Ep.107 - จะเป็นผู้เสพย์หรือผู้สร้าง?
.
มีสองอย่าง
อย่างแรกคือผู้เสพย์
อย่างที่สองคือผู้สร้าง
ผู้เสพย์เนื้อหา
กับผู้สร้างเนื้อหาไม่เหมือนกัน
*****************************
ก็คนส่วนใหญ่เวลามาเรียนอะไรอย่างนี้
จะชอบบอกว่าไม่เห็นได้อะไรเลย
ไม่เห็นได้อะไรเลย
เพราะว่าเขาไปคาดหวัง
ที่จะได้ Hard Skill
.
แล้วพอได้มาเยอะ ๆ เนี่ยที่เคยเจอเลย
พอไปเรียนรู้มาปุ๊บเนี่ย
ไปได้รับ information มาเยอะ ๆ
ก็บอกว่า
“โอ้โห..ข้อมูลมันเยอะไปทำไม่ได้หรอก
ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งมาใช้”
.
คนเรามันย้อนแย้งในตัวเองอย่างนี้
คือที่ Blair สอนเนี่ย
เวลาเรียนสัมมนาอะไรก็แล้วแต่
มันจะมี Tactical Development
Personal Development
แล้วก็ Spiritual Development
.
ซึ่ง Spiritual Development
มันเกิดจากการตกผลึกแบบเข้มข้น จริงจัง
คือ information กับ wisdom
ไม่เหมือนกันนะ
ถูกปะ?
.
information คือสิ่งที่เรารับรู้มา
แต่ wisdom คือสิ่งที่มันต้องผ่าน
ตัวกรองอะไรบางอย่าง
ถึงจะเกิดออกมาเป็น wisdom
ถึงจะเกิดมาเป็นปัญญาที่แท้จริง
.
แล้วเมื่อเราเอาปัญญาตรงนั้น
เอา wisdom ตรงนั้น
ไปประกอบกิจการการงานอะไรก็แล้วแต่
ไปทำอะไรก็แล้วแต่มันจะเกิดเป็น
เขาเรียกว่า ‘intelligence’
ก็คือ ความฉลาด
.
ความฉลาดมันเป็น
สิ่งที่ show up ออกมาให้คนเห็น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย
ไม่ได้บอกว่า knowledge
หรือว่า information เป็นสิ่งไม่สำคัญ
.
สำคัญเหมือนกัน
แต่รับ information มาปุ๊บ
ต้องทำอะไรบางอย่างกับมัน
เพื่อให้มันตกตะกอน
พอมันตกตะกอนปุ๊บ
เราเอาไปลงมือทำ
.
จริง ๆ สิ่งที่มันออกมานั่น
มันคือความฉลาด คือ intelligence
ยิ่งพอมี google ข้อมูลต่าง ๆ
มันอัพเดททุกวัน
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
บางอย่างก็เป็นข้อมูลที่ใช่
บางอย่างก็เป็นข้อมูลที่ไม่ใช่
เพราะฉะนั้นแล้ว
รับมาเถอะข้อมูล
.
รับมา แต่ใช้ปัญญาของตัวเองเนี่ย
พิจารณาไตร่ตรองเอา
ว่าอะไรเวิร์คกับตัวเอง
อะไรไม่เวิร์คกับตัวเอง
แต่อย่ารับแค่
.
สิ่งที่มันเป็นแค่ความรู้
อย่ารับมาแค่สิ่งที่มันเป็นแค่ information
แค่ knowledge
จงรับมาแล้วก็ทำอะไรบางอย่าง
เกี่ยวกับความรู้ตรงนั้น
เพื่อให้เกิด wisdom
ให้เกิดปัญญาด้วย
.
สิ่งสำคัญไม่ใช่ความรู้หรอก
สิ่งสำคัญคือความคิด
มันต้องมีความคิด
เพราะฉะนั้นแล้ว
รากฐานสำคัญคือ mindset
.
พระพุทธเจ้าก็บอกไว้ว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำเนี่ย
เราต้องเริ่มจากอันดับแรกเลย
สัมมาทิฏฐิก่อน
เราต้องเห็นตรง เห็นชัดก่อน
ว่าเอ้ย…อันนี้
เราจะเอาสิ่งนี้ เราจะไปสิ่งนี้ จะทำสิ่งนี้
.
ภาษาอังกฤษ
เขาเรียกว่า vision
แล้วหลังจากนั้น หลังจากสัมมาทิฏฐิปุ๊บ
ก็จะเป็น สัมมาสังกัปปะ
สังกัปปะ แปลว่า ความคิด
แปลว่า mindset
.
แล้วค่อยไปสัมมาวาจา
สื่อสารชัดเจน สื่อสารทั้งกับตัวเอง
แล้วก็ผู้อื่น
.
ถึงจะไปสัมมากัมมันตะ
ไปลงมือทำ
คนส่วนใหญ่เวลาเข้าสัมมนา
เวลาอ่านหนังสือปุ๊บหาวิธีการลงมือทำ
แต่ไม่หาวิธีคิด
.
