https://www.facebook.com/WURKON/posts/1804024169901493
The Sun Hunter สองหนุ่มผู้เดินทางไปสุดขอบฟ้าเพื่อตามหาดวงอาทิตย์ (ตอนแรก)
เมื่อปีที่ผ่านมา หลายคนคงมีโอกาสได้ดูรายการท่องเที่ยวแหวกแนวรายการหนึ่งทาง LINE TV ที่ดำเนินรายการโดยสองหนุ่มสองสไตล์ หนึ่งในนั้นเป็นหนุ่มหล่อเนี้ยบ มาดกวน ผู้เป็นที่รู้จักและคุ้นหน้าคุ้นตาเขาในฐานะนักแสดงหนุ่มลูกครึ่งมาดกวนในหนังเรื่องดังอย่าง เพื่อนสนิท, สายลับจับบ้านเล็ก, ไอฟาย..แต๊งกิ้ว..เลิฟยู้, ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ และล่าสุดใน Die Tomorrow อย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์
ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มเซอร์ มาดเท่ นั้นเป็นเพื่อนซี้ของซันนี่ ที่สนิทกันตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยอย่าง เคนจิ วันสว่าง บุญพิพัฒนาพงศ์ ทั้งสองร่วมเดินทางท่องเที่ยวด้วยคอนเซ็ปต์แปลกๆ อย่างการตามล่าหาพระอาทิตย์ไปรอบโลก ที่ตระเวนไปสุดขอบฟ้าเพื่อตามหาพระอาทิตย์ขึ้นและตกในหลายต่อหลายประเทศ ทั้ง ฝรั่งเศส, อังกฤษ, ไอร์แลนด์, สวิตเซอร์แลนด์, ตุรกี ฯลฯ ด้วยสไตล์การเดินทางสบายๆ แบบไม่ซีเรียส และจังหวะการปล่อยความฮาๆ ที่รับส่งมุกกันอย่างลื่นใหลเป็นธรรมชาติ ทำให้เราติดตามการเดินทางของสองหนุ่มสองสไตล์สองคนนี้ได้อย่างเพลิดเพลินเจริญใจ
เพื่อไม่ให้เป็ฯการเสียเวลา เรามาร่วมกันค้นหาว่า ชายหนุ่มสองคนนี้จะตามล่าหาพระอาทิตย์กันไปทำไม การเดินทางตามหาพระอาทิตย์ของเขามีรสชาติแบบไหน พระอาทิตย์ที่เขาไปเจอมีหน้าตายังไง และท้ายที่สุด เขาได้เจอกับพระอาทิตย์ที่ตัวเองค้นหาไหม? ไปพร้อมๆ กันเถอะ
สนใจชมรายการ The Sun Hunter ได้ที่นี่ https://tv.line.me/thesunhunter
…………………………………………………………………………
WURKON:
แรกเลย ซันนี่กับเคนจิมาเจอกันได้ยังไง
ซันนี่:
เจอกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย อยู่เอแบค (มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ) ตอนนั้นทรงผมจิเหมือนหนูแทะ เดินมาผอมๆ โย่งๆ เข้ามาบอก “เฮ้ยนาย เรามาสร้างโลกด้วยกันป่ะ?” (หัวเราะ)
เคนจิ: (หัวเราะ) ตอนนั้นซันนี่เตะบอลอยู่หน้าสนามบาส ไว้ผมหน้าม้าเต่อ เสื้อผ้าขาดๆ
ซันนี่:
เฮ้ยๆๆ ไม่ขาด (หัวเราะ) แต่งตัวโอเค้
เคนจิ:
แล้วก็มาทำละครเวทีคณะด้วยกัน เรื่อง โรมิโอและจูเลียต
ซันนี่:
จิเล่นเป็น (เบ็น)โวลิโอ ผมเป็น โรมิโอ แก๊งเดียวกัน
WURKON:
โรมิโอและจูเลียต สมัยใหม่ที่ใส่เสื้อฮาวาย ใช่ป่ะ
ซันนี่:
ใช่ๆ เอามาทำในเวอร์ชั่นละครเวที
เคนจิ:
มันไม่ใช่ละครเวทีซะทีเดียวน่ะ มันเป็นเหมือนโชว์ เน้นตลก ฮาๆ เหมือน ชิงร้อยชิงล้าน น่ะ
ซันนี่:
ใช่ๆ บ้าๆ บอๆ แบบออกมาเล่นมุกอะไรแบบนี้
เคนจิ:
เล่นกันแบบสดๆ เลย
ซันนี่:
และในเรื่อง จิชื่อ (เบ็น)โวลิโอ แล้วมีเพื่อนอีกคนชื่อ เต้ฮิว เล่นเป็น เมอร์คิวชิโอ เขาก็เรียก (เบ็น)โวลิโอ ว่า “จิ” จนจบโชว์ไปเลย (หัวเราะ) จิต้องแก้ทุกครั้งว่า “กูชื่อ (เบ็น)โวลิโอ”
WURKON:
อันนี้เป็นมุกใช่ไหม
ซันนี่:
ไม่ใช่! มันจำไม่ได้จริงๆ ! (หัวเราะ) มันบอก “เฮ้ย จิ”, จิบอก “กูชื่อ (เบ็น)โวลิโอ” (หัวเราะ)
WURKON:
เรียกว่ามาทางนี้กันตั้งแต่สมัยเรียนกันเลยใช่ไหม
ซันนี่:
ใช่ครับ มาทางไร้สาระ (หัวเราะ)
WURKON:
แล้วเป็นไงมาไงถึงได้มาทำงานด้วยกัน
ซันนี่:
ก็เหมือนแยกกันไปช่วงนึงนะ ไม่ได้เจอกัน
เคนจิ:
ซันนี่ไปเล่นดนตรีไง แล้วจิก็ไปทำงานประจำ ไม่ได้เจอกันพักหนึ่ง
ซันนี่:
ต่อมาผมก็ไปเป็นนักแสดง สักพักก็กลับมาเจอกันอีก
WURKON:
กลับมาเจอกันได้ยังไง
เคนจิ:
ก็นัดไปเที่ยวกัน ไปต่างจังหวัด ไปโน่นไปนี่
ซันนี่:
หลังจากนั้นก็หุ้นกันทำยิมมวยไทย (พยัคฆินทร์มวยไทย) ด้วยกัน
เคนจิ:
ทำร้านอาหาร Animal Cafe ด้วยกัน
ซันนี่:
ก่อนหน้านั้นก็มีรายการที่เป็นพิธีกรด้วยกัน
เคนจิ:
นี่ก็เพิ่งเปิดร้านอาหารใหม่อีกร้านด้วยกัน
ซันนี่:
เฮ้ย! นี่ขายของเหรอ? ร้านอะไรวะ? อร่อยหรือป่าวเนี่ย? ชื่ออะไร? อยู่แถวไหน? (หัวเราะ)
เคนจิ:
เฮ้ย! อร่อยมาก ร้านตั้งใจดี ปูอบวุ้นเส้น อยู่ตลาดรถไฟรัชดา (หัวเราะ)
ซันนี่:
สุดยอด! (หัวเราะ)
WURKON:
มีเคมีอะไรที่เข้ากันเหรอ ถึงได้มาทำธุรกิจด้วยกัน
ซันนี่:
อืม จิเขามีคุณธรรมของเขาอยู่น่ะครับ ทำไมทำหน้าไม่เชื่อถืออย่างงั้นล่ะครับ (หัวเราะ) เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่โอเค แล้วขยัน เขาจะทำทุกอย่าง เวลาเจออะไรแล้วเขาจะอยากจะลองทำไปหมด
เคนจิ:
คือมันเหมือนกับเราทำงานด้วยกันมา ช่วยกันมาแล้ว เขาช่วยเรา เราก็ดูแลธุรกิจให้เขาใช่ป่ะ เวลาทำอะไรใหม่ๆ เราก็ต้องไปบอกเขาก่อนว่า เฮ้ย มีอันนี้ จะทำไหม ก็ให้เขาตัดสินใจน่ะ
WURKON:
จะทำไหม! เวลาพูดมีกระชากคอเสื้อด้วยป่ะ
ซันนี่:
ไม่ใช่ละๆ นั่นบังคับละ! (หัวเราะ)
เคนจิ:
เวลาเราทำอะไรใหม่ๆ มีธุรกิจใหม่ๆ เราก็จะมาถามเขาก่อน เพราะว่าเราลงเรือลำเดียวกันมาหลายงานแล้ว และเขาก็ช่วยเหลือเรามาหลายอย่าง
ซันนี่:
อีกสักพักก็ไปทำโน่นแล้ว เราก็ อ้าว ไม่เห็นชวนเลย อะไรอย่างนี้ มีงอน
เคนจิ:
เราก็จะมาถามก่อน จริงๆ ก็ไม่เคยไม่ชวนนะ
WURKON:
แล้วมาทำรายการด้วยกันได้ยังไง
ซันนี่:
ก่อนหน้านั้นผมเคยทำหนังสั้น กำกับหนังสั้น ก็จะเอาเพื่อนๆ ไปเล่น แล้วก็มีจิอยู่ในนั้นด้วย (ภาพยนตร์สั้น "หลักสูตรโตไปไม่โกง" ตอน ระหว่างทาง) ก็เป็นเพื่อนในแก๊งเดียวกัน มีสี่คนครับ
เคนจิ:
เขาเรียก หรั่งโมเดลลิ่ง (หรั่ง เป็นชื่อเล่นของซันนี่)
ซันนี่:
คือ เราจะเปิดโมเดลลิ่งให้เพื่อนๆ มาเล่น เวลามีหนังอะไรเราก็จะส่งเพื่อนๆ ไป
เคนจิ:
เวลามีโฆษณาเราก็จะเป็น เอ็กซ์ตร้ามาเฟีย ยืนอยู่หน้ากล้อง (หัวเราะ)
WURKON:
แล้วประสบความสำเร็จไหม หรั่งโมเดลลิ่ง เนี่ย
ซันนี่:
ก็แล้วแต่อนาคตของแต่ละคนครับ (หัวเราะ) บางคนก็โดนตัดออกบ้าง บางคนก็ได้เล่นบ้างอะไรบ้าง
เคนจิ:
นายแบบ นางแบบ บางคนที่ถูกจ้างมาเป็น Extra (ตัวประกอบที่ไม่มีบทพูด) หน้าตาดีมากๆ ก็จะ
ถูกมาเฟียบดบัง เขาก็จะย้ายไปอยู่ไกลๆ
ซันนี่:
แก๊งนี่จะอยู่หน้าตลอดในโฆษณา (หัวเราะ)
WURKON:
พูดง่ายๆ ว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่?
