อะไรคือสิ่งที่ Tesla ทำให้คนที่ใช้รถน้ำมันมาตลอดชีวิตกล้าตัดสินใจที่จะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า จนส่งผลให้บริษัท Tesla นั้นพุ่งทยานสู่บริษัทรถที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก! เรียกได้ว่ากำลังเป็นกระแสอย่างมากสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ถ้าพูดเรื่องนี้กันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทุกคนคงพูดพร้อมกันว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ในยุคนนี้นั้นไม่ใช่อีกแล้ว ถึงแม้ว่าในไทยอาจจะยังไม่ได้รับความสนใจมากเท่าที่ควรแต่ตอนนี้ตลาดระดับโลกนั้นกำลังให้ความสนใจไปที่เรื่องนี้อย่างมากเลยทีเดียว
.
สำหรับ Tesla (เทสล่า) รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก จากบริษัทน้องใหม่ Tesla Inc. (เทสลา อิงค์) ที่เข้ามาในวงการได้เพียง 17 ปีแต่กลับเป็นเล็กพริกขี้หนูที่ได้เข้ามาเขย่าวงการยานยนต์ระดับโลก ด้วยรถยนต์ไฟฟ้า 100% พร้อมระบบช่วยขับอัตโนมัติ Autopilot ใช้ AI ในการขับแทนคนและสามารถใช้งานได้จริงบนท้องถนน ซึ่งมีเจ้าของบริษัทเป็นนักธุรกิจคนดังระดับโลกที่เป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีอวกาศ SpaceX อย่าง “อีลอน มัสก์”
.
โดยที่เมื่อปีที่แล้วมูลค่าหุ้นของบริษัทนั้นได้พุ่งทยานสูงถึง 1,134 ดอลลาร์สหรัฐฯ/หุ้น ทำให้มูลค่าหุ้นรวมทั้งหมดนั้นกระโดดไปเป็น 209,740 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 6.5 ล้านล้านบาท) ครองอันดับ 1 แซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง Toyota ก่อนจะโดนทวงตำแหน่งคืนหลังจากนั้นไม่นาน แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คืออะไรคือสิ่งที่ทำให้ Tesla นั้นสามารถขึ้นอันดับแซงหน้ารถยนต์ค่ายรุ่นพี่ต่างๆ ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าได้?
.
“เปิดตัวด้วยความดึงดูด ต่อท้ายด้วยความประทับใจ” Tesla เปิดตัวมาครั้งแรกด้วยรูปโฉมของรถทรงสปอร์ตสุดหรู นั่นก็เพื่อทำให้ผู้คนหันมาสนใจในความดูดีของรถคันนี้พร้อมทั้งประสิทธิภาพที่เกินความคาดหมาย และมุ่งขายให้กับคนที่มีกำลังในการซื้อเพื่อที่จะได้นำเงินที่ขายรถได้นั้นมาพัฒนาเพื่อผลิตรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพดีเช่นเดียวกันแต่ในราคาที่ถูกลงมา เพราะอีลอน มักส์ มองว่าถ้าอยากจะให้คนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นราคาก็ต้องสามารถจับต้องได้ ถึงขนาดที่ลงทุนเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่และประกอบรถเองเพื่อลดต้นทุนในส่วนดังกล่าว
.
“ประสิทธิภาพที่ดีกว่ารถน้ำมัน” เราไม่ต้องมาพูดกันว่ารถยนต์ไฟฟ้าดีกว่ารถน้ำมันจริงไหม เพราะ Tesla พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าจริง ด้วยเครื่องยนต์ที่สามารถออกตัวแบบที่ไม่ต้องรอรอบ พร้อมอัตราเร่งที่ดีกว่ารถในเรทเดียวกัน และความทนทานของรถที่ไม่ต้องมีการดูแลอย่างระมัดระวังเหมือนรถน้ำมัน พร้อมกับ “แบตเตอรี่” ที่ในตอนแรกจะพบกับปัญหาการขาดแคลนแร่ที่นำมาสร้างแบตเตอรี่ อย่าง โคบอลต์ แถมยังมีราคาสูง แต่ในสุดท้ายก็แก้ปัญหาด้วยการนำเอา ลิเธียมไอออนฟอสเฟต ของ CATL มาใช้แทนซึ่งมีราคาต่ำกว่าแถมยังสามารถวิ่งได้มากกว่า 1.2 ล้านไมล์ (แบตเตอรี่อื่นสูงสุดประมาณ 200,000 ไมล์) ซึ่งถือเป็นการขีดมาตรฐานใหม่ให้กับแบตเตอรี่ในอนาคตเลยทีเดียว!
.
“สร้างสถานีชาร์จแบตเตอรี่ขึ้นมาเอง” เป็นเรื่องที่หลายคนกังวลอยู่มากว่าหากมีรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว แต่ไม่มีที่ชาร์จไฟฟ้าก็คงจะลำบากน่าดู เพราะไม่เหมือนกับรถยนต์น้ำมันหรือเติมแก๊สที่หาเจอได้ตลอดทาง ไหนจะระยะเวลาการชาร์จแบตที่นานกว่าการเติมน้ำมันอีก ซึ่งมันทำให้พวกเขาตัดสินใจสร้างสถานีชาร์จไฟขึ้นมาเองเสียเลย! โดยในตอนนี้มีแล้วมากกว่า 1,600 แห่ง พร้อมกับแท่นชาร์จกว่า 14,000 แท่นทั่วโลก พร้อมกับแผนที่จะขยายเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ Tesla คิดมาแล้วว่าต้องทำเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเหล่าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ารวมถึงคนอื่นๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้พวกเขากล้าที่จะตัดสินใจมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นโดยตัดปัญหาข้อนี้ออกไปได้อย่างหายห่วง
.
