UNIQLO กำลังรุกตลาดอินเดีย / โดย ลงทุนแมน
“ศักยภาพของประเทศอินเดียไม่ต่างอะไรไปจากประเทศจีน หรือ มันอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ..”
ประโยคนี้กล่าวโดย Tadashi Yanai ซีอีโอของ UNIQLO ซึ่งเป็นบุคคลที่รวยสุดในประเทศญี่ปุ่น
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา..
UNIQLO ประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ในการขยายธุรกิจไปยังประเทศอินเดีย
แต่ที่น่าสนใจ คือ ZARA เข้ามาทำธุรกิจในประเทศอินเดียมากว่า 9 ปีแล้ว
เช่นเดียวกับ H&M ที่เริ่มทำธุรกิจในประเทศนี้มาแล้ว 4 ปี..
แล้วทำไม UNIQLO
ถึงเพิ่งเริ่มลงทุนในประเทศอินเดีย?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เรื่องแรกก็คือ ความซับซ้อนของธุรกิจแฟชั่นในประเทศโซนเอเชียใต้ และตะวันออกกลาง
เนื่องจากวัฒนธรรม และความเคร่งครัดทางศาสนา
จากบทวิเคราะห์ของ McKinsey ระบุว่า..
ปัจจุบัน ผู้หญิงชาวอินเดียกว่าร้อยละ 70 ยังเลือกซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นท้องถิ่น
ถึงแม้ว่าเทรนด์จะเปลี่ยนมาเป็นแฟชั่นสมัยใหม่ แต่ก็ยังเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
มีการคาดการณ์ว่า ปี 2023 ส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจแฟชั่นในประเทศอินเดีย จะแบ่งออกเป็น
เสื้อผ้าแฟชั่นท้องถิ่น 65%
เสื้อผ้าแฟชั่นสมัยใหม่ 35%
หมายความว่า แบรนด์เสื้อผ้าทั่วโลก ต้องแข่งขันกันเพื่อแย่งเค้กชิ้นที่ เล็กกว่า..
แต่ด้วยจำนวนประชากรกว่า 1,370 ล้านคน
การขยายตัวของ GDP ที่ร้อยละ 6 ถึง 8
รวมถึงการเติบโตของธุรกิจเสื้อผ้าในประเทศอินเดีย
ปี 2010 มูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท
ปี 2022 มูลค่า 2.8 ล้านล้านบาท
จึงทำให้การขยายธุรกิจเสื้อผ้าในประเทศอินเดีย ยังเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ..
อย่างไรก็ตาม กฎหมายประเทศอินเดียระบุให้บริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนและถือหุ้นเกินกว่า 51% จำเป็นที่จะต้องจัดหาแหล่งวัตถุดิบในประเทศมูลค่าไม่ต่ำกว่า 30% ของต้นทุนการผลิต..
เรื่องนี้ทำให้..
ZARA ซึ่งก่อตั้งในประเทศอินเดียในปี 2010
เลือกที่จะร่วมทุนกับ Tata Group เครือธุรกิจใหญ่สุดในประเทศอินเดีย
ในขณะที่ ปี 2014 H&M เลือกที่จะก่อตั้งบริษัทเอง
โดยบริษัทยินยอมที่จะจัดหาวัตถุท้องถิ่นให้ได้ตามที่กฎหมายกำหนด
เรามาดูภาพรวมปีที่ผ่านมาของทั้ง 2 บริษัท..
ZARA ประเทศอินเดีย
รายได้ 6,172 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 18% และมีจำนวน 22 สาขา
H&M ประเทศอินเดีย
รายได้ 4,292 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 29% และมีจำนวน 42 สาขา
ถึงแม้ว่า ZARA จะมีรายได้ที่สูงกว่า จากการเริ่มลงทุนก่อนหน้า H&M 5 ปี แต่ H&M มีอัตราการเติบโตที่มากกว่า และขยายสาขาได้มากกว่า
ซึ่งเหตุผลหลักมาจากการที่ ZARA ร่วมทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่น ซึ่งในบางครั้งจะทำให้ตัดสินใจช้าลง ลงมือทำช้าลง ขั้นตอนทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับธุรกิจ Fast Fashion ที่ต้องขยับตัวไว..
