wall street journal的八卦，YOUTUBE、PINTEREST和Yahoo名人娛樂都在討論

โรนัลด์ รีด ภารโรง ที่มีทรัพย์สิน 200 ล้าน /โดย ลงทุนแมน
โรนัลด์ รีด ชายคนนี้เป็นภารโรงคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตตามปกติในสังคม ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง
แต่แล้วตอนที่เขาเสียชีวิตลง ทุกคนก็ต้องประหลาดใจ
เมื่อพบว่า รีด มีทรัพย์สินเก็บไว้สูงถึง 200 ล้านบาท

คำถามคือ เขามีเงินเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
นายโรนัลด์ รีด (Ronald Read) เป็นชาวอเมริกัน เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1921
โดยครอบครัวอาศัยอยู่ในรัฐเวอร์มอนต์ มีฐานะค่อนข้างยากจน และส่งเขาเรียนได้แค่ชั้นมัธยม

หลังจากปลดประจำการทหาร เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
เขาได้กลับมาทำงานเป็นพนักงานช่างที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในเมืองบ้านเกิด

ผ่านมาถึงปี 1980 เขาเปลี่ยนมาทำงานเป็นภารโรงแบบพาร์ตไทม์ ที่ร้านค้าปลีก JCPenney
โดยมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย และรับผิดชอบงานช่างเทคนิคต่างๆ ภายในร้าน

เขาทำอาชีพนี้อยู่นาน 17 ปี ก่อนเกษียณตัวเองในปี 1997 และกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข

ดูเหมือนว่าชีวิตของผู้ชายธรรมดาคนนี้ จะไม่มีเรื่องราวอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ
จนกระทั่งเขาเสียชีวิตลงในปี 2014 ตอนอายุ 92 ปี
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็ถูกเปิดเผยออกมา

เพราะครอบครัวพบว่า มรดกที่พ่อเหลือเอาไว้นั้น
คือทรัพย์สินที่มีมูลค่าถึง 240 ล้านบาท

ซึ่งตามพินัยกรรม เขาต้องการแบ่งทรัพย์สินเป็นสัดส่วนดังนี้
60 ล้านบาท ยกให้กับครอบครัว
40 ล้านบาท ยกให้กับห้องสมุด Brooks Memorial
140 ล้านบาท ยกให้กับโรงพยาบาล Brattleboro Memorial

เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้กับคนในท้องถิ่นเป็นอย่างมาก รวมไปถึงครอบครัว
ว่าโรนัลด์ รีด มีทรัพย์สินเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

เพราะถ้าดูจากข้อมูลแล้ว เขาน่าจะมีรายได้จากการทำงานน้อยกว่าคนอื่นอยู่พอสมควร

ปัจจุบัน ที่สหรัฐอเมริกา ประชาชนมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 1,440,000 บาทต่อปี
ในขณะที่อาชีพภารโรง มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 910,000 บาทต่อปี

ยิ่งถ้าเป็นฐานเงินเดือนและค่าเงินในอดีตหลายสิบปีก่อน รายได้ของรีดคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาก

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ได้ทำให้เงินเก็บดังกล่าว มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ด้วยการนำมันไป “ลงทุน” อย่างสม่ำเสมอ

อันที่จริงแล้ว ทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่รีดถือครองอยู่ ก็คือ หุ้นของ 95 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

แน่นอนว่า รีด ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
แต่ด้วยความสนใจ เขาจึงมักจะศึกษาข้อมูลผ่านหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal อยู่ทุกวัน
รวมทั้งเข้าไปหาความรู้เพิ่มเติมที่ห้องสมุด Brooks Memorial เป็นประจำ

ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า เขาใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่
แต่เพื่อนสนิทได้เปิดเผยว่า จากที่รู้จักนิสัยกันมานาน
เขามั่นใจว่า เพื่อนจะแบ่งเงินเดือนสัดส่วน 80% ไปลงทุน

ทั้งนี้หลักการลงทุนของรีด เป็นวิธีง่ายๆ ที่ใครก็สามารถทำได้ และไม่ต้องใช้ปัจจัยทางเทคนิคใดๆ

โดยเขาจะเลือกซื้อเฉพาะหุ้นของบริษัทที่มีพื้นฐานธุรกิจเข้าใจง่าย มีมูลค่าตลาดสูง และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมตัวเอง หรือที่นักลงทุนเรียกกันว่า หุ้น Blue-Chip

