เศรษฐกิจย่ำแย่ แต่หุ้นขึ้น /โดย ลงทุนแมน
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ธนาคารกลางประเทศอังกฤษคาดการณ์ว่า GDP ปีนี้
จะตกต่ำลงกว่า 14% ซึ่งถือเป็นการลงที่รุนแรงที่สุดในรอบ 300 ปี
300 ปี เป็นตัวเลขที่น่าสนใจเพราะยุคนั้นเป็นยุคของเซอร์ไอแซก นิวตัน
ผู้คิดค้นทฤษฎีแรงโน้มถ่วง หรือประเทศไทยก็คือ ยุคกรุงศรีอยุธยา..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าวิกฤติในปีนี้ มีมูลค่าความเสียหายรุนแรง
ยิ่งกว่ายุคสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง และวิกฤติเศรษฐกิจทั้งหมดที่คนรุ่นเราพอจะนึกออก
นอกจากประเทศอังกฤษ อีกหลายประเทศก็กำลังเผชิญหน้า
กับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่สุดในรอบประวัติศาสตร์ ไม่ต่างกัน
สัปดาห์ก่อน ประเทศสหรัฐอเมริการายงานตัวเลข
การว่างงานพุ่งทะลุ 20.5 ล้านคน ในเดือนเมษายน
รวมถึงมีรายงานว่าบริษัทอเมริกันยื่นล้มละลายไปแล้วกว่า 78 แห่ง
เรื่องนี้ส่งผลให้อัตราว่างงานชาวอเมริกันอยู่ที่ระดับ 14.7%
ซึ่งถือเป็นระดับที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์
นับตั้งแต่ Great Depression ในปี ค.ศ. 1929 หรือ 91 ปีก่อน
วิกฤติในครั้งนั้น ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (Dow Jones)
ลดลงจากจุดสูงสุดที่ 381.17 จุด ตกลงมาสู่จุดต่ำสุดที่ 41.22 จุด
คิดเป็นการตกลงถึง 89% ภายในระยะเวลา 3 ปี
การตกลง 89% ของตลาดหุ้นในสหรัฐอเมริกาในตอนนั้นใกล้เคียงกับการตกลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย
จากจุดสูงสุดที่ 1,789 จุด ตกลงมาสู่จุดต่ำสุด 204 จุด ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ. 2540
ซึ่งในปีถัดมา GDP ประเทศไทย ติดลบ 7.6%
ในขณะที่ปีนี้ IMF คาดการณ์ว่า GDP ประเทศไทยปีนี้ จะติดลบ 6.7%
เท่ากับว่าวิกฤติปัจจุบัน ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญกับเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงสุดครั้งหนึ่งในรอบประวัติศาสตร์
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดทุน
ทั้งในสหรัฐอเมริกา ไทย รวมถึงทั่วโลก
กลับไม่ได้ตกต่ำรุนแรงเหมือนในอดีต..
แล้วสถานการณ์ตอนนี้กับในอดีต ต่างกันอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าบอกว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจที่ย่ำแย่สุดในรอบประวัติศาสตร์
ทุกคนก็คงยอมรับ
แต่นโยบายทางการเงินที่ธนาคารกลางหลายประเทศทั่วโลก กำลังทำอยู่ตอนนี้
ก็ถือว่าเป็นนโยบายที่บ้าบิ่นที่สุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน
เพราะตอนนี้ ธนาคารกลางในหลายประเทศหั่นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
รวมถึงอัดฉีดเงินเข้าระบบมหาศาล แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
การอัดฉีดเงินเข้าระบบ หรือ Quantitative Easing (QE) เป็นนโยบายทางการเงิน
ที่เริ่มต้นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาในยุควิกฤติซับไพรม์ ปี ค.ศ. 2008
ซึ่งใช้ได้ผลดี และทำให้สหรัฐอเมริกาฟื้นจากวิกฤติมาได้อย่างรวดเร็ว
และก็เหมือนคนเคยเจ็บป่วย กินยาหาย
เมื่อป่วยอีกก็อยากกินยานั้นอีกครั้ง..
