iclassuniversity的八卦，YOUTUBE、PTT和Yahoo名人娛樂都在討論

ถ้าคุณกำลังเจอปัญหา
ของถูกเลียนแบบ คู่แข่งมาก ถูกตัดราคา

ห้ามพลาด Video นี้

4 วิธีขายดี...
แม้ของเหมือนๆกัน
(ฉบับใช้ได้จริง ไม่มโน)

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ
ค้าขาย Online หรือ Offline
หรือกระทั่งทำงานในด้านการขาย
ที่มีคนขายแบบเดียวกับคุณ

สินค้าทุกอย่าง
อาหาร/เสื้อผ้า/เครื่องสำอาง
/อาหารเสริม/รถยนต์/อสังหา
/ประกัน/Expert Biz

และserviceเช่น
โรงแรม/รีสอร์ท/คลีนิค/โรงพยาบาล
/ร้านเสริมสวย/ฟิตเนส
ที่เป็นserviceทุกประเภท

วันนี้ใช้ได้กับทุกคนที่ต้องขาย
ไม่ว่าจะ Offline หรือ Online
และ..
“โดยเฉพาะคนที่คนที่อยากทำOnline”

เมื่อคุณดูคลิปนี้จบคุณจะเคลียเลยว่า
ทำไมคนๆนึง
หรือธุรกิจนึงถึงขายดีเป็นระดับTopวงการได้

และรู้เลยว่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้น
จบคลิปนี้คุณจะได้เส้นทางทั้งหมด
และคุณสามารถใช้วิธีตรงนี้
ไปเริ่มทำได้เลยตั้งแต่ทันทีหลังคลิปนี้จบ

คนใกล้ตัวผม และพี่น้องyear
หลายคนพอเค้าปรับทำสิ่งที่อยู่ในคลิปนี้

ธุรกิจ หรือ การขายของเค้า
เปลี่ยนทันทีภายใน1เดือน
หลายคนบอกว่า
ยอดเทเข้ามา อย่างที่ไม่เคยเป็น
(เหมือนที่ผมแชร์คอมเมนต์จากพี่น้อง)

และบางคนที่ขายดีอยู่แล้ว
พอเอาสิ่งนี้ไปทำ ไปปรับ
กลายเป็นทำยอดขายสูงสุด
ตั้งแค่เคยขายมา

คลิปนี้ผม กระชับ
แต่ดีเทลทุกอย่างครบถ้วน
ความยาวทั้งหมดประมาณ14-15

ผมแนะนำให้ดูอย่างตั้งใจ
เอากระดาษปากกา มาจดระหว่างดู
อย่าให้ใครมารบกวนคุณสัก14-15นาที

และใช้คลิปนี้
เปลี่ยนธุรกิจการขาย
ของคุณครับ

Video นี้ผมลงมาแล้วเมื่อ 2 เดือนก่อน
เอามาให้ดูอีกครั้ง

ใครดูแล้วดูซ้ำ
ใครที่ครั้งที่แล้วพลาด ครั้งนี้ ห้ามพลาดครับ

#A10(เอเท็น)
#Prince of Marketing
#IClassUniversity
#สังคมแห่งความเป็นไปได้

"นี่จะเป็นเรื่องแห่งอนาคต"
ที่พวกเราต้องปรับตัว!

"อนาคตการทำการตลาดขายตรงๆ
อาจจะใช้ไม่ได้ผลบนOnline อีก"

A
—
ข้อมูลนี้ผมศึกษาทั้งการตลาดในอเมริกา
และลงมือทำในการตลาดของไทย

ผมบอกเสมอว่า....
"ความรู้และไอเดีย"
มันไม่ใช่นั่งเฉยๆแล้วมันออกมาเองได้
"มันเกิดจากการที่เรา
inputอะไรสักอย่างเข้ามา"

ที่ผมพูดเมื่อ5ปีที่แล้วที่ทำเพจนี้แรกๆ
ผมบอกว่าต่อไปSocialจะเป็นที่สร้างฐานะ
"ของคนตัวเล็ก"

นี่จะเป็นช่วงที่ดีที่สุด
ที่คนตัวเล็กทุนน้อย
แต่ขยันศึกษาการตลาดOnline
จะได้เปรียบขาใหญ่

เพราะยุคที่ขาใหญ่ที่ครองสื่อเดิมๆ
ทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์
คนตัวเล็กเงินน้อยไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้
เพราะข้อจำกัดเรื่องทุน

