🤓 Data mining คืออะไรในวิชาทางคอม
มาเดี่ยวเล่าให้ฟัง
วิชานี้แปลตรงตัวก็คือ "การทำเหมืองข้อมูล"
อุปมาก็คล้ายกับเราไปทำเหมืองแร่ที่ขุดมาจากใต้ดินแหละครับ
.
แต่เหมืองที่ว่าเป็นเหมืองของข้อมูลดิบที่มีขนาดใหญ่นั่นเอง
.
คราวนี้จะให้ลองนึกถึงเวลาใช้คำสั่ง SQL เราจะรู้อยู่แล้วว่า
ข้อมูลมันอยู่ตรงไหนใน (Table) ใช่มั๊ยละ
พอเราใช้คำสั่ง select * from .... where...
ก็เลือกข้อมูลมาได้ตามต้องการ
.
แต่ถ้าเป็นคลังของข้อมูลดิบบบบบบบบบ
ที่มีปริมาณมาก ๆ เช่น
ข้อมูลเว็บไซต์ในโลกอินเตอร์เนตที่มีเยอะมาก ๆ
ข้อมูลพวกนี้จะใช้ SQL ค้นหาไม่ได้หรอกครับ
ข้อมูลยังไม่แยกเป็นตารางเลย
.
แล้วอย่างนี้ข้อมูลที่เราต้องการอยากรู้
ได้แก่ "ความรู้" หรือ "Knowledge"
ซึ่งความรู้ที่ว่า ไม่ใช้ข้อมูลแบบที่คิวรี่โดย SQL นะ
แต่จะได้เป็นความรู้ในฐานข้อมูล (Knowledge Discovery in Database - KDD)
ซึ่งก็คือ รูปแบบ (pattern) และความสัมพันธ์ (associations) ที่แอบซ่อนอยู่ในชุดข้อมูลนั้นๆ
.
🤔 ซึ่งคำถาม แล้วเราจะหาเจอได้ยังไง?
ภายใต้ข้อมูลดิบที่มีเยอะเหลือเกิ๊น
แถมหายากอีกต่างหากละพี่น้อง?
.
ดังนั้นเราจึงหนีไม่พ้นต้องมาทำเหมืองข้อมูลกัน
ช่างไม่ต่างอะไรกับทำเหมืองแร่
กว่าเราจะเจอ ดีบุก ถ่านหิน เพชร พลอย ทอง ฯลฯ
โอ๋ต้องใช้เทคโนโลยี ขุดเจาะหากว่าจะเจอ
ไม่ใช่ของกล้วย ๆ เลยนะครับ
เพราะกว่าจะได้สิ่งมีค่าออกมา
ก็เจอแต่เศษหิน เศษกราด เยอะแยะเต็มไปได้
สิ่งที่ต้องการอยากได้มีน้อยนิดเหลือเกิน
.
Data mining ก็เช่นกัน
กว่าจะทำการขุดๆ และขุด
จนได้ความรู้ออกมา
มันทำไม่ได้ง่ายๆ ต้องใช้คอมทำ
ต้องมีอัลกอริทึมให้ทำงานอัตโนมัติ
ทำด้วยมือคนไม่ไหว ตายลูกเดียว
.
ด้วยเหตุนี้วิชา Data mining
จึงถือกำเนิดอุแว้ขึ้นมาในยุค 1970
ซึ่งมันเป็นศาสตร์ที่ต้องเอาหลาย ๆ วิชารวมกัน
หลัก ๆ ก็วิชา -> Machine Learning(สาขาหนึ่งของวิชา AI) + วิชาสถิติ + ฐานข้อมูล
.
สำหรับประโยชน์ของ Data mining
ทำให้การค้นหาความรู้จากข้อมูล
มันอิจฉริยะขึ้นครับ ไม่ต้องทำมือเอง
แต่ใช้คอมทำให้อัตโนมัติ ซึ่งจะมีประโยชน์มาก ๆ ตัวอย่าง เช่น
.
