#dek58 #รับตรง มาดูคลิปนี้ 4 นาที ได้คะแนนคณิต 7 วิชาเพิ่ม 4 คะแนน
"เทคนิคเศษเหลือจากการหาร แบบเศษติดลบ" ออกข้อสอบเลข 7 วิชา ปี 57 ข้อ 27 โจทย์ข้อนี้ ใครไม่รู้เทคนิคต้องนั่งมึน 5-10 นาที แต่ใครรู้เทคนิค จะคิดคำตอบได้ใน 10 วินาที ฟัน 4 คะแนนฟรีๆ แถมมีเวลาเหลือ!
เทคนิคดีๆ แบบนี้มีให้ในคอร์ส JET Math 25 คลิป = โอกาสได้เพิ่ม 100 คะแนน มีทวนพื้นฐานที่จำเป็นให้ (คลิปเทคนิคเศษเหลือนี้จริงๆ ยาว 16 นาที) พร้อม pre-test และ post-test ฝึกจับเวลาสอบ
7 วิชาสามัญ ปีนึงสอบครั้งเดียว อย่าพลาดโอกาสได้คะแนน รีบเรียนวันนี้ 5 วันยังทันก่อนสอบ คลิก! ➡ bit.ly/jetmath
============
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過2,820的網紅samguw,也在其Youtube影片中提到,Something a little different this time! Got my hands on a preproduction unit of the brand new EOS R5 for a day and decided to take it to the zoo to te...
pre test post test 在 Letsplaymakeup Facebook 八卦
Một xíu hình ảnh tại sự kiện tối quaaaa ❤️,
Mình đã rất vui và vinh dự khi nhận lời mời đến sự kiện Local Launch dòng điện thoại P30 Series rất thời trang của Huawei hôm qua ✨. Là một người trẻ đam mê công nghệ, lúc nào thím phương cũng hào hứng khi thấy “đồ chơi” mới 🤣🙈. Lần này Huawei ra mắt chiếc P30 Pro xuất sắc quáaa, cả về hình dáng lẫn chức năng. Trong các tính năng được trình làng, mình ấn tượng nhất với Low-light, một tính năng cho phép chụp ảnh đẹp trong ngay cả điều kiện thiếu sáng nhấtt ✌🏼! Trăm nghe không bằng một thấy, hôm qua khi thấy đại diện của Huawei trực tiếp demo feature này mới thấy tính năng chụp Low-light thật sự đỉnh quaaaa! Từ nay không ngại chụp hình buổi tối nữa ròiii. Thím phương lại có thêm content cho các anh em 💃🏼!
Nếu mng tò mò về sự kiện cũng như muốn xem trực tiếp mình test điện thoại thế nào thì hãy xem livestream hôm qua nghenn 🌻. Có nhiều cặp vé xem phim như phần quà cho 5 bạn trả lời đúng các câu hỏi mình đã đặt trong livestream đóo 🍒. Post livestream ngay bên dưới post này thoii.
Đây link pre-order điện thoại đâyy: https://bitly.vn/1ara. Có rất nhiều ưu đãi cho những early birds nhé nhé 🐲!
Cheers,
AP
P/s: Hôm qua được nhiều chế khen xinh sướng quáa 🤣!
#HuaweiP30 #HuaweiP30Pro #HuaweiP30Lite #DẫnĐầuNhiếpẢnh
pre test post test 在 Drama-addict Facebook 八卦
ทางแพทยสภาทำหนังสือสอบถามประเด็น U=U ให้อาจารย์ประพันธ์
ที่ออกรายการต่างคนต่างคิดช่องอัมรินทร์กับพีทวันก่อน
ทางอาจารย์ก็ชี้แจงประเด็นตามโพสนี้ ขอให้อ่านข้อสามให้ดีๆ
นี่คือวัตถุประสงค์ของอาจารย์เขา ส่วนคนอื่นจะเอาประเด็น U=U ไปนำเสนออะไร เอาไปให้ครบด้วยเว้ย
"U equals to U but does not equal to condomless sex”
ข้อมูลวิชาการจาก ศ.นพ.ประพันธ์ ภานุภาค กรณีที่มีความสับสนในสื่อสังคม เรื่องของผู้ป่วยโรคเอดส์ที่รับยาต้านไวรัสจน U=U นั้น โดยทางแพทยสภาได้ทำหนังสือขอข้อเท็จจริง เพื่อเผยแพร่ มีรายละเอียดดังนี้
****************************
เรียน ศาสตราจารย์ กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค
ตามที่มีข้อมูลและภาพข่าวปรากฏในสื่อมวลชนแขนงต่างๆ กรณี นายฐิฏิวัสส์ ศิรเศรษฐกร หรือ พีท คนเลือดบวก เปิดคอร์สสอนคนติดเชื้อ HIV มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย โดยในรายการต่างคนต่างคิด ออกอากาศทางช่องอัมรินทร์ทีวี เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2020 ที่ผ่านมา ดำเนินรายการโดย คุณพุทธ อภิวรรณ และมีผู้ร่วมรายการ 1.ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย 2.นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระ 3.นายฐิฏิวัสส์ ศิรเศรษฐกร พีท คนเลือดบวก
.