“ระบบ Autopilot ไม่ต้องขับรถเอง” จุดเด่นที่สุดที่ไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้ แต่ Tesla ทำได้ก็คือระบบ Autopilot เหมือนกับนักบินที่เปิดโหมดนี้ตอนเครื่องอยู่บนท้องฟ้าแล้ว แต่ในครั้งนี้มันได้ถูกนำมาอยู่บนรถ Tesla เพียงแค่ตั้งจุดมุ่งหมายเอาไว้รถยนต์คันนี้ก็จะพาคุณไปถึงที่หมายด้วยระบบความปลอดภัยสุดอัจฉริยะที่ให้คุณสามารถไว้ใจได้ เพราะใช้งานได้จริง และมีแผนที่จะพัฒนาให้มันล้ำหน้าไปมากกว่านี้อีก!!
.
และสุดท้ายผู้ชายที่ชื่อ “อีลอน มัสก์” บุคคลที่เปลี่ยนหลายสิ่งที่ผู้คนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้นได้จริงมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ผู้เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ Tesla กลายเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก มันไม่ใช่เพราะว่าอีลอน มัสก์นั้นคิดค้นออกแบบพัฒนารถด้วยตัวเอง แต่มันคือวิสัยทัศน์ของเขาที่ตัดสินใจที่จะลงทุนเริ่มต้นทำรถยนต์ไฟฟ้าหลังจากฟังการนำเสนอของสองวิศวกรหนุ่มถึงแม้ว่าตอนนั้นตัวเขาเองจะยังไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร โดยที่เขาก็แอบเผื่อใจไว้ว่ามันอาจจะมีโอกาสแค่ 10% ในความสำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้น แปลว่ามันก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ โดยระหว่างทางพวกเขาพบกับความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งและหลงทางกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ จนในที่สุดพวกเขาใช้ระยะเวลากว่า 5 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้ง ในการวางขายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ครั้งแรก ซึ่งมันทำให้เห็นว่าโอกาส 10% ที่เขาตั้งไว้นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จริง และสามารถลบคำสบประมาทของคนที่เคยบอกว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องเพ้อฝันได้ด้วยความสำเร็จที่เกิดขึ้น และทำให้หลายคนที่อยากจะซื้อรถที่ อีลอน มัสก์ เป็นคนสร้างขึ้นเลยทีเดียว
.
เห็นอย่างนี้แล้วใครบ้างล่ะที่จะไม่อยากเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าที่แสนอัจฉริยะคันนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเหตุผลข้อใดข้อหนึ่ง แต่มันคือเหตุผลทั้งหมดที่รวมกันแล้วทำให้หลายคนนั้นเกิดความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพที่พิสูจน์ได้จริงไม่ใช่แค่คำโฆษณา เพราะ Tesla ได้ทำให้ทั้งโลกเห็นเองกับตาแล้วว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นสามารถเกิดขึ้นและใช้งานได้จริงเผลอก็ดีกว่าด้วยซ้ำ (ซึ่งมันก็ดีกว่าเมื่อแลกมากับราคาที่สูง)
.
พวกเขาไม่ได้แค่ผลิตรถยนต์ออกมาแล้วบอกว่ามันดี แต่ยังได้สร้างความเชื่อมั่น และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อช่วยลบความลังเลภายในใจของผู้คนที่มีต่อรถยนต์ไฟฟ้าให้กล้าที่ก้าวออกจากเซฟโซนเดิมๆ อย่างการใช้รถยนต์น้ำมันออกมาเพื่อใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม Tesla ถึงทำให้ผู้คนกล้าที่จะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ เพราะเขาลบความกลัวในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของทุกคนออกไปหมดแล้วนั่นเอง
.
ในไทยเองภาครัฐก็มีการสนับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อให้ทันกับการเติบโตของทั่วโลก สุดท้ายก็ต้องรอติดตามชมว่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้าค่ายไหนที่จะมาโค่นบัลลังก์และสร้างความตื่นตาในวงการรถยนต์ไฟฟ้าแซงหน้า Tesla หรือไม่? ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นรถยนต์จากสัญชาติไทยก็เป็นได้ คุณคิดเหมือนกันไหม?
.
ที่มา : https://www.tesla.com/supercharger
https://www.tesla.com
https://www.magcarzine.com/tesla-revolution-ev/
https://evannex.com/blogs/news/seven-ways-tesla-is-changing-the-world
https://www.sanook.com/auto/77416/
https://www.prachachat.net/motoring/news-337351
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#รถยนต์ไฟฟ้า #Tesla #เทสล่า #elonmusk
supercharger tesla 在 Introducing V3 Supercharging - YouTube 的八卦
Learn more: https://www.tesla.com/blog/introducing-v3-supercharging. ... <看更多>