-ใช้จัดระดับความเสี่ยงของผู้ขอเครดิต เป็นระดับต่ำ กลาง และสูง
-ทำนายพฤติกรรมการซื้อสินค้า ว่าลูกค้าจะหยิบอะไรใส่รถเข็น
-หาความเสี่ยงของผู้ป่วยเป็นโรงมะเร็ง จากผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
-หาเนื้อคู่เรา (อันนี้ล้อเล่นนะ ไม่รู้ว่ามีใครสนใจทำจริงเปล่า อิ ๆ ๆ)
และประโยชน์อื่น ๆ อีกเยอะมาก เป็นต้น
.
** หมายเหตุ
Data mining มันมีมานานแล้ว สมัยยังไม่ดังเท่าไร
ไม่เหมือน Data Science ซึ่งจะรู้จักมากกว่าในยุคนี้
เพราะเด็กม. 5 ก็จะได้เรียน Data Science กันแหละ
ในวิชาหลักสูตรใหม่แกะกล่องชื่อ "วิทยาการคำนวณ"
.
ถ้าเปรียบเทียบกับงาน
Data analysis กับ Data science
มันก็คือซับเซทหนึ่งนั่นเองตามรูปที่โพสต์
ซึ่งวิชาพวกนี้หนีไม่พ้นโยงใยไปในเรื่อง Machine Learning(สาขาหนึ่งของวิชา AI)
.
✍เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ไทย thai progammer
.
.
++++++++++++++++++++++++++++
+++++ต่อไปขออนุญาติขายของนะ +++++
📔 หนังสือ "ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ยาก" เข้าใจได้ด้วยเลขม. ปลาย (เนื้อหาภาษาไทย)
.
ถ้าสนใจสั่งซื้อเล่ม 1 ก็สั่งซื้อได้ที่
👉 https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTcyNTQ4MyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEwODI0NiI7fQ&fbclid=IwAR11zxJea0OnJy5tbfIlSxo4UQmsemh_8TuBF0ddjJQzzliMFFoFz1AtTo4
.
ขออภัยยังไม่มีเล่มกระดาษจำหน่าย มีแต่ ebook
.
ส่วนตัวอย่างหนังสือ ก็ดูได้ลิงค์นี้
👉 https://www.dropbox.com/s/fg8l38hc0k9b0md/chapter_example.pdf?dl=0
.
✍เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ไทย thai programmer
sql where in 在 โปรแกรมเมอร์ไทย Thai programmer Facebook 八卦
🤓 Data mining คืออะไรในวิชาทางคอม
มาเดี่ยวเล่าให้ฟัง
วิชานี้แปลตรงตัวก็คือ "การทำเหมืองข้อมูล"
อุปมาก็คล้ายกับเราไปทำเหมืองแร่ที่ขุดมาจากใต้ดินแหละครับ
.
แต่เหมืองที่ว่าเป็นเหมืองของข้อมูลดิบที่มีขนาดใหญ่นั่นเอง
.
คราวนี้จะให้ลองนึกถึงเวลาใช้คำสั่ง SQL เราจะรู้อยู่แล้วว่า
ข้อมูลมันอยู่ตรงไหนใน (Table) ใช่มั๊ยละ
พอเราใช้คำสั่ง select * from .... where...
ก็เลือกข้อมูลมาได้ตามต้องการ
.
แต่ถ้าเป็นคลังของข้อมูลดิบบบบบบบบบ
ที่มีปริมาณมาก ๆ เช่น
ข้อมูลเว็บไซต์ในโลกอินเตอร์เนตที่มีเยอะมาก ๆ
ข้อมูลพวกนี้จะใช้ SQL ค้นหาไม่ได้หรอกครับ
ข้อมูลยังไม่แยกเป็นตารางเลย
.
แล้วอย่างนี้ข้อมูลที่เราต้องการอยากรู้
ได้แก่ "ความรู้" หรือ "Knowledge"
ซึ่งความรู้ที่ว่า ไม่ใช้ข้อมูลแบบที่คิวรี่โดย SQL นะ
แต่จะได้เป็นความรู้ในฐานข้อมูล (Knowledge Discovery in Database - KDD)
ซึ่งก็คือ รูปแบบ (pattern) และความสัมพันธ์ (associations) ที่แอบซ่อนอยู่ในชุดข้อมูลนั้นๆ
.
🤔 ซึ่งคำถาม แล้วเราจะหาเจอได้ยังไง?
ภายใต้ข้อมูลดิบที่มีเยอะเหลือเกิ๊น
แถมหายากอีกต่างหากละพี่น้อง?