นอกจากนี้ กิจการจะต้องมีการจ่ายปันผลที่แน่นอน เพราะเขาจะถือหุ้นเอาไว้ระยะยาวหลายปี

ซึ่งรีดได้เข้าลงทุนในบริษัทจากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น
ธุรกิจสินค้าผู้บริโภค เช่น Procter & Gamble, Johnson & Johnson, General Electric
ธุรกิจโทรคมนาคม เช่น AT&T
ธุรกิจการเงิน เช่น J.P. Morgan, Bank of America
ธุรกิจยานยนต์ เช่น General Motors
ธุรกิจพลังงาน เช่น Dow Chemical

และเขาจะหลีกเลี่ยงการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี ที่รูปแบบธุรกิจเข้าใจยาก แม้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นมาก

อย่างไรก็ตาม ก็มีบางบริษัทที่ทำให้เขาต้องขาดทุน เช่น Lehman Brothers ที่ล้มละลายจนเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติการเงินโลกในปี 2008
แต่เนื่องจากว่า รีดมีการกระจายความเสี่ยง จึงทำให้ผลกระทบอยู่ในวงจำกัด

จะเห็นได้ว่า วิธีการลงทุนนี้ คล้ายกับนักลงทุนชื่อดังอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นอย่างมาก

ซึ่งมันได้ส่งผลให้พอร์ตการลงทุนของ โรนัลด์ รีด เติบโตขึ้นตามกาลเวลา
จนสุดท้ายมีมูลค่า 240 ล้านบาท ในปี 2014

แต่สาเหตุที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ว่าชายคนนี้เป็นเศรษฐี
ก็เพราะว่าเขายังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือมเดิม

การได้นั่งทานอาหารเช้าที่ร้านโปรดในโรงพยาบาล Brattleboro Memorial ทุกวัน
ขับรถมือสองที่ซื้อมาตั้งแต่อดีต
ใส่เสื้อตัวเดิมที่คุ้นเคย
และอ่านข่าวเกี่ยวกับการลงทุน
สำหรับเขา แค่นั้นก็ถือว่ามีความสุขแล้ว

เรื่องราวนี้อาจทำให้เราได้คิดว่า

มันคงไม่สำคัญว่าเราประกอบอาชีพอะไร หรือมีพื้นฐานความรู้มากน้อยแค่ไหน

ถ้าตั้งใจศึกษาข้อมูลใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
และยึดมั่นในหลักการอย่างมีวินัย
เราก็มีโอกาสเป็นได้เหมือน โรนัลด์ รีด..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://www.cnbc.com/…/janitor-secretly-amassed-an-8-millio…
-https://www.fool.com/…/how-did-a-janitor-amass-8-million-th…
-https://www.salary.com/rese…/salary/benchmark/janitor-salary
-https://www.thebalancecareers.com/average-salary-informatio…

โรนัลด์ รีด ภารโรง ที่มีทรัพย์สิน 200 ล้าน /โดย ลงทุนแมน
โรนัลด์ รีด ชายคนนี้เป็นภารโรงคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตตามปกติในสังคม ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง
แต่แล้วตอนที่เขาเสียชีวิตลง ทุกคนก็ต้องประหลาดใจ
เมื่อพบว่า รีด มีทรัพย์สินเก็บไว้สูงถึง 200 ล้านบาท

คำถามคือ เขามีเงินเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
นายโรนัลด์ รีด (Ronald Read) เป็นชาวอเมริกัน เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1921
โดยครอบครัวอาศัยอยู่ในรัฐเวอร์มอนต์ มีฐานะค่อนข้างยากจน และส่งเขาเรียนได้แค่ชั้นมัธยม

หลังจากปลดประจำการทหาร เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
เขาได้กลับมาทำงานเป็นพนักงานช่างที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในเมืองบ้านเกิด

ผ่านมาถึงปี 1980 เขาเปลี่ยนมาทำงานเป็นภารโรงแบบพาร์ตไทม์ ที่ร้านค้าปลีก JCPenney
โดยมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย และรับผิดชอบงานช่างเทคนิคต่างๆ ภายในร้าน

เขาทำอาชีพนี้อยู่นาน 17 ปี ก่อนเกษียณตัวเองในปี 1997 และกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข

ดูเหมือนว่าชีวิตของผู้ชายธรรมดาคนนี้ จะไม่มีเรื่องราวอะไรน่าสนใจเป็นพิเศษ
จนกระทั่งเขาเสียชีวิตลงในปี 2014 ตอนอายุ 92 ปี
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็ถูกเปิดเผยออกมา

เพราะครอบครัวพบว่า มรดกที่พ่อเหลือเอาไว้นั้น
คือทรัพย์สินที่มีมูลค่าถึง 240 ล้านบาท

ซึ่งตามพินัยกรรม เขาต้องการแบ่งทรัพย์สินเป็นสัดส่วนดังนี้
60 ล้านบาท ยกให้กับครอบครัว
40 ล้านบาท ยกให้กับห้องสมุด Brooks Memorial
140 ล้านบาท ยกให้กับโรงพยาบาล Brattleboro Memorial

เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้กับคนในท้องถิ่นเป็นอย่างมาก รวมไปถึงครอบครัว
ว่าโรนัลด์ รีด มีทรัพย์สินเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

เพราะถ้าดูจากข้อมูลแล้ว เขาน่าจะมีรายได้จากการทำงานน้อยกว่าคนอื่นอยู่พอสมควร

ปัจจุบัน ที่สหรัฐอเมริกา ประชาชนมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 1,440,000 บาทต่อปี
ในขณะที่อาชีพภารโรง มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 910,000 บาทต่อปี

ยิ่งถ้าเป็นฐานเงินเดือนและค่าเงินในอดีตหลายสิบปีก่อน รายได้ของรีดคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาก

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ได้ทำให้เงินเก็บดังกล่าว มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ด้วยการนำมันไป “ลงทุน” อย่างสม่ำเสมอ

อันที่จริงแล้ว ทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่รีดถือครองอยู่ ก็คือ หุ้นของ 95 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

แน่นอนว่า รีด ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
แต่ด้วยความสนใจ เขาจึงมักจะศึกษาข้อมูลผ่านหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal อยู่ทุกวัน
รวมทั้งเข้าไปหาความรู้เพิ่มเติมที่ห้องสมุด Brooks Memorial เป็นประจำ

ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า เขาใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่
แต่เพื่อนสนิทได้เปิดเผยว่า จากที่รู้จักนิสัยกันมานาน
เขามั่นใจว่า เพื่อนจะแบ่งเงินเดือนสัดส่วน 80% ไปลงทุน

ทั้งนี้หลักการลงทุนของรีด เป็นวิธีง่ายๆ ที่ใครก็สามารถทำได้ และไม่ต้องใช้ปัจจัยทางเทคนิคใดๆ

โดยเขาจะเลือกซื้อเฉพาะหุ้นของบริษัทที่มีพื้นฐานธุรกิจเข้าใจง่าย มีมูลค่าตลาดสูง และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมตัวเอง หรือที่นักลงทุนเรียกกันว่า หุ้น Blue-Chip

นอกจากนี้ กิจการจะต้องมีการจ่ายปันผลที่แน่นอน เพราะเขาจะถือหุ้นเอาไว้ระยะยาวหลายปี

ซึ่งรีดได้เข้าลงทุนในบริษัทจากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น
ธุรกิจสินค้าผู้บริโภค เช่น Procter & Gamble, Johnson & Johnson, General Electric
ธุรกิจโทรคมนาคม เช่น AT&T
ธุรกิจการเงิน เช่น J.P. Morgan, Bank of America
ธุรกิจยานยนต์ เช่น General Motors
ธุรกิจพลังงาน เช่น Dow Chemical

และเขาจะหลีกเลี่ยงการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี ที่รูปแบบธุรกิจเข้าใจยาก แม้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นมาก

อย่างไรก็ตาม ก็มีบางบริษัทที่ทำให้เขาต้องขาดทุน เช่น Lehman Brothers ที่ล้มละลายจนเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติการเงินโลกในปี 2008
แต่เนื่องจากว่า รีดมีการกระจายความเสี่ยง จึงทำให้ผลกระทบอยู่ในวงจำกัด

จะเห็นได้ว่า วิธีการลงทุนนี้ คล้ายกับนักลงทุนชื่อดังอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นอย่างมาก