ซึ่งรอบนี้ การอัดฉีดเงินในประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้วิวัฒนาการเป็น Unlimited Quantitative Easing หรือ การพิมพ์เงินอัดเข้าไปพยุงสภาพคล่อง และธุรกิจไม่จำกัดวงเงิน ไม่จำกัดระยะเวลา
ถึงตอนนี้ธนาคารกลางประเทศสหรัฐอเมริกาอัดฉีดเงินเข้าระบบไปแล้วกว่า 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 58 ล้านล้านบาท คิดเป็นกว่า 3.6 เท่าเมื่อเทียบกับ GDP ประเทศไทยปีที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้สะท้อนไปยังความเชื่อมั่นในตลาดทุนที่ฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะเกิด Circuit Breaker หลายครั้งในหลายประเทศตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา
การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วแบบนี้ สะท้อนให้เห็นว่าตอนนี้หลายคนยังมองวิกฤติโรคระบาด
มีแนวโน้มที่กำลังจะสิ้นสุดภายในไม่กี่เดือนที่จะถึงนี้ และนโยบายทางการเงินที่บ้าคลั่งกำลังจะรักษาวิกฤตินี้ได้
อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า “สิ่งที่เราต้องจ่าย” จากการดำเนินนโยบายทางการเงินที่บ้าบิ่นขนาดนี้ จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในรูปแบบไหนบ้างในอนาคต
หากทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยสมบูรณ์
ผู้คนเดินทางเป็นปกติ ไปเที่ยวเป็นปกติ
ความต้องการ กำลังซื้อของเรากลับมาที่จุดเดิม
เงินที่ล้นระบบจากนโยบายทางการเงินในวันนี้
ก็จะถูกทำให้ลดลงในอนาคต
และในวันนั้น
บุคคลที่ติดยา แต่ให้หยุดเสพ
เราก็จะได้รู้กัน ว่าอาการเป็นอย่างไร..
╔═══════════╗
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 5
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ.2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/p…/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.history.com/…/great-de…/great-depression-history
-https://www.thebalance.com/the-great-depression-of-1929-330…
-https://www.bloomberg.com/…/fed-slows-treasury-buying-again…
-https://www.investopedia.com/t…/a/asian-financial-crisis.asp
-https://www.britannica.com/event/Asian-financial-crisis
-tradingview.com
-investing.com
Economy is bad but stocks are up / by Investing Man.
A few days ago, the British Central Bank predicted GDP this year.
Going down 14 % which is the most severe down in 300 years.
300 years are interesting numbers because that era is Sir Isaac Newton era.
The inventor of gravity theory or Thailand is the era of Krungsri Ayutthaya..
╔═══════════╗
Blockdit Analytical Article Source
Deep content penetrating
Recently, a podcast feature has been published.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
This reflects this year's crisis worth of severe damage.
Even more than the 2 world wars era and all economic crisis that our generation can imagine.
Apart from England, many other countries are facing.
With the worst economy in history, there is no difference.
Last week USA reported numbers
Unemployment surpassed 20.5 million people in April.
Including 78 American companies have been filed bankruptcy.
This resulted in the American unemployment rate at 14.7 % level.
Which is the worst level in history.
Since Great Depression in July Prof. 1929 or 91 years ago
Crisis at that time, U.S. stock market index (Dow Jones)
Dropped from 381.17th highs, fell to 41.22th lowest point.
Think about 89 % in 3 years.
A 89 % deal of U.S. stock market at that time was close to the agreement of the Thailand Stock Exchange Index.
From the highest point at 1,789 points, I fell to the lowest point of 204 points during the crisis. Tom Yum Kung Pip. B.E. 2540
GDP Thailand is 7.6 % negative.
While this year, IMF predicts GDP Thailand will be 6.7 % negative.
It's equal to the current crisis, countries around the world, including Thailand, are facing the most severe economic crash once in history.
But what happened to the capital market
Both in USA, Thailand and around the world.
Back to back, not as severe as in the past..
So what's the difference between now and past situation?
Investing man will tell you about it.
If we say we are now in the worst economic crisis in history
Everyone would accept it.
But the monetary policy that many central banks around the world are doing now.
It's considered the craziest policy in history too.
Because now, central banks in different countries cut interest rate policies down.
Including pumping money into the system like never before.
Pumping money into a system or Quantitative Easing (QE) is a monetary policy.
Starting from USA in subprime crisis era B.E. 2008
Which works well and quickly revives the U.S. crisis.
And it's like someone who has been sick. Take medicine to heal.
When I'm sick again, I want to take that pill again..
This time, the money pumping in USA evolves into Unlimited Quantitative Easing or printing money to support liquidity and business. Unlimited amount of money. No time limit.
Until now, the Central Bank of USA has pumped over 1.8 trillion USD or 58 trillion Baht. It's more than 3.6 times compared to GDP Thailand last year.
This all reflects confidence in rapidly reviving capital markets.