และหากรายได้ทั้งสองบริษัทเติบโตในอัตราเท่าเดิม รายได้ H&M จะมากกว่า ZARA ในที่สุด
ทั้งหมดนี้ จึงกลายมาเป็นกรณีศึกษาให้ UNIQLO ตัดสินใจขยายธุรกิจในประเทศอินเดียปีนี้
โดยเลือกวิธีการลงทุนแบบ H&M คือ การลงทุนเองทั้งหมด ทั้งโรงงานการผลิต การขยายสาขา และจัดหาวัตถุดิบท้องถิ่นตามมูลค่าขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด
แล้วผลประกอบการ UNIQLO ตอนนี้เป็นอย่างไร?
ปี 2017 รายได้ 5.2 แสนล้านบาท กำไร 3.4 หมื่นล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 6.0 แสนล้านบาท กำไร 4.4 หมื่นล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 6.4 แสนล้านบาท กำไร 4.6 หมื่นล้านบาท
โดยรายได้ทุกๆ 100 บาทของ UNIQLO มาจาก
UNIQLO ต่างประเทศ 45 บาท
UNIQLO ญี่ปุ่น 38 บาท
GU และ Global Brands 18 บาท
แสดงให้เห็นว่า UNIQLO ประสบความสำเร็จสูงกับการลงทุนในต่างประเทศ
จนรายได้หลักของบริษัทเติบโตแซงหน้าธุรกิจในประเทศบ้านเกิด
ก็น่าติดตามว่า..
การเริ่มต้นของ UNIQLO หลังคู่แข่งอย่าง ZARA และ H&M จะทำได้ดีขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม ข้อได้เปรียบของ UNIQLO คือการได้เรียนรู้จากคู่แข่ง
ได้ประเมินความพร้อมของตลาด
โดยที่ไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์..
หากเราอยากเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรแล้วกลัวว่า เราจะเริ่มช้ากว่าคนอื่น
จริงๆ แล้ว การที่เราเริ่มช้ากว่า
มันสามารถทำให้เราได้รู้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จทำอย่างไร
และนั่นมันอาจเป็นความได้เปรียบของคนที่เริ่มช้ากว่า ก็เป็นได้..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://asia.nikkei.com/Business/Company-in-focus/Uniqlo-dreams-big-as-it-enters-India-its-new-China
-https://www.mckinsey.com/~/media/McKinsey/Industries/Retail/Our%20Insights/The%20State%20of%20Fashion%202019%20A%20year%20of%20awakening/The-State-of-Fashion-2019-final.ashx
-https://www.statista.com/statistics/263617/gross-domestic-product-gdp-growth-rate-in-india/
-https://www.fastretailing.com/eng/ir/library/pdf/fr_ir_e_n20191010_4q_summary.pdf
-https://finance.yahoo.com/quote/FRCOY/financials?p=FRCOY
-https://www.fastretailing.com/eng/ir/library/earning.html
-https://www.mckinsey.com/industries/retail/our-insights/how-indias-ascent-could-change-the-fashion-industry
-https://www.worldometers.info/world-population/india-population/
-https://economictimes.indiatimes.com/industry/services/retail/japanese-retailer-uniqlo-debuts-in-india/articleshow/71432955.cms
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過147萬的網紅Kento Bento,也在其Youtube影片中提到,Our Merch: https://standard.tv/kentobento Our Patreon: https://patreon.com/kentobento Nebula: https://watchnebula.com/kentobento Twitter: https://tw...