ซึ่งมันได้ส่งผลให้พอร์ตการลงทุนของ โรนัลด์ รีด เติบโตขึ้นตามกาลเวลา
จนสุดท้ายมีมูลค่า 240 ล้านบาท ในปี 2014

แต่สาเหตุที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ว่าชายคนนี้เป็นเศรษฐี
ก็เพราะว่าเขายังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือมเดิม

การได้นั่งทานอาหารเช้าที่ร้านโปรดในโรงพยาบาล Brattleboro Memorial ทุกวัน
ขับรถมือสองที่ซื้อมาตั้งแต่อดีต
ใส่เสื้อตัวเดิมที่คุ้นเคย
และอ่านข่าวเกี่ยวกับการลงทุน
สำหรับเขา แค่นั้นก็ถือว่ามีความสุขแล้ว

เรื่องราวนี้อาจทำให้เราได้คิดว่า

มันคงไม่สำคัญว่าเราประกอบอาชีพอะไร หรือมีพื้นฐานความรู้มากน้อยแค่ไหน

ถ้าตั้งใจศึกษาข้อมูลใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
และยึดมั่นในหลักการอย่างมีวินัย
เราก็มีโอกาสเป็นได้เหมือน โรนัลด์ รีด..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://www.cnbc.com/2016/08/29/janitor-secretly-amassed-an-8-million-fortune.html
-https://www.fool.com/investing/general/2015/02/15/how-did-a-janitor-amass-8-million-the-same-way-you.aspx
-https://www.salary.com/research/salary/benchmark/janitor-salary
-https://www.thebalancecareers.com/average-salary-information-for-us-workers-2060808

台美關係更上層樓

三十多年來，美台關係一直都扮演著亞太地區和平及穩定的基石。毋庸置疑的，美國是我們最重要的戰略夥伴；而台灣對於區域的未來，也必須做出進一步的貢獻。

作為一個極富活力的民主國家，台灣身處於極活躍也極複雜的區域，而這個區域的安全及經濟環境正持續變動中。為了要成功的在這個大環境中前進，台灣將需要對未來提出一個開放並具前瞻性的戰略。而這項工作，基本上，是建立在與美國擁有健全的經濟、國防、以及人民與人民的關係上，同時與中國保持全面且有原則的互動。

我認為台灣未來需要一個四管齊下的的對外政策：（1）擴大與美國多面向的合作；（2）找出台灣可以參與其中並有利於國際社會的國際性計畫；（3）透過貿易多元化，保護台灣的經濟自主性；（4）增進與中國有原則性的互動。

此政策的整體成效不僅取決于個別實現這四個支柱，也取決於我們如何將這四個面向做相互連結，讓台灣的國際角色呈現一個全方位的典範。如同我一再強調的，一個與美國穩固的、全面性且持續的夥伴關係，是台灣整體國家安全的基礎。在這方面，我會致力於透過聯合訓練、演習及國防工業合作來強化合作關係。

除了加強我們已經在傳統安全領域的深厚關係，同樣重要的是，台灣要如何支援這個區域對非傳統安全威脅的應變能力，面對包括日趨嚴重的氣候變遷，以及亞太地區日益頻繁的天然災害等挑戰。在這方面，我會致力於與美國、中國、韓國、日本以及其它志同道合的國家，展開開放性的對話，討論我們如何全面強化這個區域的人道及天然災害救援架構及能力。

在安全合作之外，我確信將我們經貿關係多元化，與美台關係的未來發展同樣重要。光是去年台美雙邊貿易就達到六百三十億美元，而台灣至今也是美國第十大貿易夥伴。在下一個經濟發展階段，台灣致力於多元化經濟成長動力來源的同時，我們必須與世界各地建立強固的經濟關係，吸引長期的外國投資並培養我們的人力資源。

台灣邁向這個目標的第一步，必須提出一個更強而有力的貿易政策，並改變一些我們與企業的互動方式以及建立更健全的架構，以增進投資者信心。在不久的將來，確保台灣已準備好成為TPP（跨太平洋夥伴協定）以及其它區域經貿協議的候選國家，這將是我的經濟政策的重要基石。遵從國際規範、減少官僚作業以及簡化我們的投資程序都是此一政策不可或缺的要素。這些措施將會使台灣更為有彈性、更具國際競爭力而且更具有投資吸引力。