ทั้งนี้จากรายการดังกล่าวมีระยะเวลากว่า 40 นาที และเป็นการถามตอบความคิดเห็นกับผู้ร่วมรายการทั้ง 3 ท่านดังกล่าว จึงอาจจะทำให้เนื้อหาที่ถูกถ่ายทอดเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในสังคม ทางแพทยสภาจึงขอให้ท่านกรุณาให้ข้อมูลทางวิชาการต่อแพทยสภาเพื่อให้นำไปเผยแพร่ให้ความรู้ที่ถูกต้องและเหมาะกับบริบทประเทศไทย ในประเด็น ดังนี้
1.ข้อมูล U=U หมายความว่าอย่างไร ?และจะมีวิธีการตรวจสอบผู้ติดเชื้อที่อยู่ในภาวะ U ได้อย่างไร ได้อย่างไร?
.
2. ข้อมูลการใช้ยาต้านไวรัส (PrEP)ที่ปลอดภัย และเหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน เป็นอย่างไร?
.
3. พฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับหลายคู่นอนในกลุ่ม U ดังกล่าว มีความเสี่ยงหรือไม่ อย่างไร?
.
4. การที่มีผู้แนะนำไม่ให้ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ ในกลุ่มคนไข้ที่เป็น U = U ท่านเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร
.
5. ข้อมูลอื่นที่ท่านต้องการสื่อไปยังผู้ติดเชื้อ HIV และประชาชน
.
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาให้ข้อมูลเพื่อเผยแพร่สู่ประชาชนต่อไป
.
ขอแสดงความนับถือ
พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ
เลขาธิการแพทยสภา
5 กพ.2563
*********************************
ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย
7 กุมภาพันธ์ 2563
เรื่อง ให้ข้อมูลทางวิชาการ
เรียน เลขาธิการแพทยสภา
อ้างถึง หนังสือแพทยสภาที่ พส.๐๑๑/๙๙๔ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563
.
ตามหนังสือแพทยสภาที่อ้างถึงกระผมขอให้ข้อมูลเป็นข้อๆตามที่ถามมาดังนี้:
.
1.ข้อมูล U=U หมายความว่าอย่างไร และจะมีวิธีการตรวจสอบผู้ติดเชื้อที่อยู่ในภาวะ U ได้อย่างไร
.