ซันนี่:
(หัวเราะ) ม่ายช่ายย! ผู้กำกับเขาโอเค ไม่งั้นเขาก็คงไม่ย้ายให้หรอก(หัวเราะ) เขาชอบแหละ
WURKON:
แล้วเอาเพื่อนมาเล่นนี่ เราเห็นแววอะไรในตัวเพื่อนๆ เหรอ
ซันนี่:
ก็แต่ละคนจะมีความน่าสนใจในตัวเขา แต่คนจะไม่รู้ไง บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าจะใช้ยังไง เหมือนใช้คนไม่ถูกต้องในหน้าที่ของเขา บางคนก็จะมีความโดดเด่นเฉพาะตัวของเขา
เคนจิ:
ซันนี่เป็นคนจำบทพูดได้หมด ว่าเพื่อนจะพูดอะไร อย่างอยู่ในสถานการณ์นี้ เพื่อนคนนี้จะพูดอะไรออกมา
ซันนี่:
ถ้าเป็นไอ้นี่นะ จะทำอย่างนี้ชัวร์ เราก็เลยจะแนะนำได้ อย่างตอนที่เขียนบทหนัง โตไปไม่โกง พอทุกคนอ่านก็บอก เออ เราพูดจากันอย่างนี้จริงๆ (หัวเราะ)
WURKON:
เขียนบทจากคาแรคเตอร์ของเพื่อนจริงๆ
ซันนี่:
ใช่
WURKON:
แล้วเป็นไงมาไงถึงได้มาทำรายการท่องเที่ยว
ซันนี่:
ก็ จะมีเพื่อนอีกคนหนึ่ง ชื่อว่า บอล รชิต หรือ รชิต งุ้ม เขาทำสายโปรดักชั่นอยู่แล้ว และเขามีความคิดว่าเขาอยากไปดูพระอาทิตย์ทั่วโลก ทำรายการเกี่ยวกับพระอาทิตย์ เพราะบริษัทเขาชื่อว่า บ้านแสงเช้า แล้วเราก็รู้สึกว่าแสงมันสวยดีเวลาอยู่ในกล้อง ก็เลยอยากจะทำรายการขึ้นมาสักรายการเกี่ยวกับเรื่องนี้
เคนจิ:
เขาชื่อ ซันนี่ แล้วเราก็ชื่อ วันสว่าง
WURKON:
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น หรือนี่จะเป็นพรหมลิขิตกันแน่
ซันนี่:
ใช่ๆ (หัวเราะ) เราก็เลยมาทำงานด้วยกัน
เคนจิ:
โปรดิวเซอร์อีกคน ชื่อ เอกลักษณ์ ก็แปลว่า พระอาทิตย์
ซันนี่:
ไม่ใช่ละ! ไม่ได้แปลว่า พระอาทิตย์ เอกลักษณ์ ก็คือ เอกลักษณ์! (หัวเราะ)
WURKON:
พระอาทิตย์ในประเทศไทยมันก็มีไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องถ่อไปดูถึงต่างประเทศ
เคนจิ:
มันเป็นเป้าหมายไง พระอาทิตย์คือเป้าหมาย แต่ความหมายของการเดินทาง มันคือ ระหว่างทาง และรสชาติของมัน
ซันนี่:
จริงๆ มันก็ไม่เหมือนนะ พอเราไปดูอีกที่หนึ่ง เราก็มีความรู้สึกว่ามันไม่เหมือนกัน เพราะปกติเราไม่ได้ใส่ใจพระอาทิตย์ด้วยซ้ำ โอ้ย เห็นขึ้นๆ ลงๆ แต่จริงๆ พระอาทิตย์มันเปรียบได้กับทุกอย่าง ทั้งการเริ่มใหม่ การตกลง หรือว่าความสวยงามของมันในเวลาไหน จะโผล่ หรือไม่โผล่ มันเหมือนแบบ
เคนจิ:
สถาบันครอบครัวก็เหมือนกัน เหมือนมันอยู่ใกล้มาก เราก็เลยไม่ได้ให้ความสนใจ พอเรามาออกมา
โฟกัสแล้วเราก็จะรู้ว่ามันมีความสำคัญ ก็เหมือนพระอาทิตย์น่ะ เราไม่เคยให้ความสนใจ เราเห็นทุกวัน แต่พอเรามาให้ความสนใจ เราก็จะรู้สึกว่า โอ้โห! มันเจ๋งหว่ะ มันสวยงาม มันเป็นเป้าหมายของเรา
WURKON:
มองเห็นความพิเศษในเรื่องปกติธรรมดา
ซันนี่:
ใช่ครับ มันหลายๆ อย่าง อย่างเช่น พระอาทิตย์เนี่ย จริงๆ มันเป็นสิ่งสวยงาม ถ้าให้คนไปนั่งดู ทั้งๆ ที่เขาไม่อยากจะดูนะ แต่ถ้าให้เขาไปนั่งดู จริงๆ เขาจะนั่งดูได้เป็นชั่วโมง เอ็นจอยกับโมเม้นต์นั้นได้เป็นชั่วโมง
เคนจิ:
แล้วแต่ละวัน พระอาทิตย์ขึ้นตกที่เดียวกัน บรรยากาศการดูในแต่ละวันก็ไม่เหมือนกัน
WURKON:
ตามล่าแล้วเจอไหม พระอาทิตย์ เนี่ย
ซันนี่:
เจอบ้างไม่เจอบ้าง การถ่ายรายการของเราคือ เราจะไม่อยู่ที่เดิมเพื่อรอ แต่จะเดินทางไปเรื่อยๆ ภารกิจของเราคือการตามล่าหาพระอาทิตย์
เคนจิ:
การไม่เจอก็คือประสบการณ์ที่ดีนะ มันก็เป็นรสชาติอีกอย่าง เหมือนกับผิดหวังมาสามวัน พอวันที่สี่ประสบความสำเร็จ มันก็ทำให้วันนั้นสวยงามขึ้น ดูดีขึ้น ทำให้คุ้มเหลือเกินที่ได้มาเจอ ได้มาเห็น แต่ถ้าเราเห็นทุกวัน มันก็จะเป็นเรื่องธรรมดา มันก็อาจจะมีรสชาติหลากหลายกันไป แต่ถ้าเรามีอุปสรรคบ้าง ฝนตก เมฆบัง ของหาย...
WURKON:
กล้องถูกขโมยบ้าง อะไรอย่างนี้
เคนจิ:
(หัวเราะ) เออ นั่นแหละ พอเราได้เห็นออกมาเป็นรูปภาพ เป็นวีดีโอ เรามองย้อนกลับไปมันสวยงาม อุปสรรคมันทำให้ชีวิตสวยงามขึ้น
ซันนี่:
มันเหมือนเป้าหมายเราอยู่ตอนนั้น จะเห็นหรือไม่เห็นก็ตาม มันเทียบกับการทำงานได้เหมือนกัน เราตั้งใจจะทำสิ่งนี้ในทุกๆ วัน เรารู้ว่าผลลัพธ์มันอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าวันนี้เราเจอพระอาทิตย์สวยงามเป็นดวงหรือเปล่า มันก็ไม่ต่าง เพราะเรารู้ว่ามันอยู่ตรงนั้น
WURKON:
เวลาเดินทางนี่เลือกสถานที่กันยังไง
ซันนี่:
ซีซั่นแรกนี่เราอยากจะเริ่มต้นที่ยุโรปก่อน เราเลือกที่ฝรั่งเศสเพราะว่าคุณแม่ผมเป็นคนฝรั่งเศส ก็เลยเลือกที่นั่น
เคนจิ:
แต่จริงๆ พอไปถึงแล้วก็ไม่ใช่
ซันนี่:
เพราะว่า แม่ไม่ได้เกิดเมืองนั้น (หัวเราะกันลั่น) เราไปผิดเมือง เราดันไม่ถามก่อนไง (หัวเราะ) เรารู้แค่ว่า เราได้ยินมาว่าแม่เกิดเมืองนั้น
เคนจิ:
เมืองมาร์กเซย (Marseille)
ซันนี่:
แต่แม่เกิดที่เมือง แอ็กซ์ ออง โพรวองซ์ (Aix-en-Provence) ใกล้ๆ เมืองมาร์กเซย แต่เราไม่ผ่าน อ้าว งั้นก็ไม่ต้องมาฝรั่งเศสก็ได้นี่หว่า (หัวเราะกันลั่น)
WURKON:
แล้วรู้ได้ยังไงว่าแม่เกิดอีกที่นึง
ซันนี่:
โทรไปถามครับ โทรไปตอนที่อยู่ที่นั่น “ถึง มาร์กเซย แล้ว บ้านเกิดแม่” แม่บอก “เปล่า ไม่ได้อยู่เมืองนั้นเลย” (หัวเราะร่วน) ก็ตลกดี พูดออกในรายการตรงนั้นเลย (หัวเราะ)
WURKON:
นี่คือลักษณะในการทำงานเลยใช่ไหม
ซันนี่:
ใช่ครับ คือมันเป็นรายการท่องเที่ยวที่มีเป้าหมาย คือ พระอาทิตย์ แต่ระหว่างนั้นเราก็ท่องเที่ยวไปเรื่อย แต่เราไม่อยากจะบอกคนว่า มาดูนี่นะครับ ที่นี่มีอะไรบ้าง อันนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องมาเจอเอง เราแค่พาไปรู้คร่าวๆ ว่าแผนมันเป็นยังไง การเดินทางเป็นยังไง ที่เหลือเขาต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเอง
WURKON:
ลักษณะการเดินทางก็จะเลยออกแนวด้นสด
ซันนี่:
ใช่ครับ เป็น Road Trip ด้วย ไปเรื่อยๆ ไม่หยุด ไม่มีแบบว่า รอที่นี่สี่วัน แล้วค่อยย้ายเมือง เราย้ายทุกวัน
WURKON:
ไม่ได้วางแผนว่าจะต้องไปเจออะไร ไปดูอะไร ไปเจอเลย
ซันนี่:
ใช่ๆ รู้ว่าอันนี้สวยแหละ อยากผ่านอันนี้ แต่ถ้าผ่านอย่างอื่นด้วยก็ได้
WURKON:
พูดง่ายๆ คือ ไปตายเอาดาบหน้า ใช่ไหม
ซันนี่:
ช่าย (หัวเราะ) เราเลยมีช่วงนึง คือช่วง “จุกดีกว่าหิว” ขึ้นมา
WURKON:
คืออะไร?
ซันนี่:
ก็คือว่าการที่ จุก มันดีกว่า หิว อยู่แล้ว เพราะเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรกินหรือปล่าว อัดไว้ก่อน เอาให้อิ่มจนจุกไว้ก่อน เอาจนกินไม่ไหวน่ะ เพราะเราอาจจะไปอดอยากตายข้างหน้าก็ได้ (หัวเราะ)
เคนจิ:
ข้างหน้าอาหารอาจจะห่วยมาก
ซันนี่:
เราก็เลยมีช่วงนี้ขึ้นมา “จุกดีกว่าหิว” (หัวเราะ) เวลาเราเจออะไรที่อร่อยเราก็อัดไว้ก่อน เผื่อข้างหน้าไม่มี
เคนจิ:
ทริปล่าสุดรู้เลย
ซันนี่:
ใช่ ไปตุรกี ก็รู้เลยว่า จุกดีกว่าหิว เพราะฉะนั้น ถ้าเจอมื้อไหนอร่อยแล้วเนี่ย ก็กินเข้าไป! อย่าหยุด! กินให้เรียบ! กินให้เกลี้ยง!