.
ดังนั้นเราจึงหนีไม่พ้นต้องมาทำเหมืองข้อมูลกัน
ช่างไม่ต่างอะไรกับทำเหมืองแร่
กว่าเราจะเจอ ดีบุก ถ่านหิน เพชร พลอย ทอง ฯลฯ
โอ๋ต้องใช้เทคโนโลยี ขุดเจาะหากว่าจะเจอ
ไม่ใช่ของกล้วย ๆ เลยนะครับ
เพราะกว่าจะได้สิ่งมีค่าออกมา
ก็เจอแต่เศษหิน เศษกราด เยอะแยะเต็มไปได้
สิ่งที่ต้องการอยากได้มีน้อยนิดเหลือเกิน
.
Data mining ก็เช่นกัน
กว่าจะทำการขุดๆ และขุด
จนได้ความรู้ออกมา
มันทำไม่ได้ง่ายๆ ต้องใช้คอมทำ
ต้องมีอัลกอริทึมให้ทำงานอัตโนมัติ
ทำด้วยมือคนไม่ไหว ตายลูกเดียว
.
ด้วยเหตุนี้วิชา Data mining
จึงถือกำเนิดอุแว้ขึ้นมาในยุค 1970
ซึ่งมันเป็นศาสตร์ที่ต้องเอาหลาย ๆ วิชารวมกัน
หลัก ๆ ก็วิชา -> Machine Learning(สาขาหนึ่งของวิชา AI) + วิชาสถิติ + ฐานข้อมูล
.
สำหรับประโยชน์ของ Data mining
ทำให้การค้นหาความรู้จากข้อมูล
มันอิจฉริยะขึ้นครับ ไม่ต้องทำมือเอง
แต่ใช้คอมทำให้อัตโนมัติ ซึ่งจะมีประโยชน์มาก ๆ ตัวอย่าง เช่น
.
-ใช้จัดระดับความเสี่ยงของผู้ขอเครดิต เป็นระดับต่ำ กลาง และสูง
-ทำนายพฤติกรรมการซื้อสินค้า ว่าลูกค้าจะหยิบอะไรใส่รถเข็น
-หาความเสี่ยงของผู้ป่วยเป็นโรงมะเร็ง จากผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
-หาเนื้อคู่เรา (อันนี้ล้อเล่นนะ ไม่รู้ว่ามีใครสนใจทำจริงเปล่า อิ ๆ ๆ)
และประโยชน์อื่น ๆ อีกเยอะมาก เป็นต้น
.
** หมายเหตุ
Data mining มันมีมานานแล้ว สมัยยังไม่ดังเท่าไร
ไม่เหมือน Data Science ซึ่งจะรู้จักมากกว่าในยุคนี้
เพราะเด็กม. 5 ก็จะได้เรียน Data Science กันแหละ
ในวิชาหลักสูตรใหม่แกะกล่องชื่อ "วิทยาการคำนวณ"
.
ถ้าเปรียบเทียบกับงาน
Data analysis กับ Data science
มันก็คือซับเซทหนึ่งนั่นเองตามรูปที่โพสต์
ซึ่งวิชาพวกนี้หนีไม่พ้นโยงใยไปในเรื่อง Machine Learning(สาขาหนึ่งของวิชา AI)
.
✍เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ไทย thai progammer
.
.
++++++++++++++++++++++++++++
+++++ต่อไปขออนุญาติขายของนะ +++++
หนังสือ "ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ยาก"
เข้าใจได้ด้วยเลขม. ปลาย เล่ม 1 (เนื้อหาภาษาไทย)
ติดอันดับ Best seller ในหมวดหนังสือคอมพิวเตอร์ ของ MEB
.
ถ้าสนใจสั่งซ์้อได้ที่
👉 https://www.mebmarket.com/web/index.php…
.
ส่วนตัวอย่างหนังสือ ถ้าเพื่อนๆ สนใจก็ทัก inbox มาถามได้ครับ
.
✍ เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ไทย thai progammer
sql where in 在 โปรแกรมเมอร์ไทย Thai programmer Facebook 八卦
Front-End Developer และ Back-End Developer คืออะไร? รวมทั้ง Full Stack Developer คืออะไรด้วย????