台灣整合成區域貿易伙伴及加入投資協定，將會激發更廣泛的國際活動參與。身為國際社會中負責任的一員，台灣已經致力於遵守無數的國際規範及框架，這也包括台灣無法成為會員或只是觀察員的組織。

而當台灣尋求更有意義的國際參與時，也已經發展出許多的能力及技能，讓台灣能夠對國際社會更廣泛的知識基礎提供貢獻。例如，身為高科技產業的數一數二的樞紐，台灣擁有很好的利基，可以協助發展二十一世紀貿易問題所需的先進國際貿易標準及規範，包括數據流通及智慧財產權的標準。

為了達成這些目標，一個更穩定一致且可持續的對中關係將是我的施政重點。這需要跟中國領導階層以及跟台灣人民，都建立開放的溝通管道。去年三月的太陽花運動，社運人士佔領立法院抗議對中貿易協定的黑箱作業，這已經顯示出當台灣人民認為自己被排除在討論過程外的時候，會有怎樣的結果。

我的首要工作將是建立透明的機制，以強化兩岸的互信與合作。透過有原則的交流、合作及對話，我會確保合作的精神繼續指引兩岸關係的改善。

三十六年前，美國國會頒布了台灣關係法，凸顯我們與美國伙伴關係的本質。經歷了六任共和黨及民主黨的美國總統，透過廣泛的經濟與安全合作，我們持續維持這個歷史性的友誼。我確信，這個區域的和平與繁榮是我們雙方共同的利益，我們會強化這個關係且確保長遠的延續下去。

華爾街日報：
http://www.wsj.com/articles/taiwan-can-build-on-u-s-ties-1433176635

愛、勇気や青春賛歌など不思議なものがもし本当にこの世界に存在するならば、それらの宝石のようなものはこの夏の香港で輝いているでしょう。

この間毎日のように香港市民によって熱唱されている、「香港国歌」と呼ばれているプロテスト・ソング＝《願榮光歸香港》の日本語Verを、香港の皆さんに愛されている初音ミクさんに歌っていただきました。

本家＝《願榮光歸香港》（広東語Ver）：https://www.youtube.com/watch?v=y7yRDOLCy4Y
曲: thomas dgx yhl
詞: t, 眾連登仔
編: t, bp, clk
Vocal Editing: 621, cheater, eeeee, 青棍幫, 烏素晴
Mixing: Edwin@mita, Kazaf
Mastering: Edwin@mita
mv製作: 文字藝術絲

日本語Ver：
日本語Ver歌詞： 小林遥
日本語Verアレンジ： Elmet Selch
Vocaloid調教： Kib 、 小林遥
MV製作：SaiHo
メインビジュアル: Mzcca
『声になれない本音』
pixiv :https://www.pixiv.net/member_illust.php?illust_id=31118621&mode=medium
instagram : @mzcca0.16

Video Source: (ソース)
Wall Street Journal
VOA News
The New York Times
The Guardian
Vox
South China Morning Post

なぜ 涙止まらぬ
na ze na mi da to ma ra nu
なぜ 怒りを 感じる
na ze i ka ri wo kan ji ru
顏を 上げ 叫びよ 届け
ka o wo a ge sa ke bi yo to do ke
自由よ、ここにあれ
ji yuu yo ko ko ni a re

なぜ 恐れが 残る
na ze o so re ga no ko ru
なぜ 信じて 進んでく
na ze shin ji te su sun de ku
なぜ 傷ついても 叫んでる
na ze ki zu tsu i te mo sa ken de ru
自由よ 輝け
ji yuu yo ka ga ya ke

星が 落ちる 夜に
ho shi ga o chi ru yo ru ni
霧で 角笛が 響く
ki ri de tsu no bu e ga hi bi ku
自由を！ 集まれ 立ち向かえ
ji yuu wo a tsu ma re ta chi mu ka e
勇気 叡智 消えぬ
yuu ki ei chi ki e nu

夜明けだ 香港を 取り戻せ
yo a ke da hon kon wo to ri mo do se
この時代に 正義を！ 革命を
ko no ji dai ni se i gi wo ka ku mei wo
どうか民主 自由よ 朽ちないで
do u ka min shu ji yuu yo ku chi na i de
香港に栄光あれ
hon kon ni ei kou a re

niconico link:
https://sp.nicovideo.jp/watch/sm35722074

私たちは一人一人の市民でしかなく、特定の政治団体ではありません。
#願榮光歸香港 #香港加油

Cập nhật tin tức về Novel Coronavirus (nCoV 2019) : MỸ - PHÁP tìm cách sơ tán công dân khỏi Vũ Hán. VIỆT NAM "mời" công dân đưa tin về dịch bệnh làm việc.