เคนจิ:
แบบเลียจาน! เลียพื้น! เลียประตู!
ซันนี่:
มีอะไรก็กินเข้าไป! แทะกินให้หมด! (หัวเราะ) เพราะเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรให้เราได้กินอีกหรือเปล่า
เคนจิ:
บางทีอาหารโรงแรมห้าดาวมา กินไม่ได้เลย เพราะมันคนละประเทศไง เขาอาจจะชอบแบบนั้น
ซันนี่:
แต่เราไม่เอา! (หัวเราะกันร่วน)
WURKON:
ไม่คิดจะลองดูบ้างเหรอ
ซันนี่:
ลองแล้วววว มันไม่ไหว กินไม่ได้เลย (หัวเราะ) ผมลองหมดแหละ แต่แว่.... กินไม่ได้ พยายามแล่ว (หัวเราะ)
WURKON:
เวลาเราเดินทางนี่ได้งบประมาณมาจากไหน
ซันนี่:
งบประมาณทีมงานแหละ เราไม่ได้แบบ ต้องมีตังค์เท่านี้ เพื่อไปทำภารกิจ เราก็ไปกัน เพราะทุกคนเป็น HUNTER เหมือนกันหมด ที่ไปด้วยกัน ไม่ใช่แค่เราสองคน พวกทีมกล้อง ทีมโปรดิวเซอร์ ทุกคนเป็น HUNTER เหมือนกัน เราก็ไปด้วยกัน
WURKON:
ใครเป็นสปอนเซอร์ให้
ซันนี่:
ทาง LINE TV เป็นสปอนเซอร์หลักครับ เหมือนเขาจ้างผลิต
WURKON:
ก็ดีนะ เหมือนมีคนจ้างให้ไปเที่ยว
ซันนี่:
ม่ายยย จ้างเราตามล่าพระอาทิตย์ ไม่ได้จ้างเที่ยว เราไม่ได้เที่ยวเล้ย โอ้ย! เราทำงาน เหงื่อท่วมตัว ไม่ได้ช้อปปิ้งเล้ยยย (หัวเราะกันร่วน)
WURKON:
รายการท่องเที่ยวโดยทั่วไป ก็จะเป็นในลักษณะไปดูสถานที่ยอดฮิต ไปดูแลนด์มาร์คของเมือง โน่น นี่ นั่น แต่รายการนี้ไม่ใช่
ซันนี่:
ก็จะมีบ้าง เวลาผ่านไป เราก็เข้าไป แต่ส่วนมากเราก็จะไม่ได้บอกรายละเอียด แต่เราจะล้อเล่น ล้อเลียนกับทางทีมงาน
เคนจิ:
ส่วนใหญ่จะไปเล่นมุก ไปยิงมุกกันเองมากกว่า แต่ก็จะมีบอกให้ดูที่สวยๆ งามๆ ว่าอยู่จุดไหน หรือดูพระอาทิตย์ตรงไหน
ซันนี่:
หรืออย่าง มีเรื่องเล่าแบบว่า สมัยก่อนนะมีหินสองก้อน เพราะว่ามีคู่รักคู่หนึ่งรักกัน
เคนจิ:
แต่พ่อแม่ผู้หญิงกีดกัน เพราะผู้ชายจน ผู้หญิงก็เลยหนีไปอยู่กับผู้ชาย
ซันนี่:
พ่อแม่ไม่ยอม ก็ตามมาเอาทหารมาฆ่า เขาก็เลยสวดมนต์ขอพระเจ้า “ช่วยหน่อย ขอให้หนีไปได้ อย่าให้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเลย” พระเจ้าเลยสาปให้เป็นหินหมดเลยทั้งผู้หญิง ผู้ชาย พ่อ แม่ เราฟังแล้วเราจะรู้สึกยังไง ไม่ต้องมายุ่ง! ถ้าจะทำแบบนี้ (หัวเราะ) เอ้า! แก้ปัญหาให้ซี่! จะมาสาปกูทำไม! (หัวเราะ)
เคนจิ:
ไปไหนก็ปายย! (หัวเราะ)
ซันนี่:
เราก็จะเล่นอะไรแบบนี้กัน (หัวเราะ)
เคนจิ:
เหมือนในแต่ละเมืองก็จะมีตำนาน เป็นเรื่องจริงบ้าง เป็นเรื่องแต่งบ้าง เราก็จะเอามาพูดคุย อย่างไอร์แลนด์ กับ สก็อตแลนด์ มียักษ์จะมาสู้กัน แต่ยักษ์สก็อตแลนด์ตัวใหญ่กว่ามาก แต่ยักษ์ไอร์แลนด์ก็เลยหนีมาบอกเมีย เมียเลยออกอุบายให้เอาผ้ามาห่อตัวให้เหมือนเป็นเด็กทารก แต่ยักษ์สก็อตแลนด์มาเห็นก็เลยตกใจ วิ่งหนี
ซันนี่:
ทารกยังตัวใหญ่ขนาดนี้...
เคนจิ:
แล้วพ่อมันจะใหญ่ขนาดไหน ก็เลยวิ่งหนี แล้วทำลายทางที่เชื่อมกันทิ้งหมดเลย
ซันนี่:
ก็เลยบอกว่า ไอ้ยักษ์นี้มันชื่อ ไอ้บื้อ หรือเปล่าวะ? (หัวเราะ) เราก็เลยไปดูถูกตำนานเขา ม่ายช่ายย ก็เขาสร้างขึ้นมาให้คนสนใจไง
เคนจิ:
เขาอาจจะสร้างเรื่องมาเพื่อให้คนไปท่องเที่ยวอะไรแบบนั้น
WURKON:
เราก็เลยมองในแง่มุมที่ย้อนแย้ง?
ซันนี่:
เออ เราก็อยากรู้ ถ้าตามหลักเหตุผลแล้ว เขาก็ไม่ผิดหรอก แต่เราก็อยากลองเสนอไอเดียดู ทำไมไม่ทำอย่างนี้วะ ให้มันกลายเป็นมุกตลก คนดูจะได้ไม่ซีเรียส
เคนจิ:
อย่างตำนานเทพเจ้ายุโรป จริงๆ แล้วนิสัยไม่ดีหมดเลย แบบซุสไปขืนใจแม่ของอาเธน่า แล้วกินแม่ของอาเธน่าเข้าไป แล้วก็ออกลูกมาทางหน้าผากเป็นอาเธน่า อาเธน่าก็นิสัยไม่ดี เมดูซ่าโดนโพไซดอนข่มขืน อาเธน่าก็ดันไปสาปเมดูซ่าให้หัวเป็นงู แล้วเอเธน่าก็ดันส่งเพอร์ซิอุสให้ไปตัดหัวเขาอีก เอ้า เป็นคนยังไงกัน! อ้อ เป็นเทพยังไงกัน! (หัวเราะ) นิสัยไม่ดี๊!
ซันนี่:
เมดูซ่าเขาทำผิดอะไร้! (หัวเราะ)
WURKON:
มุกที่เล่นในรายการนี่คิดกันสดๆ เลยใช่ไหม
ซันนี่:
ใช่ แล้วแต่ว่าสถานการณ์คืออะไร เราก็คิดขึ้นมา ผมเชื่อว่ามันไม่มีคำว่า แป๊ก หรือว่าอะไรบนโลกใบนี้หรอก เราเล่นไปเหอะ มันคือความสนุกสนานไงครับ
เคนจิ:
มันแล้วแต่คนไง ว่าคนนี้ไม่ชอบ อีกคนอาจจะชอบก็ได้
WURKON:
แบบ ยิงรัวๆ เหมือน จุกดีกว่าหิว ใช่ป่ะ
ซันนี่:
ใช่ ยิงไปก่อน รู้สึกว่าอะไรมันไร้สาระ เราเล่นไปก่อน (หัวเราะ)
เคนจิ:
อย่างเราไปเจอคนท้องที่เขาเล่าเรื่องอะไรสักอย่าง เราก็พูดคุยถึงเรื่องนั้นๆ ว่าเป็นอย่างงี้เหรอ? ทำไมมันเป็นอย่างงี้ล่ะ?
ซันนี่:
เราไปโดยไม่รู้อะไร ก็เหมือนเป็นตัวแทนคนดู ว่า เฮ้ย มันมีสิ่งๆ นี้เกิดขึ้นที่นี่
เคนจิ:
เหมือนไปอังกฤษ ไปเจอแม่น้ำที่เขาบอกว่า เป็นที่เลี้ยงปลาเทราต์ แล้วปลาเทราต์คืออะไร?
ซันนี่:
หน้าตามันเป็นยังไงวะ? ไม่รู้เลย!
เคนจิ:
เหมือนหัวไชเท้าหรือเปล่า อะไรอย่างนี้ (หัวเราะ)
WURKON:
มีไหม เวลาเราไปสถานที่ที่เข้าห้ามเข้า แต่เราแอบเข้าไปถ่าย
ซันนี่:
ไม่นะ เราจะเคารพกฏ ไปถึงแล้ว อ้าว เขาไม่ให้ถ่าย เราก็จะออกมาเม้าธ์ว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย ทำไมต้องไม่ให้ถ่ายด้วย กูเกิ้ลเอาข้างในก็เหมือนในรูปที่เสิร์ช ถ้ามันแบบเป็นสิ่งลี้ลับไม่มีใครเคยเห็นเลย เอ้า! ก็เข้าใจได้ แต่นี่กูเกิ้ลเอาก็เจอ แล้วจะมาห้ามไม้ให้ถ่ายไปทำไม ใช่ไหม? มันเป็นแบบนั้น (หัวเราะ)
เคนจิ:
แต่ว่ามันมีที่ที่ไปแล้วมันไม่เปิด อย่าง พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เนี่ย เราจะไปดูภาพ โมนาลิซ่า ไปแล้วมันปิด ไปถ่ายบ้านเชคสเปียร์ มันก็ปิด
ซันนี่:
เออ Sun Hunter ไปไหนแล้วชอบปิด (หัวเราะ)
WURKON:
ไม่เสียดายเหรอ ไปแล้วไม่ได้ดู ไม่เสียเที่ยวเหรอ
ซันนี่:
มันก็เป็นประสบการณ์ของเราน่ะครับ ก็โชคชะตาเราเป็นแบบนั้น เพราะสิ่งที่เราตามล่ามันคือพระอาทิตย์ ไม่ใช่สิ่งพวกนี้
WURKON:
เพราะว่ารายการอื่นเขาไปเขาต้องไปให้ถึงที่ ต้องเข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ไปดูภาพโมนาลิซ่า ต้องไปดูบ้านเชคสเปียร์
ซันนี่:
ใช่ครับ สิ่งที่เราบอกได้คือ อย่ามาวันนี้ อย่ามาเวลานี้
WURKON:
จำเอาไว้ซะ?