"แต่เมื่อSocial โผล่ขึ้นมา"
คนตัวเล็กสามารถเข้าถึงความรู้
และลงมือทำได้ไวกว่า
ขยับตัวได้ไวกว่าองค์กรใหญ่ๆ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตั้งแต่5ปีที่แล้ว
จนมาถึงตอนนี้
เป็นยุคทองของคนตัวเล็ก
ที่ไม่ต้องมีลำดับขั้น ตัดสินใจ
ลงมือได้ไวกว่า
"ครอบครองพื่นที่ได้เร็วกว่า"

ตัดมาที่ภาพ ณ ปัจจุบันเราจะเห็นคนสำเร็จ
จากที่อดีตเป็นคนตัวเล็กไม่มีทุน
ที่เปลี่ยนชีวิตได้เต็มไปหมด
ทั้งใกล้ตัวคุณ หรือพี่น้องในเพจเรานับ1,000คน
ที่เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนฐานะได้

ทำไมผมกล้ามั่นใจ?
ออกมาพูดเมื่อ5ปีก่อน
ว่าทุกคนต้องออกมาทำOnline
ในวันที่คนมองสื่อSocialเป็นของเล่น?

อย่างที่บอกผมไม่ได้นั่งเฉยๆมโนคิดเองได้
เพราะผมศึกษา ลงทุนทั้งเงิน
และเวลาเรียนรู้ในเรื่องนี้เสมอ

ผมไปอเมริกาผมเห็นภาพนั้นก่อน
พอดูเหตุการณ์บ่อยๆ
(เลยรู้ว่าอเมริกามักจะนำเทรนด์เรา5-10ปี)
และเมื่อกลับมาที่ไทย
ผมเริ่มเห็นเค้าลาง
ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไทย

และเฝ้าจับตาจนเห็นค่อนข้างชัดเจนว่า
มาแน่นนอนผมเลยเอาความรู้นั้นมาแชร์
เมื่อ5ปีที่แล้ว

"ก็ยินดีกับพี่น้องเราทุกคน
ที่ใช้สถานการณ์นี้
ปรับตัวไวและเริ่มทำการตลาด
ก่อนขาใหญ่"

B
—
“แต่เกมส์กำลังจะเปลี่ยนอีกครั้ง”

แต่ตอนนี้ที่ผมศึกษาอย่างต่อเนื่อง

ที่อเมริกาที่เค้าทำกันมานานกว่าเรามาก(นานมาก)

จากที่ขาเล็กลงมาเล่น
จนขาใหญ่ตามไม่ทัน

ตลาดโล่งขายอะไรก็ดี
ใครขายตรงๆก็ขายได้
คนซื้อง่ายเพราะOnlineคือทางเลือกที่ดี
ไม่มีอะไรซับซ้อน

ยิงAds ดี ใช้ทุนไม่เยอะ
ทำPostโดนๆ
ก็ขายได้

แต่สักพักใหญ่ๆนี้

มันเริ่มเกิดปัญหา
"Choice Crisis"(วิกฤตทางเลือก)

คนเห็นโอกาส
ยิ่งลงมาทำกันเยอะ

ตัวเลือกเยอะ
คนขายเยอะ
ของที่ไม่แตกต่างกัน
หรือคล้ายๆกัน
เริ่มแยกกันไม่ออก
ยอดทุกคนเริ่มถูกแชร์แบ่งๆกัน

มีการตัดราคาบ้าง
มีเจ้าที่เงินหนากว่าลงมาบ้าง

จนค่าAds ที่ลงทุนไม่คุ้มกับการขาย
กลายเป็นต้นทุนที่สูงขึ้น

มันเลยเป็นวงจรที่...

ใครที่ขายของเหมือนๆกัน
ไม่มีความแตกต่าง
ที่กินกำไรต่อชิ้นเล็กน้อย
ถ้าVolumeไม่เยอะ
ตาย>ออกไปทำอย่างอื่น>แล้วก็วนLooP

คนที่มีทุนหนาอยู๋ได้
แต่ก็ต้องแข่งกับคนที่ทุนหนากว่า
ที่อยากมาได้ส่วนแบ่งหรือยึดตลาดไป

รู้สึกยังไงบ้างครับ?
มองไปรอบๆตัวในไทย
ในOnline แม้จะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน
แต่เริ่มเห็นเค้าลางอะไรไหม?