our world 2 pdf 在 Facebook 八卦
อะไรคือข้อผิดพลาด? อะไรคือข้อดี? วันนี้มานั่งคุยกันกับสิ่งที่พ่อบ้านเห็นกันของระบบการให้วัคซีนของ "เยอรมนี"
หลังจากผ่านมาประมาณ 3 สัปดาห์ที่เยอรมนีนั้นได้เริ่มทำการฉีดวัคซีนต้านไวรัสทั่วประเทศ วันนี้พ่อบ้านจึงมีเวลามาทบทวนข้อดีและข้อผิดพลาดเพื่อให้เราได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กันจากระบบการฉีดวัคซีนของเยอรมนีกัน
เยอรมนีนั้นได้เริ่มฉีดวัคซีนวันแรกในวันที่ 26.12.2020 ซึ่งเร็วกว่ากำหนด 1 วัน โดยในแรกเริ่มนั้นคาดการณ์ไว้ว่าอยากจะฉีดวัคซีน และคาดหวังว่าจะมีวัคซีนเป็นจำนวน 3 - 4 ล้านโดส ซึ่งหมายความว่าจะสามารถพอเพียงกับประชากรจำนวน
"1.5 - 2 ล้านคน" ภายในเดือนมกราคม และ 11 - 13 ล้านโดสที่จะสามารถใช้กับคนได้ที่ 5.5 - 6.5 ล้านคนภายในเดือนมีนาคม หากแต่ว่ายอดล่าสุด ณ ปัจจุบันนั้นมีผู้ฉีดวัคซีนเป็นจำนวนประมาณ
758,093 คน (ณ วันที่ 13.01.2021)
ซึ่งถ้าเทียบกับเป้าหมายแล้วถือว่า ยังน้อยอยู่กว่าเป้าในระดับนึงเลย ทีนี้เราจะมาดูกันครับว่าสิ่งที่เยอรมันผิดพลาดและเราควรจะเรียนรู้มากกว่านี้คืออะไร
1. แผนดี สถานที่พร้อม แต่คนไม่พอ
เยอรมนีให้ความสำคัญกับการเตรียมการฉีดวัคซีนเป็นอย่างมากจนถึงกับกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ของชาติที่ว่าด้วยเรื่องของการฉีดวัคซีนหรือที่เรียกว่า National Vaccination Strategy ที่ได้วางแผนครอบคลุมตั้งแต่ก่อนการฉีดวัคซีนจนไปถึงหลังการฉีดวัคซีนว่ามีใครบ้างที่รับผิดชอบตรงส่วนไหน และมีการจัดระบบอย่างไร ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของสถานที่ว่าเยอรมันนั้น
"จะจัดสถานที่ฉีดวัคซีนต่างหาก" หรือก็คือไม่ได้ฉีดในโรงพยาบาลหรือคลีนิคธรรมดา เพราะด้วยสาเหตุที่จะต้องมีการจัดเก็บวัคซีนแบบเฉพาะ และใช้พื้นที่กว้างเพื่อลดการแออัดของผู้คน และไม่ไปรบกวนการทำงานของโรงพยาบาลมาก ดังนั้นจึงมักจะใช้ Hall, ศูนย์ประชุม มาเป็นสถานที่ในการฉีดวัคซีนแทน เหมือนที่ Hamburg ที่เปลี่ยนหอประชุมมาเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนจนสามารถรองรับคนได้สูงสุดถึง 7,000 คนต่อวัน และมีศูนย์ฉีดวัคซีนนับร้อยทั่วประเทศ
หรือเรื่องของรายชื่อผู้ที่มีสิทธิรับวัคซีนที่จะทำการติดต่อผ่านโรงพยาบาลหรือบ้านพักคนชราก็สามารถเตรียมการไว้ได้อย่างดี
เรียกได้ว่าแผนนั้นพร้อมมาก สถานที่นั้นมี แต่ปัญหาสำคัญที่เยอรมันกำลังเจอก็คือ "ขาดคนฉีดวัคซีน"
เพราะเนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์นั้นต่างก็ต้องรับมือในโรงพยาบาล เป็นหลัก ดังนั้นทางเยอรมันจึงประกาศรับสมัครอาสาที่เรียนหรือจบทางด้านที่เกี่ยวข้องมาเป็นผู้ฉีดวัคซีนเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก (แถวบ้านพ่อบ้านนี่ประกาศตลอดเลย) และรวมไปถึงบุคลากรด้านอื่นๆ เช่นคนรับลงทะเบียน คนที่รับผิดชอบด้านการนัดหมาย จึงทำให้ระบบต่างๆ นั้นล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นมาก