U=U หรือ Undetectable=Untransmittable เป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ที่ได้จากการศึกษาวิจัย 3 โครงการใหญ่ที่ร่วมกันทำในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย เป็นการศึกษาที่วางแผนและดำเนินการอย่างรัดกุม มีการตรวจสอบจากหลายฝ่ายเพื่อให้ข้อมูลน่าเชื่อถือที่สุด ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่แล้วในวารสารการแพทย์ระดับชั้นนำ สองการศึกษาเป็นการติดตามคู่ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีผลเลือดต่าง (ฝ่ายหนึ่งติดเชื้อ อีกฝ่ายไม่ติดเชื้อ) ส่วนอีกการศึกษาเป็นการติดตามคู่ชายกับหญิงที่มีผลเลือดต่าง โดยฝ่ายที่ติดเชื้อได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสจนมีปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดต่ำมาก คือต่ำกว่า 200 copies ต่อซีซีของเลือด หรือที่เรียกว่าตรวจไม่เจอ (undetectable) นักวิจัยติดตามคู่ที่ไม่ติดเชื้อทุก 1-2 เดือน ให้บันทึกความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ การใช้หรือไม่ใช่ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งนั้นๆ โดยทุกคนได้รับข้อมูลการใช้ถุงยางอนามัยอย่างดี พร้อมกับได้รับแจกถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่นไปใช้ อีกทั้งสามารถขอรับ Pre-exposure prophylaxis (PrEP) และ Post-exposure prophylaxis (PEP) ถ้ามีความต้องการ มีการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี และซิฟิลิส และการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆเป็นระยะๆ จากการติดตามคู่ที่มีผลเลือดต่างดังกล่าวเกือบ 2,000 คู่ ไปเป็นระยะเวลา 3,000 คู่-ปี (เฉลี่ยติดตามแต่ละคู่ไปประมาณปีครึ่ง) ไม่ปรากฎว่ามีใครติดเชื้อเอชไอวีจากคู่ของเขาเลย ทั้งๆที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยมากถึง 130,000 ครั้ง (เฉลี่ยปีละ 43 ตรั้งต่อคน)
.
แสดงว่าผู้ติดเชื้อที่ได้รับยาต้านไวรัสจนตรวจไม่เจอเชื้อในเลือดแล้ว (Undetectable) จะไม่ถ่ายทอดหรือแพร่เชื้อให้ผู้อื่นแม้จะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใข้ถุงยางอนามัยก็ตาม (Untransmittable) กล่าวคือ U=U หรือ ไม่เจอ=ไม่แพร่
การศึกษาพบว่าประมาณร้อยละ 40 ของคนที่ไม่ติดเชื้อในโครงการยังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยกับคนอื่นนอกคู่ เลยพบติดเชื้อเอชไอวีขึ้นมา 15 ราย ทุกรายพิสูจน์ได้ว่าเป็นเชื้อคนละตัวกับกับคู่ของตัวเองที่ติดเชื้อ ข้อมูลนี้บอกว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันกับผู้ติดเชื้อที่กินยาต้านไวรัสจนตรวจไม่เจอเชื้อในเลือดแล้วปลอดภัยกว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันกับคนที่ไม่รู้สถานะการติดเชื้อ (ไม่เคยตรวจเลือด) หรือกับคนที่เคยตรวจแล้วว่าไม่ติดเชื้อแต่นานเกิน 3-6 เดือนไปแล้ว ซึ่งอาจติดเชื้อขึ้นมาแล้วก็ได้
.
ข้อมูลเชิงประจักษ์เรื่อง U=U มีมาก่อนนั้นแล้วหลายปีจากการศึกษาก่อนหน้านี้
.
ที่พบว่าการเริ่มการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเร็ว จะสามารถป้องกันคู่นอนของเขาไม่ให้ติดเชื้อได้ถึง 96% ที่รู้จักกันในชื่อว่า ‘Treatment as Prevention’ โดยที่ 4% ที่ยังติดเชื้ออยู่นั้นเพราะกินยาต้านฯยังไม่ถึง 6 เดือน เชื้อยังไม่ถึงระดับ undetectable ดังนั้น ถ้าดูเฉพาะคู่ของคนที่ undetectable ก็จะป้องกันได้ 100% เช่นกัน ดังนั้น U=U จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่มีใครแย้งได้
.
ส่วนจะมีวิธีการตรวจสอบผู้ติดเชื้อว่าอยู่ในภาวะ Undetectable ได้อย่างไรนั้น ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกบอกไม่ได้ นอกจากการตรวจวัดระดับปริมาณไวรัสในเลือดที่ผู้ติดเชื้อทุกคนมีสิทธิ์ตรวจได้ปีละครั้ง หรือมากกว่านั้นถ้ามีประวัติกินยาไม่ต่อเนื่อง หรือในปีแรกที่กินยาตรวจได้ 2 ครั้ง คือหลังกินยา 6 เดือนและ 12 เดือน ดังนั้นผู้ที่จะทราบก็คือแพทย์ผู้รักษา และตัวคนไข้เอง คนอื่นอยากจะรู้ก็ต้องถามคนไข้ ส่วนคนไข้จะบอกความจริงหรือไม่ก็แล้วแต่ปัจจัยแวดล้อมว่ามีเหตุใดที่จะทำให้เขาไม่พูดความจริงหรือไม่ และคนที่รับข้อมูลก็ต้องไปชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือของข้อมูลเองเพื่อตัดสินใจกระทำการใดๆ
.