Trung Quốc nâng mức báo động đỏ đối với Novel Coronavirus, viết tắt là nCoV 2019
Coronavirus là tên chủng virus và nó có nhiều biến thể khác nhau. Ít nhất đã có 2 biến thể cùng chủng đã gây ra hai đợt dịch trong 20 năm qua là SARS và MERS. Biến thể mới được lần này là Novel Coronavirus 2019. Novel ở đây có nghĩa là newly dícovered/originated (hay gọi là Wuhan Coronavirus)
Trung Quốc đã nâng mức báo động được nâng lên cao nhất đối với 22/25 tỉnh trên toàn quốc gia (bao gồm cả đặc khu, khu tự trị) để triển khại kế hoạch dập dịch 2019 nCoV của họ. Điều này có nghĩa là 1,1 tỉ người (thuộc 22 tỉnh) phải chịu sự quản lý của tình trạng ứng phó khẩn cấp y tế theo báo động đỏ! Đây là tình trạng chưa bao giờ có ở Trung Quốc.
Điều này phù hợp với lời kêu cứu khẩn cấp gửi đi từ thành phố Vũ Hán ngày hôm qua của một nghiên cứu sinh tiến sĩ ngành hóa mà nhà văn Ming Xia, tác giả của quyển sách "The empire of the red sun" (Đế quốc mặt trời đỏ) chia sẻ trên Twitter.
"Hiện tại thì chúng tôi vẫn ổn, cố gắng hết sức ở trong nhà, nhưng tình hình của Vũ Hán thì rất là tệ, ngay cả 13 thành phố xung quanh đều đã bị phong tỏa. Tình hình tiến triển trong tương lai như thế nào đều rất khó đoán trước.
WHO và chính quyền móc nối với nhau, từ chối nâng cấp mức cảnh báo, toàn thế giới đang đứng trước rủi ro rất cao.
Dịch Virus Corona lần này là chủng biến dị của SARS, tương đương như virus cúm biến thành cúm gia cầm (cúm A). Mức độ lây lan rất mạnh, thời gian ủ bệnh dài, hiện tại thì bệnh viện ở Vũ Hán đã kín hết giường bệnh và từ chối nhận bệnh nhân, rất nhiều người "trợn tròn mắt ở nhà" (như vậy thì số lượng tử vong khong được đưa vào con số thống kê chính thức của chính quyền).
Chính quyền Vũ Hán đã bưng bít tình hình dịch bệnh trong mười mấy ngày, khiến cho người dân không hề áp dụng bất cứ biện pháp phòng tránh nào, cộng thêm đợt di chuyển lớn dịp tết (Xuân Vận) đã khiến cho phạm vi lây lan được khuếch tán rất lớn.
Hy vọng mọi người có thể nhanh chóng kêu gọi sự trợ giúp của quốc tế càng nhanh càng tốt. Nếu không hậu quả sẽ khó có thể tưởng tượng được."
Trong ngày 25/1/2020, nước Úc là quốc gia mới nhất xác nhận ca viêm phổi do nCoV 2019 gây ra. Bệnh nhân đã từ ổ dịch Vũ Hán đến Melbourne cách đây 1 tuần. Tại Trung Quôc, bác sĩ Liang Wudong tại bệnh viện Tân Hoa Hồ Bắc thuộc tỉnh Hồ Bắc, người luôn túc trực ở tuyến đầu tại ổ dịch Vũ Hán đã tử vong ở tuổi 62. Bắc Kinh đã điều động 450 quân y, một số có kinh nghiệm tham gia dịch SARS hoặc Ebola, đến Vũ Hán.