2. วัคซีนล่าช้ากว่าที่คิด
นี่คือปัญหาที่ควบคุมได้ยากมาก เพราะจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเกิดเรามีระบบพร้อม คนพร้อม แต่ไม่มีของ!! นี่ก็คือเหตุการณ์นึงที่ทำให้เยอรมันนั้นต้องประสบปัญหาไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะนาทีนี้พ่อบ้านเชื่อว่าแต่ละประเทศต่างก็งัดกลยุทธ์ และวิธีการต่างๆ ที่จะตัด หรือแย่งชิงวัคซีนมาให้กับประชากรของประเทศตัวเองให้ได้มากที่สุด
และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้เยอรมันนั้นมีกรณีต้องมีการยกเลิกนัดหรือเลื่อนนัดจากผู้ผลิตวัคซีน และแน่นอนว่าในบางรัฐนั้นคิวการฉีดวัคซีนในตอนนี้นั้นต้องรอคิวนานถึงกลางเดือน กพ. เลยถึงได้ฉีด
"เรียกว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายรัฐบาลเยอรมันไม่น้อย"
3. การ PR ที่ล่าช้า ผนวกกับการตอบโต้ของทฤษฎีต่างๆ
จากที่พ่อบ้านสังเกตุแล้วพบว่าข้อดีของการสื่อสารของเยอรมันคือ ตรงไปตรงมา มีช่องทางการสื่อสารที่ชัดเจน และไม่ตีกัน แต่ข้อเสียโดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาเราจะสังเกตุเห็นได้ว่าค่อนข้างทำได้ล่าช้า กว่าที่คิด และไม่ได้เห็นมากนัก จึงอาจจะทำให้คนยังไม่ชัดเจนว่าจะต้องทำการติดต่ออย่างไร อะไร และที่ไหน แต่ก็ถือว่าไม่ได้แย่มากจนเกินไป
ซึ่งที่หนักก็คือการต่อสู้กับทฤษฎีต่างๆ ที่บางอันก็มีความน่าเชื่อถือ หรือบางอันก็ไม่น่าเชื่อถือเลย(พวกข่าวปลอม) ที่ต่างก็ผุดออกมา ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นการฉีดแต่ตอนนี้ก็เห็นได้แทบทุกวัน และนั่นก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้คนตัดสินใจล่าช้า หรือยังไม่มั่นใจที่จะออกไปรับวัคซีน ถึงแม้จะไม่เสียค่าใช้จ่ายก็ตาม
3 ข้อนี้คือข้อใหญ่ๆ ที่พ่อบ้านมองว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจ และเรียนรู้ ในมุมมองของพ่อบ้านว่าอะไรคือข้อดี และอะไรคือข้อเสียที่ควรปรับปรุงของเยอรมัน
ในมุมมองสำหรับการจัดขั้นตอนและกระบวนการให้กับประชากรกว่า 80 ล้านคนทั้งประเทศนั้นไม่ง่ายแน่ๆ และไม่มีทางเลยที่จะไม่ประสบปัญหา
แต่พ่อบ้านคิดว่าทางผู้ที่เกี่ยวข้องของเยอรมันก็เริ่มเห็นถึงปัญหาและก็กำลังแก้ไขอยู่ โดยดูจากสถิติของผู้ฉีดวัคซีนกำลังเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ 19,084 คนต่อวัน มาเป็นที่
"69,178 คนต่อวัน"
แล้วเรามาดูกันครับว่าเยอรมันจะทำสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่
คุณมีความเห็นเพิ่มเติมมั้ยครับ?