2. ข้อมูลการใช้ยาต้านไวรัส PrEP และ PEP ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสังคมปัจจุบันเป็นอย่างไร
.
PrEP มีข้อบ่งใช้โดยองค์การอนามัยโลกในผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งมี Guideline ของประเทศกำหนดไว้แล้ว เช่นคนที่ไม่สามารถใช้ถุงยางอนามัยได้ทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธ์ คนที่มีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในช่วง 6 เดือนก่อนหน้านี้ คนที่มีคู่นอนมากกว่า 3 คนในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นต้น คนที่เข้าข่ายดังกล่าวในประเทศไทยก็จะได้แก่ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย สาวประเภทสอง ชาย หญิงหรือสาวประเภทสองที่มีอาชีพบริการทางเพศ ผู้เสพยาเสพติดโดยการฉีด และคู่ของผู้ติดเชื้อที่กินยาต้านไวรัสไม่ถึว 6 เดือน ปริมาณไวรัสในเลือดยังไม่ถึงกับ undetectable
.
PrEP ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพเกือบ 100% ถ้ากินสม่ำเสมอและถูกวิธี เช่นทั่วโลกมีคนกิน PrEP กว่าล้านคน พบว่า PrEP ล้มเหลวเพียง 5 คน ส่วนความปลอดภัยค่อนข้างสูงเพราะช่วงเวลาในการใช้ไม่นาน และมีการตรวจดูการทำงานของไตเป็นระยะตามกำหนดเวลา
.
ในสังคมปัจจุบันในบริบทของประเทศไทย PrEP จัดเป็นมาตราการเสริม หรือมาตราการร่วม (กับถุงยางอนามัย และวิธีป้องกันอื่นๆ) ในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ในผู้ที่ไม่สามารถใช้ถุงยางอนามัยได้ทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มวัยรุ่นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย และวัยรุ่นสาวประเภทสอง โดยได้รับการบรรจุอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์ของการป้องกันโรคของคนไทยทุกคนทุกสิทธิ์ เพื่อหวังว่าเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งในการยุติปัญหาเอดส์ของประเทศร่วมกับการตรวจเร็ว รักษาเร็ว (Test and Treat) หรือ U=U ซึ่งหลายประเทศพิสูจน์แล้วว่าเป็นมาตราการร่วม (U=U + PrEP) ที่มีประสิทธิภาพจริงในการยุติเอดส์ PrEP แม้จะต้องหาซื้อด้วยเงินส่วนตัวก็คุ้มค่า เพราะราคายาเพียงเดือนละ 340 บาท เทียบกับโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อขึ้นมาปีละ 6% ในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและสาวประเภทสอง
.
ส่วน PEP จะใช้กับคนที่ไปมีพฤติกรรมเสี่ยงมาไม่เกิน 72 ชั่วโมง เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย หรือถุงยางแตก หรือถูกข่มขืนมา หรือถูกเข็มที่ใช้กับผู้ติดเชื้อตำ ประสิทธิภาพสูง แต่ไม่สามารถบอกตัวเลขได้ เพราะไม่สามารถทำ placebo-controlled trial ได้เนื่องจากผิดมนุษยธรรม ส่วนความปลอดภัยมีสูง เพราะรับประทานเพียงเดือนเดียว ค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 บาท รัฐยังไม่จ่ายให้ฟรี เพราะถือเป็นพฤติกรรมที่ตัวเองไปเสี่ยงมา นอกจากคนที่ถูกข่มขืนมา หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกเข็มตำ ส่วนคนที่เดินเข้ามาขอซื้อ PEP กินเอง เพราะไปเสี่ยงมา แพทย์ก็จะสั่งให้เพราะถือว่าเขาเป็นคนใส่ใจในสุขภาพ
.
3.พฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับหลายคู่นอนในกลุ่ม U ดังกล่าว มีความเสี่ยงหรือไม่อย่างไร
.