จริงๆสถานการณ์นี้เกิดขึ้นมานานแล้ว
ในอเมริกาหลายปีแล้ว
10ปีที่แล้วผมยังเห็นคนขายตรงๆ

แต่จนหลายปีหลังๆผมแทบไม่เห็น
ใครที่ยิงแอด ขายตรงๆ ทื่อๆอีกเลย

เค้าต้องใช้กลยุทธอื่น

C
—
“Product 4 Level”

ใครทำการตลาด หรือขายonlineอยู่
ลองทำความเข้าใจกับเรื่องนี้
(ผมพูดย่อๆให้เข้าใจconceptนะครับ
ถ้าอยากรู้ลึกๆเรื่องนี้
ไว้อนาคตผมจะมาแชร์ ลงลึกอีกที)

Product Levelที่1 -
Productที่เหมือนกันๆ(ต้องแข่งราคาอย่างเดียว)

ProductLevelที่2-
Productที่ยังไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน(แตกต่างชัดเจน)

Product Levelที่3
-Product ที่เรามีserviceที่เหนือกว่า
(ของอาจเหมือนกัน
แต่ยังไม่มีใครเซิร์ฟบริการลูกค้าได้แบบนี้)

Product Levelที่4
-Product ที่แตกต่างที่ประสบการณ์
(ของอาจคล้ายกัน แต่ลูกค้าเลือกเพราะประสบการณ์ที่เค้าได้รับ)

คำถาม
Productที่เราขาย
หรือทำการตลาดอยู่บนOnline
เป็น”Product Levelไหนอยู่?”

1,2,3,4?

D
——
“ถ้าจะขายอย่างเดียว ตรงๆทื่อ”

“Level 1 จะอยู่ยากขึ้นทุกที”

“2,3,4” จะไปได้ต่อ

ในอเมริกาProduct Level1
ที่ยิงแอดขายตรงๆทื่อๆ จบไปนานแล้ว

การขายของที่เหมือนๆกันLevel1
ที่แทบมองไม่เห็น
หรือไม่มีข้อ/จุดแตกต่าง

มีท่วมมีเยอะจน
การยิงแอดไปโดนเค้า
ไม่ได้ทำให้เค้าตัดสินใจได้อีก
ยังไงเค้าก็ไปเช็คที่อื่นที่ถูกว่าอยู่ดี
คนจะเริ่มดูเยอะขึ้นละเอียดขึ้น
และหาที่ถูกที่สุด

"และการเข้ามาของAmazon
คือสาเหตุที่เป็นจุดจบของLevel1
คนหาของที่ถูกกว่าคุณได้เสมอ"

และเมื่อไหร่ที่คุณถูกที่สุด
เจ้าใหม่ๆที่อยากสร้างฐานลูกค้า
เค้าก็ลงมาตัดราคาแข่งกับคุณ
การขายProduct Level1
แบบยิงแอดตรงๆทื่อๆ

มันเลยหายไปนานแล้วในอเมริกา

E
—
“อเมริกาตาย”

“แต่ Level1 ประเทศไทย(เคย)สบายดี”

5ปีที่ผ่านมาในไทย
ไม่มีAmazon
คนไทยไม่ได้ซื้อของผ่านAmazonเป็นหลัก
เพราะฉะนั้น

การขายProduct Level1
"จะPost ขายตรงๆ
จะยิงแอดสาด
ในยุคแรกๆก็ขายได้ดีไม่มีปัญหา"

เพราะเราไม่ได้แข่งกับใคร
เราแข่งกับOffline
และไม่มีใครทำOnlineเหมือนๆเรา
(มันเลยคล้ายๆ Level3
ที่ของเหมือนกันแต่เรามีservice
ที่ต่างกันกับตลาด)

"ตลาดยังไม่มีใครทำแบบนี้
ลูกค้าจะอยู่ไกลแค่ไหน
ก็ไม่ต้องไปเดินซื้อเอง เราส่งถึงที่"

แต่พอปีหลังๆ...
คนก็เริ่มเห็นโอกาสเหมือนกัน
ก็ออกมาขายของที่เหมือนๆคุณ

"จนวันนึงการซื้อOnline
มันเป็นเรื่องปกติ"

"เมื่อของคุณไม่ต่าง
เค้าจะซื้อกับคุณหรือซื้อกับใคร
มันก็ส่งถึงบ้านเหมือนกัน"

เมื่อพฤติกรรมคนเปลี่ยน....
ซื้อonline ขายOnline เป็นสิ่งที่
ใครๆก็ทำกัน ไม่แปลก ไม่ต่างอีกแล้ว
(จากที่คุณเคยเป็นLevel3
คุณก็กลับไปLevel1เหมือนเดิม)

ถึงตรงนี้...