ซันนี่:
ใช่ จำเอาไว้ซะว่าวันอังคารเขาปิด (หัวเราะกันร่วน)
WURKON:
แล้วทำไมไม่ดูวันเวลาเขาเล่า!
ซันนี่:
ไม่ดู๊ ผมไม่รู้ว่าเราจะเจอสิ่งนี้ (หัวเราะ)
เคนจิ:
สภาพอากาศบางทีก็เกี่ยว บางทีเราจะไปข้ามหน้าผาด้วยสะพานเชือก
ซันนี่:
เขาบอกว่าต้องมาเลยที่นี่ ใครไม่มา ถือว่ามาไม่ถึง
เคนจิ:
เราไปปุ๊บ ลมพัดสะพานหมุนฟิ้วๆๆ เลย
ซันนี่:
อ่ะ จะขึ้นยังไงล่ะ?
เคนจิ:
เขาก็ไม่ให้เราเข้า เขาไม่ให้เราข้าม เพราะกลัวเราเด๊ด
WURKON:
ก็เลยไปไม่ถึง
ซันนี่:
ใช่ แต่เรางงกับคำว่าไปไม่ถึงมาก คนชอบบอกว่า นี่นะ ถ้าไม่ได้กินอันนี้แสดงว่ามาไม่ถึงอังกฤษ ก็กูอยู่อังกฤษ! ก็ประทับตราพาสปอร์ตว่าเราเข้ามาในอังกฤษ ก็เนี่ย อังกฤษ กูมาแล้ว! มาบอกว่าไม่ถึงได้ยังไง! ไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้วหลอกว่ามาเมืองนอก! (หัวเราะ)
WURKON:
เราก็เลยไม่รอ
ซันนี่:
ใช่ครับ เราไม่เคยรออะไรเลย อ๋อ แต่ล่าสุดก็มีรอขึ้นบอลลูน เพราะเราอยากเห็นพระอาทิตย์จากบนบอลลูน
เคนจิ:
แต่ว่าสภาพอากาศไม่ดี เขาเลยไม่ให้ขึ้น คือเราอยากเห็นบรรยากาศพระอาทิตย์กับบอลลูนเป็นหลายร้อยๆ ลูก ก็รอสามวัน วันที่สี่เขาบอกว่าขึ้นได้ ตื่นตีสี่ ไปถึงที่โน่นตีห้า ทีมงานบอกเฮ้ย ขึ้นได้ชัวร์ เห็นไหม ต้นไม้นิ่ง ลมไม่พัดเลย แสดงว่าวันนี้เราได้ขึ้นแน่ๆ ถึงเวลาปั๊บ ขึ้นไม่ได้ ก็เลยย้ายที่ สรุป กลายเป็นว่าไปเจออย่างอื่นสวยกว่าตั้งเยอะ กูจะมารอทำไม? (หัวเราะ)
ซันนี่:
ใช่มะ ไปรอทำไมตั้งนาน!
WURKON:
คืออันนี้เป็นลักษณะของเราใช่ไหม ไม่จำเป็นต้องไปตามคนอื่น
ซันนี่:
ใช่ คือถ้าเรามีเป้าหมายในชีวิตน่ะ
เคนจิ :
สิ่งที่เราในรูปภาพกับสถานการณ์จริงๆ มันไม่เหมือนกัน ในรูปภาพบางทีมันอาจจะแบบ โห สุดยอดไปเลย แต่ว่าพอเราอยู่ในจุดนั้นมันอาจจะธรรมดาก็ได้ แต่อีกที่นึงอาจจะดีกว่ามากๆ แต่ว่าภาพถ่ายออกมาอาจจะไม่สวยก็ได้
ซันนี่:
ใช่ เราต้องมาเองมา สัมผัสมันเอง เป็นประสบการณ์ของชีวิต
…………………………………………………………………………
โปรดติดตามตอนต่อไป
ภาพถ่ายโดย อักษร สุดเสนาะ
ขอบคุณภาพจากเพจ The Sun Hunter
#WURKON #thesunhunter #ซันนี่สุวรรณเมธานนท์ #วันสว่างบุญพิพัฒนาพงศ์ #LINETV #รายการท่องเที่ยว #ตามหาพระอาทิตย์ #แรงบันดาลใจ #การเดินทาง
สัมผัสนวัตกรรมอันล้ำสมัยและแรงบันดาลใจจากความคิดสร้างสรรค์แห่งการออกแบบวิถีชีวิตการทำงานยุคใหม่ได้ที่ WURKON ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สาธารณะสมัยใหม่ www.wurkon.com
สามารถติดตามข่าวสารทุกวันได้ที่ : www.facebook.com/WURKON
Tel : 02-005-3550 Fax : 02-005-2557
Official Line : @wurkon / Twitter : @wurkon / Follow Instagram : @wurkon
*** สำหรับแฟนๆ และผู้ติดตามเพจ WURKON เพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลข่าวสาร ความรู้และความบันเทิงจากเพจของเราในทุกๆ วัน คุณสามารถตั้งค่าให้เห็นคอนเทนต์ของเราบน News Feed ได้อย่างง่ายๆ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. เข้ามาที่เพจ WURKON
2. คลิกที่ปุ่ม Following (กำลังติดตาม) หรือ Liked (ถูกใจแล้ว) ด้านบนของเพจ WURKON
3. เลื่อนไปที่ See First (เห็นโพสต์ก่อน) แล้วคลิกเลือก
ง่ายๆ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ แล้วท่านจะไม่พลาดเรื่องราวที่น่าสนใจจากเราอีกต่อไป
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過62萬的網紅Bryan Wee,也在其Youtube影片中提到,...
「wurkon」的推薦目錄:
- 關於wurkon 在 Sunny FC Facebook
- 關於wurkon 在 Sunny FC Facebook
- 關於wurkon 在 Mr.Sexman Facebook
- 關於wurkon 在 Bryan Wee Youtube
- 關於wurkon 在 Travel Thirsty Youtube
- 關於wurkon 在 スキマスイッチ - 「全力少年」Music Video : SUKIMASWITCH / ZENRYOKU SHOUNEN Music Video Youtube
- 關於wurkon 在 #wurkon - YouTube 的評價
- 關於wurkon 在 wurkon - Pinterest 的評價
wurkon 在 Sunny FC Facebook 八卦
มาอ่านตอนจบกัน แอดรับประกันความฮา
The Sun Hunter สองหนุ่มผู้เดินทางไปสุดขอบฟ้าเพื่อตามหาดวงอาทิตย์ (ตอนจบ)
สนใจชมรายการ The Sun Hunter ได้ที่นี่ https://tv.line.me/thesunhunter
…………………………………………………………………………
WURKON:
ที่ไหนดีที่สุดเท่าที่เคยไปมา
ซันนี่:
ก็ดีทุกทีนะ แต่จอร์เจียที่ไปล่าสุดนี่เราประทับใจมาก
เคนจิ:
จริงๆ แต่ละที่ก็มีความดีงามไม่เหมือนกัน อย่างไปอังกฤษเราก็ได้ไปดูบอลติดสนาม เป็นอีกบรรยากาศนึง จอร์เจียก็แบบสบายๆ
ซันนี่:
พระอาทิตย์ก็เป็นอีกทิวทัศน์นึง
เคนจิ:
สวิสก็เป็นอีกแบบนึง ใครที่ชอบความหรูหรา มีภูเขาน้ำแข็งตั้งอยู่ตรงหน้าเราเวลากินข้าว ทำกับข้าวกินกันเอง เปิดประตูไปเจอภูเขาน้ำแข็ง ก็จะเป็นชีวิตแบบเรียบง่าย สไตล์เจ้าของห้างทองไปเที่ยวอะไรอย่างนี้ (หัวเราะ)
WURKON:
ไปเที่ยวในยุโรปนี่ค่าครองชีพแพงไหม
ซันนี่:
แล้วแต่ที่นะ อย่างอังกฤษนี่ความจริง ถูกนะ แค่ค่าเงินเขาสูง แต่ตอนนี้ค่าเงินลงมาเยอะ มันมีร้านแบบร้านขนมปอนด์เดียว ถ้าเราซื้อชอคโกแลตปอนด์หนึ่ง นี่ได้แบบใหญ่ๆ เลย
เคนจิ:
ทุกอย่างปอนด์เดียว ของเล่น ขนม ปอนด์เดียวหมด เสื้อผ้าก็มีร้านที่ราคาถูกมากๆ ตัวละ 80 บาท เพื่อนมีเศษอยู่สองปอนด์ อยากใช้ให้หมด ก็ไปซื้อแว่นมา จ่ายตังค์ไป เขาลดอีก 40% ได้เหรียญเพิ่มมาอีก กูจะใช้เหรียญไง!
ซันนี่: สรุปทั้งหมดนี่ 30 บาทเองเหรอ?
เคนจิ: เฮ้ย ก็กูจะใช้เหรียญ มึงทอนมาเพิ่มอีก! (หัวเราะ) อะไรแบบนี้
ซันนี่:
แต่อาหารไม่ค่อยอร่อย มันก็จะเป็นแบบเดิมๆ ของมัน เฉพาะร้านอาหารอังกฤษนะ แต่มันก็มีร้านอาหารไทย อาหารจีน เหมือนเวลาไปอังกฤษ เราคิดไม่ออกว่าอาหารประจำชาติอังกฤษคืออะไร? อิตาลียังมี พิซซ่า มักกะโรนี พาสต้า อังกฤษนี่มันคืออะไรหว่า?
WURKON:
Fish and chips ป่ะ?