มันข้าม step ไป
มันต้องคิดให้เป็นก่อน
คิดให้ถูกคิดให้ใช่ก่อน
.
อย่างเรื่องการปลูกต้นไม้
เรื่องอะไรอย่างนี้
จริง ๆ แล้วการปลูกต้นไม้
ปลูกกันเป็นปะ?
.
การปลูกต้นไม้จริง ๆ
มันก็ง่าย ๆ มันไม่มีอะไร
แต่ปลูกแบบไหน
ปลูกด้วยความคิด
กับปลูกด้วยความไม่คิด
มันแตกต่างกัน
.
ตัวอย่างก็มีให้เห็นเยอะแยะ
บางคนปลูกป่า ปลูกป่ามันคือวิธีการ
คือวิธีการปลูกป่าแต่ปลูกป่าด้วยความคิด
.
อีกแบบนึงป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง
ปลูกป่าเพื่อเป็นบำนาญ
ปลูกป่าเพื่อกิน
ปลูกป่าเพื่อใช้ไม้เป็นประโยชน์
ปลูกป่าเพื่อตัดไม้
มันปลูกป่าเหมือนกัน
แต่มันคิดไม่เหมือนกัน
.
วิธีการมันแตกต่างมากมาย
แต่สิ่งสำคัญ
ที่เป็นรากฐานของทุกสิ่งทุกอย่าง
มันคือวิธีคิด
เพราะฉะนั้นวิธีคิด สำคัญกว่าวิธีการ
**************************
อย่างดูคลิปเนี่ย
เราตั้งกล้องอัดคลิปกันแบบนี้
จริง ๆ แล้วสิ่งที่มันออกไปสู่ผู้คน
มันคือ information ถูกปะ?
.
มันคือความรู้อะไรบางอย่าง
มันคือ message อะไรบางอย่าง
แต่คนที่คิดเป็นเนี่ย
เขาจะมองทะลุเห็นเบื้องหลัง
ว่าไอ้คนที่พูดอยู่เนี่ย
มันคิดยังไง
.
ไอ้คนที่ถาม ๆ ๆ อยู่ความคิดยังไง
เขาถึงถามคำถามแบบนี้
ทำไมมุมกล้องต้องเป็นอย่างนี้
ทำไมถึงต้องไม่มองกล้อง
ทำไมถึงต้องคุย
กับคนจำนวนมาก ๆ
เพื่ออะไร?
.
ถ้าเกิดว่าเขาดูคลิปแล้ว
เขาจับวิธีคิดไม่ได้จับแค่วิธีการ
ไม่ได้จับแค่information
หรือว่าสิ่งที่ออกไปในคลิป
เขาจะได้อะไรมากกว่า
แค่ดูคลิป
ได้อะไรมากกว่าที่มองเห็นคลิป
ใช่ปะ?
.
มันมีจิตวิทยาเบื้องหลัง
อะไรซ่อนอยู่
ทำไมผู้กองเบนซ์ถึง
ทำคลิปแล้วต้องเป็นแบบนี้
ทำไมถึงต้องวางกล้องมุมนี่
เนี่ยสิ่งนี้คือวิธีคิด
มันต้องมองให้ลึกลงไป
.
มีสองอย่างอย่างแรกคือผู้เสพย์
อย่างที่สองคือผู้สร้าง
ผู้เสพย์เนื้อหากับผู้สร้างเนื้อหา
ไม่เหมือนกัน
.
เวลาเราดูคลิป
ดูหนังสือหรือดูอะไรก็แล้วแต่
อ่านหนังสือหรือว่าดูกับคนอะไรก็แล้วแต่
อย่าเป็นแค่ผู้เสพย์
จงคิดเผื่อสมองของผู้สร้างด้วย
ผู้สร้างมันมีหลักคิดยังไง มีพื้นฐานยังไง
อะไรยังไง
มันถึงสร้างสิ่งนี้ออกมา
นึกออกปะ?
.
หนังสือเล่มนี้
มันเขียนมาได้ยังไง
คิดในฐานะผู้สร้าง คิดให้ถึงเบื้องหลัง
มองอะไรให้มันทะลุ ๆ ลงไป
มันจะได้อะไรมากกว่าที่
ที่ตาเห็น
#ผู้กองเบนซ์
.
ปล. วิธีคิด สำคัญกว่าวิธีการ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
*ติดต่องานวิทยากร,อบรมสัมมนา,สนับสนุนช่อง โทร 094-449-9464 (คุณจี้)
ช่องยูทูป : ผู้กองเบนซ์ - Capt.Benz
blockdit : ผู้กองเบนซ์ - Capt.Benz
IG : capt.benz
Line OA : @ captbenz
twitter : @ captbenz
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過650萬的網紅Brianna's Secret Club TH,也在其Youtube影片中提到,ช่องทางติดต่อบรีแอนน่า ฝากกด Like ? กด Share ?♀ และ Subscribe ด้วยนะคะ ? คอมเมนต์ติชมกันมาได้คะ ขอบคุณมากนะคะ ? ? ติดตามอัปเดตข้อมูลข่าวสารของบรีแอ...