U=U เพียงแต่บอกว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันกับผู้ติดเชื้อที่กินยาต้านไวรัสจน U (undetectable) แล้วปลอดภัยจากการติดเชื้อเอชไอวี U=U ไม่ได้บอกว่าสามารถมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันก็ได้ เพราะการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เป็นการตกลงยินยอมร่วมกันของคนสองคนบนพื้นฐานของข้อมูล และความไว้เนื้อเชื่อใจที่มีอยู่ และบนพื้นฐานของความต้องการว่าจะป้องกันหรือไม่ป้องกันอะไร เช่น ป้องกันเอชไอวี หรือป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือป้องกันการตั้งครรภ์ หรือป้องกันทั้ง 2 หรือ 3 อย่าง เพราะ U ตัวแรกป้องกันได้เฉพาะเอชไอวีเท่านั้น
.
หลักการที่กล่าวนี้ตรงกับกฎหมายของสวิตเซอร์แลนด์ที่แก้ไขในปี 2553 ก่อนที่ข้อมูลเรื่อง U=U จะออกมา กฎหมายนี้ (เรียก Swiss Statement) บอกว่าชาวสวิสที่ติดเชื้อ ได้รับยาต้านไวรัสจนตรวจไม่เจอเชื้อในเลือดตั้งแต่ 2 ครั้งติดต่อกันขึ้นไป สามารถมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนของเขาโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยได้โดยไม่ผิดกฎหมายของสวิตเซอร์แลนด์อีกต่อไป
.
ถ้าคู่นอนของเขาเข้าใจและยินยอม จะเห็นได้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันต้องเป็นการตกลงพร้อมใจของทั้งคู่เท่านั้น คนอื่นไม่เกี่ยว U=U ก็ไม่เกี่ยว ดังนั้น การที่คนที่ undetectable (U) แล้วจะไปมีเพศสัมพันธ์กับหลายคู่นอน ไม่ว่าจะป้องกันหรือไม่ป้องกันก็ตาม ไม่เกี่ยวกับ U=U
.
การนำข้อเท็จจริงของ U=U ไปตีความ ขยายความ หรือตั้งเป็นทฤษฎีใหม่ ลัทธิใหม่ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล อาจถูกก็ได้ ผิดก็ได้ ปัญญาชนควรใช้ปัญญาในการพิจารณาแยกแยะให้ถ่องแท้ รอบด้าน ว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดมีประโยชน์ แล้วนำไปประยุกต์ใช้ให้ตรงกับจริตของแต่ละบุคคล ไม่ควรจะมาบอกว่า U=U ไม่จริงหรือไม่ควรจะเผยแพร่ เพราะ U=U มีประโยชน์กับผู้ติดเชื้อและสังคมในวงกว้างหลายเท่าตัวมาก ถ้าเทียบกับเรื่องใส่หรือไม่ใส่ถุงยางอนามัยอย่างเดียว
.
4.การที่มีผู้แนะนำไม่ให้ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ ในกลุ่มคนไข้ที่เป็น U=U ท่านเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร
.
ความจริง คำถามข้อนี้ได้ตอบไปแล้วในคำถามก่อนหน้านี้ (ข้อ 3) ขอย้ำอีกครั้งว่า ข้อเท็จจริงเรื่อง U=U ไม่ได้เกี่ยวกับการแนะนำว่าไม่ต้องใช้ถุงยางอนามัยแล้วถ้า U (undetectable) เพียงแต่บอกว่าถ้าเป็น U (undetectable) แล้ว จะไม่ใส่ถุงยางอนามัยเพราะไม่มีถุงยาง ถุงยางแตก ก็ไม่เป็นไร หรืออยากมีลูกตามช่องทางธรรมชาติ ก็ทำได้ ไม่ต้องเป็นกังวล หรือโทษตัวเอง จะได้มีความมั่นใจในชีวิตมากขึ้น ชีวิตครอบครัวจะได้มีความสุขมากขึ้น ส่วนการตัดสินใจจะใส่หรือไม่ใส่ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์แต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม และการตัดสินใจและการยินยอมร่วมกันของคน 2 คนที่จะมีเพศสัมพันธ์กัน ว่าต้องการอะไร ไม่ต้องการอะไร เป็นห่วงอะไร เช่น เป็นห่วงเรื่องตั้งครรภ์ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆหรือไม่
.
