Oh frukkkkkkk
🤭 จีนรายงาน COVID-19 สามารถแพร่กระจายได้ทางละอองลอย (aerosal) ในอากาศ
+ ต้องอยู่ในห้องอากาศไม่ถ่ายเทและเวลาอยู่เป็นเวลานาน
แอโรซอล คือ อนุภาคฝุ่นหรือละอองของเหลวที่เล็กมากจนแขวนลอยค้างอยู่ในอากาศ โดยบางส่วนเป็นฝุ่นละเอียดจากโรงงานอุตสาหกรรมและการเผาไหม้
ละอองลอยมีอนุภาคขนาดเล็ก
(ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ระหว่าง 10–100 ไมโครเมตร หรือ pm 10
ที่แขวนลอยในอากาศอยู่ในสถานะของแข็งและสถานะของเหลว
ยังไม่ airborne เพราะถ้า airborne ต้องขนาดน้อยกว่า 5 ไมโครเมตร (เชื้อairborne ได้แก่ วัณโรค หัด สุกใส)
เชื้อ COVID19 ยังติดต่อผ่านทางละอองฝอย (droplet) เป็นหลัก ผ่านไอจามน้ำมูกเสมหะ เยื่อบุผิว
บ้านเรา โชคดี อุณหภูมิอากาศร้อน ไวรัสไม่ชอบ ตายง่าย
อย่าตะหนก แตกตื่น
บ้านเราไทยแลนด์ยังเอาอยู่
ยังไม่แพร่กระจายในวงกว้าง
ยังระยะ 2 ไม่ระยะ 3 การคัดกรองประเทศเราดี
ให้มั่นใจในทีมสาธารณสุข
การใส่หน้ากากอนามัย ยังปลอดภัย
ส่วน N95 ปกติไว้ใช้เคส airborne เชื้อข้างต้น
กรณี COVID19 หน้ากากชนิด N95 เอาไว้ใช้กับ จนท.ที่ดูแลผู้ป่วย COVID19
อย่าลืม สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ กินร้อน ช้อนกลาง ดูแลตัวเอง
🤭 China reports COVID-19 can be spread through aerosol (aerosal) in the air.
+ Must be in a room. Unsettling air and long time.
Aerozol is a dust particle or liquid aerosol that is so small that it hangs in the air. Some parts of industrial dust and burning.
Aerosol has small particles.
(Diameter is between 10-100 micro meter or pm 10
Air floating hangers are in solid state and liquid status
It's not airborne yet because if airborne has to be less than 5 micro meter (airborne infections include tuberculosis, clear practice)
COVID19 also contact via drizzle (droplet) mainly through cough, sneeze, snot, phlegm, pulp, skin.
Our home is lucky. Temperature is hot. Virus doesn't like to die easily.
Don't be too stampede
Our home, Thailand is still taking care of it.
Still haven't spread in a wide range
It's still 2 or not. 3 Screening of our country is good.
Ensure the public health team
Wearing a hygienic mask is still safe.
Normally, I use airborne case. The above leavening.
In case of COVID19 h̄n̂ākāk mask for agent. Taking care of COVID19 patients
Don't forget to wear a hygienic mask. Wash your hands. Eat hot spoon.Translated
同時也有118部Youtube影片,追蹤數超過147萬的網紅Kento Bento,也在其Youtube影片中提到,Official Kento Bento Merch: https://standard.tv/kentobento Support us on Patreon: https://patreon.com/kentobento Twitter: https://twitter.com/kentob...