「จริง ภาษาอังกฤษ」的推薦目錄:
- 關於จริง ภาษาอังกฤษ 在 Capt.Benz Facebook
- 關於จริง ภาษาอังกฤษ 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於จริง ภาษาอังกฤษ 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於จริง ภาษาอังกฤษ 在 Brianna's Secret Club TH Youtube
- 關於จริง ภาษาอังกฤษ 在 โฟกัสแอนด์ฟิล์ม แฟมมิลี่แก๊งค์ Youtube
- 關於จริง ภาษาอังกฤษ 在 จริงเหรอ!?! จริงสิ งั้นเหรอ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร - YouTube 的評價
- 關於จริง ภาษาอังกฤษ 在 เออมันจริง “It's REAL.” หรือ “It's TRUE.” ?#ภาษาอังกฤษเพื่อการ ... 的評價
- 關於จริง ภาษาอังกฤษ 在 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน): หน้าหลัก 的評價
จริง ภาษาอังกฤษ 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
ภาษา เป็นตัวกำหนดความคิด ของคนประเทศนั้น /โดย ลงทุนแมน
หลายศตวรรษที่ผ่านมา หลายคนมักคิดว่าภาษาเป็นเพียงแค่การใช้คำศัพท์
หรือการเรียงประโยคที่ไม่เหมือนกันเท่านั้น
แต่รู้หรือไม่ว่า จริง ๆ แล้ว กรอบความคิดและทักษะส่วนหนึ่งของเราเอง
อาจจะถูกครอบงำจากภาษา โดยที่เราก็ไม่ทันรู้ตัว
ทำไม คนจีนถึงมีความชำนาญด้านตัวเลข
ทำไม คนอังกฤษกับสเปนอาจมีมุมมองต่อเรื่องเดียวกัน ไม่เหมือนกัน
รวมถึงว่าทำไม ประเทศไทยถึงมีการปลูกฝังเรื่องความอาวุโสตั้งแต่ยังเล็ก
ทุกอย่างนี้สามารถอธิบายได้ โดยสิ่งที่เรียกว่า “ภาษา”
แล้วภาษา มีอิทธิพลต่อเราขนาดไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
บนโลกนี้มีภาษาที่ใช้สื่อสารถึงกว่า 7,000 ภาษาด้วยกัน
ซึ่งแต่ละภาษามีความแตกต่างในหลายแง่มุม
ทั้งจากการออกเสียง คำศัพท์ และโครงสร้างที่ไม่เหมือนกัน
นอกจากนี้ สังเกตได้ว่าคนในแต่ละประเทศ
มีทั้งวัฒนธรรมและความคิดแตกต่างกันไป
นั่นจึงเป็นที่มาให้บรรดานักภาษาศาสตร์ศึกษาว่า
ภาษานั้นส่งผลต่อความคิดและการกระทำหรือไม่
เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์
จึงได้ทำการวิจัยและทดลองคนแต่ละประเทศ
แล้วพบว่าภาษาไม่ได้เพียงแค่ส่งผลต่อความคิดและทักษะเท่านั้น
แต่มันอาจจะเป็น “ตัวกำหนดความคิดของเรา” เลยด้วยซ้ำ
จึงเกิดเป็นทฤษฎี Linguistic Relativity หรือ ทฤษฎีสัมพันธภาพทางภาษา
ถูกคิดโดยเอ็ดเวิร์ด ซาเพียร์ และเบนจามิน วอร์ฟ
ซึ่งแบ่งย่อยได้อีก 2 แนวคิดคือ
1. Linguistic Determinism ภาษาเป็นตัวกำหนดความคิดของเรา
2. Linguistic Relativity คนที่ใช้ภาษาต่างกัน จะมีมุมมองและวิธีคิดที่ไม่เหมือนกัน
แล้วทฤษฎีนี้ มีเหตุผลสนับสนุนอะไรบ้าง ?