มาแชร์ให้พ่อบ้านฟังบ้างนะครับ?
#พ่อบ้านเยอรมัน #เยอรมัน #เยอรมนี #German #Germany
ที่มาของข้อมูล: DW, RKI, Bundesgesundheitsministerium และ Our world in data
https://www.dw.com/en/coronavirus-german-states-say-vaccinations-delayed-due-to-shortage/a-56097728
https://www.dw.com/en/covid-german-regulations-on-who-gets-vaccine-first/a-55987647
https://ourworldindata.org/covid-vaccinations
https://www.bundesgesundheitsministerium.de/fileadmin/Dateien/3_Downloads/C/Coronavirus/Impfstoff/German_National_COVID-19_Vaccination_Strategy_long_eng_061120.pdf
https://www.rki.de/EN/Content/infections/epidemiology/outbreaks/COVID-19/COVID-19_Vaccination_Strategy-Overview.pdf?__blob=publicationFile
our world 2 pdf 在 GamingDose Facebook 八卦
Apple กับเหตุผลสำคัญ ที่ว่าทำไม? พวกเขาถึงเลือกไม่แถม Charger และ Earbuds ใน Iphone 12 ทั้ง ๆ ที่สิ่งนี้ จะทำให้ผู้ใช้ลำบากมากขึ้นกว่าเดิม
Apple with the important reason why? So they chose not to give Charger and Earbuds on Iphone 12, though this would make the user more difficult.Translated
ทำไม? Apple ถึงไม่แถม Charger และ Earbuds ใน iPhone 12
.
การเปิดตัว iPhone 12 เมื่อคืนวานนี้ น่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับใครหลายคน ไม่ว่าจะในส่วนของเทคโนโลยีใหม่ทั้งหลาย ที่ Apple แทบจะจัดเต็มให้เหล่าแฟน ๆ ที่ตั้งหน้าตั้งตารอดู และในส่วนของความจริงที่ว่า พวกเขาจะไม่แถม Charger และ Earbuds แล้วต่อไปนี้ ก็เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจอย่างมากเช่นกัน
.
แต่จริง ๆ เรื่องนี้ถือว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง ในช่วงแรกที่มีข่าวหลุดออกมาว่า Apple อาจไม่แถมอุปกรณ์สองอย่างนี้อีกแล้วในอนาคต มีเสียงต่อต้านออกมาค่อนข้างมาก ทั้งจากผู้ใช้ และนักวิจารณ์ทั่วไป โดยพวกเขาให้เหตุผลว่า มันเป็นการสร้างความลำบากแก่ผู้ใช้โดยใช่เหตุ
.
แม้จะดูเป็นเรื่องที่รับไม่ได้สำหรับผู้ใช้ กับการตัดอุปกรณ์ ‘จำเป็น’ ออกไปจากแพคเกจของเครื่อง แต่นักวิจารณ์บางส่วนเห็นด้วยกับกรณีนี้ เพราะจากการพิจารณาขนาดของขยะอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2018 นั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่เกินความคาดหมายของเราไปมาก อ้างอิงจากการที่เว็บไซต์ the verge ไปสัมภาษณ์ Steven Yang ซีอีโอของ Anker ผู้ผลิตแบตเตอรี และเครื่องชาร์จภายนอกที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด
.
“เรามีเพียงความหวังเดียวที่เราหวัง ไม่ใช่แค่เพียง Anker แต่เป็นทุกคนในอุตสาหกรรมนี้ เราคาดหวังให้คุณไม่ใช้ที่ชาร์จในกล่องเป็นหลัก และใช้อุปกรณ์ชาร์จของคุณเป็นอุปกรณ์หลักเสียเอง”
.