「particle」的推薦目錄:
particle 在 Drama-addict Facebook 八卦
อ่านข่าวที่อนุทินออกมาตอบโต้ธนาธรประเด็นโรงงานผลิตวัคซีนแล้วกุปวดหัวจริงๆ นี่ต้นเรื่อง
https://www.facebook.com/MatichonOnline/posts/10160826923932729
https://www.bbc.com/thai/thailand-55707353
อันนี้จะพูดในแง่เทคโนโลยีอย่างเดียวนะ ไม่รวมประเด็นเรื่องเงินทุน การเมืองอะไรนั่น ใครสนใจประเด็นนั้นไปเถียงกันที่เพจธนาธรเอาเอง แต่จากประเด็นที่ธนาธรตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมถึงเลือกสยามไบโอไซเอนซ์เพียงรายเดียวในการผลิตวัคซีนตัวนี้
คือเจ้าตัววัคซีนของ Astrazeneca หลักการคือ เอา Adenovirus ที่ทำให้เกิดไข้หวัดในลิงชิมแปนซี (ไม่ติดต่อสู่คน) มาดัดแปลงพันธกรรมใส่รหัสพันธกรรมบางส่วนของโควิดเข้าไป เป็น Viral vector vaccine คือเป็นวัคซีนที่เป็นไวรัสที่ไม่ก่อโรค แล้วฉีดใส่คนเพื่อไวรัสตัวนี้ นำรหัสพันธกรรมที่ว่าเข้าไปในร่างกายคนเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อ covid-19 ซึ่งโรงงานที่จะผลิตวัคซีนแบบนี้ได้ ต้องเป็นโรงงานที่เป็นชีววัตถุ โรงงานทั่วไปทำไม่ได้
จริงอยู่ที่บ้านเรามีโรงงานที่มีศักยภาพในการผลิตวัคซีนหลายแห่ง เช่น ของ องค์การเภสัช ที่เขาสแตนบายเตรียมผลิตวัคซีนตั้งแต่กลางปีแล้ว ของ อภ จะเป็นโรงงานที่สระบุรี ซึ่งที่นี่ผลิตวัคซีนแบบ วัคซีนอนุภาคเหมือนไวรัส (Virus-like particle) กับ วัคซีนโปรตีนซับยูนิต (Subunit vaccine) ได้ ถ้ามีวัคซีนโควิดที่เป็นสองชนิดนี้ ก็สามารถให้โรงงานอื่นๆผลิตได้
แต่พอเป็น vector vaccine ของ Astrazeneca เทคโนโลยีเดิมที่เรามีมันไม่พอ และโรงงานที่ตรงเงื่อนไขในบ้านเรา ที่ Astrazeneca เลือก คือ siambioscience เพราะ รง นี้ มีโรงงานชีววัตถุ ซึ่งเขาใช้พัฒนายาอย่าง Erythropoietin Alfa กับ Filgrastim อยู่
Erythropoietin Alfa เป็นยากระตุ้นเม็ดเลือดแดง มักใช้ในคนไข้ที่เป็นโรคไตวายผลิตในการเพาะเลี้ยงเซลล์โดยใช้เทคโนโลยีดีเอ็นเอ recombinant
ส่วน Filgrastim เป็นยาที่ใช้กระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดขาว ใช้ในคนไข้โรคมะเร็งที่รับการรักษาเคมีบำบัดจนเม็ดเลือดขาวต่ำและเสี่ยงติดเชื้อได้
โดยหลักๆโรงงานที่ผลิตยาชีววัตถุได้ เขาจะผลิตยาแนวๆนี้ กับพวกเซรุ่ม วัคซีน ยาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งปัจจุบันโรงงานที่รองรับเทคโนโลยีแบบนี้ในไทยได้ยังมีน้อยมาก มีไม่กี่แห่งเท่านั้นที่เป็นโรงงานชีววัตถุ
ส่วนประเด็นที่ธนาธรตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมเป็นบริษัทนี้ ทำไมไม่เป็นบริษัทอื่น ที่มีโรงงานชีววัตถุเช่นเดียวกัน เช่น สถานเสาวภา ของสภากาชาดไทย, บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จำกัด, องค์การเภสัชกรรม, บริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด, ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีน สถาบันชีววิทยาศาสตร์ โมเลกุล ม. มหิดล และโรงงานต้นแบบผลิตยาชีววัตถุแห่งชาติ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี
อันนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจ ซึ่งหากเราดูผลิตภัณฑ์คือวัคซีนที่ผลิตจากโรงงานที่ธนาธรยกมาอ้างอิง จะเห็นว่าส่วนมากเป็น วัคซีนแบบที่ผลิตจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แต่ถ้าเป็นของ siambioscience สินค้าที่เขาผลิต จะเกิดจากการเข้าไปตัดแต่งกับพันธกรรมของสิ่งมีชีวิตเช่นไวรัสหรือแบคทีเรียโดยตรงเลย อย่าง Filgrastim ซึ่งโรงงานที่ผลิตยาระดับนี้ในไทยนอกจากเจ้านี้ เท่าที่ทราบยังไม่เห็น และตามที่ สธ แถลง คือ คนที่เจาะจงเลือก รง นี้เพราะเงื่อนไขทางเทคโนโลยีครบตามที่ Astrazeneca กำหนด ก็คือตัว Astrazeneca เอง
ดังนั้นถ้าพูดในแง่ของเทคโนโลยี การที่ siambioscience เป็นคนผลิตวัคซีนของ Astrazeneca ถ้าว่ากันตามระดับเทคโนโลยีของโรงงานเขาก็ถือว่าโอเค ส่วนประเด็นอื่นๆที่ธนาธรแกเปิดประเด็นคนที่เกี่ยวข้องก็ไปตอบกันกันเอาเอง กูม่ายเกี่ยว
แต่เท่าที่ฟังธนาธรแกก็หาข้อมูลมาพอตัวและตั้งคำถามได้ดี คนที่เกี่ยวข้องเพียงแค่เอาข้อเท็จจริงออกมาอธิบายมันก็น่าจะเข้าใจกันได้ มึงจะสาดกันโครมๆทำไมล่ะเนี่ย ส่วนประเด็นที่ว่าไม่ควรหวังพึ่งแต่วัคซีนตัวนี้ ควรเปิดช่องให้มีตัวเลือกเป็นวัคซีนจากผู้ผลิตรายอื่นๆด้วย อันนี้เห็นด้วยมาก ควรทำตั้งนานแล้ว
particle 在 Wannasingh Prasertkul (วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล) Facebook 八卦
ขีดจำกัดของโลก 9 ประการ
เรื่องโลกร้อนเป็นแค่ 1 ใน 9 เท่านั้น ! มีอีก 8 ตัว! คุณพระ!!
-----------------------
เมื่อไม่นานมานี้ได้ดูสารคดีเรื่อง Breaking Boundaries: The Science of Our Planet ใน netflix [ https://www.imdb.com/title/tt14539726/?ref_=nv_sr_srsg_0 ] น่าสนใจมาก
หนังพูดเรื่อง The 9 planetary boundaries หรือขีดจำกัดของโลก 9 อย่างที่มนุษย์กำลังสร้างผลกระทบโดยตรง และถ้าข้ามขีดอันตรายไปเมื่อไหร่ จะเกิดผลกระทบลูกโซ่ที่ทำลายระบบนิเวศของโลกอย่างหวนกลับมาไม่ได้อีกต่อไป
ซึ่งในบรรดา 9 อย่างนี้ เรารู้จักเรื่องโลกร้อนดีที่สุด แต่ที่เหลือ มีหลายอันที่มีคนพูดถึงน้อยมากๆ
ขีดจำกัดทั้ง 9 นี้ มีที่มาจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ นำโดย Johan Rockstrom [นามสกุลโคตรเท่] แห่งมหาวิทยาลัย Stockholm และวิล สเตฟเฟน (Will Steffen) จากมหาวิทยาลัย Australian National University เอางานวิจัยยาวนานกว่า 5 ทศวรรษ มาสรุปเป็นกระบวนการรักษาสมดุลของโลกให้เราเห็นชัดเจน 9 ประการ โดย Rockstrom เองเป็น presenter ของสารคดีชิ้นนี้ด้วย
นอกจากจะทำความรู้จักขีดจำกัดทั้ง 9 อย่างนี้แล้ว งานวิจัยก็ยังบอกเราด้วยว่าตอนนี้มนุษย์อยู่ในขีดอันตรายระดับไหนแล้วในแต่ละหัวข้อ
-----------------------
สถานการณ์: [Code Red] วิกฤติแล้วจ้า ฉิบหายแล้ว มี 2 ข้อ
1. Biodiversity loss [การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ] : สถานการณ์ วิกฤติ
- ว่าด้วยการสูญพันธ์ของสัตว์และพืช ใช่ 50 ปีที่ผ่านมา อัตราการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ หลักๆมาจากการสูญเสียที่อยู่อาศัยจากการกระทำของมนุษย์ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เพื่อผลิตอาหาร น้ำ และทรัพยากร
- ต่อปี อัตราการสูญพันธุ์ในปัจจุบัน อยู่ที่ 1,000 ต่อ 1,000,000 ชนิด ต่อปี [0.1%] โดยอัตราการสูญพันธุ์ที่ปลอดภัย อยู่ที่ ไม่เกิด 10 ต่อ 1,000,000 ชนิดต่อปี [ 0.001%] เท่ากับเราเลย limit ที่ปลอดภัยมาแล้ว 100 เท่า!
