ทำไม นอร์เวย์ จึงเป็นประเทศแห่ง อาหารทะเล? /โดย ลงทุนแมน
ปลาแซลมอนกว่า 50% ที่อยู่บนโต๊ะอาหารทั่วโลก ล้วนส่งออกมาจากประเทศนอร์เวย์
นอกจากปลาแซลมอนแล้ว นอร์เวย์ยังเป็นอันดับ 1 ในการส่งออกปลาค็อด ปลาเทราต์
ปลาแมกเคอเรล และอยู่ในอันดับต้นๆ ของการส่งออกอาหารทะเลอีกหลายต่อหลายชนิด
ทั้งหมดล้วนส่งผลให้นอร์เวย์ เป็นประเทศที่ส่งออกอาหารทะเลมากที่สุดอันดับ 2 ของโลก
รองจากประเทศจีน
แต่สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องของปริมาณ..
เพราะคุณภาพอาหารทะเลของนอร์เวย์
ก็เป็นสิ่งที่ประทับใจคนทั้งโลก ทั้งความสะอาด อุดมไปด้วยสารอาหาร และความสดใหม่
โดยเฉพาะเนื้อปลาเกรดพรีเมียม ที่จะละลายทันทีเมื่อถูกนำเข้าปาก
อะไรที่ทำให้ประเทศเล็กๆ อย่างนอร์เวย์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านอาหารทะเลของโลก?
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม นอร์เวย์ จึงเป็นประเทศแห่ง อาหารทะเล?
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
หนังสือเล่มนี้จะพูดถึงประวัติเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี ค.ศ.1100 ไล่ยาวไปจนถึง ค.ศ.2019
สั่งซื้อได้ที่ (ซื้อตอนนี้มีส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
╚═══════════╝
คนทั่วโลกรู้จักนอร์เวย์ในฐานะ “ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน”
เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากขั้วโลกเหนือ ช่วงฤดูร้อนของนอร์เวย์ จึงมีเวลากลางวันยาวนานกว่ากลางคืนมาก ยิ่งใกล้ขั้วโลกเท่าไร เวลาที่พระอาทิตย์ส่องแสงก็ยิ่งยาวนานขึ้นเท่านั้น
แต่ถึงแม้จะอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือ ชายฝั่งทะเลของนอร์เวย์กลับไม่เป็นน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาว
ด้วยอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่น Gulf Stream ที่นำพาความอบอุ่นมาให้กับชายฝั่งอันยาวเหยียดของนอร์เวย์
แต่ความโชคดียิ่งกว่า คือกระแสน้ำอุ่นที่มากระทบกับความเย็นของกระแสน้ำเย็นจากขั้วโลก
เกิดเป็นระบบนิเวศทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ เรียกว่า “Dogger Bank” ที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ทะเล เป็นแหล่งอาศัยของปลาน้อยใหญ่ และทำให้ท้องทะเลของนอร์เวย์อุดมสมบูรณ์ที่สุดในยุโรป
ด้วยแนวชายฝั่งที่ยาวกว่า 29,750 กิโลเมตร ทำให้นอร์เวย์มีพื้นที่สำหรับทำการประมงอย่างมหาศาล การทำประมงจึงแทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวนอร์เวย์มาเป็นเวลาหลายศตวรรษจนกลายเป็นความเชี่ยวชาญ โดยมีศูนย์กลางการค้าปลาอยู่ที่เมืองเบอร์เกน (Bergen) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญทางเศรษฐกิจของนอร์เวย์ คือการค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ในทะเลเหนือช่วงทศวรรษ 1960s ที่ทำให้น้ำมันกลายเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1
ของประเทศแทนอาหารจากท้องทะเล
หลังจากนั้นมา
นอร์เวย์ได้กลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันที่สำคัญของยุโรป และด้วยความที่มีประชากรน้อยมาก
ชาวนอร์เวย์ 5 ล้านคน จึงมี GDP ต่อหัวสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
อย่างไรก็ตาม
รัฐบาลนอร์เวย์ก็ได้เล็งเห็นว่า น้ำมันเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป
ความมั่งคั่งจากน้ำมันจึงเป็นความมั่งคั่งที่ไม่ยั่งยืน จึงได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ความมั่งคั่งนี้ยังคงหล่อเลี้ยงชาวนอร์เวย์ต่อไป แม้ในวันที่ไม่มีน้ำมันอีกแล้ว