เรามาดูตัวอย่างงานวิจัยและทดลองที่ผ่านมา
เบนจามิน วอร์ฟ ได้ยกตัวอย่างโดยการเทียบ
ระหว่างภาษายุโรปกับภาษาอเมริกันอินเดียนหรือ Hopi
ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นภาพว่า ภาษาที่มีไวยากรณ์ที่แตกต่างกันนั้นส่งผลต่อความคิดของเรา
โดยภาษายุโรป จะมองว่าเวลานั้นมีตัวตนเหมือนสิ่งของทั่วไป
สามารถนับเป็นหน่วยได้ เช่นเดียวกับสิ่งของที่นับเป็นชิ้น
แต่เวลาจะนับเป็นหน่วยวินาทีหรือชั่วโมงแทน
ซึ่งการมองว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีตัวตนนี้เอง ส่งผลให้เกิดสิ่งที่ตามมา
เช่น การให้ความสำคัญกับเวลา ซึ่งนำมาสู่สิ่งประดิษฐ์อย่าง ปฏิทินและนาฬิกา
หรือกระทั่งความสนใจในอดีต อย่างการบันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์
หรือแม้กระทั่งหลักไวยากรณ์ในหลายภาษา เช่น ภาษาอังกฤษก็จะมีรูปประโยคที่แสดงถึง อดีต ปัจจุบัน อนาคต
ในขณะที่ Hopi เองนั้นมองเวลาเป็นเพียงแค่สิ่งที่ไม่มีตัวตน เป็นเพียงแค่สิ่งที่วนเวียนเหมือนเดิม
จึงไม่แปลกที่จะไม่มีการจดบันทึกเหตุการณ์ด้วยภาษา Hopi และก็สะท้อนมายังสังคมของชาว Hopi ที่ให้ความสำคัญกับการกระทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า แม้จะพูดถึงสิ่งเดียวกัน
แต่ความคิดและมุมมองจะแตกต่างกันไปตามแต่ละภาษา
นอกจากความคิดแล้ว
ภาษายังส่งผลต่อทักษะอีกด้วย
สะท้อนมาจากงานวิจัยของเลรา โบโรดิตสกี
ศาสตราจารย์ด้านภาษาศาสตร์
ที่ได้ไปเจอกับชุมชนชาวอะบอริจินในออสเตรเลีย
ซึ่งผู้คนในชุมชนนี้ไม่รู้จักคำว่าซ้ายหรือขวาเลย
แต่จะบอกทิศทางโดยการใช้ศัพท์ตามเข็มทิศ
ตัวอย่างรูปประโยคแปลเป็นภาษาไทย
เช่น “มีมดเกาะอยู่บนขาข้างตะวันตกเฉียงใต้”
นอกจากนี้ พวกเขามักจะทักทายด้วยคำว่าสวัสดี
แล้วต่อด้วยการถามเส้นทางของคู่สนทนา
เช่น “สวัสดี คุณกำลังไปทางไหน”
ซึ่งจากการใช้ภาษาแบบนี้ ทำให้ชาวอะบอริจินมีความเชี่ยวชาญในการระบุทิศทางได้ดี
นี่ถือเป็นตัวอย่างแรกที่ชี้ให้เห็นว่าภาษาส่งผลต่อทักษะเช่นกัน
ตัวอย่างถัดไปก็คือ การแยกเฉดสีของชาวรัสเซีย
ปกติแล้ว ผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษมักจะเรียกสีฟ้าเข้มและอ่อนว่า Blue ทั้งหมด
แต่ชาวรัสเซียกลับต้องจำแนกเฉดสี
ระหว่างสีฟ้าอ่อน ที่เรียกว่า “โกลูบอย” กับสีฟ้าเข้ม ที่เรียกว่า “ซีนีย์”
นั่นจึงทำให้พวกเขามีความสามารถในการแยกแยะสีได้เร็วกว่าชาติอื่น
และตัวอย่างสุดท้ายคือ ทักษะด้านตัวเลขของชาวจีน
ชาวจีนเก่งการนับเลขมากกว่าผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษ
นั่นก็เพราะว่าตัวเลขมีการสื่อสารที่เรียบง่าย
ในขณะที่เลข 11 ภาษาอังกฤษ คือ Eleven
หรือ 12 คือ Twelve ซึ่งจะเป็นการสร้างคำพูดใหม่ขึ้นมา
แต่สำหรับเลขจีน กลับเป็นคำพูดที่เรียบง่าย เช่น เลข 11 หรือ 十一
อ่านว่า สืออี ซึ่งเป็นการนำคำศัพท์เลข 10 กับเลข 1 มาผสมกัน เท่านั้น
ทีนี้ เรามาดูอีกผลวิจัยที่พิสูจน์ว่าแต่ละภาษาส่งผลต่อการเล่าเรื่องที่แตกต่างกันด้วย
ซึ่งเป็นการทดลองโดยการฉายภาพเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา
ในรูปแบบคลิปวิดีโอเกี่ยวกับแจกันแตก
เพราะมีคนบังเอิญเดินมาชนอย่างไม่ตั้งใจ
และมีผู้เข้าร่วมทดสอบ 2 ประเภท คือผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษ และผู้ที่ใช้ภาษาสเปน
ผลทดลองพบว่า สิ่งที่คนอังกฤษสรุปออกมาได้ก็คือ แจกันแตกเพราะมีคนชนมันตกลง
ในขณะที่คนสเปนจะจดจำได้เพียงแค่ว่า มีแจกันแตกเท่านั้น
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมคนสเปนถึงจำได้แค่นั้น
นั่นก็เพราะว่าภาษาสเปนจะคำนึงถึงเจตนาด้วย
หากเป็นอุบัติเหตุ ชาวสเปนจะตัดเรื่องราวส่วนผู้กระทำออกไป
โดยไม่ให้ความสำคัญกับส่วนนั้นและมองว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องจดจำ
ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างมาก เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่า
แม้เราจะเผชิญเหตุการณ์เดียวกัน แต่เรากลับมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งมันก็จะนำไปสู่วิธีคิดและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ต่างกัน
