The Battleship Island (2017) เข้าฉายแล้ววันนี้
จะทำหนังแนวปลุกพลังชาตินิยมก็น่าจะทำให้มีชั้นเชิงกว่านี้หน่อยนะ ยกตัวอย่างงานดี ๆ เช่น Schindler's List และ City of Life and Death ซึ่งทำออกมาดูมีความเป็นมนุษย์มากกว่าเยอะ ประเด็นสำคัญอีกอย่างคือหนังบล็อกบัสเตอร์ของเกาหลีใต้ 4 ปีล่าสุดกำลังขุดประวัติศาสตร์มาสร้างภาพให้ญี่ปุ่นเป็นตัวร้ายต่อเนื่องมาก ไล่ตั้งแต่ The Admiral: Roaring Currents, Assassination และปีที่แล้วก็เพิ่งมี The Age of Shadows ซึ่งทั้งหมดจะพูดถึงเกาหลีตอนถูกญี่ปุ่นกดขี่ข่มเหงเหมือนกันหมดแต่ภาพรวมทำออกมาไม่ถึงขั้นยัดเยียดความเป็นผู้ร้ายให้ญี่ปุ่นเท่ากับที่เห็นใน The Battleship Island ซึ่งมันร้ายแบบร้ายไปเลย อีกทั้งหนังยังพยายามจะมาในทางของเมโลดราม่าบิ๊วเกินจริงยิ่งทำให้เราไม่ถูกจริตกับหนังเข้าไปอีก อย่างไรก็ตามสิ่งดีของหนังคือโปรดักชั่นบ้านเขานี่จัดหนักจัดเต็มจริง ๆ
.
หนังเล่าถึงภารกิจของ 'พัค มูยัง' (ซง จุงกิ) สายลับเกาหลีที่ถูกส่งตัวไปเกาะฮาชิมะเพื่อช่วยเหลือนักโทษคนหนึ่งออกมา โดยเขาได้รับความช่วยเหลือจาก 'คังอ๊ก' (ฮวาง จองมิน) หัวหน้าวงดนตรีที่ถูกจับตัวมาใช้แรงงานในเหมืองพร้อมลูกสาว แต่จากภารกิจช่วยเหลือคนเพียงคนเดียวได้เปลี่ยนเป็นแผนการใหญ่ที่จะช่วยชาวเกาหลีทั้งหมดแหกการคุมขังของทหารญี่ปุ่นเพื่อหนีออกจากเกาะฮาชิมะให้จงได้
.
เวลาเราดูหนังสงครามโลกครั้งที่สองนี่ไม่แปลกที่เขาจะทำภาพให้ร้ายทหารนาซี หรือเวลาเราดูหนังเกี่ยวกับการสังหารหมู่นานกิงก็ไม่แปลกที่ภาพทหารญี่ปุ่นจะออกมาเลวร้าย แต่ชั้นเชิงในการนำเสนอสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ในหนังคุณภาพดี ๆ มันจะถูกถ่ายทอดอย่างมีชั้นเชิง ค่อยเป็นค่อยไปไม่ยัดเยียดสุดโต่ง และไม่ถึงขั้น stereotype เหมารวมจนออกมาดูเลวทรามเกินจริง อย่างใน The Battleship Island มันก็มีมูลเหตุให้เชื่อได้ว่าทุกอย่างในหนังเกิดขึ้นจริง ทั้งการหลอกส่งตัวชาวเกาหลีไปเป็นแรงงานในเหมือง, การจับผู้หญิงไปเป็นโสเภณี รวมถึงการกดขี่ข่มเหงบนเกาะที่สภาพไม่ต่างจากค่ายกักกัน แต่ปัญหาคือทุกอย่างที่ใส่เข้ามามันมุ่งเน้นสร้างความรู้สึกเกลียดชังเป็นหลัก หลายครั้งก็ดูจะโหมความรุนแรงให้หนักสุดขั้วแต่ก็ยั้งมือไว้ ยิ่งเมื่อรวมกับลำดับการเล่าเรื่องที่ตัดต่อกระโดดข้ามไปข้ามมาจึงยิ่งทำให้เราห่างไกลจะมีอารมณ์ร่วมกับหนัง
.