2. Nitrogen Cycle and Phosphorus Cycle [ วงจรไนโตรเจนและฟอสฟอรัส] : สถานการณ์ วิกฤติ
- ใช้แล้วครับ ไนโตรเจนกับฟอสฟอรัส ในปุ๋ยเคมี NPK นี่แหล่ะ
- เรื่องนี้มีคนรู้น้อยมาก หลักๆคือการที่มนุษย์ผลิตอาหารมากขนาดนี้ เราต้องใช้ปุ๋ยจำนวนมหาศาล เราไปเก็บไนโตรเจนมาจากชั้นบรรยากาศ และขุดฟอสฟอรัสมาจากในดิน แล้วในกระบวนการเกษตร สารเหล่านี้โดนเก็บไว้ในพืชแค่นิดเดียว ที่เหลือไหลลงน้ำลงทะเล หรือกลายเป็นมลพิษในอากาศ
- ซึ่งผลพวงก็มีเช่น ปุ๋ยลงน้ำไปทำให้เกิด Algae Bloom [สาหร่ายเติบโต] ซึ่งพอตายทับถมกัน ก็ทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลงเรื่อยๆ จนบางที่กลายเป็น "Dead Zone" หรือจุดที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถอยู่ได้อีกแล้ว เพราะขาดออกซิเจน ซึ่งทั่วโลกพบอยู่หลายร้อยแห่งแล้ว ปล่อยไปเรื่อยๆจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทำระบบนิเวศพังทั้งระบบ
- ตอนนี้เราใช้ไนโตรเจนกับฟอสฟอรัสเพื่อผลิตอาหาร เกิดขีดจำกัดที่นักวิทยาศาสตร์กำหนดไว้ ประมาณ 2 เท่าในทุกๆปี
-----------------------
สถานการณ์: [Code Yellow] ต้องเฝ้าระวัง หากไม่เปลี่ยนแปลง วิกฤติแน่
3. Deforestation Land use Changes การตัดไม้ทำลายป่า และการเปลี่ยนแปลงผืนโลก : สถานการณ์ เฝ้าระวัง
- คือการเปลี่ยนป่าเป็นพื้นที่การเกษตรหรือเลี้ยงสัตว์[การผลิตเนื้อ ใช้ที่ดินเยอะมาก] ซึ่งนำไปสู่ทั้งความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ [ข้อ 1. ] และเป็นการปล่อยคาร์บอนที่ถูกกักเก็บไว้ในต้นไม้กลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งก็ไปสร้างปัญหาภาวะโลกร้อนต่อ รวมถึงการเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นกรดอีกด้วย
- ป่าคือ Carbon Sink หรือตัวดูดซับคาร์บอนที่ดีที่สุดที่เรามีอยู่ในธรรมชาติ การสูญเสียป่า คือการสูญเสียระบบจัดการคาร์บอนของดาวโลก
- การสูญเสียพื้นที่ป่าในประเทศหนึ่ง อาจสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศในระดับโลก (เช่นป่า Amazon เป็นต้น)
4. Climate Change ภาวะโลกร้อน : สถานการณ์ เฝ้าระวัง
- ตัวโหดที่ทุกคนรู้จักดี ตอนนี้เราผ่านจุดที่คาร์บอนในชั้นบรรยากาศ อยู่ที่ 418 ppm [Parts per million] ซึ่งอาจจะนำไปสู่โลกที่อุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 2 องศา ซึ่งเป็นสิ่งที่ Paris Agreement ในปี 2015 ตั้งใจจะทำให้ได้ แต่อย่างไรระดับคาร์บอนได้ออกไซด์ก็ไม่มีทีท่าจะลดลงมาสักกะที ถ้าหากว่าเกิน 500 ppm ขึ้นไป และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราอาจจะจบที่ร้อนชึ้น 4-8 องศา ซึ่งนั่นคือ Game Over แน่นอน
- ตอนนี้น้ำแข็งทะเลในขั้วโลกเหนือลดลงจนไม่น่าจะหวนกลับมาได้แล้ว ทำให้เรายิ่งไม่มีพื้นที่สีขาวมาสะท้อนแสงอาทิตย์กลับไป