👉 Front-End Developer
จะเป็นโปรแกรมเมอร์ทำงานอยู่ฝั่งหน้าบ้าน หน้าที่นี้จะสร้างทุกอย่างที่เป็น UI (user interface) ข้อความ ปุ่ม รูปภาพ elements ต่างบนเว็บไซต์ หรือบนหน้าคอม หรือบนมือถือ ฯลฯ
👉 Back-End Developer
เมื่อมีหน้าบ้าน แล้วก็ต้องมีโปรแกรมเมอร์ฝั่งหลังบ้านด้วย หน้าที่ Back-End Developer นี้จะวางระบบซอฟต์แวร์ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด ข้อมูลจะวิ่งจากไหนไปไหน ติดต่อฐานข้อมูล ระบบความปลอดภัย ฯลฯ
😁 แต่ในปัจจุบันมีคำว่า "Full Stack Developer" คือโปรแกรมเมอร์ที่เป็นได้ทั้ง Front-End Developer และ Back-End Developer นี้ยังไม่รวมทั้งมีทักษะอื่นๆ ที่หลากหลาย เช่น UX/UI, DevOps (People + Process + Tools), Docker, Database (SQL, NoSQL), middleware tools และ web server configuration เป็นต้น ....เรียกว่ารู้หลายอย่างจนจบในคนเดียวกันก็ว่าได้
สำหรับ Full Stack Developer เองยังสามารถแบ่งไปตามสายเทคโนโลยีได้อีกด้วย เช่น Full Stack Developer สาย Mobile, Full Stack สาย Web เป็นต้น
🤔 สำหรับคนที่จะเป็นได้ Full Stack Developer นั้น ต้องใช้เวลาในการสะสมทักษะนานทีเดียวหลายปี ไม่ได้เป็นกันง่าย ๆ และหากสังเกตตลาดงานในต่างประเทศ รวมทั้งเมืองไทยแนวโน้มของ Full Stack Developer ก็มีให้แล้ว ตอนประกาศรับสมัครงาน (แน่นอนแหละ เด็กจบใหม่จะเสียเปรียบ 😥)
++สำหรับข้อดีของ Full Stack Developer+++
ถ้าบริษัทเรามีทีมพัฒนา แบ่งตำแหน่งเป็นออกเป็น PM, Architech, SA, DBA , Programmer, Tester, support
แล้วถ้าเกิดใครลาออกไป การหาคนใหม่มาทดแทน คงใช้เวลานาน กว่าจะรับคนมาฝึกให้เป็นอีกอีก แต่ถ้าเราใช้คนที่เป็น Full Stack Developer ก็สามารถหมุนเวียน ทดแทนการได้ โดยไม่ยึดติดกับตำแหน่งมากนัก
++++
credit รูปขำๆ จาก 9gag.com 😜 🙄 😝
What is front-end developer and back-End Developer? Including what is full stack developer????
👉 Front-End Developer
Will be programmer working on the front of the front of the house. This page will create everything that is UI (user interface), text, button, images, elements on the website or on the computer or on mobile, etc.
👉 Back-End Developer
When there is a front of the house, there must be a programmer on the back-End Developer. This will put all the software system behind it. Where will the information run from? Contact Database, security system, etc.
😁 but now there is a word "Full Stack Developer" is a programmer who can be both front-end developer and back-End Developer. This does not include many other skills such as ux / UI, Devops (people + process + Tools), Docker, database (SQL, Nosql), middleware tools and web server configuration etc.... it's called knowing many things to the end in the same person.
For Full Stack Developer, it can also be divided by tech lines such as full stack developer, mobile line, full stack, web line, etc.
🤔 for those who can get full stack developer, it takes a long time to collect skills. It's not easy. and if you notice the job market abroad, including Thailand, the trend of full stack developer is now available at job application (of course. The new end kid will be disadvantage 😥)
++ for the advantages of full stack developer +++
If our company has a development team, divided into pm, Architech, sa, dba, programmer, tester, support
If someone resigns, finding a new person will take longer to train again. But if we use full stack developer, it can replace it without being attached to the position.
++++
Credit funny pic from 9gag.com 😜 🙄 😝Translated
sql where in 在 Sql server select where in list - YouTube 的八卦
Sql server where in list | sql server where id in list | sql server where in list of strings | sql server where in ... ... <看更多>