Despite the Circuit Breaker many times in different countries for the last 2 months.
A speedy recovery like this reflects that many people are still looking at the epidemic crisis.
It's likely to end within the next few months and insane monetary policies are going to cure this crisis.
However, no one knows what ′′ we have to pay ′′ from implementing this crazy financial policy will impact future economic system.
If everything is completely back to normal
People travel normally, go on a regular trip.
Our purchase demands are back at the same spot.
Money overflowing from monetary policy today
Will be dropped in the future
And on that day
A person who is addicted to drugs but stop using them.
We will know how the symptoms are..
╔═══════════╗
If you want to know the possibility of the world economy, you must understand the
World economy 1,000 years. 5th typing.
This book will talk about the world economic history from July. Prof. 1100 will keep chasing until July. B.E. 2019
Order at (Buy now and get 10 % discount from the cover price of 350 baht)
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee: https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
Follow to invest in man at
Website - longtunman.com
Blockdit-blockdit.com/longtunman
Facebook-@[113397052526245:274: lngthun mæn]
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram-instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.history.com/topics/great-depression/great-depression-history
-https://www.thebalance.com/the-great-depression-of-1929-3306033
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-05-08/fed-slows-treasury-buying-again-to-7-billion-a-day-next-week
-https://www.investopedia.com/terms/a/asian-financial-crisis.asp
-https://www.britannica.com/event/Asian-financial-crisis
-tradingview.com
-investing.comTranslated
同時也有10部Youtube影片,追蹤數超過31萬的網紅Spark Liang 张开亮,也在其Youtube影片中提到,很多人都認為 投資風險大而且又不穩定 但是通貨膨脹又不斷讓我們的財富縮水 我們這些老百姓到底能怎麼辦呢? 這時候 你們是不是很想問我: 「Spark,難道就沒有一些穩定又沒風險, 而且又保值的資產讓我們這些老百姓來投資嗎? 」 「我們不求大富大貴,只求穩定又保值的投資!」 「很多人說買黃金保值,是真...
「dow jones index」的推薦目錄:
- 關於dow jones index 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於dow jones index 在 Mao-Investor Facebook
- 關於dow jones index 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於dow jones index 在 Spark Liang 张开亮 Youtube
- 關於dow jones index 在 我要做富翁 Youtube
- 關於dow jones index 在 升旗易得道 Youtube
- 關於dow jones index 在 Investing For Beginners: What is The Dow Jones Index (DJIA) 的評價
dow jones index 在 Mao-Investor Facebook 八卦
#อนุพันธ์ระดับโลกเทรดเองโดยตรงได้นะรู้ยัง
ปัจจุบันเราสามารถเข้าถึงข้อมูลการลงทุนทั่วโลกได้ทุกที่ทุกเวลา บางคนอาจอยากลองเทรดโปรดักส์ต่างประเทศบ้างพวก ทองคำ น้ำมัน ค่าเงินฯลฯ แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง ทำให้เราไม่สามารถเทรดสินค้าเหล่านั้นโดยตรงได้ ถ้าอยากลงทุนต้องลงทุนแบบอ้อมโลก
เช่น ถ้าเม่าศรีอยากเก็งกำไรน้ำมันดิบ เม่าศรีก็ต้องไปซื้อกองทุนรวม ก.(นามสมมติ)ที่มีนโยบายลงทุนในน้ำมันดิบ และกองทุนรวม ก. ก็จะนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมในต่างประเทศที่ชื่อ A(นามสมมติ) อีกต่อหนึ่ง และกองทุนรวม A จะนำเงินไปลงทุนในสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าที่ตลาด NYMEX ให้ นี่แค่อ่านก็เหนื่อยแล้ว สรุปคือเม่าศรีต้องผ่านตัวกลาง 2 ชั้น และเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มมาอีก 2 ต่อ แถมนโยบายการลงทุนอาจจะไม่ถูกใจเม่าศรีอีก จะเก็งกำไรขาลงก็ทำไม่ได้
ถ้าเขียนเป็นแผนภาพความซับซ้อน ก็จะประมาณนี้
เม่าศรี-> กองทุนรวม ก.->กองทุนรวมต่างประเทศ A -> NYMEX
ทำให้มีผู้หาประโยชน์จากข้อจำกัดนี้ จัดตั้งโบรกเกอร์เถื่อนที่ไม่ได้รับการรับรองจากทางการ รวมไปถึงการชักชวนให้ลงทุนในต่างประเทศสไตล์แชร์ลูกโซ่ ที่พอรวบรวมเงินได้ระดับหนึ่งก็ปิดหนีไป โดนหลอกกันไม่เว้นแต่ละวันแต่ก็ยังมีเกิดขึ้นใหม่เรื่อยๆ
แต่อัพเดทล่าสุด!! เม่าศรีและนักลงทุนรายย่อย สามารถเทรดน้ำมันดิบผ่านตลาด NYMEX ได้เองแล้วนะ จะ Short จะ Long ก็จัดได้เองตามสะดวก เทรดเองได้ตรงๆตามแผนภาพนี้เลย
เม่าศรี ->NYMEX
และไม่ใช่แค่น้ำมันดิบ ยังเทรดได้ทั้งทองคำ ค่าเงิน อัตราดอกเบี้ย Index ฯลฯ เรียกได้ว่าเทรดสินค้าใน CME Group ได้ทั้งหมดเลยแหละ!