- น้ำแข็งในกรีนแลนด์ละลายเร็วขึ้นกว่าที่คาดการเอาไว้ 3-4 เท่า ถ้ากรีนแลนด์ละลายหมด น้ำทะเลจะสูงขึ้น 7 เมตร
- ตอนนี้ขั้วโลกได้ที่เชื่อว่าละลายได้ยากมาตลอด เริ่มมีอาการแปรปรวนให้เห็น ถ้าละลายหมด น้ำจะสูงขึ้นหลายสิบเมตร
- จุดที่เราจะย้อนกลับไม่ได้ ใกล้เข้ามาทุกที
-----------------------
สถานการณ์: [Code Green] ยังปลอดภัยอยู่ ต้องรักษาระดับเอาไว้
5. Freshwater Use การใช้น้ำจืด : สถานการณ์ ยังปลอดภัย
- เป็นตัวแปรที่ link กับเรื่อง climate change + ระบบการจัดการน้ำของมนุษย์ ซึ่งได้เปลี่ยนวงจรที่น้ำจืดแปรสภาพและไหลเวียนตามธรรมชาติไปโดยสิ้นเชิง การชลประทานนำไปสู่การเปลี่ยนในการไหลของแม่น้ำ การถางป่านำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงของวงจรไอน้ำ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและส่วนใหญ่เปลี่ยนแล้วแก้คืนไม่ได้
- ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่วิกฤติ แต่ก็ต้องระวังดีๆ หากเราเปลี่ยนวงจรน้ำจืดไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมา อาจจะส่งผลลูกโซ่ต่อเนื่อง สร้างความเสียหายในแบบที่เรายังคาดไม่ถึงได้
6. Ocean Acidification การเป็นกรดของมหาสมุทร : สถานการณ์ ยังปลอดภัย
- ประมาณ 25-30% ของคาร์บอนที่เราปล่อยออกมา ถูกดูดซับโดยน้ำในมหาสมุทร ซึ่งผลพวงของมันก็คือทำให้น้ำทะเลมีความเป็นกรดมากขึ้น ซึ่งก็ไปทำให้ในน้ำมี แคลเซียมคาร์บอเนต ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สิ่งมีชีวิตในทะเล ทั้งปะการัง ทั้งกุ้ง หอย ปู แพลงตอนบางประเภท หรืออะไรก็ตามที่มีเปลือก ใช้ในการสร้างเปลือกป้องกันตนเอง
- พอสัตว์เหล่านี้โตไม่ได้ ก็กระทบบ่วงโซ่อาหาร ในทะเลก็มีปลาน้อยลงเรื่อยๆ
- ตอนนี้น้ำทะเลของเรา มีความเป็นกรดมากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับตอนก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม
- อันนี้ link กับเรื่อง Climate change ในเชิงมีสาเหตุร่วมกัน แต่ถือเป็นคนละมาตรวัดกัน
- ถึงยังปลอดภัยอยู่ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนเรื่องปล่อยคาร์บอนกัน มันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆต่อไป
7. Stratospheric ozone depletion การสลายตัวของชั้นโอโซน : สถานการณ์ ยังปลอดภัย
- อย่างที่รู้กัน โอโซนช่วยกัน UV [ultraviolet] ไม่ให้เข้าสู่บรรยากาศโลก ถ้าไม่มีโอโซนเราก็จะเป็นมะเร็งผิวหนังกันหมด และระบบนิเวศโลกก็จะพัง
- อันนี้เป็นข้อเดียวที่สถานการณ์ดีขึ้นมาก นับตั้งแต่มีการค้นพบปัญหารูโอโซนบริเวณขั้วโลก และมีการระบุชัดเจนว่าสารเคมีชนิดไหนที่เป็นต้นเหตุ นานาชาติก็มีการตกลงแบนสารเหล่านั้นร่วมกันผ่าน Montreal Protocol จนได้ผลนำสถานการณ์อันตรายมาสู่ระดับที่ปลอดภัยได้
- เป็นความหวังของหมู่บ้าน ว่ามนุษย์สามารถรวมตัวกันแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ
-----------------------
สถานการณ์: [Unknown] รู้ว่าเป็นปัญหา แต่ยังไม่สามารถกำหนดขอบเขตที่เกินขีดอันตรายไปได้
- 2 ข้อนี้ คือตัวแปรที่นักวิทยาศาสตร์เห็นตรงกันว่าจะมีผลกระทบกับระบบนิเวศของโลกอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ว่ายังหาคำตอบไม่ได้ว่าขีดอันตรายอยู่ที่จุดไหน
8. Particle Pollution [Atmospheric aerosol loading] สารแขวนลอยในชั้นบรรยากาศ : สถานการณ์ (ไม่รู้)
- ง่ายๆก็คือพวก pm10/ pm2.5 นั่นแหล่ะครับ + สารเคมีต่างๆที่มนุษย์ปล่อยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ สิ่งเหล่านี้นอกจากจะมีผลกับสุขภาพของมนุษย์แล้ว คือมีผลกับอุณหภูมิของโลกด้วย
- ในขณะที่ก๊าซเรือนกระจก ทำให้โลกร้อนขึ้น สารแขวนลอยและมลพิษในอากาศ มีผลกระทบในการสะท้อนแสงอาทิตย์ออกนอกชั้นบรรยากาศ พูดง่ายๆยิ่งอากาศขุ่นมัวมาก อุณหภูมิก็ยิ่งลดลง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะต้องแลกมากับคุณภาพอากาศที่ย่ำแย่มากๆ เป็นผลกับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
- นอกจากนั้น สารแขวนลอยเหล่านี้ยังสามารถจับตัวกับไอน้ำ มีผลกับการจับตัวของก้อนเมฆและการเปลี่ยนแปลงของอากาศอีกด้วย
- ซึ่งผลกระทบตรงนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพิ่มเติม ทำให้ยังไม่สามารถทราบผลกระทบทั้งหมดได้
9. Chemical Pollution การปนเปื้อนของสารสังเคราะห์ : สถานการณ์ (ไม่รู้)
- มนุษย์เราสร้างสารสังเคราะห์ชนิดใหม่ขึ้นมากว่า 100,000 ชนิด ซึ่งมีทั้งโลหะหนักต่างๆ สารกัมมันตภาพรังสี ไมโครพลาสติก ฯลฯ ซึ่งผ่านอุตสาหกรรมและกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ สารเหล่านี้ก็ถูกปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ โดยที่เรายังไม่เข้าใจผลกระทบที่พวกมันมีต่อสัตว์ พืช และระบบนิเวศเลย รวมไปถึงผลกระทบที่มันมีต่อคนด้วย [ยกตัวอย่าง จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ ว่าการกินไมโครพลาสติกเข้าไป มีผลอะไรกับร่างกายคนบ้าง]
- ทำให้การกำหนดขอบเขตในเรื่องนี้ เป็นไปได้ยากมาก แต่นักวิทยาศาสตร์ก็เห็นพ้องกันว่า เป็นตัวแปรที่มีผลต่อระบบนิเวศของโลกแน่นอน
-----------------------
นอกจาก 9 ข้อนี้ ขอฝากคำศัพท์ไว้อีกคำ คือคำว่า [Antropocene]=แอนโทรโพซีน คือชื่ออย่างไม่เป็นทางการของโลกยุคปัจจุบัน โดยยุคก่อนหน้านี้คือยุค Holocene [โฮโลซีน] ที่เริ่มต้นประมาณ 11,700 ปีที่แล้ว หลังยุคน้ำแข็งรอบสุดท้ายจบลง เป็นยุคที่อุณหภูมิของโลกเริ่มคงที่ ทำให้สภาวะที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของสังคมมนุษย์เกิดขึ้นได้ เป็นสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
