือ เพื่อนำไปต่อเรือใหม่ ก็ส่งผลให้อุปทานของเรือใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมลดลงตามไปด้วย
แต่นับตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปี 2563 เศรษฐกิจโลกก็เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว
ประกอบกับการมาของวัคซีนป้องกันโควิด 19
ทำให้อุปสงค์ในการขนส่งสินค้าเริ่มกลับมาเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง
เมื่อความต้องการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่อุปทานเรือสำหรับขนส่งยังมีจำกัด และยังพ่วงด้วยปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้บริษัทเดินเรือ มีอำนาจในการต่อรองราคากับลูกค้า ในเรื่องของการเก็บค่าระวางสำหรับการส่งสินค้าให้เพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งเรื่องนี้ได้สะท้อนออกมาผ่านดัชนี ที่สะท้อนราคาค่าระวางประเภทต่าง ๆ
ลองมาดูการปรับตัวของดัชนี BDI ดัชนี CCFI และ ดัชนี SCFI ในช่วงที่ผ่านมา
ณ สิ้นปี 2562
- ดัชนี BDI อยู่ที่ 976 จุด
- ดัชนี CCFI อยู่ที่ 879 จุด
- ดัชนี SCFI อยู่ที่ 959 จุด
ณ สิ้นปี 2563
- ดัชนี BDI อยู่ที่ 1,366 จุด
- ดัชนี CCFI อยู่ที่ 1,659 จุด
- ดัชนี SCFI อยู่ที่ 2,783 จุด
ดัชนี BDI ปรับขึ้นมา 40% ดัชนี CCFI ปรับขึ้นมา 89% และดัชนี SCFI ปรับขึ้นมา 190%
และเรื่องนี้จึงทำให้นักลงทุนเริ่มเพ่งความสนใจมายังหุ้นกลุ่มเดินเรือกันมากขึ้น
ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเดินเรือเหล่านี้ ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา
เพราะคาดว่า ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มนี้จะดีขึ้นมากในอนาคต
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเดินเรือนั้น มักถูกมองว่าเป็นหุ้นวัฏจักร (Cycle Stock) เนื่องจากผลประกอบการที่มักจะขึ้น ลงเป็นรอบ ๆ ซึ่งรอบหนึ่งบางครั้งก็อาจใช้เวลาเป็นสิบปี
ที่เป็นแบบนี้ เนื่องจากช่วงเวลาที่ดัชนีค่าระวางเรือสูง หมายถึง ช่วงที่อุตสาหกรรมเดินเรือส่งสินค้า กำลังเฟื่องฟู ความต้องการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เมื่อความต้องการขนส่งทางทะเลเพิ่มขึ้นมาก
บริษัทหลายแห่งในอุตสาหกรรม ก็มักจะส่งคำสั่งให้มีการสร้างเรือขนส่งสินค้ากันมาก
และเนื่องจากระยะเวลาก่อสร้างเรือนั้นใกล้เคียงกัน จึงทำให้มีเรือขนส่งสินค้าออกมาจำนวนมาก และนำไปสู่ภาวะ Oversupply ได้ จนสุดท้าย ก็จะทำให้ดัชนีค่าระวางเรือนั้น ค่อย ๆ ลดลงอีกครั้ง
เมื่อดัชนีค่าระวางเรือลดลง หลายบริษัทก็ต้องประสบกับภาวะขาดทุน เพราะรายได้เข้ามาไม่คุ้มต้นทุนที่เสีย
จนบางบริษัทต้องออกจากอุตสาหกรรมไป ปริมาณเรือที่ใช้ขนส่งในอุตสาหกรรมนี้ก็จะลดลงอีกครั้ง
และเมื่อมีความต้องการขนส่งสินค้าเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ปริมาณเรือที่น้อย จึงดันให้ดัชนีค่าระวางเรือเพิ่มสูงอีกครั้ง จนนำไปสู่การสร้างเรือใหม่ วนเวียนแบบนี้เรื่อย ๆ เป็นวัฏจักร
อีกหนึ่งประเด็นที่ลืมไม่ได้ก็คือ ความผันผวนของราคาน้ำมันที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์
ซึ่งนับเป็น ต้นทุนหลัก ของบริษัทเดินเรือ
ช่วงที่ราคาน้ำมันต่ำลง ต้นทุนของบริษัทเดินเรือก็จะลดลงจนทำให้บริษัทอาจมีกำไรเพิ่มขึ้นมาก แม้ว่าปริมาณการขนส่งสินค้าอาจจะลดลง
ในทางกลับกันช่วงที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น บริษัทเดินเรืออาจขาดทุน แม้ว่าปริมาณการขนส่งสินค้าอาจจะเพิ่มขึ้นก็ตาม
ดังนั้น การลงทุนในหุ้นกลุ่มเดินเรือที่มีลักษณะเป็นหุ้นวัฏจักร และมีปัจจัยเรื่องความผันผวนของต้นทุน อย่างเช่น ราคาน้ำมัน เราจึงควรต้องทำความเข้าใจภาพรวมของอุตสาหกรรม และปัจจัยความผันผวนเหล่านี้ให้ดี
เพราะถ้าเราเข้าไปลงทุนได้ถูกจังหวะเวลา เราก็สามารถทำกำไรจากการลงทุนได้
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราเข้าไปลงทุนผิดจังหวะ มันก็อาจเป็นฝันร้ายของเราได้ เช่นกัน..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-รายงานประจำปี 2562, บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน),บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน)
-คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2562-2563, บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน), บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน)
-https://en.macromicro.me/charts/947/commodity-ccfi-scfi
-https://www.investidea.in.th/2012/12/blog-post_24.html
-https://www.stock2morrow.com/discuss/room/1/topic/25733
สินค้า หมายถึง 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 八卦
มีความเป็นไปได้ว่าในอนาคตคนไทยอาจจะตัองซื้อสินค้าออนไลน์แพงขึ้น
พ.ร.บ. E-service จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ซอฟต์แวร์แอปพลิเคชัน เกม หนัง เพลง บริการจองที่พัก
.
ปัจจุบันคนไทยมีการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศมากขึ้น จากการใช้งานผ่านแพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลาง เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็นการดาวน์โหลดหนัง เพลง เกม การจองโรงแรม ส่งผลให้ผู้ประกอบการในต่างประเทศมีรายได้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่กรมสรรพากรไม่สามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้
.
ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบการในไทยและต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มให้เหมาะสมกับรูปแบบการประกอบธุรกิจ โดยมีกำหนดกฎเกณฑ์และการจำกัดความใหม่ มีสาระสำคัญดังนี้
.
- นิยามคำว่า “สินค้า” ใหม่ จะหมายถึงทรัพย์สินที่มีรูปร่างและไม่มีรูปร่างที่อาจมีราคาและถือเอาได้ ไม่ว่าจะมีไว้เพื่อขาย เพื่อใช้ หรือเพื่อการใดๆ และให้หมายรวมถึงสิ่งของทุกชนิดที่นำเข้า แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงทรัพย์สินที่ไม่มีรูปร่างที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
- “บริการอิเล็กทรอนิกส์” หมายถึง บริการที่ส่งมอบโดยผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือเครือข่ายทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด
- “อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม” หมายถึง ตลาด ช่องทาง หรือกระบวนการอื่นใดที่ผู้ให้บริการหลายรายใช้ในการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้รับบริการ
- ผู้ประกอบการต่างประเทศที่มีรายได้จากการให้บริการดังกล่าวเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และให้มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ห้ามไม่ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศออกใบกำกับภาษี
.
อย่างไรก็ตาม เมื่อร่างพระราชบัญญัติ e-Service บังคับใช้ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างประเทศต่างๆ ที่ให้บริการและมีรายได้ในไทย ต้องมาจดทะเบียนเสียภาษีกับกรมสรรพากร ทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการและสามารถสร้างรายได้ให้กับรัฐ ซึ่งคาดว่ากระทรวงการคลังจะจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ล้านบาท
.
ที่ผ่านมามีหลายต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นอร์เวย์ นิวซีแลนด์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสหรัฐอเมริกา เคยใช้กฎหมายลักษณะนี้เช่นกัน ซึ่งใช้ได้ผลมาแล้ว
——————————————-
ที่มา : http://www.rd.go.th/publish/fileadmin/download/Vatforeign_140163.pdf
สินค้า หมายถึง 在 สมองไหล Facebook 八卦
1 คำถาม กับ 1 ปัญหา ที่ผมได้รับจากลูกเพจบ่อยที่สุด คือ
.
อยากเริ่มต้นธุรกิจด้วยการทำแบรนด์สินค้าของตัวเองดีไหม ? กับ อีกปัญหา คือ ตอนนี้ผลิตสินค้าแบรนด์ของตัวเองออกมา แต่ขายไม่ได้ควรจะทำยังไงดี ?
.
ซึ่ง 2 คำถามนี้ เป็นคนละเรื่องเดียวกันครับ เพราะ 99 เปอร์เซ็นต์ของคนที่เริ่มต้นธุรกิจใหม่ด้วยการทำแบรนด์สินค้าของตัวเอง จะเกิดปัญหาสินค้าของค้างสต็อกขายไม่ออกตามมา
.
คำถาม คือ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ?
.