จังหวะนี้อาจมีคนสงสัย CME Group คือใคร ?
หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ CME Group แต่ความจริง CME Group เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอารมณ์เดียวกับ TFEX ตลาดอนุพันธ์ของไทยนั่นแหละ แต่ปริมาณการซื้อขายต่อวันมากกว่ากันประมาณ 44 เท่า*(เทียบจากปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนสิงหาคม)
CME Group เป็นเจ้าของตลาดย่อยที่มีสินค้าที่หลากหลายและมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก พูดไปจะต้องร้อง อ๋อ!เพราะเวลาฟังข่าวเศรษฐกิจเขาจะนำมาอ้างอิงเป็นประจำอย่างตลาดน้ำมัน NYMEX, ตลาดทองคำ COMEX รวมไปถึงการซื้อขายเงินสกุลต่างๆ FX, ดัชนีตลาดหุ้นอย่าง S&P 500 Index ฯลฯ พวกนี้คืออยู่ใน CME Group ทั้งนั้น
พูดง่ายๆ ว่าถ้าเปิดพอร์ตเทรดใน CME Group ได้ ก็สามารถเทรดสินค้าอนุพันธ์ได้เกินครึ่งโลกแล้ว
ซึ่งการเริ่มต้นเทรดในตลาด CME Group ใช้เงินไม่มากอย่างที่คิด เช่นสัญญา Micro E-mini Dow Jones Futures ที่ใช้เงินเริ่มต้นเพียง $800 หรือประมาณ 25,000 บาท ก็ทดลองเปิดประสบการณ์การลงทุนในตลาดอนุพันธ์ระดับโลกโดยตรงได้แล้ว
ผู้ที่สนใจลงทุนและรับความเสี่ยงได้สูงสามารถเปิดพอร์ตเพื่อเทรดอนุพันธ์ใน CME Group ได้โดยผ่านโบรกเกอร์ที่ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนรายแรกและรายเดียวในไทย #MTSGold หรือที่รู้จักกันดีในนาม #แม่ทองสุก ที่ได้รับใบอนุญาตจากทาง กลต. และแบงก์ชาติ นักลงทุนจึงสามารถเทรดได้อย่างปลอดภัยโอนเงินเข้าไปก็ไม่ระแวงต้องกลัวโดนปิดเว็บไซต์หนี เพราะลำพังแค่เทรดอนุพันธ์ต่างประเทศก็เสี่ยงสูงอยู่แล้ว อย่าไปเพิ่มความเสี่ยงกับโบรกเถื่อนเลย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและเปิดพอร์ตกับ MTSGold Group คลิกเลย
https://landing.mtsgoldfutures.co.th/
#MTSGold #แม่ทองสุก #CME #ทองคำ #ออมทอง #เทรดต่างประเทศ #ออมทองกับแม่ทองสุก #COMEX #NYMEX #Forex #Dowjones #SP500 #Nasdaq
dow jones index 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
ลงทุนแมน X ซีพี ออลล์
โอกาสลงทุน กับหุ้นกู้ 'ซีพี ออลล์'
เครดิตเรทติ้ง AA- อัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี สำหรับรุ่นอายุ 4 ปี 9 เดือน 1 วัน
ทุกคนรู้จัก ‘เซเว่น อีเลฟเว่น’ หรือ ‘7-Eleven’ ดีอยู่แล้ว ว่าเป็นธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อที่สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้คนในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือในพื้นที่ห่างไกล ไม่ว่าจะเข้าไปจับจ่ายใช้สอย หาอาหารการกิน หรือชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ
ความสะดวกที่ว่านี้ ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้คนทั่วประเทศ โดยเฉพาะในด้านของการประหยัดเวลา เพราะสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่จำเป็นได้ง่าย ไม่เสียเวลาในการเดินทาง อีกทั้งยังเป็นสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูงอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจของ 7-Eleven ในแง่มุมอื่นๆ อีกมากที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 ร้าน 7-Eleven ในประเทศไทย มีอยู่ 12,089 สาขา ทั้งหมดอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP ALL ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยวัดจากมูลค่าตามราคาตลาด 613,097 ล้านบาท (ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2563)
สาขาของร้าน 7-Eleven แบ่งเป็นสาขาที่ซีพี ออลล์ ลงทุนเองประมาณ 45% และอีก 55% เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ นั่นหมายความว่า ผู้ประกอบการค้าปลีกทั่วไปจำนวนหลายพันราย ได้มีโอกาสร่วมธุรกิจกับแบรนด์ร้านสะดวกซื้อที่มีมาตรฐานสูงอย่าง 7-Eleven และร่วมเติบโตไปด้วยกัน
ด้วยจำนวนสาขากว่า 12,000 สาขา ต้องว่าจ้างพนักงานกว่า 170,000 คน ซีพี ออลล์ จึงเป็นหนึ่งในองค์กรที่ก่อให้เกิดการจ้างงานมากที่สุดในประเทศไทย