แต่มาตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์บอกว่ายุค Antropocene ได้มาถึงแล้ว มาจากคำว่า Anthropo ที่แปลว่า "คน" ในภาษากรีก ซึ่งอธิบายง่ายๆก็คือ นี่คือยุคที่มนุษย์กลายเป็นตัวแปรหลักในการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศและระบบนิเวศของโลก จากที่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีสปีชีส์ไหนทำแบบนี้ได้มาก่อน สัตว์ทุกชนิดต้องยอมรับสภาวะที่โลกหยิบยื่นให้ มีเราเป็นสปีชีส์แรกที่สามารถเปลี่ยนระบบของโลกได้ด้วยการกระทำของเรา
ขึ้นอยู่กับว่าจะเปลี่ยนไปทางไหนเท่านั้นเอง
Ref
http://www.salforest.com/blog/planetary-boundary
https://en.wikipedia.org/wiki/Planetary_boundaries#/media/File:Planetary_Boundaries.png
https://www.stockholmresilience.org/research/planetary-boundaries/the-nine-planetary-boundaries.html
https://www.nationalgeographic.org/encyclopedia/anthropocene/
https://www.imdb.com/title/tt14539726/
particle 在 Kento Bento Youtube 的評價
Official Kento Bento Merch: https://standard.tv/kentobento
Support us on Patreon: https://patreon.com/kentobento
Twitter: https://twitter.com/kentobento2015
Facebook: https://facebook.com/kentobento2015
Business Inquiries: kentobento@standard.tv
Other videos you may like:
These Events Will Happen in Asia in 2020: https://youtu.be/qrataK7FxRA
Has KFC Conquered Asia?: https://youtu.be/4iYt9eINS8M
How This Lake in Northwest Asia Got Deadlier Than Chernobyl: https://youtu.be/SQCfOjhguO0
Where Are The Asian Borders?: https://youtu.be/vPupwlZlNMY
Is It Possible To Build A Tunnel From Korea to Japan?: https://youtu.be/EOyr04eMYuU
How Would You Take Down North Korea? (The 7 Choices): https://youtu.be/VM_fzaWAybw
Second Thought's Video: https://youtube.com/watch?v=n4xDYGSbGx0
Select music from Epidemic Sound: http://epidemicsound.com
Channel Description:
We do videos on intriguing & thought-provoking Asiany topics, including stereotypes, history, culture & geography.
Credits:
Researcher/Writer/Narrator/Video Editor: Kento Bento
Motion Graphics: Charlie Rodriguez
Official Cheerleader: Nina Bento
————————————————————————————————————————
[THESE EVENTS WILL HAPPEN IN ASIA BEFORE 2050]
So far on this channel, we’ve only ever talked about current or past events.
Well not anymore, because this video is about the future. We’ll be covering the major events that will happen in Asia leading up to the year 2050. Of course, predicting such events is extremely difficult, but we can always give our best estimates based the information we currently have.