ซันนี่:
อ้อ แล้ว Fish and chips เรื่องเล่าคือ เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเคยเอาปลามาทอด แล้วเพื่อนกินแล้วบอกว่าอร่อย ก็เลยมาเปิดร้าน Fish and chips พอเล่าเรื่องนี้ให้จิฟัง จิบอก ไอเด็กเปรต จบ (หัวเราะ) ไม่เห็นมีอะไรเลย
เคนจิ:
อย่างตอนไปไอร์แลนด์ไปกินอาหารอิตาเลี่ยนที่อร่อยสุดยอดในโลก เราไม่เคยกินอาหารอิตาเลี่ยนที่อร่อยเท่านี้มาก่อน
WURKON:
แต่อยู่ในไอร์แลนด์เนี่ยนะ
เคนจิ:
ใช่ ร้านเล็กๆ แต่แบบทุกอย่างอร่อยหมดเลย
ซันนี่:
หน้าร้านเขาก็มีป้ายเล็กๆ บอกว่าอาหารเขาได้รับรางวัลชนะเลิศอะไรสักอย่างมา เราก็เข้าไปนั่งดูแล้วบอก ชนะว่ายน้ำหรือปล่าว ไปวิ่งแข่งชนะมา แล้วเอาเหรียญมาวางหรือปล่าววว (หัวเราะ) สรุปอร่อยจริงๆ
เคนจิ:
โคตรอร่อยอ่ะ ไวน์ ชีส อร่อยจริงๆ อะไรก็อร่อย
ซันนี่:
อร่อยทุกอย่าง แทบเลียจานน่ะ มันเหมือนเราได้ไปเจอในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเจอ
WURKON:
มันมีคำพูดเก๋ๆ ที่บอกว่า คนเราได้เดินทางเพื่อจะค้นพบตัวเอง แล้วเราได้ค้นพบตัวเองกันหรือเปล่า
ซันนี่:
เราอาจจะไปเจอสิ่งที่ชอบไว ถ้าเราเจอสิ่งที่ชอบ มันก็คือค้นพบใช่ป่ะ อุ๊ย มันมีสิ่งนี้ในโลก ที่เราไม่คิดจะลองเลย เหมือนเราได้เจอสิ่งอะไรที่เราไม่เคยเจอ เหมือนออกจากกรอบที่เรามี เราไปเราอาจจะค้นพบ หรือไม่ค้นพบก็ได้ ใช่ไหม มันทำให้มีเป้าหมายที่ทำให้เรา อยากไปเที่ยวจัง อะไรอย่างงี้ คนก็เลยพูดว่า เนี่ยเราได้ค้นพบอะไรจากการท่องเที่ยว จริงๆ เราแค่ออกไปเจอสิ่งที่เราไม่เคยเจอ แค่นั้นเอง
เคนจิ:
จริงๆ เรารู้ตัวเองอยู่แล้วว่าเราเป็นยังไง
ซันนี่:
เราไม่รู้หรอกว่าเราได้ค้นพบหรือเปล่า เพราะเรารู้อยู่แล้ว มันแค่ไม่เคย มาสัมผัสกันน่ะ ความรู้สึกนี้กับความรู้สึกนั้นมาสัมผัสกัน บางทีเรารู้สึกว่าเราอยากทำสิ่งนี้มาทั้งชีวิต แต่พอเราไปเจออีกสิ่งหนึ่ง โหย เราไปอยู่ไหนมาวะเนี่ย เราอาจจะอยากทำสิ่งนั้นมากกว่าสิ่งที่เราทำอยู่ก็ได้ ก็คือเราให้โอกาสตัวเองแหละ โดยที่เรามีเป้าหมายไง ถ้าเรามีเป้าหมายอยู่แล้ว เราไปทำไม ใช่ไหม
เคนจิ:
เหมือนบางคนทำงานประจำ พอได้เริ่มไปท่องเที่ยว เริ่มหาเงินได้จากการท่องเที่ยว เขาอาจจะออกมาจากงานประจำ มาหาเงินจากการท่องเที่ยวแทน เขาอาจจะคิดว่า เฮ้ย! กูไปทำอะไรมาตั้งนาน มันก็แล้วแต่คนนะ บางคนอาจจะชอบทำงานประจำ บางคนอาจจะชอบเที่ยว
ซันนี่:
หรือพอไปเที่ยวเสร็จแล้ว เราอาจจะรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันดีอยู่แล้วก็ได้
WURKON:
แล้วซันนี่กับเคนจิล่ะ เป็นยังไง
ซันนี่:
เรามีสิ่งที่เราชอบในการทำเป็นอาชีพแล้วไง แต่ผมมีความฝันอยู่อย่างนึงเหมือนกัน คือผมอยากไปเจอที่ที่ผมไม่เคยไป แล้วเราก็มีโอกาสได้ไป คราวหน้าอยากไปอเมริกาใต้มาก
WURKON:
นี่คือวางแผนไว้
ซันนี่:
ใช่ คิดอยู่ อยากไปมาก
เคนจิ:
ก็ขอฝากทาง LINE TV ไว้ด้วย (หัวเราะ)
ซันนี่:
ใช่ ฝากทาง LINE TV ด้วย เราจะไปอเมริกาใต้กันนะครับ (หัวเราะ)
WURKON:
เวลาไปที่ไหนนี่ เราไปเสนอเขาว่าเราจะไปที่โน่นที่นี่ อะไรแบบนี้เหรอ
ซันนี่:
เราก็จะบอกว่าที่นี่มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เราอยากจะลองไปดู แต่ก็แล้วแต่ ว่าวีซ่าเราจะผ่านหรือเปล่าแค่นั้นแหละ (หัวเราะ)
WURKON:
การไปถ่ายทำรายการ ทำให้เราขอวีซ่าง่ายขึ้นไหม
ซันนี่:
น่าจะยากขึ้นนะ เพราะเขาคิดว่าเราจะไปทำงาน (หัวเราะ)
WURKON:
เขาไม่คิดว่าเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยว โปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวของเขาหรอกเหรอ
ซันนี่:
ถ้าแบบนั้นก็ต้องดีลกับเขาก่อน เขาก็อาจจะบอกว่า เราไม่ได้อยากให้โปรโมท จะมาทำไม! กลับไป! Go back to your home! (หัวเราะ)
WURKON:
แล้วคิดจะทำรายการแบบนี้ไปนานเแค่ไหน
ซันนี่:
ก็จนกว่าจะไม่ได้ทำแหละ
เคนจิ:
จนกว่าเขาจะเบื่อเรา
ซันนี่:
เพราะผมรู้สึกว่าการออกไปโน่นไปนี่มันทำให้ชีวิตได้เจออะไรใหม่ๆ แล้วก็เป็นสิ่งที่ผมอยากทำ และอยากให้คนที่ไม่เคยไปได้รู้คร่าวๆ ด้วยว่าอะไรที่ตรงกับตัวเอง อะไรที่มันลิงค์กับตัวเอง เหมือนดูละครหรือดูหนังที่เราร้องไห้ตามตัวละคร มันมีบางสิ่งที่ลิงค์ ว่าเราเคยเป็นแบบนั้น เราก็อยากให้สิ่งนี้ลิ้งค์กับเขา แล้วทำให้เขารู้สึกว่า เฮ้ย กูอยากเห็นภูเขาแบบนี้หว่ะ กูต้องไปว่ะ!
เคนจิ:
เหมือนกับเวลาเราอ่านประวัติศาสตร์มา แล้วเรามาเจอที่จริงๆ แล้วแบบเหมือนว่า เฮ้ยนี่กูรู้ กูเคยดูมาแล้ว กูเคยอ่านมาแล้ว ก็ยิ่งอินเข้าไปใหญ่
WURKON:
ไหนๆ ซันนี่ก็อยู่ในวงการหนัง และเคยทำหนัง เคยอยากลองท่องเที่ยวแล้วทำเป็นหนังแบบ Road Movie บ้างไหม
ซันนี่:
ดูยากเหมือนกันนะ
เคนจิ:
ดูแพง (หัวเราะ)
ซันนี่:
หรือเขาก็อาจจะไม่ให้ถ่าย ถ่ายๆ อยู่วิ่งมาตีเข่า จับล็อก อะไรแบบนี้ (หัวเราะ) แต่ที่ทำอยู่นี่ก็ดูเป็น Road Movie เหมือนกันนะ เพียงแต่ว่าเราแค่ไม่ได้อยู่ในรถ
เคนจิ:
เราไม่ได้ถ่ายในรถไง แต่ชีวิตเราส่วนใหญ่ก็อยู่ในรถ
ซันนี่
ใช่ เพราะต้องเดินทางแบบต่อเนื่อง
เคนจิ:
เราต้องเดินทางแบบจากใต้ ไปเหนือ ข้ามประเทศ
ซันนี่:
อย่างบางทีมาจากข้างบนลงมา แล้วพึ่บ ไปอีกประเทศหนึ่งเลย ภายในเวลา 10 กว่าวัน
เคนจิ:
เหมือนเดินทางไปเชียงใหม่ทุกวัน
WURKON:
ในอนาคตจะมีโปรเจ็กต์อะไรนอกจากรายการนี้ออกมาอีกไหม
ซันนี่:
ตอนนี้อาชีพผมมีอาชีพเดียวเลย คือเป็นนักแสดง ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร นอกจากจะเป็นนักแสดงไปจนกว่าผมจะทำไม่ได้เท่านั้นเอง
WURKON:
ก็เคยกำกับหนังสั้นมาก่อนแล้วนี่
ซันนี่:
ก็สนุกดี เป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง เพราะเวลาเรากำกับหนังผมต้องเขียนบทขึ้นมาเองด้วย เพราะผมฟังเรื่องคนอื่นมาแล้วผมคิดไม่ออก เวลาที่เราเขียนไป แล้วมีคนมาเล่นให้เราดู เออ มันก็ได้ประสบการณ์ เป็นอาจารย์ของเราในเรื่องการแสดงของเราเองอีกทีด้วย
WURKON:
คิดที่จะทำอีกไหม ตั้งทีมโมเดลลิ่งขึ้นมา เอาเพื่อนมาเล่น
ซันนี่:
คิดเหมือนกันครับ อยากให้มีหรั่งโมเดลลิ่ง อยากเขียนเป็นเรื่องสั้นๆ แล้วทำเป็นคลิปสั้นๆ แต่ต้องทำด้วยทัศนคติที่ดี และมีความติ๊งต๊องอยู่ อาจจะเป็นหนังสั้นสิบนาที จบในตอน
WURKON:
อยากให้พูดถึงจุดเด่นของแต่ละคนกันบ้าง ซันนี่มองเคนจิว่าเป็นไง
ซันนี่:
ความจริงเขามีความรู้หลากหลายด้านนะ ด้านธุรกิจก็มี ทำอาหารก็ได้ กล้ามใหญ่
เคนจิ:
เฮ้ยๆๆๆ (หัวเราะ)
WURKON:
อ๋อ เวลาถอดเสื้อออกรายการนี่เป็นคาแรกเตอร์ในบทใช่ไหม
ซันนี่:
ใช่ๆ (หัวเราะ) เขาพูดคุยเก่ง ติดต่อกับคนได้ดี เวลาไปต่างประเทศ ผมนี่เฉยๆ ผมไม่ชอบพูดคุยกับใครเท่าไหร่ แม้จะเป็นคนไทยก็เหอะ แต่จิชอบเดินไปทัก ไปพูดคุยเพราะอยากรู้อยากเห็น ถามเลย เดินไปสะกิดเขา เขาไม่คุยด้วย ก็ไปสะกิด (หัวเราะ) อันนี้มันเป็นยังไง อยากรู้
WURKON:
แล้วเคนจิล่ะ มองซันนี่ว่าเป็นยังไง
เคนจิ:
เขาทำอะไรโดยยึดหลักคุณธรรมอยู่แล้วเหมือนเฉินหลง (ซันนี่หัวเราะ) เฉินหลงจะมีคำพูดที่บอกว่า ทำอะไรก็ตาม ต้องมีคุณธรรมเป็นหลัก ซันนี่เขาคือเฉินหลงในภาคคนไทย (หัวเราะ) แล้วเขาก็ความรู้เยอะ เรื่องบางเรื่องที่เราไม่ได้คิดว่าเขาจะรู้ เขาก็รู้ บางเรื่องเราคิดว่าเรารู้คนเดียว แต่เขาก็รู้ เฮ้ย มันรู้ได้ไงวะ? และก็ความจำดี จำได้ทุกอย่าง
ซันนี่:
ใช่ เฮ้ย ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?