สินค้าที่ขายใน 7-Eleven ซึ่งมีอย่างหลากหลายนั้น มาจากกลุ่มซีพีประมาณ 10% ที่เหลือเป็นสินค้าจากคู่ค้าต่างๆ ดังนั้น 7-Eleven จึงเป็นช่องทางการขายที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตสินค้าและผู้ประกอบการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่หรือรายย่อย
การก่อกำเนิดของ ‘ซีพี ออลล์’ ในประเทศไทย จึงได้สร้างโอกาสต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการทำงาน โอกาสในการเป็นผู้ประกอบธุรกิจ และโอกาสในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ผ่านการนำสินค้ามาขายผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัทฯ
และอีกหนึ่งโอกาสที่กำลังจะมาถึงในเดือนกันยายนนี้ คือโอกาสการลงทุนในหุ้นกู้ของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งไม่ได้เปิดโอกาสให้เฉพาะกับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้กับผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปด้วย
หุ้นกู้ที่เสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป รวมถึงผู้ถือหุ้นกู้เดิม มี 1 รุ่น
อายุ 4 ปี 9 เดือน 1 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี โดยมีกำหนดการเสนอขาย 2 ช่วงด้วยกัน
ช่วงที่ 1 เสนอขายระหว่างวันที่ 21 - 22 กันยายน พ.ศ. 2563 ให้แก่ผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปที่เป็นผู้ถือหุ้นกู้เดิมของบริษัทฯ
และช่วงที่ 2 เสนอขายระหว่างวันที่ 24 - 25, 28 กันยายน พ.ศ. 2563 ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป
ส่วนที่เสนอขายให้กับผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ มี 3 รุ่น คือ
อายุ 2 ปี 5 เดือน 17 วัน อัตราดอกเบี้ย 1.90% ต่อปี
อายุ 9 ปี 7 เดือน 14 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.40% ต่อปี และ
อายุ 15 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.90% ต่อปี
เสนอขายระหว่างวันที่ 24 - 25, 28 กันยายน พ.ศ. 2563
หุ้นกู้นี้มีมูลค่าที่ตราไว้หน่วยละ 1,000 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท และหุ้นกู้ทั้ง 4 รุ่น จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
หุ้นกู้นี้ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AA-” ขณะที่อันดับเครดิตองค์กรอยู่ที่ระดับ “AA-” เครดิตพินิจ “ลบ” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 โดยทริสระบุว่า อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัท และการเป็นผู้นำธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศไทย ตลอดจนลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน การมีเครือข่ายสาขาที่แข็งแกร่งและครอบคลุมทั่วประเทศ
โดย ซีพี ออลล์ จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัทฯ
มาดูว่าจุดเด่นและปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงของซีพี ออลล์ มีอะไรอีกบ้าง
ด้วยจำนวนลูกค้าที่เข้าร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศเฉลี่ยวันละกว่า 13.4 ล้านคน ทำให้ซีพี ออลล์ สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ เพื่อยกระดับการส่งคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีไปยังลูกค้าในทุกกลุ่ม ทำให้แบรนด์ 7-Eleven เป็นที่ยอมรับ และส่งผลให้ซีพี ออลล์ มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในรอบปี 2562 ซีพี ออลล์และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 571,110 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% จากปี 2561 และมีกำไรสุทธิ 22,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.8% จากปีก่อน
จุดเด่นอย่างหนึ่งของซีพี ออลล์ คือ มีการปรับปรุงสาขา 7-Eleven ให้มีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อรักษาคุณภาพการเติบโตไปพร้อมกับการเปิดสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น ร้านสาขาในคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน มหาวิทยาลัย ร้านรูปแบบใหม่ๆ ที่ตรงกับ Lifestyle ของผู้บริโภค รวมถึงร้านรูปแบบ Standalone ที่มีพื้นที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น
