พาณิชย์ชี้ นโยบาย “ไบเดน” อาจดันส่งออกไทยฟื้นตัว หลังสงครามการค้ามีแววผ่อนคลายลง คาดดึงนักลงทุนย้ายฐานผลิตมาไทย
.
กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการวิเคราะห์นโยบายของ “โจ ไบเดน” ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าโลกและการค้าของไทยว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน มีแนวโน้มผ่อนคลายลง แต่จะยังคงมาตรการภาษีที่มีอยู่แล้ว อีกทั้งสหรัฐฯ ยังคงมีเป้าหมายสกัดกั้นอำนาจจีน ทำให้นักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มย้ายฐานการผลิตออกจากจีนและเข้าไปตั้งฐานการผลิตในประเทศอื่นแทน เช่น อาเซียน อย่าง ไทยและเวียดนาม
.
ทำให้ไทยมีโอกาสส่งออกทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ มากขึ้น ส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยที่กำลังจะฟื้นตัว รวมถึงเป็นการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้ย้ายฐานการผลิตออกจากจีน แล้วเลือกมาลงทุนในภาคอุตสาหกรรมของไทยทั้งอาหาร ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ ยาง พลาสติก ไม้ และผลิตภัณฑ์จากไม้ แต่อีกแง่หนึ่งการย้ายฐานออกจากจีน ก็อาจส่งผลให้การส่งออกวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางลดลง
.
ทั้งนี้ นโยบายการค้าของสหรัฐ มีแนวโน้มให้ความสำคัญกับการปฏิรูปองค์การการค้าโลก (WTO) ร่วมกับพันธมิตร เป็นผลดีต่อไทยในการเจรจาและไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามหลักสากลเน้นสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร เช่น อาเซียนเปิดให้ไทยขยายการค้าเพิ่มเติมกับสหรัฐฯ โดยเน้นความสัมพันธ์ทางการค้าแบบประนีประนอม ซึ่งอาจทำให้สหรัฐฯ ผ่อนปรนมาตรการการค้ากับพันธมิตรเดิมอย่าง สหภาพยุโรป แต่ก็อาจส่งผลให้สินค้าไทยบางกลุ่มมีการแข่งขันสูงขึ้น รวมถึงอาจยกเลิกคว่ำบาตรประเทศผู้ผลิตน้ำมันอย่าง เวเนซูเอล่าและอิหร่าน ทำให้มีน้ำมันออกสู่ตลาดโลกมากขึ้น เท่ากับเป็นการเพิ่มต้นทุนต่อสินค้าส่งออกของไทย ซึ่งไทยก็อาจจะต้องปรับกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าขั้นสุดท้ายมากขึ้น
.
รวมถึงนโยบายการย้ายฐานการผลิตและการลงทุนกลับสหรัฐฯ ที่เน้นอุตสาหกรรมเป็นหลัก ตั้งแต่อุปกรณ์ทางการแพทย์ เซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีสื่อสาร กระทบต่อไทยน้อยกว่ากรณีนโยบายของทรัมป์ ทำให้นักลงทุนและธุรกิจไทยสามารถขยายการลงทุนไปยังสหรัฐฯ หรือประเทศใกล้เคียงอย่าง แคนาดา เม็กซิโกมากขึ้น และสามารถต่อยอดขยายฐานกระจายตลาดไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาคได้
.
สำหรับโครงการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ที่กำลังจะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ สหรัฐฯ ยังไม่มีนโยบายชัดเจนว่าจะต่ออายุหรือไม่ แต้มีแนวโน้มที่จะต่ออายุเพียงแต่เงื่อนไขก็อาจเข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะมาตรฐานแรงงาน สิ่งแวดล้อม และการเปิดตลาดสินค้าที่สหรัฐฯ กำลังสนใจ โดยไบเดนจะเน้นเรื่องกฎการค้าที่ยังเอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐฯ
.
ซึ่งไทยก็ต้องระวังเรื่องการบิดเบือนค่าเงิน ที่อาจถูกสหรัฐฯ จัดกลุ่มเป็นประเทศที่ต้องติดตามนโยบายการเงินอย่างใกล้ชิด ทั้งการแลกเปลี่ยนและการใช้มาตรการภายใต้มาตรา 301 (พฤติกรรมการค้าไม่เป็นธรรม) อีกทั้งยังต้องติดตามการกลับเข้าร่วมข้อตกลง CPTPP ที่มีผลต่อการค้าของไทย
.
อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ ที่ตอนนี้เป็นคู่ค้าอันดับ 4 รองจากอาเซียน จีน และญี่ปุ่น รวมถึงเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 รองจากอาเซียน ไทยอาจต้องเร่งผลักดันสินค้าที่มีศักยภาพในการแข่งขันต่อเนื่อง เช่น ข้าวหอมมะลิไทย ทูน่ากระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยง ผ้าผืนทำจากไหมและฝ้าย โครงก่อสร้างจากเหล็ก เครื่องสุขภัณฑ์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสาร เป็นต้น
.
โดยเน้นทำการตลาดสินค้าไทยและเจรจาการค้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งแนวทางรับมือระยะยาวของไทยก็คือ ต้องร่วมมือกับอาเซียนสร้างอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจ โดยอาเซียนจะเป็นพันธมิตรที่สหรัฐฯ ให้ความสำคัญ และไทยต้องเร่งเชื่อมโยงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เป็นมิตรกับทุกฝ่าย หรืออาจสร้างจุดแข็งด้วยการยกระดับมาตรฐานการผลิตและคุณภาพสินค้าโดยนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการพัฒนาและผลิตสินค้ามากขึ้น
.
ที่มา : https://www.commercenewsagency.com/news/3674?fbclid=IwAR3U6E1P7N2XNJbcR9KSuLuB3j-4kN96Y0bDJqMvVLNCM6FNaz3qo0fvbsI
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#ส่งออกไทย #กระทรวงพาณิชย์
#โจไบเดน #JoeBiden #Thailand #USA
ทูน่ากระป๋อง 在 ลาบปลาทูน่ากระป๋อง หอม อร่อย ทำง่าย เมนูทานคู่กับผัก ... - YouTube 的八卦
คลิปนี้ทำเมนูที่ทานกับผักได้เยอะๆ กันค่ะ เรามาทำลาบปลา ทูน่ากระป๋อง กันค่ะ แต่ใครจะใส่หมูสับ เครื่องในแบบปกติก็ได้ค่ะ ... ... <看更多>