ประการแรก รัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัฐ หรือ “Government Pension Fund” ขึ้น
โดยกองทุนนี้จะนำเงินที่เก็บจากภาษีของบริษัทน้ำมัน มาลงทุนเก็บเกี่ยวดอกผล โดยลงทุนในบริษัทต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะมีเงินงบประมาณเพียงพอสำหรับลูกหลานชาวนอร์เวย์ในอนาคต
ประการที่สอง การหาภาคส่วนเศรษฐกิจมาทดแทนการส่งออกน้ำมัน ซึ่งก็ย้อนกลับไปที่
ภาคเศรษฐกิจที่มีบทบาทมาเป็นเวลาหลายร้อยปี อย่าง “การทำประมง”
นับตั้งแต่อดีต การทำประมงของนอร์เวย์เป็น ประมงนอกชายฝั่ง หรือ “Offshore” ที่เป็นการตักตวงทรัพยากรจากท้องทะเลซึ่งก็อาจหมดไปได้ในวันหนึ่งข้างหน้า
ในช่วงทศวรรษ 1970s รัฐบาลจึงริเริ่มสนับสนุนให้มีการทำประมงบนฝั่ง “Inshore” โดยเฉพาะฟาร์มเลี้ยงปลามากขึ้น
ชายฝั่งทะเลของนอร์เวย์มีความพิเศษ คือ มีลักษณะเว้าแหว่งเข้ามาในแผ่นดิน
เป็นอ่าวแคบๆ อยู่ระหว่างหน้าผาสูงชัน เรียกว่า ฟยอร์ด (Fjord) ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งตั้งแต่ยุคน้ำแข็งหลายหมื่นปีก่อน
การมีฟยอร์ดที่เว้าแหว่งกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ตามธรรมชาติที่ดีสำหรับการทำฟาร์มเลี้ยงปลา เพราะมีพื้นที่เพียงพอให้ปลาว่ายน้ำ และอยู่ห่างไกลจากเส้นทางเดินเรือนอกชายฝั่งที่ปล่อยมลภาวะ
พอเรื่องเป็นแบบนี้ก็ทำให้ประเทศนอร์เวย์มีการทำฟาร์มเลี้ยงปลามากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะฟาร์มปลาแซลมอน และปลาเทราต์
ซึ่งการทำฟาร์มเลี้ยงปลามีผู้ควบคุมก็คือ กระทรวงการประมงและกิจการชายฝั่ง ที่มีการจัดตั้งช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อดูแลอุตสาหกรรมประมงโดยเฉพาะ
ฟาร์มปลาทุกแห่งจะต้องทำตามข้อกำหนดของกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นในกระชังแต่ละหลังจะต้องมีพื้นที่เพียงพอให้ปลาสามารถเจริญเติบโตได้ สภาพแวดล้อมในกระชังจะต้องสะอาด
ฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาจะต้องไม่อยู่ใกล้กับเส้นทางเดินเรือ และควบคุมการใช้สารเคมีและยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงดูปลาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้พันธุ์ปลาที่มีคุณภาพที่สุด
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของการทำประมงในนอร์เวย์ คือความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน
รัฐบาลนอร์เวย์ให้ความสำคัญกับงานวิจัยและพัฒนามาก
โดยเป็นผู้ให้งบประมาณแก่สถาบันวิจัยของรัฐ สำหรับนำมาปรับใช้กับภาคเอกชนทุกระดับ
ตั้งแต่ชาวประมงอิสระ เจ้าของฟาร์มเลี้ยงปลา ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่
หนึ่งในสถาบันสำคัญที่เป็นแรงผลักดันในกระบวนการวิจัยและพัฒนา คือ
สถาบันวิจัยทางทะเลแห่งชาตินอร์เวย์ หรือ Norwegian Institute of Marine Research
ตั้งอยู่ในเมืองเบอร์เกน ศูนย์กลางด้านประมงของประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการผลักดันงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลมาสู่ภาคเอกชน
ตัวอย่างหน่วยงานวิจัยที่สำคัญ เช่น
CRISP หน่วยงานวิจัยด้านการพัฒนาการทำประมงด้วยคลื่นโซนาร์และเสียงเอคโค เพื่อให้เรือประมงนอกชายฝั่งสามารถประยุกต์ใช้คลื่นสะท้อนนี้ในการวัดขนาด และชนิดของฝูงปลา ทำให้การทำประมงมีทิศทางที่แม่นยำ และประหยัดทั้งต้นทุนด้านพลังงาน และเวลา
EcoNorSe หน่วยงานวิจัยด้านการศึกษาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของปลานอกชายฝั่งทะเล และนำเสนอเป็นข้อมูล ทั้งการกระจายตัวของปลาเศรษฐกิจที่สำคัญ และปริมาณการบริโภคแพลงก์ตอนทะเลของปลาเศรษฐกิจที่สำคัญ