เพราะการที่เป็น U (undetectable) ไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆได้ถ้าไม่ใส่ถุงยางอนามัย ดังนั้น ข้อเท็จจริง (fact) ของ U=U จึงไม่ใช่เป็นตัวชี้ว่าไม่ต้องใส่ถุงยางอนามัย หรือพูดสั้นๆคือ
.
“U equals to U but does not equal to condomless sex”
.
5.ข้อมูลอื่นที่ท่านต้องการสื่อไปยังผู้ติดเชื้อเอชไอวี และประชาชนเพิ่มเติม
.
การถกเถียงหรือความเห็นต่างเรื่องการนำข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ของเรื่อง U=U ไปประยุกต์ใช้ทั้งกับผู้ติดเชื้อและสังคมในภาพรวมซึ่งกำลังเกิดขึ้นในบ้านเราขณะนี้ไม่ใช่สิ่งแปลกอะไร เพราะได้เกิดขึ้นแล้วในหลายๆประเทศทั่วโลกก่อนหน้าเราหลายปี เพราะแพทย์ ผู้ติดเชื้อ และประชาชนทั่วไปต่างก็มีข้อกังวล หรือแนวคิดของตัวเองในการนำข้อมูลเรื่อง U=U ไปใช้ในวงกว้าง ทุกคนต่างก็หวังดี และสิ่งที่เป็นห่วงก็ล้วนแล้วแต่มีเหตุมีผล ส่วนจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ มากน้อยเพียงใด เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
.
บางคนก็ไม่รู้ความจริง ฟังคนเขาวิจารณ์แล้วก็พลอยเห็นด้วย ร่วมวิจารณ์ด้วย บางคนที่รู้จริงก็คิดว่าไม่ควรจะบอกความจริงทั้งหมดแก่ผู้ติดเชื้อหรือสังคม เช่น มีคนไข้คนหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่าไปอ่านเจอเรื่อง U=U จากสื่อต่างประเทศ ตัวเองก็ undetectable มาหลายปีแล้ว คราวไปพบแพทย์ครั้งล่าสุด แพทย์ถามว่า 3 เดือนที่ผ่านมาใส่ถุงยางอนามัยกี่ครั้งในการมีเพศสัมพันธ์ 10 ครั้ง คนไข้ก็ตอบไปตามความจริงว่า 3 ครั้ง เพราะไม่อยากจะไปโกหกหมอว่าใส่ทุกครั้งเหมือนเมื่อตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากกลัวถูกหมอว่า ตอบไปเท่านั้น คุณหมอเปรี้ยงใส่เลย “เธอนี่ใจร้ายมาก แกล้งจะทำให้สามีติดเชื้อหรือ” คนไข้ปล่อยโฮใหญ่ต่อหน้าหมอเลย นี่แสดงว่าหมอท่านนี้ยังไม่เปิดเผยความจริงทั้งหมดกับคนไข้ ซึ่งก็ยังมีอีกหลายคนที่เห็นด้วยกับความปรารถนาดีของคุณหมอท่านนี้
.
ความเห็นต่างดังกล่าว ทำให้มีการโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อนในที่ประชุมนานาชาติเรื่องเอดส์เมื่อ 3 ปีก่อนว่าทำไมวงการแพทย์ วงการสาธารณสุขจึงยังไม่เอาความรู้เรื่อง U=U ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับผู้ติดเชื้อและกับสังคมอย่างจริงจังเสียที รออะไรหรือเกร็งอะไรกันอยู่
.
ประเทศต้องการนโยบายสาธารณะเรื่อง U=U ของประเทศ ของกระทรวงสาธารณสุข ของสมาคมโรคเอดส์ ของแพทยสภา เป็นต้น อาจจะไม่ต้องเห็นด้วย หรือเหมือนกันทุกประเด็น
.
ผู้ติดเชื้อ ประชาชนทั่วไป และสื่อจะเป็นคนพิจารณา และเลือกนำไปประยุกต์ใช้เองตามที่ตนเองเห็นว่าดีและถูกต้องที่สุด เพราะทุกคนมีความคิดของตัวเอง ไม่ต้องถูกสื่อโซเชียลมอมเมา ไม่ต้องมีการโต้แย้งมากมายด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หยาบคาย ป่าเถื่อนอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้
.
ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทยพิจารณาเรื่อง U=U แล้วเห็นว่ามีประโยชน์มากกว่าโทษหรือข้อกังวล ทั้งต่อผู้ติดเชื้อและประชาชนทั่วไป จึงได้มีบทความ หรือจะเรียกว่านโยบายสาธารณะเรื่อง U=U ของสภากาชาดไทยก็ได้ออกมาตั้งแต่ปี 2561 และนำเรื่อง U=U หรือ ไม่เจอ=ไม่แพร่ เป็นคำขวัญในการรณรงค์วันเอดส์โลกปี 2561 ผู้สนใจสามารถหาอ่านได้จากเวปไซด์ของศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย
.
โดยสรุป สภากาชาดไทยมองว่า U=U มีประโยชน์หลายด้านดังนี้
.
1.ผู้ติดเชื้อ จะได้มีแรงจูงใจในการกินยาต่อเนื่อง ไปตรวจหาปริมาณไวรัสในเลือดทุกปีตามสิทธิ์ และต้องรู้ผลของการตรวจนั้นว่าตรวจไม่เจอจริงหรือไม่ จะได้แต่งงาน มีครอบครัวได้ สุขภาพจิตดีขึ้น มีความมั่นใจตนเองมากขึ้น กล้าตัดสินใจเปิดเผยผลเลือดของตนให้คู่นอนทราบมากขึ้น กล้าชวนคู่ไปตรวจเอดส์มากขึ้น กล้าตัดสินใจตั้งครรภ์มากขึ้น และเลิกโทษตัวเองว่าตัวเองอาจทำให้คู่ติดเชื้อขึ้นมา เพราะไม่สามารถใส่ถุงยางอนามัยได้ทุกครั้ง หรือไม่ต้องกลัวว่าพูดไม่จริงกับหมอเวลาหมอถามว่าใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งหรือเปล่า ก็ตอบว่าทุกครั้งเพราะเกรงใจหมอ ทั้งๆที่ในชีวิตจริงทำไม่ได้ทุกครั้ง
.
2.ประชาชนทั่วไป ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง หรือไม่เคยไปตรวจเลือดจะได้กล้าไปตรวจ เพราะถ้าตรวจเจอจะได้เข้าสู่ระบบการดูแลรักษาทันที รักษาจนตรวจไม่เจอ นอกจากจะไม่ป่วยแล้ว ยังมีครอบครัวได้ และเมื่อสังคมเข้าใจประเด็น U=U จะได้เลิกรังเกียจ และกีดกันผู้ติดเชื้อ สนับสนุนผู้ติดเชื้อให้เข้าสู่ระบบการรักษา ไม่มีเหตุผลในการห้ามผู้ติดเชื้อไม่ให้เข้าทำงาน เพราะผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาแล้วไม่เป็นอันตรายต่อคู่นอนของเขาแม้จะไม่ใช้ถุงยางอนามัยก็ตาม เขาก็ยิ่งไม่เป็นอันตรายต่อคนในที่ทำงาน อีกทั้งคนไข้ที่ได้รับยาก็จะมีสุขภาพแข็งแรงและมีอายุขัยเท่าคนอื่นๆที่ไม่ติดเชื้อ สามารถทำประโยชน์ให้กับองค์กรได้ไม่แตกต่างจากคนที่ไม่ติดเชื้อ และไม่เพิ่มภาระค่ารักษาพยาบาลให้กับองค์กร เพราะรัฐรับภาระการรักษาพยาบาลให้ผู้ติดเชื้อทุกคน ดังนั้น U=U น่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้สังคมเลิกมองโรคเอดส์เป็นโรคอันตราย เลิกตีตรา และเลิกรังเกียจผู้ติดเชื้อเสียที
.
กระผมหวังว่าข้อมูลที่ให้มาน่าจะเป็นประโยชน์กับแพทยสภาในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ
. ขอแสดงความนับถือ
(ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ประพันธ์ ภานุภาค)
ผู้อำนวยการ ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย
******
แพทยสภาจึงขอประชาสัมพันธ์ข้อเท็จจริงให้ผู้สนใจทราบต่อไป
pre test post test 在 samguw Youtube 的評價
Something a little different this time! Got my hands on a preproduction unit of the brand new EOS R5 for a day and decided to take it to the zoo to test out the 8K and IBIS. Shot 8K in IBP. Took some photos as well. This is not a technical test by any means but I did want to try and see how practical it would be in a real day shoot. Unfortunately made a mistake of shooting 4k 60p for two shots of the monkeys at the end and had to scale it up :( I have noticed some blotching in some clips, mainly in the shadows and I'm not sure why). Files were difficult to handle without transcoding. However, they were extremely sharp and detailed. No colour grading/correction done, just used a C-Log to Rec 709 lut provided by Canon. Also, I know its only 1080 but YouTube won't allow me to upload in 8k :(.