เห็นภาพชัดเจนไหมครับ?

ที่ได้ยินคนบ่นกันว่า
ทำไมขายไม่ดีเหมือนเดิม
ทำไมadsเริ่มแพง
เริ่มไม่คุ้มค่า?

สถานการณ์นี้เริ่มได้รับผลกระทบบ้างไหม?
หรือได้คำตอบอะไรบ้าง?

F
—

“Level1 เริ่มตระหนัก”

เมื่อทุกคนตระหนักได้

และช่วงปีหลัง
Lazada Shopee ก็มาแล้ว

ของอะไรที่ซื้อมาขายไปไม่แตกต่าง
ทั้งสินค้า บริการ และประสบการณ์ที่ได้รับ
ที่เป็นLevel1

"ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น"

"ถูกบีบมากขึ้น"

เริ่มเค้าลางว่าไม่ใช่เกมส์ของคนทุนน้อยอีก

เริ่มมองหาทางออก
เปลี่ยนของขาย เปลี่ยน....
และสักพักก็กลับมาถึงจนที่เป็นแบบเดิม
เป็นLoopเดิมอีก

ถ้าคุณไม่มีตารางProduct4Levelนี้
"ก็คงจะเป็นแบบนั้น"

G
—
“กฏ90/10”

“ทุกปัญหามีทางออกเสมอ”

“ในสถานการณ์ที่ไม่ดี มันจะมี90%ที่เราทำได้เสมอ”

จงFocus90%
ที่เราControlได้ ให้เวลากับมัน

และเราไม่ควรให้เวลา
กับการบ่นเรื่อง10%ที่เราควบคุมไม่ได้
คนขึ้นมาขายเยอะ เราควบคุมไม่ได้
เจ้าใหญ่ลงมา
การตัดราคา เราควบคุมไม่ได้

แต่วันนี้เราได้ความรู้ใหม่เพิ่มแล้ว
เราไม่ใช่คนๆเดิม
เมื่อ5นาทีที่แล้วแล้ว

ในเมื่อProduct Level1
ที่เคยเฉิดฉายกับเรา
เริ่มเหี่ยวตาย

เราทำอะไรได้บ้าง?

หาทางกัน+

H
—

“พลิกสถานการณ์”

“หาคำตอบของตัวเอง”

เรามองสิ่งที่ทำอยู่
Productที่ขาย
"แล้วเอาProduct4Level ทาบ"

i
—
“1.ของเราแตกต่างได้ไหม?

ในท้องตลาดมันยังไม่มีใครเซิร์ฟ
เรื่องนี้ไหม
พัฒนาสินค้าให้แตกต่างได้ไหม?

คนเล่นกล้ามต้องกินเนื้อวันละเกือบกิโล
วันนึงมันมีคนทำWheyโปรตีนขึ้นมา
หรือแบบบ้านๆวันนึงมีคน
เอาไก่มาปั่นใส่ผลไม้กินเป็นน้ำง่ายๆ
คนก็จ่ายให้

ตอนนี้ขายอะไรอยู่....
พัฒนามาเป็นProductLevelที่2
ที่คนไม่เปรียบเทียบราคาได้ไหม?

เราสัญญากับตัวเองได้ไหม
ว่าถ้าเราขายอะไรผลิตอะไร
เราจะมีMindsetที่คิดถึงลูกค้าตลอดเวลา
เราจะตั้งคำถามและถามกับตัวเองตลอดว่า

“มันมีอะไรที่ลูกค้าเรามีปัญหา
แล้วยังไม่ได้ถูกเซิร์ฟบ้าง”

"จงตั้งคำถามนี้กับตัวเองตลอดเวลา"

ผมทำแบบนี้ตลอด
ไม่ใช่แค่พูด
(ผมไม่อยากให้ทุกคน ตัดพ้อว่า
มันเป็นเรื่องยาก
แล้วคนที่มาพูดให้ฟังมาเขียนให้อ่าน
ไม่ได้ทำจริง)