นอกเหนือจากสถาบันของรัฐ ยังมีสถาบันการศึกษาอย่าง University of Bergen ที่เป็นสถาบันที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่มีงานวิจัยร่วมกันกับทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการทำฟาร์มเลี้ยงปลา และพัฒนากระบวนการขนส่งอาหารทะเลที่จะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
นอกเหนือจากการสนับสนุนจากภาครัฐบาลแล้ว
ทางฝั่งของภาคเอกชนก็ได้มีการลงทุนเป็นเงินมากกว่า 500 ล้านบาทในแต่ละปี
เพื่อให้เกิดการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งบริษัท Lerøy Seafood Group
บริษัท Marine Harvest และบริษัท SalMar ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นผู้นำในการทำฟาร์มปลาแซลมอนในระดับโลก
นอกจากด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ซึ่งเป็นศาสตร์พื้นฐาน ที่ทำให้ได้ผลผลิตอาหารทะเลที่มีคุณภาพ รัฐบาลนอร์เวย์ยังเป็นผู้นำในการสนับสนุนการทำการตลาด เพื่อให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ถึงมือลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
โดยด้านการตลาด เป็นหน้าที่ของสภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์
หรือ Norwegian Seafood Council (NSC) ซึ่งมีหน้าที่ในการทำการตลาดในทุกรูปแบบ
ทั้งการหาตลาดใหม่ การวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดของประเทศลูกค้าที่สำคัญ การวางแผนการขนส่งทางอากาศเพื่อให้อาหารทะเลสดใหม่ถึงมือผู้รับอย่างเร็วที่สุด
และเป็นผู้กำหนดตราสัญลักษณ์ “Seafood from Norway” เพื่อการันตีคุณภาพอาหารทะเลจากนอร์เวย์ ว่ามีความสด ความสะอาด และความปลอดภัย
NSC มีสำนักงานตั้งอยู่ใน 12 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพื่อทำการตลาดอาหารทะเลให้เฉพาะกับลูกค้าในแต่ละประเทศที่มีความต้องการแตกต่างกันไป
การทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบของภาครัฐและเอกชน ทั้งภาควิจัยและพัฒนา
ที่เป็นเหมือนผลิตภัณฑ์ต้นน้ำ กับภาคการตลาด ที่เป็นเหมือนบริการปลายน้ำ
กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัว ทำให้อาหารทะเลจากนอร์เวย์มีคุณภาพสูง
สามารถเจาะตลาดไปสู่ลูกค้าทั่วทุกมุมโลก
นอร์เวย์เป็นประเทศที่โชคดี มีทั้งทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์
และมีทรัพยากรอย่างน้ำมันที่สร้างรายได้มหาศาล
แต่ความโชคดีก็เป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน ในเมื่อทรัพยากรที่มีล้วนเป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไป
หลายประเทศบนโลกที่ร่ำรวยจากการส่งออกทรัพยากรธรรมชาติ แต่ท้ายที่สุดกลับประสบปัญหาทางเศรษฐกิจเพราะขาดการบริหารจัดการที่ดี
เป้าหมายหลักของรัฐบาลนอร์เวย์ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา จึงเป็นการค่อยๆ ลดสัดส่วนของการส่งออกน้ำมัน และนำรายได้จากการส่งออกน้ำมัน มาพัฒนาและวางรากฐานการทำประมงให้มีประสิทธิภาพ ทุ่มเทสร้างงานวิจัย นำมาประยุกต์ใช้กับภาคเอกชนอย่างแข็งขัน ทำการตลาดอย่างจริงจัง และวางแผนเพื่อสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด
ในปี 2050 การส่งออกอาหารทะเลจากนอร์เวย์ คาดว่าจะสร้างมูลค่าสูงถึง 2 ล้านล้านบาท
ซึ่งเป็นมูลค่าที่มากกว่าการส่งออกอาหารทะเลในปี 2018 เกือบ 6 เท่า
ความโชคดีอาจเป็นสิ่งที่หลายประเทศใฝ่หา
แต่สำหรับประเทศนอร์เวย์ซึ่งเป็นเจ้าแห่งอาหารทะเลแล้ว
สิ่งที่มีคุณค่ามากกว่า ก็คือ “ความยั่งยืน”..