“สมาร์ทโฟนทุกเครื่อง แถมชาร์จเจอร์ไปกับกล่อง และเรานี้มีสมาร์ทโฟนมากกว่า 1.5 พันล้านเครื่องที่ขายไปเมื่อปีที่แล้ว นี่แค่สมาร์ทโฟนนะ ไม่รวมแท็บเล็ต แล็บท็อป (อื่น ๆ อีกมากมาย) ซึ่งเราคาดว่าน่าจะอยู่ประมาณ 4 พันล้านเครื่อง เราคิดว่ามันจะมีขยะอิเล็กทรอนิกส์ประมาณ 30,000 ตัน เกิดจากกระบวนการนี้”
.
นอกจากการคาดการณ์ของ Steven Yang ที่อยู่ในตำแหน่ง CEO ของผู้ผลิตชาร์จเจอร์ ที่น่าจะเข้าใจว่าพวกเขาผลิตอะไรไปมากมายขนาดไหน สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศยังออกมาคาดการณ์ว่า มีอุปกรณ์พวกนี้ ถูกผลิตมากกว่าหนึ่งล้านตันในแต่ละปี แม้จะไม่เป็นขยะทั้งหมด แต่เมื่อคำนวณเป็นเปอร์เซ็น จะคำนวณยังไงมันก็ยังมากมายจนสร้างปัญหาได้อยู่ดี
.
ฉะนั้นนักวิจารณ์หลายส่วนจึงมองข้ามความไม่พอใจของผู้ใช้ไป เพราะความเห็นที่ว่า ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าความไม่พอใจของสาวก Apple เยอะมาก และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ Apple ต้องรับผิดชอบตัวเอง
.
จากการรายงานของทาง Apple ล่าสุด มีการออกมาขยายความเพิ่ม ถึงเหตุผลที่พวกเขาเลือกไม่แถม Charger และ Earbuds ใน Iphone 12 รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่กำลังจะวางขายต่อไปนี้ โดยพวกเขากล่าวว่า การไม่ผลิตของสองอย่างเพื่อแถมไปกับกล่อง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เกิดจากโรงงานได้อย่างมาก กว่า 2 ล้านเมตริกตันต่อปี
.
Lisa Jackson รองประธานของ Apple ออกมากล่าวว่า มีอะแดปเตอร์ไฟฟ้ามากกว่า 2 พันล้านตัวในโลก ดังนั้นการรวมไว้ในกล่องกับ iPhone ต่อไป จึงเป็นเรื่องสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ บริษัทยังกล่าวด้วยว่า ลูกค้าจำนวนมากของ Apple เปลี่ยนมาใช้วิธีการชาร์จแบบไร้สาย จึงไม่มีเหตุผลให้เราต้องแถมอุปกรณ์สองอย่างนี้ในกล่อง
.
และจากขนาดบริษัทที่ใหญ่ของ Apple ทำให้พวกเขาต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลง ดังที่ Greg Joswiak เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับเว็บไซต์ GQ ความว่า
.
“เรามองหาวิธีลดขยะอิเล็กทรอนิกส์จากผลิตภัณฑ์ของเราอยู่เสมอ เป็นความพยายามอย่างต่อเนื่อง และเป็นสิ่งสำคัญ เราโชคดีที่มีคนซื้อผลิตภัณฑ์ Apple จำนวนมาก ดังนั้นเราจึงรู้ว่าการตัดสินใจของเราในเรื่องนี้จะส่งผลกระทบอย่างมาก เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการลดบรรจุภัณฑ์ และลดสิ่งที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ให้น้อยที่สุดหากไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าต้องการ”
.