เพราะฉะนั้นผมเลยต้องเอาตัวอย่างผมขึ้นมา
คุณจะได้เชื่อมั่นในตัวเองว่า
"คุณก็สามารถทำได้"

6ปีที่แล้วผมไม่ได้เป็นนักการตลาดอะไร
ผมเป็นเซลล์ขายรถยนต์คนนึง
ที่คุณก็เคยอาจจะเดินหนีผมตามงาน
ผมไม่ได้จบเมืองนอก หรือเรียนมหาลัยธุรกิจชั้นนำอะไร สมัยเรียนผมเป็นเด็กนิเทศคนนึง
ในมหาลัยที่ไม่ดัง
ที่หางานทำไม่ได้
จนตัดสินใจไปเป็นเซลล์

และเอาดีได้มีเงินล้านได้จากอาชีพ

ผมมีความรู้เรื่องการขาย
เรื่องทำการตลาดผ่านเพจ
จากตอนขายรถ

จนตอนผมทำเพจนี้

ผมตั้งคำถามแบบที่สอนพวกคุณนั่นแหละ

“มันมีอะไรที่ลูกค้าเรามีปัญหา
แล้วยังไม่ได้ถูกเซิร์ฟบ้าง”

"ถ้าดูดีๆย้อนไป5ปีที่แล้ว
วันที่ทุกคนอยากเรียนอะไร
ก็ต้องนั่งรถ ขับรถไปเรียน"

ผมไปถามไปค้นว่าเค้าเป็นยังไงกัน?
หลายคนบอกขี้เกียจเดินทาง
บอกเบื่อรถติด

ผมถามตัวเอง
จะแก้ยังไงได้

วันนึงเมื่อ5ปีที่แล้ว
ตอนเปิดเพจนี้ใหม่ๆ
ผมก็นั่งเล่นFacebook
แล้วก็เห็นว่า
เฮ้ยมันเปิดกลุ่มลับได้นี่หว่า
มันฟรีด้วย ไม่ต้องเสียเงินเช่าระบบ

แล้วถ้าเราอัดVdo
แล้วสอนเรื่องการขาย การทำการตลาด
จากความรู้ประสบการณ์ของเราลงไปล่ะ
มันแก้ปัญหาให้คนได้ไหม?

และคำถามนี้ของผม...
มันก็เกิดมาเป็นiClass เรียนผ่านFAcebook
ครั้งแรกขึ้นมา

ผมสอนคนใช้กลุ่มFAcebook
แรกคนๆก็งง
แต่นั้นแหละ!

"5ปีที่แล้ว"
มันเลยเป็นจุดกำเนิด
การเรียนผ่านกลุ่มFAcebookขึ้นมาครั้งแรกในไทย

จนมันกลายเป็น1ในธุรกิจของผม
ที่คนจำนวนมากมาปรึกษาเรื่องนี้กับผม
จนเป็นจุดstartที่ทำให้รายได้ธุรกิจทุกทาง
สะสมมาถึงยอดทะลุ100ล้านได้เมื่อปีก่อน

แต่เห็นไหมว่า.....

จากจุดเริ่มต้น

มันไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไรเลย
บางครั้งการพัฒนาProduct
มันก็ไม่ได้เป็นการลงทุนเงินเยอะแยะเสมอไป
"มันคือไอเดีย"

และไอเดียมันมักเกิดจากคำถามที่ว่า...

“มันมีอะไรที่ลูกค้าเรามีปัญหา
แล้วยังไม่ได้ถูกเซิร์ฟบ้าง”

J
—

“2.คุณแตกต่างที่serviceได้ไหม”

ของเราอาจจะไม่ได้แตกต่าง
ไม่ได้ถูกกว่า
แต่serviceต่างได้ไหม?

มีช่วงนึงผมเห็นร้านนึง
เค้าขาย Harddisk
ราคาของเค้าไม่ได้ถูกที่สุดในเวป

แต่สิ่งที่เค้าฉีกตัวเองขึ้นมา
จากLevel1เป็นLevel3
ด้วยบริการที่เค้ามีคือ

ส่งไวใน3ชม.
ราคาแพงกว่าอีกหลายเจ้า

แต่กลายเป็นว่า
เป็น1ในร้านที่เป็นTop review
ขายดีอันดับต้นๆ

ของอาจเหมือนกัน
แต่ในตอนนั้น
ยังไม่มีใครเซิร์ฟบริการลูกค้าได้แบบนี้

ของไม่ต่าง....