ซีพี ออลล์ มีจุดแข็งด้านบุคลากรที่มีความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ที่หลากหลาย และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเสริมทักษะที่จำเป็นและเหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในปัจจุบัน
ในด้านของการสร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนนั้น ซีพี ออลล์ ก็ได้จัดให้มีโครงการเพื่อประโยชน์สาธารณะในด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชน เช่น โครงการ “รวมพลังคนไทย เลิกใช้ถุงพลาสติก” สามารถงดให้บริการถุงพลาสติกที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เปลี่ยนเป็นเงินได้จำนวน 77 ล้านบาท และหากรวมจำนวนเงินที่ได้จากโครงการ “ลดวันละถุง...คุณทำได้” คิดเป็นยอดสมทบทุนรวมกว่า 211 ล้านบาท มอบให้กับ 154 โรงพยาบาลทั่วประเทศ
นอกจากนั้น ซีพี ออลล์ ยังคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวไปสู่องค์กรแห่งปณิธาน “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” มาอย่างต่อเนื่องกว่า 32 ปี ส่งผลให้บริษัทได้รับการยอมรับและรับรองจากหน่วยงานและสถาบันทั้งในและระหว่างประเทศมากมาย โดยในปี 2562 บริษัทได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทชั้นนำด้านองค์กรความยั่งยืนอันดับ 1 ของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) กลุ่ม World Index ประเภทธุรกิจค้าปลีกอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค (Food & Staples Retailing) โดยได้คะแนนอันดับ 1 ของโลกในประเภทเดียวกัน รวมถึงได้รับคัดเลือกให้เข้าเป็นสมาชิกในดัชนีหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และในปี 2563 บริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนี FTSE4 Good Index ในกลุ่ม Food & Drug Retailers เป็นปีที่ 3 ซึ่งเป็นดัชนีที่ได้รับความเชื่อถือระดับโลก สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลของ “ซีพี ออลล์” อีกด้วย
ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ หุ้นกู้ที่ออกโดย ซีพี ออลล์ จึงถือเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะไม่ใช่เพียงแค่เป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้ลงทุนเพื่อรับผลตอบแทนจากบริษัทที่มั่นคง แต่ยังเป็นการลงทุนที่ได้สร้างโอกาสให้กับคนอีกนับแสนนับล้านคน ให้ได้มีงานทำ ให้ได้มีช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า ให้ได้ก่อร่างสร้างตัวกับธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบพันธมิตรกับซีพี ออลล์
ผู้ที่สนใจลงทุนหุ้นกู้ซีพี ออลล์ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th และติดต่อผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โทร. 1333
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 819
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-305-9442
<คำเตือนที่สำคัญ>
1. โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
2. ตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยมีสภาพคล่องต่ำ การขายตราสารในตลาดรองนั้นอาจได้รับมูลค่าขายตราสารลดลง หรือเพิ่มขึ้นได้ โดยขึ้นอยู่กับสภาวะและความต้องการของตลาดในขณะนั้น
3. อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารเป็นเพียงข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น มิใช่สิ่งชี้นำการซื้อขายตราสารหนี้ที่เสนอขาย และไม่ได้เป็นการรับประกันความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร
dow jones index 在 Spark Liang 张开亮 Youtube 的評價
很多人都認為
投資風險大而且又不穩定
但是通貨膨脹又不斷讓我們的財富縮水
我們這些老百姓到底能怎麼辦呢?
這時候
你們是不是很想問我:
「Spark,難道就沒有一些穩定又沒風險,
而且又保值的資產讓我們這些老百姓來投資嗎? 」
「我們不求大富大貴,只求穩定又保值的投資!」
「很多人說買黃金保值,是真的嗎?」
「買基金或是Reits是不是比較能保值呢?」
為了能保住大家的財富
我今天就為你們分析
哪一些資產類型是保值又穩定的
包括黃金、股票、指數型基金ETF、房地產、房地產信託基金(Reits)
以及儲蓄保險
全方位幫你們分析
我將會告訴你哪一個才是最保值,最穩定的資產
不要錯過今天的影片
快點點擊觀看吧!