ปัจจุบัน Apple ผลักดันโครงการ Zero Waste ของตัวเอง โดยเริ่มจากการลดการผลิต Charger และ Earbuds ออกจำนวนมาก มีการนำส่วนประกอบต่าง ๆ กลับมาใช้งานใหม่ รวมถึงมีแคมเปญ Apple Inc. บริษัทสีเขียว และ โครงการ ‘นำเครื่องมาแลกเพื่อช่วยเหลือโลก’ ที่ช่วยนำเครื่องเก่าของคุณมารีไซเคิลฟรี แลกกับส่วนลด ซึ่งคุณสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.apple.com/th/environment/
.
"ถ้าต้องการปกป้องโลก เราต้องแสดงให้โลกรู้ว่า เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สามารถกลายเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ในธุรกิจได้" Lisa Jackson รองประธานฝ่ายโครงการ ด้านสิ่งแวดล้อม นโยบาย และกิจกรรมทางสังคม
.
อ้างอิง
https://www.theverge.com/…/vergecast-podcast-interview-anke…
https://collections.unu.edu/…/Global-E-waste_Monitor_2017__…
https://www.gq-magazine.co.uk/…/article/apple-climate-change
Why? Apple doesn't give away Charger and Earbuds on iPhone 12
.
Yesterday's iPhone 12 launch would be a surprise to many people, whether in the part of the new technology that Apple almost sets up for fans who look forward to watching and in part of the fact that they won't give Charger and Earbuds. And then this is a huge surprise too.
.
But in fact, this makes sense in the beginning of the news falling out that Apple may not give two devices anymore. In the future, there is a pretty much anti-anti-users and general critics. They reasoned that it was a struggle for users. Yes. It's a cause.
.
Despite being unacceptable for users with cutting 'essential' devices from machine packages, some critics agree with this case. Because considering the size of electronic garbage in 2018 is considered to exceed our expectations. A lot of reference to the verge website going to interview Anker's Steven Yang, CEO of Anker, most recognized battery and external charger.
.
′′ We have only one hope that we hope for not just Anker, but everyone in this industry. We expect you to not use a charger in a box and use your charger as a main device
.
′′ Every smartphone gives a box of charger and we have over 1.5 billion smartphones sold last year. This is just a smartphone, not including tablet, laptop ( Many more) which we expect to be around 4 billion machines. We think there will be approximately 30,000 tons of electronic garbage caused by this process
.
In addition to Steven Yang's CEO of charger manufacturers who understand how much they produce. International telecommunications union predicts that these devices are produced over a million tons each year. Even if it's not all garbage, when it's not all of them. Percentage calculation. It's still so much that you can make a problem.
.
So many critics overlook user s' frustration because of the opinion that electronic garbage problem is a bigger issue than a lot of Apple fans. And this is about Apple's responsibility for itself.
.
According to a recent Apple report, there are more extensions to why they chose not to give Charger and Earbuds on Iphone 12 including other devices that are going to be on sale. They said there is no production of two things to give away with a discount box. Factory-based carbon gas emissions more than 2 million metric tons per year.
.
Apple's Vice President Lisa Jackson says there are more than 2 billion electric adapters in the world, so it's a waste to mix in boxes with iPhone. The company also says Apple's many customers have changed to charging methods. Wireless so we don't have any reason to put these two devices in a box.
.
Apple's big company size makes them want to make a change as Greg Joswiak used to interview on the GQ website.
.
′′ We're always looking for ways to reduce electronic garbage from our products. It's an ongoing and important effort. We're lucky to have many Apple products buy them. So we know that our decision in this matter will be greatly impacted. We're responsible to reduce packaging and reduce. Minimal in the packaging if not what the customer wants
.
Apple currently pushes its own Zero Waste project by starting to decrease a lot of Charger and Earbuds production. Contains new components including Apple Inc. Campaign. Green company and project 'Reducing Machine to Save the World' that helps to recycle your old machine for free and discount. You can learn more at: https://www.apple.com/th/environment/
.