Theo tin từ Wall Street Journal trong ngày 24/1/2020, Hoa Kỳ đang sắp xếp một chuyến bay trong ngày Chủ Nhật (26/1/2020) để đưa các nhà ngoại giao từ lãnh sự quán cũng như công dân Hoa Kỳ và gia đình của họ rời khỏi thành phố Vũ Hán. Hiện có khoảng 1.000 người Mỹ có thể đang bị kẹt ở Vũ Hán. Chuyến bay sơ tán đầu tiên chỉ có khoảng 230 chỗ ngồi, bao gồm nhân viên và nhà ngoại giao cùng với một số công dân Mỹ và thành viên gia đình họ. GIới chức Pháp cũng đang cân nhắc sơ tán công dân đang kẹt lại Vũ Hán do lệnh phong tỏa của chính phủ Trung Quốc. Thời điểm kế hoạch sơ tán diễn ra, cũng như tên đơn vị được tổng lãnh sự quán Pháp nhờ hỗ trợ thông báo cho công dân, chưa được tiết lộ. Đại sứ quán nhiều nước cũng đang lên kế hoạch sơ tán công dân khỏi Vũ Hán. Anh và Hàn Quốc cũng có lãnh sự quán tại thành phố có 11 triệu người sinh sống.
Tại Việt Nam, Đà Nẵng cho phép đoàn 218 khách du lịch đến từ Vũ Hán, Trung Quốc nhập cảnh Đà Nẵng trong ngày 22/1 và dự kiến sẽ rời Việt Nam trong ngày 27/1.
Bà Trương Thị Hồng Hạnh, Giám đốc Sở Du lịch Đà Nẵng, cho biết số khách này nhập cảnh theo chuyến bay cuối cùng từ Vũ Hán đến Đà Nẵng ngày 22-1, trước khi thành phố này đóng cửa. Đoàn khách tham quan Đà Nẵng và các khu vực lân cận, đến ngày 25-1 (mùng Một Tết) sẽ vào Nha Trang. "Hiện các du khách này không có biểu hiện gì đáng nghi mắc bệnh hô hấp, do đó họ vẫn tiếp tục lịch trình tham quan", bà Hạnh nói.
Trong ngày 24/1 (đêm 30 Tết), Hà Nội tiếp nhận nam bệnh nhân 26 tuổi, ở Bắc Từ Liêm, Hà Nội, nhập viện trong tình trạng sốt cao gần 40 độ C, khó thở, mệt mỏi. Bệnh nhân cho biết từng đi xuất khẩu lao động ở Đài Loan, Trung Quốc, mới trở về Việt Nam cách đây vài ngày. Thấy sốt cao, mệt mỏi, điều trị tại nhà không giảm, người này đã nhập viện. Ngay lập tức, bệnh nhân được cách ly, theo dõi. Cũng trong tối 30 tháng Chạp, Bệnh viện Bệnh nhiệt đới tỉnh Khánh Hòa tiếp nhận 5 trường hợp nghi nhiễm virus corona. Trong đó, hai bệnh nhi là người Trung Quốc.một trong hai bệnh nhi người Trung Quốc là bé 7 tuổi, có mẹ đi cùng. Ngay khi tiếp nhận bệnh nhi, bệnh viện đã tiến hành cách ly để theo dõi, gửi mẫu xét nghiệm. Trong thời gian cách ly, chờ kết quả xét nghiệm, cha mẹ của bệnh nhi này liên tục "quậy", bệnh viện phải mời công an địa phương đến làm việc. Tối cùng ngày, kết quả xét nghiệm cho thấy bệnh nhân âm tính với virus corona. Bệnh viện đã làm thủ

Wall Street Journal が任天堂の計画を直接知る立場の関係者から、およびサプライヤ筋から得たという証言によると、任天堂はニンテンドースイッチの新モデルを2019年にも発売すべく、仕様の策定を進めているとのこと。

◆Doctor KONAN / 木南　チャンネル登録お願いします。
http://www.youtube.com/user/Doc?sub_confirmation=1

◆Doctor KONAN / 木南　Twitter
https://twitter.com/Doctor_KONAN

◆Doctor KONAN　ブログ
http://doctorkonan.blogspot.jp/

◆Doctor KONAN / 木南　Facebook
https://www.facebook.com/pages/Doctor-KONAN-%E6%9C%A8%E5%8D%97/1581665722113695?ref=aymt_homepage_panel

自己紹介
こんにちは。ガジェット系のレビューを中心に、パソコン、スマートフォン関係の動画を上げています。
できるかぎり、毎日動画を作っていく予定です。
ヒーローショーやエンタメ系の動画もアップします。
楽しいことは、みんなでシェアしたいと思います。

撮影機材
端末：AverMedia（アーバーメディア）GC550
マイク：Steinberg UR12 XM8500
カメラ：CANON Ivis HF G20