เรื่องดังกล่าวยังส่งผลกระทบไปถึงการพิพากษาคดี หรือแม้แต่การตัดสินใจร่วมกันของคนต่างชาติ ต่างภาษา อีกด้วย
นอกจากนี้ ภาษาก็ส่งผลต่อความเชื่อและค่านิยมอีกเช่นกัน
เช่น ประเทศไทย เป็นหนึ่งประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องลำดับขั้นหรือความอาวุโส
ซึ่งก็สะท้อนมาจากการใช้คำว่า ครับ หรือ ค่ะ ท้ายประโยคแทนความเคารพ
แตกต่างจากประเทศฝั่งตะวันตก
ในขณะเดียวกัน เราก็มีคำสรรพนามที่ใช้เรียกผู้อื่นหรือตัวเองที่มีอยู่มากมาย
ตั้งแต่ เรา ผม หนู ฉัน ดิฉัน กระผม ข้า ข้าพเจ้า หม่อมฉัน
ซึ่งแต่ละสรรพนามก็ใช้แตกต่างกันตามสถานะของอีกฝ่าย
เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเอง ก็เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับความอาวุโสเช่นกัน
จึงเห็นได้ว่าทั้ง 2 ประเทศมีคำที่ใช้สื่อสารต่อผู้คนที่แตกต่างกัน
เช่น เกาหลีใต้ คำว่า 요 หรือ -습니다
จะถูกใช้ท้ายประโยคเหมือนคำว่า ครับ หรือ ค่ะ ของคนไทย
และเหล่าคำกริยาก็สามารถผันเป็นรูปอื่น
เพื่อแสดงความเคารพต่อคนที่อาวุโสกว่า
ภาษาญี่ปุ่น はい แปลว่า ครับ หรือ ค่ะ เป็นการตอบแบบสุภาพ ใช้ได้กับทุกสถานการณ์
ในขณะที่ ええ แปลว่า ครับ หรือ ค่ะ เช่นกัน แต่ใช้ได้แค่คนระดับเดียวกันหรือรองลงมา
ในทางกลับกัน ชาวเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเวลาอย่างมาก
แต่ประเทศไทยกลับไม่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าคำศัพท์ของไทยไม่มีการผันตามเวลา
ซึ่งต่างจาก 2 ประเทศข้างต้น ที่มีการผันคำศัพท์ที่แตกต่างตามช่วงเวลา
จากตัวอย่างทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าภาษาคือสิ่งที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและความคิดของผู้คนแต่ละพื้นที่ จึงไม่แปลกใจที่คนพูดได้หลายภาษาจะสามารถมองโลกได้กว้างกว่า
และนี่จึงอาจจะเป็นเหตุผลที่ว่า
ทำไมบางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศหนึ่ง
อาจจะไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักในบางประเทศ
จากเรื่องนี้ก็ทำให้เห็นความสำคัญว่า ทำไมเราจึงควรเรียนรู้ภาษาของประเทศอื่น
เพราะสิ่งที่เราได้รับ นอกจากจะได้ภาษาใหม่แล้ว ยังเป็นการสร้างมุมมองใหม่อีกด้วย
ซึ่งการมีมุมมองที่รอบด้าน ก็จะกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจที่มากขึ้นตามไปด้วย
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.psychologytoday.com/us/blog/the-biolinguistic-turn/201702/how-the-language-we-speak-affects-the-way-we-think
-https://www.ted.com/talks/lera_boroditsky_how_language_shapes_the_way_we_think?language=th
-https://so04.tci-thaijo.org/index.php/abc/article/view/60825/50088
-https://itdev.win/14215/13.pdf
จริง ภาษาอังกฤษ 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
สิงคโปร์ ประเทศแห่ง ความเท่าเทียม ทางเชื้อชาติ / โดย ลงทุนแมน
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความหลากหลายด้านเชื้อชาติมากที่สุดแห่งหนึ่ง
โดยจำนวนประชากรกว่า 5.6 ล้านคน แบ่งเป็น
เชื้อสายจีน สัดส่วน 75.9%
เชื้อสายมาเลย์ สัดส่วน 15%
เชื้อสายอินเดีย สัดส่วน 7.5%
และอื่น ๆ สัดส่วน 1.6%
ถึงแม้สิงคโปร์จะเป็นประเทศเดียวในอาเซียน ที่ชาวจีนเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ
แต่ครั้งหนึ่งในอดีต สิงคโปร์ก็เคยมีปัญหาทางด้านเชื้อชาติ
จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างชาวจีนและมาเลย์
แต่ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวได้ถูกแก้ไขจนทำให้ทุกเชื้อชาติในประเทศมีความกลมกลืนกัน
เรื่องราวนี้มีที่มาอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เดิมทีดินแดนแห่งนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ “เทมาเส็ก” ซึ่งมีความหมายว่าเมืองแห่งทะเล
ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 13 เจ้าชายจากอาณาจักรศรีวิชัย
ได้เดินทางมาล่าสัตว์ แล้วพบเห็นสัตว์ชนิดหนึ่ง เกิดเข้าใจผิดว่าเป็นสิงโต