We will cover the following:
- Pyeongchang Winter Olympics 2018
- JAXA's Mercury mission
- Japanese Emperor Akihito's abdication
- Saudi Arabia's Jeddah Tower (tallest building in the world)
- Transcontinental bridge from Middle East to Africa (Yemen to Djibouti / Saudi Arabia to Egypt) - the Bridge of Horns
- Holographic TVs
- Tokyo Summer Olympics 2020
- UAE's Hope Probe to Mars + First city on Mars
- Beijing Winter Olympics 2022
- Rising sea levels affect Maldives (global warming)
- China's large particle accelerator (twice the circumference of the Large Hadron Collider at CERN)
- Southeast Asia unified by transport links (Sunda Strait Bridge & Malacca Strait Bridge)
- Bangkok, Thailand is sinking
- Borneo's rainforests will be wiped out at current rate of deforestation
- Russia will become a global food superpower (melting permafrost and retreating ice caps opening up North Asia & Siberia for arable land (farming & crop production)
- Japan connected to the mainland & Russia with Sakhalin-Hokkaido Tunnel
- China's first astronauts on the moon
- India's economic rise
- Japan connected to mainland & South Korea with Japan-Korea Tunnel
- Major volcanic eruption of Sakurajima
- Decline in homosexual discrimination particularly Middle East
- 100th anniversary of the atomic bombings of Hiroshima & Nagasaki
- Japan's population drops below 100 million due to low birth rate
- Pakistan and India celebrate 100th anniversary of independence
- One Country Two Systems agreement for Hong Kong & Macau expires
- North Korea celebrates 100th anniversary of founding
- Dead Sea drying up
- Fukushima Daiichi Nuclear Disaster will be successfully decommissioned
- Biggest refugee crisis in history in Southeast Asia
- Robots will be commonplace
- Asia connected to the world via Bering Strait Bridge & Transglobal Highway

particle 在 みうめ【COJIRASE THE TRIP】 Youtube 的評價
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
「ここに集えた奇跡にありがとう」
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
[Another Version]
【ニコニコラボ】Blessing【VOCALOIDS】
https://www.youtube.com/watch?v=E4tIHBx7bqc
【ニコニコラボ】Blessing【SINGERS ver.A】
https://www.youtube.com/watch?v=zhkXBKbGifc
【ニコニコラボ】Blessing【SINGERS ver.B】
https://www.youtube.com/watch?v=t65q-8gSIjE
━━━━━━━━━━━━━━━━━━
Blessing
Director : halyosy & that
Lyrics, Music & Arrangement : halyosy
Choreographer : みうめ & めろちん
Dancers : あおい, あすぱら, あぷりこっと*, いとくとら, ATY, SLH feat. that, おがくず,
仮面ライアー217, 気まぐれプリンス, 恐怖。, 鎖音マツ, K'suke, けいたん, ゲッツ, ケミーキラー,
13, 大根(ぜあらる。), ただのん, ちゅい, *ChocoLate Bomb!!, てぃ☆イン!, どーもくん(野崎弁当), とみたけ, とらさん, ニコ麻呂, 二番煎じ, ノックソ, のらくら, perfumen, 百花繚乱, フォーゲル, 巫覡夜徒, 藤山晃太郎, まなこ, みうめ, めろちん, やっこ, Ry☆, ラクダと亀, りりり, れいちぇる & わた
Vocals : 初音ミク, 鏡音リン, 鏡音レン, 巡音ルカ, KAITO, MEIKO, あおい, 天月, キヨ, 96猫, コゲ犬,
たま, 夏代孝明, nero, halyosy, vip店長, みーちゃん, めろちん, 湯毛, 赤ティン, ___(アンダーバー),
伊東歌詞太郎, カケリネ, 恭一郎, Gero, that, 蛇足, 百花繚乱, まふまふ, みうめ, りりり & れをる
Main Camera Operator & Movie Editor : 文七
Camera Operator : 撮影班のみなさん
Movie Director : halyosy
Particle Effect : まきのせな
Motion Graphics : SenseFrame
Illustration : shimano, 市ノ瀬雪乃 & たま
Special Thanks : ke-sanβ, sobomen, 甥っ子 & You!
English Lyrics Editing : Mes
Electric Guitar : 中西
Acoustic Guitar : 193
Bass : mao
Piano : 紅い流星
Sanshin : 530
Programming : halyosy
━━━━━━━━━━━━━━━━━━

particle 在 Brianna's Secret Club TH Youtube 的評價
ฝากกด Like ? กด Share ?♀ และ Subscribe ด้วยนะคะ ?
คอมเมนต์ติชมกันมาได้คะ ขอบคุณมากนะคะ ?
? ติดตามอัปเดตข้อมูลข่าวสารของบรีแอนน่าได้ที่ ?
➡️ YouTube : Brianna's Secret Club
➡️ Facebook : Brianna's Secret Club
➡️ Instagram : Brianna's Secret Club
➡️ TikTok : Brianna
ติดต่องานสปอร์นเซอร์ได้ที่ไลน์ jira_skyler_brianna
หรืออีเมล briannassecretclub@gmail.com
ขอบคุณคะ
ครอบครัวบรีแอนน่า -
#บรีแอนน่า #Brianna

particle 在 Particle - YouTube 的八卦
In this video, you'll learn how firmware libraries make it easy to work with common sensors, actuators and devices in your Particle-powered applications. ... <看更多>