“คุณแตกต่างที่serviceได้ไหม”

K
—

“3.คุณแตกต่างที่ประสบการณ์ได้ไหม?”

ผมเอารถเข้าไป serviceที่ศูนย์นึง
และผมคิดว่า ถ้าผมไม่เปลี่ยนยี่ห้อ
ผมจะไม่ไปที่ไหนอีกเลย

เพราะทุกครั้งที่จะเอารถเข้าศูนย์
จะมี2ทางเลือก

1.มีพนักงานมารับรถถึงที่
ไปserviceแล้วกลับมาส่ง
ผมไม่ต้องทำอะไรเลย

2.ผมไปเอง และผมชอบมาก
เพราะมีบริการนวดสปา ฝ่าเท่า ระหว่างรอ
มีพาย/ขนม/เคนื่องดื่มที่อร่อยมาก
เหมือนพักผ่อนไปตากอากาศ

จนผมอยากที่จะไปเองทุกครั้ง
และไม่อยาก
จะไปซื้อหรือเข้าบริการที่อื่นอีกเลย

(ของอาจคล้ายกัน ที่อื่นก็บริการดีเหมือนกัน
แต่ลูกค้าเลือกเพราะประสบการณ์ที่เค้าได้รับ)

“คุณต่างที่ประสบการณ์ได้ไหม?”

L
—

“4. ตัวคุณแตกต่างได้ไหม”

ร่วม5ปีแล้วที่ผม
ตอนที่เพจนี่เริ่มเปลี่ยนชีวิตผม
ผมกับทุกคนว่า....

"ถ้าของคุณไม่มีจุดขายแตกต่างอะไรเลย"
"จงเอาตัวคุณออกมาทำให้คนรู้จัก"

เช็คดูว่าของที่คุณขายอยู่
มีใครเคยออกมาให้ความรู้รึยัง?
ถ้ายัง!
"จงออกมาเลย”

ถ้ามีคนทำแล้ว....
มีมุมไหนที่ยังไม่มีไหม?
“ถ้าเจอก็
ออกมาเลย”

ถ้ามันมีแล้ว มีหมดทุกแง่ทุกมุม
ไม่เหลืออะไรจะทำจริงๆ?(แต่เชื่อดิมันมี
ผมทำเพจมาเข้าปีที่6 ผมยังไม่เคยหมดเรื่องถ่ายทอดเลย)

ถ้าเวิร์สเคสว่ามันไม่มีจริงๆ

บันเทิงได้ไหม?
สนุกได้ไหม?
นิสัยดีได้ไหม?
มีเสน่ได้ไหม?
น่ารักได้ไหม?

ออกมาได้ไหมล่ะ?

ถ้าคุณตัดสินใจออกมา
สักพักนึง
คุณจะแตกต่างจากคนอีก100
หรือมากกว่า1,000คน
ที่ขายของแบบเดียวกับคุณ

จำไว้ว่า....

"คนบางคนก็ไม่ได้ซื้อแค่ของ"

"แต่เค้าซื้อเพราะคน"

ลองถามตัวคุณสิ
มีกี่ครั้งที่ตัดสินใจเพราะถูกใจคน
บางครั้งของชิ้นนั้นก็แพงกว่าที่อื่น
(ได้คำตอบไหมครับ?)

ถ้าจะทำสิ่งที่เราทำให้มันเป็นธุรกิจจริงๆ

"การสร้างสายสัมพันธ์"

"สร้างฐานแฟน"

"และดูแลฐานแฟน"

เป็นสิ่งที่จะทำให้ธุรกิจคุณเป็นธุรกิจจริงๆ

ทุกข้อที่ผมพูดมา
ผมทำแล้วทั้งหมด
ไม่มีข้อไหนที่ผมไม่ทำ

เวลามีปัญหา
อย่าไปfocus10%ที่Controlไม่ได้
แต่ให้focus90%ที่เราcontolและทำได้ทันที

เพราะฉะนั้น
เชื่อในProcess
แล้วเลือกสักข้อไปทำ
แล้วเปลี่ยนชีวิตด้วยonline

M
—
“ในอนาคต”

“ยุคของการขายอย่างเดียว”

“กำลังจะหมดไป”

รีบทำ....