เรื่องแรก เราต้องเข้าใจคำว่า “แบรนด์” ก่อน
.
หลายคนเข้าใจผิดว่า การทำสินค้าแล้วติดโลโก้ของตัวเอง คือ แบรนด์ ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย...
.
แบรนด์ กับ โลโก้ เป็นคนละเรื่องกัน
.
โลโก้ เป็น แค่ชื่อเรียก แทนสินค้าเท่านั้น เปรียบเหมือนคุณมีลูกคนหนึ่ง แล้วตั้งชื่อให้เขาว่า สมชาย เท่านั้นเอง
.
แต่คำว่า แบรนด์ หมายถึง องค์รวมของสิ่งที่ผู้คนมองเห็นและรู้สึกกับตัวธุรกิจของเรา ย้ำว่า “ผู้คน” นะครับ เพราะไม่ใช่แค่ ลูกค้า แต่รวมถึง พนักงาน ด้วย เปรียบเหมือนความรู้สึกที่เรามีต่อ สมชาย ว่าเขาเป็นคนอย่างไร มีนิสัยแบบไหน เป็นคนพูดจาดี ชอบความทันสมัย อยู่ใกล้แล้วรู้สึกมีพลัง หรือ เป็นคนที่รักสุขภาพ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
.
ซึ่งการที่จะทำให้ผู้คนรู้จัก และ รู้สึกกับ สมชาย แบบนี้มันไม่สามารถทำได้ภายในวันสองวัน แต่มันใช้เวลาสร้างกว่าผู้คนจะรู้จักและเข้าใจสมชาย
.
การมีสินค้าแล้วติดโลโก้ เปรียบเหมือนกับ “ร่างกาย” ของสมชาย ส่วน แบรนด์ เปรียบเหมือน “วิญญาณ” ของสมชาย
.
ดังนั้น การที่เราแค่เอาสินค้ามาติดโลโก้ ก็ไม่ต่างกับร่ายกายของสมชายที่ไร้วิญญาณ ซึ่งมันไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์อะไรกับผู้คนได้
.
ฉะนั้น แบรนด์ ก็เหมือนคน 1 คน เราจะมองเห็นหรือรู้สึกกับตัวคนหนึ่งคนได้ เกิดจากความเชื่อของเขาที่สื่อสารออกมาทางคำพูดและการกระทำ ต่อให้เขาเปลี่ยนชื่อ เสื้อผ้า หน้าผมยังไง เราก็มองเห็นและรู้สึกกับเขาเหมือนเดิมอยู่ดี
.
เรื่องที่สอง เราต้องย้อนกลับไปที่ “กฎ” ของ “การขาย” ที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่ง นั่นคือ การซื้อและขาย จะเกิดขึ้นต่อเมื่อลูกค้ารู้สึกว่าตัวเอง “ได้” มากกว่า “เสีย”
.
ดังนั้น ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้า ก็ต่อเมื่อเขามีความ “เชื่อถือ” 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ว่า ผู้ขาย สินค้า หรือ แบรนด์ จะสามารถให้ในสิ่งที่เขาต้องการได้จริงๆ โดยไม่ได้โกหกกัน
.
สิ่งที่อยากจะให้ทุกคนคิดต่อ คือ
.
วันนี้เรามีความ “น่าเชื่อถือ” กี่เปอร์เซ็นต์ ?
.
ถ้าคุณมีความน่าเชื่อถือ 80 เปอร์เซ็นต์ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย ที่คุณจะสร้างสินค้าแบรนด์ของตัวเองออกมาขาย เพราะคุณมีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ บวกกับ สินค้าอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ก็จะครบ 100 พอดี
.
แต่กลับกัน ถ้าคุณมีความน่าเชื่อถือ แค่ 20 เปอร์เซ็นต์ การที่คุณทำสินค้าแบรนด์ของตัวเองที่ไม่ได้มีความน่าเชื่อถือเลย แล้วในเมื่อความเชื่อถือที่ลูกค้ามีให้กับคุณและแบรนด์ไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ คุณคิดว่า เขาจะซื้อของจากคุณไหมล่ะ ?
.
และนี่แหละ คือ ปัญหาที่คนส่วนใหญ่เจอ
.
ดังนั้น ก่อนที่จะคิดทำสินค้าแบรนด์ของตัวเองออกมาขาย คุณต้องมั่นใจก่อนว่าตัวเองมีความน่าเชื่อถือในระดับไหน ?
.
ถ้าคุณมีความน่าเชื่อถือแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ คุณควรจะเอาสินค้าของคนอื่นที่มีความน่าเชื่อถืออยู่แล้วสัก 80 เปอร์เซ็นต์ มาขายเพื่อเติมเต็มตัวคุณก่อน
.