影片概括:
0:00 Start
0:20 市场上真的有穩又保值的投資項目?
1:54 什麼樣的資產才能保值?
2:12 黃金
6:02 股票
8:30 房地產
11:14 儲蓄保險
13:44 總結
.
獲取我的獨家理財貼士
http://bit.ly/get-spark-financial-tips
.
【免費】股票投資工作坊 - 從0開始學股票
http://bit.ly/join-free-webinar-now
.
🔥點擊連結瞭解更多詳情或購買🔥
https://valueinmind.co/zh/sparks/
.
我們需要人才
我們需要你
向我們展現你不可多得的能力與實力
數不盡的各種公司福利就等你
點擊鏈接提交求職申請:https://valueinmind.co/join-us/
.
🔥【Etoro】Spark 投資組合和表現 🔥
http://bit.ly/31FPXEz
.
全世界都可以用
eToro申请链接
简体
https://bit.ly/3qHpsfi
繁體
https://bit.ly/36X6jOC
英文
https://bit.ly/2K5kpo4
.
免責聲明:
高波動性投資產品,您的交易存在風險。過往表現不能作為將來業績指標。
視頻中談及的內容僅作為教學目的,而非是一種投資建議。
.
👇更多相關影片👇
被問得最多的問題:應該投資什麼股票?我今天公開回答!
https://bit.ly/3n7P8Qc
.
未來5年,你不知道的未來職業趨勢!這些職業都會被取代!
https://bit.ly/2JDYW5z
.
我與有錢人的距離只差3步,告訴你3個致富的秘密!
https://bit.ly/3o1xEok
.
是你玩股票?還是股票玩你?一招教你買到賺錢的股票!
https://bit.ly/3oCjUAL
.
⚡ Spark 的 Facebook 很熱閙
http://bit.ly/2X3Cgwr
.
⚡Spark 的 YouTube 很多教學
http://bit.ly/2KMqMvR
.
⚡Spark 的 Instagram 很多八卦
http://bit.ly/31YMLon
.
⚡理财交流站
http://bit.ly/finspark-group
.
⚡美股交易交流区
http://bit.ly/finspark-foreign-stocks
#資產保值 #如何抵禦通貨膨脹 #經濟危機
dow jones index 在 我要做富翁 Youtube 的評價
有留意股市的投資者一定會留意世界各地股市指數走勢,但有沒有想過甚麼是指數呢?指數又是怎樣編制而成的?
其實指數是一種對一籃子資產走勢的指標,這籃子資產可以是以股票、商品、地區、國家、行業、貨幣、房地產為對象,主要是讓投資者對某資產類別有個代表性的指標參考。世界各地亦有類似的參考指數,例如:美國標準普爾500指數、日本日經平均指數、德國DAX指數、中國上證綜合指數等等。不同指數都會使用不同方法編制追蹤,比如說上證指數指數是用在交易所上市的全部股票來計算;另外亦有些指數則以某幾十隻或幾百隻較代表性的股票來計算,而標準普爾500指數就是用這種方法,他用500隻股票的股價走勢編制而成。
甚麼是藍籌股?
剛才提到有些指數是用某幾十隻或幾百隻較代表性的股票來計算,而恆生指數正是用這種方法編制。他是以大約50隻比較代表性的股票編制而成,而成為指數成份股的股票俗稱「藍籌股」。選入的條件大致上是以股票的市值和成交額等而定,每個季度恆生指數有限公司都會檢討成份股,例如增加或減少成份股數量、比重。不同的「藍籌股」佔恆生指數的比重都不一樣,暫時佔最重的是騰訊控股,其次是匯豐控股。由於恆生指數涵蓋了過往一年香港所有上市公司市值的70%,所以恆生指數及藍籌股可以作為參考香港股市行情和經濟的一種重要指標。
美國有三大指數,分別是道瓊工業平均指數(Dow Jones Industrial Average)、納斯達克綜合指數(NASDAQ)、以及標準普爾500指數(Standard & Poor's 500 index)。當中標準普爾500指數由標準普爾公司在1957年創立,是繼道瓊工業平均指數之後,全美第二大的指數。相比起另外兩個美國指數,標準普爾500指數因為從美國不同股市中選取500隻市值最高的股票去編制,而成份股中亦包含不同行業,例如有人們都熟悉的APPLE (AAPL)、NIKE(NKE)、Honeywell (HON)。所以指數走勢相對穩定和具有代表性。
上證指數是甚麼?