จึงตั้งชื่อเกาะแห่งนี้ว่า “สิงหปุระ” ซึ่งมีความหมายในภาษาสันสกฤตว่า เมืองแห่งสิงโต
ด้วยความที่เป็นเมืองที่มีทำเลดี เป็นทางผ่านของเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ
เกาะสิงหปุระ จึงเป็นที่หมายตาของหลายอาณาจักร มีการเปลี่ยนมือของผู้ปกครองดินแดนเรื่อยมา
ทั้งอาณาจักรศรีวิชัย อาณาจักรมะละกา มาถึงยุคล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก
ก็มีทั้งโปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ และจักรวรรดิอังกฤษ
ที่ได้เข้ามาเป็นเจ้าอาณานิคมในดินแดนแห่งนี้
ท้ายที่สุดจักรวรรดิอังกฤษก็ได้มีการเจรจากับเนเธอร์แลนด์เพื่อที่จะตกลงเขตการปกครองในภูมิภาคนี้ และได้ครอบครองอาณานิคมช่องแคบ ซึ่งประกอบไปด้วย สิงคโปร์ รัฐปีนัง และรัฐมะละกา
โดยสิงคโปร์ได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงของอาณานิคมแห่งนี้ จึงมีการวางรากฐานทั้งการเมือง การศึกษา และเศรษฐกิจจากอังกฤษ ด้วยทำเลที่ดี สิงคโปร์ก็ได้เติบโตจนกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการอพยพของชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่จำนวนมากมายังเมืองท่าแห่งนี้
หลังจากที่สิงคโปร์ได้รับเอกราชจากอังกฤษ สิงคโปร์มีนายกรัฐมนตรีคนแรกชื่อว่าคุณ Lee Kuan Yew
เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าพรรคการเมือง People's Action Party หรือ PAP
ซึ่งได้มีการเจรจากับทางการสหพันธรัฐมาลายา (มาเลเซียในปัจจุบัน) เพื่อที่จะนำสิงคโปร์เข้าไปรวมกับสหพันธรัฐมาลายา ในปี 1963
เหตุผลที่สิงคโปร์ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซีย ก็เพราะว่าสิงคโปร์เป็นเกาะขนาดเล็ก
ที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ จึงต้องพึ่งพาทรัพยากรแทบทั้งหมดจากมาเลเซีย
อีกเหตุผลหนึ่งคือเพื่อที่จะขยายตลาดอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ไปยังมาเลเซียด้วย
แต่ด้วยความที่ประชากรส่วนใหญ่ของสิงคโปร์เป็นชาวจีน
ทำให้สิงคโปร์กับรัฐอื่น ๆ ในมาเลเซียที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมาเลย์มีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติอย่างชัดเจน
ในขณะนั้นพรรคการเมือง United Malays National Organisation หรือ UMNO
ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่ของมาเลเซีย ต้องการที่จะชิงที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรข้างมากในรัฐสิงคโปร์เพื่อที่จะควบคุมอำนาจในรัฐสิงคโปร์
แต่อุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค UMNO ของมาเลเซีย กับพรรค PAP ของสิงคโปร์ มีความแตกต่างกัน
โดยพรรค UMNO มีจุดมุ่งหมายที่จะสนับสนุนความเป็นมาเลย์และศาสนาอิสลามในประเทศ
ส่วนพรรค PAP มีจุดมุ่งหมายที่จะเพิ่มความเท่าเทียมกันทางเชื้อชาติและศาสนา
จึงทำให้สองพรรคการเมืองเริ่มมีความขัดแย้งกัน
โดยพรรค UMNO ร่วมมือกับพรรคพันธมิตรในรัฐสิงคโปร์เพื่อที่จะโค่นพรรค PAP
แต่สำหรับในสิงคโปร์แล้ว พรรค PAP ที่นำโดยคุณ Lee Kuan Yew สามารถคว้าชัยชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น ในขณะที่พรรค UMNO และพันธมิตรคว้าที่นั่งได้เพียงหยิบมือ
ทั้งสองพรรคจึงกลายเป็นพรรคขั้วตรงข้ามกันอย่างชัดเจน มีการโจมตีกันไปมาอย่างกว้างขวาง โดยมีสื่อยักษ์ใหญ่ในมาเลเซียอย่าง Utusan Melayu
ที่ถูกควบคุมโดยพรรค UMNO ทำข่าวให้ร้ายพรรค PAP อย่างต่อเนื่อง
แต่นั่นกลับเป็นการสร้างความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติขึ้นมา
ในวันที่ 21 กรกฎาคม 1964 ซึ่งตรงกับวันสำคัญทางศาสนาอิสลาม ที่ทำให้ชาวมาเลย์กว่า 20,000 คน ออกมาแสดงจุดยืนทางการเมือง สุดท้ายเหตุการณ์ก็บานปลายไปถึงขั้นมีการปะทะกันระหว่างสองเชื้อชาติ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 23 คน บาดเจ็บกว่า 400 คน จนสุดท้ายทางการรัฐสิงคโปร์ต้องออกมาตรการเคอร์ฟิวเพื่อที่จะระงับสถานการณ์ดังกล่าว
สถานการณ์เหมือนจะสงบขึ้น แต่ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน..