ในตอนที่คนอื่นยังไม่ทำ

และ”ตลาด” จะเป็นของคุณ

จำคำนี้ไว้
ยุคนี้เป็นยุค
Online Take Over
และคัมภีร์วันนี้คือกลวิธีที่จะทำให้คุณ
“ชนะทุกตลาดด้วยOnline”

ลุย
#A10(เอเท็น)
#iClassUniversity
#สังคมแห่งความเป็นไปได้

"สิ่งที่คน(ทำเพจ)ส่วนใหญ่พลาด"
"แล้วเสียโอกาสไปมหาศาล"

A
-\-\-\-\-\-\-
"ให้ความสำคัญกับpostขาย"
แต่ต้องไม่ลืม
"ให้ความสำหรับกับภาพรวมเพจด้วย"

Postขายของเราจะดีแค่ไหน?

คมแค่ไหน?

หรือยิงแอดแม่นแค่ไหน?

แต่ถ้าตัวเพจเราเงียบกริบ

ไม่มีรีวิว!
ไม่มีเทสติโมเนียล!
ไม่มีความรู้!
ไม่มีตัวตน!
ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับลูกเพจ!
"ไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้เค้ามั่นใจ"

Postขายที่คมกริบของเรา=ศูนย์เปล่า

B
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
เหมือนคุณได้รับใบปลิวที่คนแจกให้
"ดูน่าสนใจมากๆ"

แต่พอเราเดินพุ่งตรงไปที่ร้านของเค้า
ดูไม่มีอะไรอะไรที่น่าเชื่อถือเลย
(หลังบ้านดูไม่น่าซื้อไม่น่าเชื่อถือ)

เราจะซื้อกับเค้าไหม?

คำตอบก็คง"ไม่"

"Online ก็ไม่ต่างจากoffline
หลักการเดียวกันเป๊ะ"

พี่น้องที่ทำค้าเพจอยู่
"จดจำคำนี้ไว้ใช้เสมอ"

หน้าบ้านที่ดีจะทำให้คนสนใจ
แต่....
"หลังบ้านทำให้คนตัดสินใจ"

ใบปลิว/Postขายจะทำให้คนสนใจ
"อยากเข้ามาคุณ"

แต่ร้านของคุณ
หรือภาพรวมทั้งหมดของเพจของคุณ
นั่นคือตัวที่ทำ
ให้คน....

"ตัดสินใจซื้อกับคุณจริงๆ"

วันนี้ขอสั้นๆนะครับ^^
เราลุยยาวๆกันมา3-4สัปดาห์ติดแล้ว
ในเรื่องการตลาดยุคใหม่
อย่างเข้มข้น
ผมเดาว่าหลายคนต้องการเรื่องนี้
ผมเลยตั้งใจถ่ายทอดเรื่องนี้มาก

ก็เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องที่กำลังทำเพจ
สร้างตัวตน/expert Biz/หรือขายของOnline
ทุกคนครับ

ใครอ่านจบแล้วทักทายกันหน่อยครับ^^
ชอบบทความนี้ไหม?
หรือที่ผ่านมาที่ผมทำบทความเข้มข้นตลอด
ชอบกันรึเปล่า?

บอกให้รู้กันหน่อยครับ

วันนี้....

สวัสดีครับ^^

#A10(เอเท็น)
#Prince of Marketing
#iClassUniversity
#1YearCoachingCLUB
#สังคมแห่งความเป็นไปได้

-\-\-\-\-

ps: ส่วนใครที่อยากลุยแบบจริงจัง
สร้างเพจให้โต
และ เพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้ ผมกำลังเปิดรับสมัคร

คลาสเรียนล่าสุด
"Online Take Over"
ชนะทั้งตลาด ด้วย Online

คลาสนี้จะสอนทั้ง

Part 1: ทำหน้าบ้านยังไงให้น่าสนใจ
และ
Part 2: ทำหลังบ้านยังไงให้คนตัดสินใจ

เป็นคลาสเรียน Online
เรียนจากที่ไหนก็ได้

และที่สำคัญ
สามารถถาม-ตอบผมได้สดๆ ผ่าน Live

ตอนนี้เป็นราคาพิเศษ เฉพาะแฟนเพจ
เท่านั้น

รายละเอียดที่

https://www.facebook.com/684521091585370/posts/2454352074602254?vh=e&d=n&sfns=mo

หรือ ทักไปที่ Line: @iClass

(ราคาพิเศษ เฉพาะช่วงนี้เท่านั้นครับ)