เมื่อคุณขายสินค้าแบรนด์คนอื่นจนความน่าเชื่อถือของคุณ เพิ่มขึ้นถึงระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ ก็ค่อยมาคิดเรื่องทำสินค้าแบรนด์ของตัวเอง
.
วันนี้เป็นวันที่ 8 ของการเปิดจอง Pre-order “หนังสือ งานประจำสอนทำธุรกิจ” ซึ่งตอนนี้ยอดขายก็ทะลุ 800 เล่มแล้ว นั่นหมายความว่า ตอนนี้ยังเหลืออีกเพียงแค่ 200 เล่มสุดท้ายเท่านั้น ก่อนผมจะปิดการจองในอีก 48 ชั่วโมง
.
สิ่งที่ผมอยากจะชวนให้คิดตาม คือ
.
ถ้าอยู่ๆ ผมเขียนหนังสือของตัวเองออกมาขาย โดยที่คนไม่รู้จัก ไม่เคยคุย ไม่เคยอ่านบทความของผมเลย ผมเป็นแค่ใครก็ไม่รู้ ที่เขียนหนังสือเล่มหนึ่งออกมาขาย คุณคิดว่าจะมีคนซื้อไหม ?
.
ใช่ครับ !! คงไม่มีใครซื้อแน่นอน เพราะผมมีความน่าเชื่อถือ ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ผมทำคือ การเปิดเพจสมองไหล เขียนบทความ ให้ความรู้ และ เอาหนังสือของคนที่มีความน่าเชื่อถืออยู่แล้วมาขายก่อน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวผม
.
และเมื่อถึงเวลาที่ระดับความน่าเชื่อถือของผมเพิ่มขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ผมก็ค่อยเขียนหนังสือแบรนด์ของตัวเองออกมา
.
และนี่คือ ความลับที่ทำให้ “หนังสือ งานประจำสอนทำธุรกิจ” มียอดขายถล่มทลาย โดยที่ผมไม่ต้องเสียเงินยิงโฆษณาเลยแม้แต่บาทเดียว
.
เพราะแบรนด์ที่แข็งแกร่ง จะช่วยประหยัดค่าการตลาดของเราไปได้มหาศาล เราไม่จำเป็นต้องไปบอกผู้คนว่า ฉันเป็นคนอย่างนั้น ฉันดีอย่างนี้ เพราะผู้คนรับรู้ถึงลักษณะนิสัย ความเชื่อ ของผมผ่านการฟูมฟักแบรนด์มาตลอด 1 ปีเต็มแล้ว
.
ฉะนั้น ถ้าคุณไม่อยากจะเริ่มต้นธุรกิจแล้วเจ๊ง ทำสินค้าออกมาแล้วพัง คุณจำเป็นต้อง “สั่งจอง” หนังสือ งานประจำสอนทำธุรกิจ เล่มนี้ก่อน เพราะมันจะลดอัตราความผิดพลาด และ เพิ่มโอกาสความสำเร็จให้ธุรกิจของคุณได้ !!
.
เพราะถ้าคุณไม่อ่านเล่มนี้ คุณอาจจะต้องละลายเงินไปอย่างมหาศาลเลย
.
ฉะนั้น ใครที่ยังไม่จอง ตอนนี้ต้องรีบแล้วนะครับ เพราะเหลืออีกเพียงแค่ 200 เล่มสุดท้ายเท่านั้น ก่อนผมจะปิดการจองในอีก 48 ชั่วโมง และ ผมเปิดจองเพียงรอบเดียวเท่านั้น !!
.
พิเศษ !! รับส่วนลด 10% เพียงแชร์โพสต์นี้เป็นสาธารณะ
จากราคาปกติ 245 บาท > เหลือเพียง 220 บาท เท่านั้น !!
ค่าส่งเหมาๆ สั่งกี่เล่มก็ 60 บาท
.
.
วิธีการสั่งซื้อ
.
1.กดลิงก์ https://m.me/432860907260347?ref=sale_pYgxqDgb
.
2.กด “สั่งซื้อ”
.
3.เลือก “จำนวน” และ กด “ยืนยันคำสั่งซื้อ”
.
จากนั้น ชำระเงิน ตามเลขบัญชีที่ให้ไว้ใน Inbox
.
1 เล่ม 280 บาท
2 เล่ม 500 บาท
.
ปล. เริ่มจัดส่งหนังสือวันที่ 15 เมษายน 2021
สินค้า หมายถึง 在 DLTV ป.4 สังคมศึกษา | 4 มิ.ย. 64 | ความหมายสินค้าและบริการ 的八卦
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องรู้เท่าทัน สินค้า และบริการ รายการ ความ หมายสินค้า และบริการ ออกอากาศวันที่ 4 มิ.ย. 64. ... <看更多>