นั่นคือการเสียชีวิตของชาวมาเลย์อย่างเป็นปริศนา จนทำให้ชาวมาเลย์คิดว่าเป็นฝีมือของชาวจีน ความโกรธแค้นดังกล่าวทำให้มีการปะทะกันอีกครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน บาดเจ็บ 100 คน และมีคนถูกจับกุมกว่า 1,000 คน
ด้วยความขัดแย้งทางการเมืองและเชื้อชาติ ท้ายที่สุดสิงคโปร์ก็ได้ทำการแยกตัวออกจากมาเลเซีย ในวันที่ 9 สิงหาคม 1965
หลังจากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซียเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น
หลังจากนั้นสิงคโปร์ก็ได้ปกครองประเทศโดยอิสระ ซึ่งนำโดยคุณ Lee Kuan Yew ที่ได้วางรากฐานด้านต่าง ๆ ให้กับสิงคโปร์
ด้วยความทรงจำที่โหดร้ายในการปะทะกันระหว่างสองเชื้อชาติ ทำให้ทางการสิงคโปร์ได้ก่อตั้งวัน Racial Harmony Day หรือ วันแห่งการปรองดองทางเชื้อชาติ
เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายในปี 1964 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย
โดยวันดังกล่าวจะตรงกับวันที่ 21 กรกฎาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างเชื้อชาติครั้งแรก
ทางการสิงคโปร์เดินหน้าให้ความสำคัญกับทุกเชื้อชาติในสิงคโปร์อย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านภาษา สิงคโปร์จะมีภาษาราชการมากถึง 4 ภาษา
ได้แก่ ภาษาอังกฤษ, ภาษาจีน, ภาษามาเลย์ และภาษาทมิฬ
ถึงแม้ว่าประชากรหลักจะเป็นชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีน แต่ทางการสิงคโปร์ก็ยังคงให้ความสำคัญกับทุกภาษา ตามเอกสารราชการสิงคโปร์หรือป้ายเตือนต่าง ๆ ก็จะมีการใช้ทั้ง 4 ภาษา
ส่งผลให้ชาวสิงคโปร์เองที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างดีอยู่แล้ว ยังคงใช้ภาษาแม่ของเชื้อชาติตัวเองได้อีกด้วย
นอกเหนือจากภาษาแล้ว ทางการสิงคโปร์ยังให้ความสำคัญกับวันสำคัญของเชื้อชาติต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็น วันตรุษจีนของชาวจีน, วันฮารีรายอของชาวมุสลิม, วันวิสาขบูชาของชาวพุทธ,
วันทีปาวลีของชาวฮินดูและชาวซิกข์ และวันคริสต์มาสของคนที่นับถือศาสนาคริสต์
โดยที่ทุกวันจะถือเป็นวันหยุดราชการของสิงคโปร์
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่สิงคโปร์มีขนาดประเทศที่ค่อนข้างเล็ก จึงทำให้ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ในประเทศเป็นตึกสูง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ภายใต้การดูแลของ Housing and Development Board หรือ HDB ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐของสิงคโปร์ที่ดูแลจัดการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์
โดย HDB จะมีการจัดสรรการอยู่อาศัยของแต่ละตึก โดยจะกำหนดว่าในแต่ละตึกอยู่อาศัยหรือชุมชนจะต้องมีการคละเชื้อชาติกันเพื่อที่จะให้คนแต่ละเชื้อชาติสามารถอยู่ด้วยกันและเป็นเพื่อนกันได้
โดยจะไม่มีการแบ่งแยกว่าตึกนั้นจะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวจีน หรืออีกตึกจะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวมาเลย์
ซึ่งนี่ถือเป็นนโยบายที่คาดไม่ถึงเพื่อเพิ่มความสามัคคีภายในชาติ
นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความเป็นชาติของสิงคโปร์สามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งได้อย่างลงตัว
ถึงแม้สิงคโปร์จะเป็นประเทศที่รวมไปด้วยคนหลากหลายเชื้อชาติ ซึ่งยังไม่รวมถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในสิงคโปร์
แต่ด้วยการเอาใจใส่ของทางการสิงคโปร์ ที่ให้ความสำคัญกับคนทุกเชื้อชาติ ไม่ได้มีการแบ่งแยกหรือแบ่งชนชั้นกัน จึงทำให้ทุก ๆ คนเท่าเทียมกัน ไม่มีใครที่เป็นแกะดำในประเทศ
นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สิงคโปร์สามารถสร้างความเจริญทางการเมืองและเศรษฐกิจได้
โดยที่มีคนเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ และไม่เกี่ยงว่าจะเป็นเชื้อชาติอะไร ทุกคนจะได้รับโอกาสเท่ากันหมด