เคนจิ:
เฮ้ยๆๆ เพิ่งบอกว่ามึงความจำดี นี่ชื่ออะไรนะ (หัวเราะ) บางทีเราจะทึ่งว่ามันสามารถเก๋าเกมได้ตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่สมัยเรียน มันโตมายังไง ในสภาพแวดล้อมแบบไหนวะ ตอนเด็กๆ เรายังห่วยอยู่เลย เรายังโง่ๆ ซื่อบื้อๆ อยู่เลย แต่ทำไมมันถึงรู้ว่าจะต้องทำอะไร ยังไง กับใคร น่าทึ่งน่ะ อะเมซิ่ง
WURKON:
ซันนี่เป็นคนตลกมาตั้งแต่เมื่อไร
ซันนี่:
เฮ้ย ผมเป็นคนซีเรียสๆ (หัวเราะ) คือเราเจอใครที่เขาเป็นคนที่มีความสนุกสนานอยู่แล้ว มันก็จะเป็นไปเองนะ ผมว่า วันๆ เราจะคิดออกอย่างแรกๆ เลยว่า ถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เราจะคิดถึงมันในมุมตลกยังไง มันจะเป็นโดยอัตโนมัติ อย่างเรื่องจริงจัง เราจะคิดมุมตลกของมันออกมาได้
เคนจิ:
เหมือนจะรู้ว่าถ้าเป็นเพื่อนคนนี้ จะเล่นมุกแบบนี้ แต่ถ้าเป็นเพื่อนอีกคน เราจะเล่นแบบนั้น
WURKON:
ก็เลยเลือกทำรายการด้วยกัน เพราะว่ารับส่งมุกกันได้
ซันนี่:
ใช่ๆ แต่จริงๆ ก็จะมีคนอื่นที่รับมุกได้เหมือนกัน แต่ถ้าเอามาออก ก็จะขายขี้หน้าเขา (หัวเราะกันลั่น)
WURKON:
อันนี้คือคัดเลือกมาแล้วว่าไม่อายคน
ซันนี่:
ใช่ ขายขี้หน้าน้อยหน่อย (หัวเราะกันร่วย)
เคนจิ:
ในทีมก็มีแบบเพื่อนที่รู้กันว่าจะพูดอะไร จะเล่นมุกอะไร ไหลไปทางไหน
ซันนี่:
หรือจะมีคนสนใจจะทำรายการไปเที่ยวไหม แล้วก็มีผมกับเพื่อนไปด้วยกันทั้งหมด เอาไหม (หัวเราะ) แล้วก็ค่อยๆ ตัดออกทีละคนเหมือน Weakest Link น่ะ ว่าไอ้นี้ได้ไปแค่นี้นะ เพราะว่าเป็นคนพึ่งพาไม่ได้ อะไรแบบนี้ (หัวเราะ)
WURKON:
แต่คาแรดเตอร์ของสองคนนี้เราคิดขึ้นมาไหม หรือว่าเราปล่อยไปตามธรรมชาติ อย่างซันนี่ต้องลุคคลีนๆ เคนจิต้องร็อกๆ อะไรแบบนี้
ซันนี่:
ไม่ๆ ก็แล้วแต่ว่าเขาเป็นยังไง เดี๋ยวมันก็จะออกมาเอง ในสิ่งที่เขาเป็น ใช่ไหม คนเรามีทัศนคติอะไร เดี๋ยวมันจะออกมาเอง
เคนจิ:
เสื้อผ้าเราก็เอาไปเอง
ซันนี่:
หน้าก็ไม่แต่ง ก็ไปสดๆ เพราะไม่มีตังค์จ้าง (หัวเราะ)
WURKON:
น้ำก็ไม่อาบ?
ซันนี่:
อาบๆ อาบตลอด (หัวเราะ) ตอนเช้าๆ จะเป็นประจำ สมมติตื่นแปดโมง แล้วต้องลงไปข้างล่างเก้าโมง แต่ละคนจะตื่นมามองว่าใครจะอาบก่อน เล่นเกมเชิงจิตวิทยา พลิกตัวนิดๆ ทำเป็นหลับต่อดีกว่า ให้มันอาบก่อน (หัวเราะ) บางทีก็ทัก เฮ้ย มึงจะอาบปะเนี่ย แต่ตัวเองไม่อยากอาบ (หัวเราะ)
WURKON:
มีอะไรฝากถึงรายการของเราในอ้อมใจของคนดูไหม
ซันนี่:
The Sun Hunter เป็นรายการที่ก็อยากบอกเล่าความสนุกสนานและความสวยงามของทั้งโลกโดยใช้พระอาทิตย์เป็นเป้าหมาย เพราะรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ เห็นได้ทุกวัน นั้นแหละ ก็ฝากไว้
เคนจิ:
เราใช้พระอาทิตย์เป็นเป้าหมายของเรา แต่ความหมาย คุณค่า รสชาติต่างๆ ของชีวิต มันอยู่ที่เรื่องราวระหว่างทาง ก็อยากให้เข้ามาดูกัน ว่าเรื่องราวระหว่างทางของเราเป็นยังไง เป็นเรื่องทัศนคติดีๆ ในแง่บวก กับอารมณ์ สนุกๆ คลายเครียดได้แน่นอน มีสาระหรือไม่มี ก็ลองมาดูกัน
ซันนี่:
สาระมันอยู่ที่ว่าคุณจะหามันเจอไหม เท่านั้นเอง
เคนจิ:
ใช่ อยากให้มาดูกันครับ เราจะได้ทำไปอีกหลายซีซั่น (หัวเราะ)
ซันนี่:
เฮ้ย ตกลงทำเพื่อตัวเองเหรอเนี่ย (หัวเราะ)
เคนจิ:
เออ (หัวเราะ) เราจะได้สร้างความสุขได้ต่อไปไง แล้งก็หวังว่าเราจะได้ไปทั่วโลก. (หัวเราะ)
…………………………………………………………………………
ภาพถ่ายโดย อักษร สุดเสนาะ
ขอบคุณภาพจากเพจ The Sun Hunter
#WURKON #thesunhunter #ซันนี่สุวรรณเมธานนท์ #วันสว่างบุญพิพัฒนาพงศ์ #LINETV #รายการท่องเที่ยว #ตามหาพระอาทิตย์ #แรงบันดาลใจ #การเดินทาง #journey #inspiration
สัมผัสนวัตกรรมอันล้ำสมัยและแรงบันดาลใจจากความคิดสร้างสรรค์แห่งการออกแบบวิถีชีวิตการทำงานยุคใหม่ได้ที่ WURKON ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สาธารณะสมัยใหม่ www.wurkon.com
สามารถติดตามข่าวสารทุกวันได้ที่ : www.facebook.com/WURKON
Tel : 02-005-3550 Fax : 02-005-2557
Official Line : @wurkon / Twitter : @wurkon / Follow Instagram : @wurkon
*** สำหรับแฟนๆ และผู้ติดตามเพจ WURKON เพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลข่าวสาร ความรู้และความบันเทิงจากเพจของเราในทุกๆ วัน คุณสามารถตั้งค่าให้เห็นคอนเทนต์ของเราบน News Feed ได้อย่างง่ายๆ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. เข้ามาที่เพจ WURKON
2. คลิกที่ปุ่ม Following (กำลังติดตาม) หรือ Liked (ถูกใจแล้ว) ด้านบนของเพจ WURKON
3. เลื่อนไปที่ See First (เห็นโพสต์ก่อน) แล้วคลิกเลือก
ง่ายๆ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ แล้วท่านจะไม่พลาดเรื่องราวที่น่าสนใจจากเราอีกต่อไป
wurkon 在 Mr.Sexman Facebook 八卦
ขอบคุณเพจ WURKON นะครัชช ถ้าจะให้ละเอียดลึกกว่านี้ ต้องกินเหล้าไปสัมภาษณ์ไปนะก๊าาาบบบบบ
คุยกับปาล์ม Instinct จิตรกรภายใต้โฉมหน้านักร้องเพลงร็อก (ตอนแรก)
ถ้าเอ่ยชื่อ ปรียวิศว์ นิลจุลกะ หรือ ปาล์ม Instinct หลายคนที่เป็นคอดนตรีบ้านเราน่าจะรู้จักเขาในฐานะนักร้องเพลงร็อกขวัญใจวัยรุ่น อดีตนักร้องนำของวง Girl และปัจจุบันในฐานะนักร้องนำวง Instinct เจ้าของเพลงฮ็อต โปรดส่งใครมารักฉันที ที่ฮิตระเบิดระเบ้อในฐานะเพลงประกอบภาพยนตร์ รถไฟฟ้ามาหานะเธอ จนคนร้องตามได้ทั้งบ้านทั้งเมือง
แต่คงมีน้อยคนที่รู้ว่า นอกจากบทบาทของนักร้องแล้ว ปรียวิศว์ หรือ ปาล์ม ผู้นี้ยังมีอีกบทบาทหนึ่งในฐานะศิลปินวาดภาพอีกด้วย แล้วเขาก็ไม่ได้ทำเล่นๆ เป็นงานอดิเรกยามว่าง แต่ทำแบบจริงๆ จังๆ ทำงานศิลปะควบคู่กับการร้องเพลงมาตลอด และแสดงนิทรรศการศิลปะทั้งเดี่ยวและกลุ่มมาหลายครั้งหลายหน จนเรียกได้ว่าเป็นอีกอาชีพหนึ่งของเขาเลยก็ว่าได้ ซึ่งอันที่จริงแรกเริ่มเดิมที เขาเองก็สนใจงานศิลปะมาตั้งแต่ครั้งยังเด็ก จนต่อมาก็เลือกศึกษาด้านศิลปะที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เมื่อจบออกมาก็ยังคงสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงแรกๆ ภาพวาดของเขาเป็นภาพวาดแนวป๊อปเปี่ยมสีสันคล้ายกับการ์ตูนญี่ปุ่น ที่นำเสนอเรื่องราวที่คนส่วนใหญ่เหนียมอายเกินกว่าจะพูดถึง โดยเขาสร้างคาแรคเตอร์ผู้ชายใส่หน้ากากที่เป็นตัวแทนของความรู้สึกในส่วนลึกของจิตใจผู้ชายทุกคน ซึ่งคาแรคเตอร์ที่ว่านี้ เขาได้ต้นแบบมาจากตัวเอง โดยคาแรคเตอร์ที่ว่านี้มักจะถูกแวดล้อมด้วยบรรดาสาวๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของแฟนตาซีด้านมืดของผู้ชายในรูปแบบต่างๆ โดย ปรียวิศว์ ต้องการนำเสนอความจริงอีกแง่มุมหนึ่งในสังคมเรา ที่คนทำเป็นมองไม่เห็น หรือไม่อยากพูดถึง ด้วยลีลาที่แฝงอารมณ์ขันแกมเสียดสีอย่างเปี่ยมสีสันยิ่ง
แต่ในนิทรรศการแสดงเดี่ยวครั้งล่าสุดที่ผ่านมา ปรียวิศว์กลับเปลี่ยนหัวข้อในการทำงานศิลปะของเขา โดยหันมานำเสนอเรื่องราวของบุคคลผู้มีอาชีพที่คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนชาวไทยอย่างผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นั่นเอง
ด้วยความที่เรามีโอกาสไปร่วมงานเปิดนิทรรศการ Siam Rangers : เป็นฮีโร่มันเหนื่อย ที่แสดงไปที่ หอศิลป์ศุภโชค ดิ อาร์ต เซ็นเตอร์ เมื่อเดือนสิงหาถึงกันยายนที่ผ่านมา รวมถึงได้พูดคุยสอบถามเกี่ยวกับที่มาที่ไปของนิทรรศการ และแนวความคิด แรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะของเขา จึงถือโอกาสเอามาเล่าสู่ให้ท่านผู้อ่านฟังกันในครั้งนี้ มาร่วมกันฟังเรื่องราวของ จิตรกรภายใต้โฉมหน้านักร้องเพลงร็อก อย่างเขากันเถอะ
……………………………………………………………..