跟標準普爾500指數不同,上證指數(SHA: 000001) 是用在上海證券交易所中所有掛牌股票計算而成,換句話說每一隻股票都是指數成份數,所以每當有新公司掛牌上市,指數市盈率亦會跟隨調整。上證指數在1991年7月15日才正式公佈,1990年12月19日為基數日,基數點為100。雖然較其他國家地區指數遲起步,但由於近年中國經濟發展迅速,而且上海證券交易所成交量龐大,令國內外投資者更為關注上證指數走勢。
股票指數的參考性
指數最主要用處是給投資者一個股票市場大概的走勢,當然未必「市升,股升」,情況就好像「主人與寵物」一樣, 指數是主人,股票就是寵物。而不同寵物都會有不同性格,有的會活潑地到處跑;有些會比較跟隨主人步伐,不過主人最終都是會拖著寵物走,所以寵物行走的大方向仍然是會跟隨主人。換句話說,股票走勢最終都會被指數影響,不過途中可能出現各有不同的波幅情況。
事實上亦計算過,國家指數升的時候有七成股票都會升,跌的時候就有九成的股票會跌,所以除了選好你的寵物外,留意大市走勢亦同樣重要!
════════════════════
?財務自由不是夢!把握機會免費體驗?
施傅【10年財務自由】1小時簡介+工作坊
立即試看:https://www.gregorysy.com/
════════════════════
❓有效 極速 儲存千萬❓
【零至千萬加速器】1小時簡介+工作坊
免費試看:https://edu.money-tab.com/pages/accelerator
════════════════════
茶敘50 《ALL or NOTHING》
立即購票:https://edu.money-tab.com/pages/teatalk-50-online
所有課程/活動一覽: https://money-tab.info/activity
施傅新書「量化交易」手冊
網上即買: https://www.money-tab.info/2020-book-purchase
✓ APP下載: http://onelink.to/mtapp
✓ 升級版: https://money-tab.com/membership
❖訂閱【富翁電視MTTV】頻道:
https://bit.ly/35dJW4Y
❖訂閱【我要做富翁】頻道:
https://bit.ly/35LOy2J
❖讚好Facebook專頁:
https://facebook.com/203349819681082
❖追蹤Instagram專頁:
https://www.instagram.com/money_tab/
dow jones index 在 升旗易得道 Youtube 的評價
升旗易得道 2018年12月29日
主持: Tony Choi, Johnny Fok
第一節:曾志偉日本車禍,化身無間道琛哥本色,警方高層遭殃!義薄雲天,照顧化粧師好友遺孀,博愛歡樂傳萬家!| 升旗易得道 2018年12月29日
https://youtu.be/nRVpn0pXTaQ
第二節:鄭若驊化身奇異法治,最高境界「法即是我、我即是法」!律政署沒有一個是無辜的! | 升旗易得道 2018年12月29日
https://youtu.be/VfTOqxwQwKg
第三節:中石化(386)子公司賭輸石油期貨,勁蝕150億人民幣!高盛設計陷害中資又得手,美國貿易戰先鋒! | 升旗易得道 2018年12月29日
https://youtu.be/6lzi7HNbP1o
第四節:紐約地鐵缺水四百億美元,可以考慮加入一帶一路吸引中資!化解中美貿易戰的絶世好橋!| 升旗易得道 2018年12月29日
第五節:美股單月狂跌四千點,來回地獄又折返人間,道指紐約期油造雙頂,2019道指將會跌穿萬八點?| 升旗易得道 2018年12月29日
=========================================================
12月29 派米行動完成!
12月30日下午升旗義工派米行動! 歡迎報名!
升旗易得道Whatsapp: 97114085
升旗易得道Wechat: tuesdayroad
皇牌時事經濟節目!
逢星期一、五晚上 (星期二、六出街): 嬉笑怒罵, 分析時事, 經濟, 政治, 歷史和心得!
www.tuesdayroad.com
請即訂閱我們升旗易得道youtube頻道:-
https://www.youtube.com/channel/UCC3AniMm4b-kmgTlMOcg8kg
========================================================
dow jones index 在 Investing For Beginners: What is The Dow Jones Index (DJIA) 的八卦
If you ever listen to financial news, you've no doubt heard the term the Dow, or the Dow Jones. But do you know what it is? Dow Jones Index ... ... <看更多>