′′ If we want to protect the world, we must show the world that impossible things can become ordinary in business Lisa Jackson, Vice President of Environmental Programs, Policy and Social Activities
.
Reference
https://www.theverge.com/2018/11/6/18065922/vergecast-podcast-interview-anker-steven-yang-usb-c
https://collections.unu.edu/eserv/UNU:6341/Global-E-waste_Monitor_2017__electronic_single_pages_.pdf
https://www.gq-magazine.co.uk/gq-hype/article/apple-climate-changeTranslated
our world 2 pdf 在 Kento Bento Youtube 的評價
Our Merch: https://standard.tv/kentobento
Our Patreon: https://patreon.com/kentobento
Nebula: https://watchnebula.com/kentobento
Twitter: https://twitter.com/kentobento2015
Business Inquiries: kentobento@standard.tv
The first 200 people to use this link will get 20% off their premium Brilliant membership: https://brilliant.org/kentobento
Other videos you may like:
The Incredible Japanese Prison Break: https://youtu.be/oI8trlbCbU8
The Mysterious Chinese Art Heists Across Europe: https://youtu.be/9LDVQYfeseo
This Is The Greatest Bank Heist in Chinese History: https://youtu.be/qW0uzPJEO10
The $1,000,000,000 North Korean Bank Heist: https://youtu.be/Usu9z0feHug
This Is The Greatest Bank Heist in Japanese History: https://youtu.be/gbeN-2ErxBw
The Bizarre South Korean Bank Heist: https://youtu.be/8JclG3gZLQI
Sources:
http://www.dtic.mil/dtic/tr/fulltext/u2/a254669.pdf
https://fas.org/nuke/cochran/nuc_01009302a_112b.pdf
http://users.physics.harvard.edu/~wilson/publications/pp747/techa_cor.htm
https://serc.berkeley.edu/field-trip-to-the-worlds-most-contaminated-site/
http://www.iaea.org/inis/collection/NCLCollectionStore/_Public/33/011/33011239.pdf
https://www.cell.com/trends/ecology-evolution/fulltext/S0169-5347(16)00019-7
https://www.huffingtonpost.ca/samira-goetschel/ozersk-city-40-russia_b_9857470.html?guccounter=2
https://www.independent.co.uk/news/world/europe/the-worlds-worst-radiation-hotspot-1784502.html
Music:
Epidemic Sound: http://epidemicsound.com
Channel Description:
Animated documentary-style videos on extraordinary Asian events.
Credits:
Kento Bento — Researcher, writer, narrator, audio editor, video editor, motion graphics & art director
Charlie Rodriguez — Illustrator
Isambard Dexter — Research assistant
Nina Bento — Cheerleader
Video Title: How This Lake in Northwest Asia Got Deadlier Than Chernobyl
"Central Russia, 1957. Villagers near the Southern Ural mountains were scared. They were terrified. Men claiming to be from the government had appeared out of nowhere ordering people to leave their homes. Without warning, they started burying crops, and slaughtering their livestock. The villagers were in shock and they were confused. What was going on?..."
Talking Points:
- Hiroshima & Nagasaki Atomic Bombings
- The Soviet Union's early nuclear history
- Joseph Stalin
- Nuclear Arms Race
- Nuclear weapons development
- Mayak (Russia's first plutonium plant)
- Chelyabinsk
- Secret City of Chelyabinsk-40 or City 40
- Lake Kyzyltash
- Russian and US closed cities
- Hanford Nuclear Plant
- Secret City of Richland, Washington
- Soviet spy rings
- Manhattan Project
- Techa River
- Lake Irtyash (Plutonium Lake or The Lake of Death)
- Lake Karachay (Lake Karachai, Карача́й)
- Nuclear accident
- Kyshtym Disaster
- INES
- Chernobyl Disaster
- Fukushima Nuclear Disaster
- Acute Radiation Sickness
- Caesium-137 contamination
- Ozersk (Ozyorsk, Озерск)
- Radiation Poisoning