อ่านซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ในตอนก่อนหน้าทั้งหมดได้ที่แอป Blockdit blockdit.com/download
╔═══════════╗
ชอบบทความแบบนี้ ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://atlas.cid.harvard.edu/explore?country=undefined&product=5082&year=2018&productClass=HS&target=Product&partner=undefined&startYear=undefined
-https://ditp.go.th/contents_attach/138521/138521.pdf
-http://crisp.imr.no/en/projects/crisp/innovations
-https://seafoodfromnorway.us/Stories-from-Norway/a-perfect-environment/extreme-conditions/
-https://www.norskpetroleum.no/en/framework/norways-petroleum-history/
-https://www.uib.no/en/marine
-https://www.leroyseafood.com/en/about-us/value-chain/
-https://en.seafood.no/about-norwegian-seafood-council/about-us/
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過531的網紅Humans Offshore Podcast離島人,也在其Youtube影片中提到,Ep060 - 義築是我對這個世界的一點溫柔 : 李承翰⠀ .⠀ 這週邀請到義築是我對這個世界的一點溫柔 : 李承翰⠀ 李承翰學長在學習建築的路上一直都有參與國際與地方上各種義築活動⠀ 從柬埔寨的國際義築、到畢業設計為三芝獨居阿嬤改建百年土角厝⠀ 希望透過義築來讓業界知道建築不是只能服務有錢人⠀ 學...
「university of bergen」的推薦目錄:
university of bergen 在 哇賽心理學 Facebook 八卦
這個發現有點驚人!沒想到牙周病和阿茲海默症居然有這層微妙的關係,平常做好潔牙同時也在預防阿茲海默耶~
挪威卑爾根大學(University of Bergen)學者麥德爾(Piotr Mydel)和他的研究團隊發現,九成阿茲海默受試者的腦部組織和唾液中都含有「Porphyromonas gingivalis」這種細菌,且細菌會在口腔中造成發炎和牙周病。
這種細菌會透過血管進入腦部,產生異常的蛋白質並破壞神經細胞,導致記憶消退最後變成阿茲海默症。「Porphyromonas gingivalis」不完全是阿茲海默的發病原因,但仍然是風險因子之一,因此徹底的潔牙不僅可以維持個人的口腔衛生,更間接的避免細菌入侵腦部造成腦區的疾病。
只要是在臉部的微小傷口或是細菌感染其實都很害怕會影響到大腦(畢竟是表層和裡層的關係),因此平時就應該照顧好自己的身體!如果出現症狀也要及早就醫治療唷:)哇賽心理學(替你的牙醫師)關心你的健康(還有牙齒)XD
#牽一髮而動全身
#這不是牙醫診所的業配文
#記得回診唷
https://www.commonhealth.com.tw/article/article.action?nid=79685&fbclid=IwAR0BxlAc5WE5S9OVOmYGcoGDGlaASO2FyZvvjfvXHoTtZYhAKBMIZJLGYA4
university of bergen 在 BaoBao的世界最棒工作 Facebook 八卦
小島大歌專輯首發 ✨ Naka wara wara to'o (small island mix)
18 首歌曲 x 16 個島國 x 百位音樂家
Ft.