แน่นอนว่าจังหวะดราม่าส่วนใหญ่ในหนังเกาหลีจะเป็นเมโลดราม่าที่บิ๊วเหลือเกิน จะต้องฟูมฟายเกินเหตุ จะต้องปลุกใจเล่นใหญ่ ยิ่งถ้าตัวละครไหนต้องตายนี่ลุกไปห้องน้ำกลับมากล้องยังแช่อยู่อย่างนั้นแหละ จริง ๆ หนังบ้านเขาหลายเรื่องที่ทำดราม่าเป็นธรรมชาตินี่ทำออกมาดีนะ แต่พอเป็นหนังใหญ่เหมือนจะยังนิยมเมโลดราม่าบิ๊วเยอะ ๆ ไว้ก่อน ซึ่งเป็นจริตส่วนตัวที่เราเอียนกับการปั้นประดิษฐ์อะไรล้น ๆ แบบนี้เท่านั้นเอง บางคนอาจจะชอบแนวนี้ก็ได้ ซึ่งส่วนตัวเราแล้วดู The Battleship Island แค่พอเก็บเข้าพอร์ตสะสมการดูหนังเกาหลี แต่คงไม่ได้หยิบขึ้นมาเชียร์ใครเวลาจะแนะนำหนังเกาหลีนะ
ป.ล. ชอบ The Berlin File งานเก่าของผู้กำกับคนนี้มาก เชียร์เลยว่าคือเจสัน บอร์นของเกาหลีใต้ ส่วน Veteran ก็สนุกดี
Director: Seung-wan Ryoo (ผู้กำกับ The Berlin File, Veteran)
Genre: action, drama, history
6/10
the admiral roaring currents 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 八卦
Along with the Gods: The Last 49 Days (2018) เข้าฉาย 9 สิงหาคมนี้
มองในแง่อุตสาหกรรมหนังเกาหลีที่พยายามปั้นบล็อกบัสเตอร์ของตัวเองขึ้นมาต้องถือว่าสอบผ่านที่ไม่ได้เลียนแบบฮอลลีวูดตรง ๆ แต่หยิบวัตถุดิบที่มีความเป็นเอเชียสูงมากใส่ลงไปด้วย แล้วรายได้ของภาคแรกที่ทำเงินสูงที่สุดเป็นอันดับสองของประวัติศาสตร์หนังเกาหลีใต้คงเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าภาคสองนี้อาจไปถึงขั้นแซงหน้าขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ล้มแชมป์เดิมอย่าง The Admiral: Roaring Currents ด้วย ไม่แปลกใจถ้า ...
Continue Reading
the admiral roaring currents 在 หนังโปรดของข้าพเจ้า Facebook 八卦
Along with the Gods: The Last 49 Days (2018) เข้าฉาย 9 สิงหาคมนี้
มองในแง่อุตสาหกรรมหนังเกาหลีที่พยายามปั้นบล็อกบัสเตอร์ของตัวเองขึ้นมาต้องถือว่าสอบผ่านที่ไม่ได้เลียนแบบฮอลลีวูดตรง ๆ แต่หยิบวัตถุดิบที่มีความเป็นเอเชียสูงมากใส่ลงไปด้วย แล้วรายได้ของภาคแรกที่ทำเงินสูงที่สุดเป็นอันดับสองของประวัติศาสตร์หนังเกาหลีใต้คงเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าภาคสองนี้อาจไปถึงขั้นแซงหน้าขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ล้มแชมป์เดิมอย่าง The Admiral: Roaring Currents ด้วย ไม่แปลกใจถ้า ...
Continue Reading