I was shooting under blazing hot sun and unfortunately, I did get the camera to overheat for a few periods. Once the camera overheats, you'll have to wait awhile and it will allow you to shoot 3/5 min depending on how long it's been cooling. You won't be able to record 8K and 4K once it overheats but taking photos and HD will work fine.
Tested the IBIS with an EF 100-400mm, mostly shooting at 400mm. NO post stabilisation applied to make sure it was fair. Once again, this is a preproduction unit so things might change in the full version.
Would I shoot 8k? No. It took way too long to edit and export. However, the 8k timelapse is a feature I would definitely use. I see this camera very useful for stock footage shooters who might need to shoot long form content but rather short bursts of 8k clips. I'll share a video with my thoughts on the R5 and R6 soon! (PS: for photography, this thing is well worth it!)
DISCLAIMER: I am a Canon Malaysia EOS Youth Ambassador so I am rather biased. I think Canon makes THE Best cameras in the market but that doesn't mean I won't state issues that I find with the cameras.
Music I use:
https://artlist.io/Samuel-241034
My 2020 filmmaking/photography kit:
(these are Amazon Affiliate Links and I get a small commission every-time you purchase from these links. These really help the channel out a lot!)
Gear used in this video:
Canon EOS R5: https://amzn.to/3lN4cCb
Canon EF 100-400mm f/4.5-5.6L IS II USM: https://amzn.to/2Z1McdK
Main photo/video camera: https://amzn.to/2QQ9ChI
Back up body: https://amzn.to/2QRB1zG
Favourite lens: https://amzn.to/2DsOVFy
Second favourite lens: https://amzn.to/2Z2HLPR
Best on-camera shotgun mic: https://amzn.to/3jzhPmO
Cheaper version of ^: https://amzn.to/32WlSD7
Alternative on-board shotgun mic: https://amzn.to/3lKBFx8
Best wireless mic: https://amzn.to/3jHd1Mi
Favourite Backpack: https://amzn.to/3lHETSa
Affordable external SSD I use: https://amzn.to/32NG4a2
Favourite gimbal: https://amzn.to/2Z3k7CJ
Affordable drone: https://amzn.to/2YZEmkK
Favourite action camera: https://amzn.to/2ETfBzV
----
Let's do something together! Ask me anything you'd like!
[email protected]
Follow me on social media:
https://www.facebook.com/samuelguw/
https://www.instagram.com/samguw/
https://www.instagram.com/samguw_bts/
pre test post test 在 OpenDurian ติว TCAS, GAT PAT, ONET, วิชาสามัญ Youtube 的評價
"เทคนิคเศษเหลือจากการหาร แบบเศษติดลบ" ออกข้อสอบเลข 7 วิชา ปี 57 ข้อ 27 โจทย์ข้อนี้ ใครไม่รู้เทคนิคต้องเดาหาวิธีทำ 5-10 นาที แต่ใครรู้เทคนิค จะคิดคำตอบได้ใน 10 วินาที ฟัน 4 คะแนนฟรีๆ แถมมีเวลาเหลือ! เทคนิคเมพๆ แบบนี้มีเยอะในคอร์ส JET Math คลิกเลย ➡ https://www.opendurian.com/jetmath/
คอร์ส JET Math ติวคณิต 7 วิชา ด่วนใน 7 วัน สอนเทคนิคตีโจทย์เร็ว 25 เทคนิค = โอกาสได้เพิ่ม 100 คะแนน พร้อม pre-test และ post-test ฝึกจับเวลาสอบเหมือนจริง
7 วิชาสามัญ ปีนึงสอบครั้งเดียว อย่าพลาดโอกาสได้คะแนน รีบเรียนวันนี้ 5 วันยังทันก่อนสอบ เริ่มเรียนกันเลย! ➡ https://www.opendurian.com/jetmath/
=================