Charles Maimarosia, 索羅門群島
w.
Kuana Torres Kahele, 夏威夷
Rajery, 馬達加斯加
Piteyo Ukah 彼得洛, 台灣
Tarika Sammy, 馬達加斯加
Airileke Ingram, 巴布亞新幾內, 巴布亞新幾內亞
Yumi Yet Bamboo Band, 巴布亞新幾內亞
Leweton Water-Music, 萬那杜
為我們祖先的智慧。我們生活、生存的一切,都是祖先給我們的禮物,願我們寶貝這些智慧,並傳承。
Small Island Big Song / 專輯發佈 3 July / 預購起跑 26 June
4K畫質 - https://www.youtube.com/watch?v=g65a1aQUgF4&feature=youtu.be
⭐
// 專輯發佈巡迴
06/25-28 Sunny Side of the Doc, La Rochelle /法國
06/28 Peace Boat, 哥本哈根 /丹麥
06/30 Bergen大學 with 和平號Peace Boat & 聯合國挪威, Bergen /挪威
07/04 Toppstöðin with Peace Boat, Reykjavik /冰島
07/05-08 Førdefestivalen音樂節, Forde /挪威
07/09-10 Camping Vliegenbos, 阿姆斯特丹 /荷蘭
07/11/ Sinchi x Pllek | Small Island Big Song LIVE music premiere, 阿姆斯特丹 /荷蘭
07/12 漢堡 /德國
07/13 Roemer- und Pelizaeus-Museum, Hildesheim /德國
07/14 Prachtwerk Berlin, 柏林 /德國
07/15 Floating University Berlin, 柏林 /德國
07/19-22 EtnoSur音樂節 主舞台, Alcala la Real /西班牙
07/24 倫敦 /英國
07/26 Legacy 傳 音樂展演空間, 台北 /台灣
早鳥票 700元 & 兩人套票送專輯(限50張)起跑:https://www.indievox.com/smallislandbigsong/event-post/20990
⭐
Made in 太平洋 & 印度洋 - 一張活體專輯
Small Island Big Song 小島大歌 https://www.smallislandbigsong.com/
university of bergen 在 Humans Offshore Podcast離島人 Youtube 的評價
Ep060 - 義築是我對這個世界的一點溫柔 : 李承翰⠀
.⠀
這週邀請到義築是我對這個世界的一點溫柔 : 李承翰⠀
李承翰學長在學習建築的路上一直都有參與國際與地方上各種義築活動⠀
從柬埔寨的國際義築、到畢業設計為三芝獨居阿嬤改建百年土角厝⠀
希望透過義築來讓業界知道建築不是只能服務有錢人⠀
學長現在則在挪威攻讀建築碩士,目前在瑞典作交換⠀
目前則在思考數位製造在義築上的潛力和應用方式⠀
.⠀
今天透過這個機會,想請跟承翰學長聊聊開始義築的契機⠀
了解這些年來學長參與過的各種專案背景和執行⠀
也像要知道學長目前對於數位製造在義築的應用上有什麼看法⠀
.⠀
#義築 #BAS #BergenSchoolofArchitecture#TKU #大藏
.⠀
經歷:⠀
- 瑞典 Chalmers University of Technology交換學生⠀
- 挪威 Bergen school of architecture碩士⠀
- 台灣 大藏聯合建築師事務所⠀
- 尼泊爾 村落教室重建 駐地監造⠀
- 國合會和世界展望會 新建救護所計畫⠀
- 台灣 淡江大學建築系畢業⠀
- 台灣 三芝獨居阿嬤百年土角厝改建專案⠀
- 台灣 臺北科技大學 台東部落新建教室義築計畫⠀
- 台灣 寶島義工團 新竹風災受災戶新建義工⠀
- 柬埔寨 國際義築志工⠀
-------------
🎧離島人們的經驗交流播客平台
A podcast platform, shares experiences of those who are offshore.
🏠 離島人Homepage | https://www.humansoffshore.com
🎬 Youtube | https://bit.ly/ho_youtube
🌹 Paypal小額贊助 | http://bit.ly/humansoffshore_paypal
university of bergen 在 University of Bergen, Norway | Campus Tour | Rankings 的八卦
... <看更多>