เห็นด้วยกับท่านนายกฯอย่างยิ่ง เพราะตำแหน่งที่จะส่งคนขึ้นไปนั้นเป็นถึง "ประมุขสงฆ์" พระที่ถูกเสนอชื่อขึ้นไป ชาวพุทธได้ยินชื่อแล้ว ต้องยกมือท่วมหัว..สาธุ มิใช่พอเอ่ยชื่อแล้ว กลับรู้สึกว่า แม้ตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จสังฆราช..ยังสูงเกินไปที่พระคนนี้จะได้เป็น
มาตรา 7 ของ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (แก้ไขปี 2535) ให้นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ขึ้นทูลเกล้าถวาย เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช
แม้คณะกรรมการกฤษฎีกา จะตีความที่ประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 เสนอชื่อ "สมเด็จช่วง" นั้น ไม่ผิดจากมาตรานี้ พอชื่อมาถึงมือนายกรัฐมนตรี แล้วท่านไม่นำขื้นทูลเกล้า..ก็ไม่ผิดขั้นตอนเช่นกัน
"อำนาจใครก็อำนาจใคร ตนมีหน้าที่อะไร มีหน้าที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ แล้วตนทูลเกล้าฯในสิ่งที่มีปัญหาได้หรือไม่"
เมื่อก่อนพอเอ่ยถึง "มหาเถรสมาคม" ทุกคนจะรู้สึกเป็นคณะพระผู้ใหญ่ ผู้มีสมณศักดิ์สูงๆ จะกราบจะไหว้ก็ก้มลงไปจนติดแผ่นดิน เดี๋ยวนี้หรือ?...เชอะ! เรากลับรับรู้ว่า เป็นคณะพระสงฆ์ที่..สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อน ไม่ร่วมสังฆกรรม! ไม่ร่วมประชุมด้วย! เพราะท่านมีพระลิขิตให้ธัมมชโย กลายเป็นนายไชยบูลย์ สุทธิผล แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่
ยิ่งคนนั่งหัวโต๊ะที่ประชุม ดันไปสั่งจ่ายเช็ค 1 ล้านบาท ซื้อเมอร์เซเดส เบนซ์ รุ่น 300 ดี คาบิโอเลต ปี 1958 ทะเบียน ขม 99 กทม.และเป็นผู้ลงนามด้วยตนเองยื่นขอจดทะเบียนต่อกรมการขนส่งทางบก ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. 2554 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง
มิหนำซ้ำ ดีเอสไอยังตรวจสอบพบ เบนซ์หรูคันนี้ เป็นรถที่นำเข้าผิดกฎหมายหลายประการ เช่น การหลีกเลี่ยงภาษีอากร และมีใช้เอกสารปลอมในการจดทะเบียน..เรื่องมันก็เอวังด้วยประการะฉะนี้
มองเห็นคนห่มเหลือง นั่งหัวโต๊ะที่ประชุม เหมือนเห็น "จระเข้มีชนักติดหลัง"..อย่างไรอย่างนั้น
http://www.nationtv.tv/main/content/social/378508774/