WURKON:
นิทรรศการนี้มีที่มาจากอะไรเหรอครับ
ปาล์ม:
มันเกิดความเบื่อที่จะทำเรื่องเดิมแล้ว เพราะมันก็วนเวียนอยู่ในอ่าง เราก็เลยอยากทำอะไรที่มันเกี่ยวกับเรื่องอื่นบ้าง ผมก็เลยเริ่มต้นที่ทุกเรื่องที่เป็นดราม่าในสังคมไทย เพราะตอนนั้นมันเริ่มจากทางค่ายเพลงของผมให้ผมเริ่มเล่นเฟซบุ๊ก จากที่ไม่เคยเล่นมาก่อนผมก็เลยต้องเล่น พอเล่นไปเรื่อยๆ เราก็เจอเรื่องต่างๆ ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดราม่า, เรื่องการเมือง, เรื่องคนมีสี เรื่องดาราคนไหนได้กับใคร ใครอวดรวย เรื่องนึงที่สะดุดใจเราคือเรื่องของตำรวจ เพราะรู้สึกได้เลยว่า อาชีพตำรวจบ้านเราเนี่ย ทำอะไรใครก็ว่า แล้วช่วงนั้นมีข่าวเกี่ยวกับตำรวจเยอะ แต่ในขณะเดียวกัน ผมมีคู่เขยที่เป็นตำรวจ ยศรองผู้กำกับ ซึ่งเขาเป็นคนดีมากๆ คนนึง และไม่เห็นทำอะไรที่ไม่ดีอย่างที่คนอื่นเขาว่ากันเลย มันก็เลยทำให้เราคิดได้ว่า เออ! มันคงเป็นเรื่องของคนนั่นแหละ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์หรือเครื่องแบบอะไรก็ตาม มันก็มีดีมีชั่วอยู่แล้ว เราก็เลยนึกว่า เออ เรื่องนี้น่าทำที่สุด เพราะอาชีพตำรวจเองก็ใกล้ชิดกับประชาชนที่สุดอยู่แล้ว แล้วก็เป็นอะไรที่แซวได้ แบบในรายการ คดีเด็ด อะไรแบบนี้
WURKON:
ทำไมงานถึงออกมามีลักษณะเป็นการ์ตูนๆ เหรอครับ
ปาล์ม:
ด้วยความที่ผมไปอยู่ญี่ปุ่นมาตอนเด็กๆ งานผมก็จะเป็นสีเหมือนมังหงะ หรือการ์ตูนญี่ปุ่นมาโดยตลอด ผมชอบนักเขียนการ์ตูนคนนึงชื่อ อาจารย์โทริยามะ อากิระ (ผู้เขียนการ์ตูน Dragon Ball) เวลาเขาเขียนตัวเอง เขาจะใส่หน้ากากปิดปาก ผมก็เลยจิ๊กสัญลักษณ์เขามาใช้ เหมือนเป็นการคารวะอาจารย์เขาอีกทีนึง แล้วเราก็ชอบรูปแบบของยอดมนุษย์ พวกขบวนการยอดมนุษย์ 5 สี (Power Rangers) ภาษาญี่ปุ่นเขาเรียกว่า เซนไต ที่เป็นซีรีส์ฉายทางโทรทัศน์ที่ญี่ปุ่นตอนเย็นๆ แล้วเราก็คิดว่าตำรวจเนี่ย เป็นฮีโร่ที่คอยกอบกู้สถานการณ์ ปกป้องบ้านเมือง ผู้คน เราก็เลยทำงานชุดนี้ขึ้นมา โดยเอารูปแบบของยอดมนุษย์ Power Rangers มาใส่ให้ตำรวจ แต่ถ้าเอามาใช้ตรงๆ เดี๋ยวจะโดนลิขสิทธิ์ เราก็เลยเปลี่ยนเป็น Siam Rangers มันซะเลย ชุดของตัวละครก็คือชุดตำรวจนั่นแหละ แต่ทำหลากสีให้เหมือนกับชุด Power Rangers เท่านั้นเอง แล้วพอมันเป็นยอดมนุษย์แบบญี่ปุ่นมันก็ต้องมีการปล่อยพลังบ้าง ธีมของผมคือ มาแบบเว่อร์ๆ เล่นใหญ่ ถ้าใครเป็นคนรุ่นเราจะรู้ว่าเราเล่นมุกอะไร เพราะมันอยู่ในการ์ตูน อย่างภาพที่ต่อยรัวๆ ก็เอามาจากเคนชิโร่ หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ หรือรูปที่ยิงปืนฉีดน้ำก็เอามาจากหนัง จอห์น วู หรือหุ่นยนต์ T-1000 ในหนัง Terminator 2: Judgment Day (1991) ก็เป็นมุกในวัฒนธรรมป๊อป แต่เป็นป๊อปในยุคของผมนะ
WURKON:
แล้วเรื่องราวที่อยู่ในงานนี่ได้มาจากไหน
ปาล์ม:
ไอเดียก็เอามาจากข่าวที่เราเจอทุกวัน และประสบการณ์โดยตรง คือผมนี่เป็นนักโดนด่านตรวจมาหลายสน. แล้ว ผมรู้ว่าสน. ไหนตารางสะอาด หรือสกปรก ผมไปอยู่มาหมดแล้ว ผมโดนข้อหาเมาแล้วขับมาหลายดอกแล้ว เจ้าหน้าที่แต่ละคนก็แตกต่างกันไป ผมไปรายงานตัวมาหลายรอบแล้ว แต่ตอนนี้เลิกแล้วนะ เราก็ไม่ได้โกรธเขานะ แต่เราก็ขอเอามาล้อเลียนเป็นงานศิลปะดีกว่า
WURKON:
ทำในเชิงหยิกแกมหยอก
ปาล์ม:
ใช่ไง แค่แซวเล่น ภาพบางภาพ อารมณ์คือ เวลาเราเมาเหล้าแล้วขับรถกลับบ้าน แล้วเรากลัวว่า เลี้ยวขวาไปจะเจอด่านไหม พอเลี้ยวไปปุ๊บ จ๊ะเอ๋ สวัสดี เรามาแล้ว เราเอาอารมณ์อย่างงี้มาเขียนเป็นงาน แล้วก็วาดเป็นระเบิดตูมข้างหลัง แค่นั้นเอง เราไม่ได้ด่านะ แซวเฉยๆ ว่าเขามากันอีกแล้ว หรืออย่างภาพที่ไล่จับผู้ร้าย แต่ขี่จักรยานคันเดียวกัน อันนี้ก็ออกจะแฝงความดาร์กนิดนึง เพราะสุดท้ายเขาก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกันกับเราๆ ซึ่งก็มีทั้งดีและไม่ดีใช่ป่ะ
WURKON:
จริงๆ แล้วก่อนที่จะเป็นนักดนตรีปาล์มก็เรียนมาทางศิลปะมาก่อนใช่ไหม
ปาล์ม:
ใช่ครับ ผมจบสาขาจิตรกรรม จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แต่ไปๆ มาๆ ก็มาร้องเพลง ได้ทำเทป ออกเทป ก็เลยต้องแบ่งเวลากันไป
WURKON:
แต่ก็ทำศิลปะมาตลอดใช่ไหม
ปาล์ม:
ใช่ ทำมาตลอด ผมไม่เคยหยุด ในรุ่นมีผมคนเดียวมั้งที่ยังวาดรูปอยู่ คนอื่น ก็ไปเป็นอาจารย์บ้าง ทำเซรามิกซ์บ้าง ทำอาชีพอื่น ไม่ได้ทำนิทรรศการแสดงศิลปะแบบนี้
WURKON:
ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยนี่เรียนสายอาชีวะ เรียนศิลปะมาก่อนหรือเปล่า
ปาล์ม:
ไม่ครับ ผมจบโรงเรียนบดินทร์เดชา เรียนสายวิทย์ด้วย
WURKON:
อ้าว แล้วทำไมถึงเลือกเรียนศิลปะล่ะ
ปาล์ม:
จริงๆ ผมชอบศิลปะ ผมอยากเป็นศิลปินวาดรูปมานานแล้ว
แต่ตอนนั้นไปติดสายวิทย์ซะงั้น ผมเรียนหลักสูตร 2 ปีจบ ก็คิดว่า หรือว่าเราจะเข้าคณะสถาปัตยกรรมดีหว่า ก็ลองไปติวสถาปัตย์ดู ไม่รู้เรื่องเลยวาดเปอร์สเป็คตีฟก็ไม่เป็น ออกแบบก็ไม่เป็น สุดท้ายก็ไม่ชอบ คือตอนนั้นจริงๆ เราชอบ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เมื่อก่อนผมชอบวาดภาพไทยเหมือนอาจารย์เฉลิมชัย แต่เป็นไทยแบบครูพักลักจำ คือ ชอบเขียนหนุมานมาตั้งแต่เด็กๆ เลยเขียนลายไทยมาตลอด พอเข้า ม.4 คุณแม่พาไปหาอาจารย์เฉลิมชัย พาไปฝากเป็นลูกศิษย์แกเลย แกก็ใจดีติวให้ ติวเข้ามหาวิทยาลัยนั่นแหละ แกติวเขียนฟิกเกอร์ (รูปคนเต็มตัว) ติวอะไรให้
WURKON:
แกติวให้ตัวต่อตัวเลยเหรอ
ปาล์ม:
ใช่ เรียนกับแกสองคนเลย ผมเดินไปหาแกที่บ้านเลย
WURKON:
ปาล์มรู้จักกับแกมาก่อนเหรอครับ
ปาล์ม:
เปล่า ก็รู้จัก่วาแกเป็นใครนั่นแหละ แต่พอไปติวผมก็ไปหาแกบ่อยๆ ไปเยี่ยมแกที่เชียงราย แกก็ติวฟิกเกอร์ ติวดรออิ้ง อะไรอย่างนี้ บางทีผมก็เอางานสมัยเรียนไปให้แกดู
WURKON:
เรียนกับอาจารย์เฉลิมชัยมา แล้วทำไมไม่วาดภาพไทยล่ะ
ปาล์ม:
คือพอเรียนจบ ธีสิสผมห่วยแตกไม่ได้เรื่องได้ราวเลย คือ เหมือนเราอยู่ในโลกของศิลปะไทยแบบนี้มาตลอด เจอแต่อาจารย์เฉลิมชัย อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ไม่เคยไปมองข้างนอกเลย แล้ววันหนึ่งเราไปเจองานของศิลปินจีน ยู่ มินจิน (Yue Minjun) สมัยที่กำลังฮอตๆ เราก็แบบ โอ้ย อะไรเนี่ย! มันมีงานแบบนี้ด้วยเหรอ? วาดก็ไม่ได้เยอะ แต่ทำไมมันสวยจัง คือสมัยก่อนเราจะเชื่อว่าเราจะต้องวาดรูปแบบรายละเอียดเยอะๆ แน่นๆ ใช่ไหม เราก็คิดได้ว่า เออ สุดท้ายเราทำงานแบบขายไอเดีย เน้นไอเดียดีกว่า วาดน้อยๆ ไอเดียเยอะๆ เอาฮาๆ ดีกว่า เอาเป็นตัวเราเองดีกว่า ผมคิดคาแรคเตอร์ประจำตัวของผม (ที่เป็นชายสวมหน้ากาก) ได้หลังจากนั้นอีกพักใหญ่ๆ เลย