ที่น่าสนใจก็คือตำแหน่งประธานาธิบดีของสิงคโปร์ล้วนเคยเป็นคนสิงคโปร์เชื้อสายจีน มาเลย์ และอินเดียกันมาแล้ว
สุดท้ายแล้วนี่จึงเปรียบเสมือนเป็นจิกซอว์หลากสี ที่ก่อนนำมาประกอบเข้าด้วยกันจะมีความแตกต่างกัน
แต่เมื่อนำมาต่อเรียงกัน จึงทำให้เกิดภาพที่สวยงามจากการต่อจิกซอว์ที่ถูกต้องของทางการสิงคโปร์
เพราะถึงแม้เชื้อชาติจะแตกต่าง แต่ก็ไม่แตกแยกกัน ทุกคนก็คือคนสิงคโปร์ด้วยกันทั้งสิ้น
นี่ถือเป็นกรณีที่น่าสนใจ จากประเทศที่เริ่มต้นจากความขัดแย้งทางด้านเชื้อชาติมากมาย
แต่สามารถสร้างความสามัคคีของคนในชาติได้
ถ้าเราสังเกตดูลึก ๆ แล้วจะพบว่า จริง ๆ แล้วทุกคนต่างต้องการเป็นคนที่สำคัญกันทั้งสิ้น ซึ่งถ้าเราได้รับความสำคัญจากใครคนไหน เราก็จะยินดีให้ความสำคัญกับเขาคนนั้นด้วยเช่นกัน
อย่างที่รัฐบาลสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับคนทุกเชื้อชาติ สุดท้ายแล้วประเทศสิงคโปร์ก็จะได้รับความสำคัญกลับมาเช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.singstat.gov.sg/modules/infographics/population
-https://www.population.gov.sg/files/media-centre/publications/pib-2020-final.pdf
-https://www.gov.sg/article/what-are-the-racial-proportions-among-singapore-citizens
-https://www.guidemesingapore.com/business-guides/immigration/get-to-know-singapore/a-brief-history-of-singapore
-https://www.ocsc.go.th/sites/default/files/document/singapore.pdf
-http://kruasean.kru.ac.th/ewtadmin/ewt/kru_asean/ewt_dl_link.php?nid=385&filename=index
-https://eresources.nlb.gov.sg/history/events/1dab53ea-788c-461c-acfb-ca625b974c9c#:~:text=Politically%2C%20the%20ruling%20People's%20Action,to%20secure%20its%20political%20legitimacy.&text=As%20the%20proposed%20Malaysia%20would,in%20Singapore%20would%20be%20neutralised.
-https://eresources.nlb.gov.sg/infopedia/articles/SIP_45_2005-01-06.html
-https://mothership.sg/2017/07/see-the-realities-of-spores-1964-racial-riots-from-these-stories-perspectives/
-https://core.ac.uk/download/pdf/48682558.pdf
จริง ภาษาอังกฤษ 在 Brianna's Secret Club TH Youtube 的評價
ช่องทางติดต่อบรีแอนน่า ฝากกด Like ? กด Share ?♀ และ Subscribe ด้วยนะคะ ?
คอมเมนต์ติชมกันมาได้คะ ขอบคุณมากนะคะ ?
? ติดตามอัปเดตข้อมูลข่าวสารของบรีแอนน่าได้ที่ ?
➡️ YouTube : Brianna's Secret Club
➡️ Facebook : Brianna's Secret Club
➡️ Instagram : Brianna's Secret Club
➡️ TikTok : Brianna
ติดต่องานสปอร์นเซอร์ได้ที่ไลน์ jira_skyler_brianna
หรืออีเมล briannassecretclub@gmail.com
ขอบคุณคะ
ครอบครัวบรีแอนน่า -
#บรีแอนน่า #Brianna
จริง ภาษาอังกฤษ 在 โฟกัสแอนด์ฟิล์ม แฟมมิลี่แก๊งค์ Youtube 的評價
จริง ภาษาอังกฤษ 在 เออมันจริง “It's REAL.” หรือ “It's TRUE.” ?#ภาษาอังกฤษเพื่อการ ... 的八卦
ฝึกพูด ภาษาอังกฤษ ประโยคสนทนาที่ใช้ในสถานการณ์ จริง Level 1 - Everyday English Conversation 1. UNFOX English. UNFOX English. ... <看更多>
จริง ภาษาอังกฤษ 在 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน): หน้าหลัก 的八卦
ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานและปิโตรเคมีอย่างครบวงจรในฐานะเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติ โดยมีพันธกิจในการดูแล ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล. ... <看更多>
จริง ภาษาอังกฤษ 在 จริงเหรอ!?! จริงสิ งั้นเหรอ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร - YouTube 的八卦
รายละเอียดคอร์ส : http://www.ajarnadam.tv/ สอบถามเรื่องคอร์สทางไลน์ Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey หรือโทร 02 612 9300, 081 353 7810, ... ... <看更多>