WURKON:
แล้วความฮาในงานนี่มาตั้งแต่ตอนไหน
ปาล์ม:
ก็ตั้งแต่ตอนทำคาแรคเตอร์นั่นแหละครับ คือเราเป็นคนอย่างนี้ เราปฏิเสธตัวเองไม่ได้ เราจะไปวาดลายไทย มั่วๆ งงๆ อะไรแบบนี้ มันก็ไม่ใช่ เราก็เลยต้องหยุด เพราะเราทำต่อไปมันก็ไม่พัฒนาขึ้นอยู่ดี เพราะงานเราก็ไม่ใช่ทางอย่างนั้น จริงๆ สมัยนั้นตอนที่ผมเข้าไปเรียนปีหนึ่งอ าจารย์เฉลิมชัยแกไปฝากฝังผมกับอาจารย์วิรุณ ตั้งเจริญ เลยนะ แกบอก อาจารย์ๆ ฝากด้วย นี่ลูกศิษย์ผม เพราะฉะนั้นคนเขาก็เม้าธ์กัน โหย นี่ลูกศิษย์อาจารย์เฉลิมชัยว่ะ ซึ่งผมได้วิธีการร่างรูปมาจากแกนะ ทุกวันนี้วิธีการร่างรูปก็คล้ายกันกับของแก
WURKON:
ยังไงเหรอ
ปาล์ม:
คือแกจะลงสีก่อน แล้วแกก็จะใช้ปากกาเมจิคถมๆ ร่างรูปขึ้นมา คนอื่นจะทำแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า ผมไม่รู้นะ แต่เดี๋ยวนี้ผมก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแบบของตัวเองไปเรื่อยๆ แล้ว พอเริ่มทำคาแรคเตอร์ที่ว่า ผมก็เริ่มห่างจากอาจารย์แล้ว เพราะมันงานคนละแนวแล้ว ไม่รู้จะคุยอะไร อาจเพราะจริตในการทำงานของเราไม่ตรงกันแล้ว แต่บางทีแกมีแสดงงานผมก็ไปหาบ้าง อย่างงานนี้ผมก็ชวนแกมานะ แต่เสียดาย เลขาฯ แกบอกว่าแกกลับเชียงรายไปแล้ว
WURKON:
แล้วตอนที่ไปอยู่ญี่ปุ่นนี่เป็นยังไงบ้างครับ เล่าให้ฟังหน่อยสิ
ผมไปอยู่ญี่ปุ่นตั้งแต่ตอนเด็กมาก ตอนประถม ตอนผมไปเนี่ยดราก้อนบอลเพิ่งมา เป็นการ์ตูนแอนิชั่น เพิ่งมาตอนแรกเลย ผมก็ดูทุกวันน่ะ ดราก้อนบอลจะมาวันพุธ ช่องแปด ตอนสองทุ่ม ผมจำได้หมด วันพฤหัสจะเป็นเคนชิโร่ (หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ) วันเสาร์ก็จะเป็น พาวเวอร์เรนเจอร์ ตอนเย็นหน่อยก็จะมี เซนต์เซย์ย่า อะไรอย่างนี้ ผมจะนั่งดูอย่างนี้ตลอดทั้งวัน เพราะว่าที่บ้าน พ่อแม่ผมจะรับรองแขกแทบทุกวัน เพราะเป็นผู้ช่วยท่านทูต ผมก็จะอยู่ในห้องของผมตลอด มีทีวีสองเครื่องอยู่ในห้อง ดูช่องโน้น ดูช่องนี้ตลอดเวลา ทำแบบนี้อยู่สามปีน่ะ
WURKON:
ปาล์มก็เลยพูดภาษาญี่ปุ่นได้ด้วยใช่ไหม
ปาล์ม:
ได้ ผมพูดญี่ปุ่นได้ เพราะผมอยู่โรงเรียนญี่ปุ่น ผมก็เลยมีเพื่อนเป็นญี่ปุ่น ก็เล่นเกมแฟมิค่อมกัน เป็นเด็กเนิร์ดน่ะ โอตาคุนิดๆ ด้วยนะ เพราะอยู่ในห้องตลอดไม่ได้ออกไปไหน เออว่ะ เพิ่งรู้สึกตัวเองว่าเป็นโอตาคุนี่หว่า (หัวเราะ)
WURKON:
งานก็มีกลิ่นโอตาคุอยู่เหมือนกันนะ
ปาล์ม:
ใช่ๆ (หัวเราะ) ยิ่งวาดยิ่งออกมา ยิ่งชัด แต่ผมไม่เล่นกัมดั้มนะ เพราะผมไม่ดู ผมก็เลยไม่ค่อยอิน ที่ผมอินจริงๆ คือ ดราก้อนบอล, ขบวนการห้าสี ชอบมาก ผมเป็นติ่งมาร์เวลด้วย เพราะงานบางรูปในนิทรรศการนี้จะมีกลิ่นมาร์เวลอยู่ อย่างรูปใหญ่สุดในนิทรรศการนี้ชื่อ Civil War มันก็เป็นองค์ประกอบแบบมาร์เวลน่ะ คือมียอดมนุษย์สู้กันหลายๆ ตัวมาร่วมกันต่อสู้
WURKON:
การไปอยู่ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นทำให้ตัวตนเราเปลี่ยนไปไหม
ปาล์ม:
คือเราไปอยู่ตอนเป็นเด็กน่ะ ก็ได้มาเยอะนะ พวกความคิดแบบญี่ปุ่น พอกลับมาอยู่ที่เมืองไทย เด็กไทยไม่ค่อยเข้าใจผม เหมือนคุยกันไม่รู้เรื่อง มุกตลกบางมุก พอพูดไปเหมือนเขาไม่ค่อยเข้าใจเราน่ะ ผมใช้เวลาปรับตัวอยู่นานเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีปัญหาเท่าไร เพราะเราเป็นเด็กเดี๋ยวมันก็ลืม มันก็กลืนๆ กันไปเอง
WURKON:
ตอนนี้ยังใช้ภาษาญี่ปุ่นได้อยู่ไหม
ปาล์ม:
พูดได้ๆ ผมมีเพื่อนเป็นชาวญี่ปุ่นเยอะ แล้วก็อย่างงานนี้ผมก็จะเชิญมาเหมือนกัน ด้วยความที่งานมันดูเป็นญี่ปุ่นอยู่ แต่มันก็เป็นลูกผสมนะ ไม่ได้แบบญี่ปุ่น100% ไง พวกแพทเทิร์นอะไรแบบนี้เราก็แฮปๆ เขามา พวกมุกตลกท่าทาง ท่าเว่อร์ๆ เพราะตลกญี่ปุ่นมันไม่เหมือนตลกไทย มันเป็นตลกแอคชั่น ออกท่าทางเยอะๆ น่ะ
โปรดติดตามตอนต่อไป
……………………………………………………………..
ขอบคุณภาพผลงานศิลปะจาก หอศิลป์ ศุภโชค ดิ อาร์ต เซนเตอร์
ภาพถ่ายบุคคลโดย อักษร สุดเสนาะ
#WURKON #art #contemporaryart #music #ปรียวิศว์นิลจุลกะ #ปาล์ม #Instinc #จิตรกรในร่างทรงของนักร้องเพลงร็อก #งานจิตรกรรม #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #หยิกแกมหยอก #แรงบันดาลใจจากงานศิลปะ
สัมผัสแรงบันดาลใจจากความคิดสร้างสรรค์แห่งการออกแบบวิถีชีวิตการทำงานยุคใหม่ได้ที่ WURKON ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สาธารณะสมัย www.wurkon.com
สามารถติดตามข่าวสารทุกวันได้ที่ : www.facebook.com/WURKON
สอบถามข้อมูลได้ที่ Tel : 02-005-3550 Fax : 02-005-2557
Official Line : @wurkon (มี @ ด้วย) / Twitter : @wurkon
Follow Instagram : @wurkon
*** สำหรับแฟนๆ และผู้ติดตามเพจ WURKON เพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลข่าวสาร ความรู้และความบันเทิงจากเพจของเราในทุกๆ วัน คุณสามารถตั้งค่าให้เห็นคอนเทนต์ของเราบน News Feed ได้อย่างง่ายๆ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. เข้ามาที่เพจ WURKON
2. คลิกที่ปุ่ม Following (กำลังติดตาม) หรือ Liked (ถูกใจแล้ว) ด้านบนขวามือของเพจ WURKON
3. เลื่อนไปที่ See First (เห็นโพสต์ก่อน) แล้วคลิกเลือก
ง่ายๆ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ แล้วท่านจะไม่พลาดเรื่องราวที่น่าสนใจจากเราอีกต่อไป
wurkon 在 Bryan Wee Youtube 的評價
wurkon 在 Travel Thirsty Youtube 的評價
wurkon 在 スキマスイッチ - 「全力少年」Music Video : SUKIMASWITCH / ZENRYOKU SHOUNEN Music Video Youtube 的評價
wurkon 在 wurkon - Pinterest 的八卦
WURKON | WURKONผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สาธารณะสมัยใหม่ Tel : (66) 02-005-3550, (66) 097-157-8435, (66) 097-161-8536 Fax: (66) ... ... <看更多>
wurkon 在 #wurkon - YouTube 的八卦
#wurkon. < 100 videos and channels. ... <看更多>