Disney+ เปิดตัววันแรก ได้สมาชิก 10 ล้านคน แล้ว Netflix จะเดินเกมอย่างไร? / โดย ลงทุนแมน
ล่าสุด Disney+ แพลตฟอร์ม Video Streaming ใหม่จากค่าย Disney
เปิดตัวไปได้วันเดียวก็มีสมาชิกถึง 10 ล้านคน
เมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้หุ้นของ Disney ก็บวก 7% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 550,000 ล้านบาทภายในวันเดียว
ซึ่งถือว่าเป็นราคาหุ้นที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท Disney
เรื่องนี้น่าสนใจ
เพราะ Disney+ น่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Netflix ในอนาคต
แล้วในสงคราม Streaming ตอนนี้มีใครบ้าง
แต่ละรายต้องเสียค่าสมาชิกเท่าไร
เรียงลำดับจากแพงสุดไปถูกสุด
HBO Now 453 บาท
Amazon Prime 390 บาท
Netflix 280 บาท
Disney+ 211 บาท
YouTube Premium 159 บาท
Apple TV+ 99 บาท
จะเห็นได้ว่า Disney+ ตั้งราคาที่ต่ำกว่า Netflix
แต่ถ้าเทียบจำนวนคอนเทนต์ที่ให้ดูในตอนนี้
อาจจะต้องบอกว่า Netflix ยังนำ Disney+ อยู่หลายช่วงตัว
อย่างไรก็ตาม Disney+ มีภาพยนตร์และซีรีส์ มากมายที่กำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำรอลงในแพลตฟอร์มในอนาคต ซึ่งในตอนนี้ Disney+ มีภาพยนตร์ 500 เรื่อง และ รายการทีวี 7,500 ตอน ซึ่งรวมแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ The Simpsons, The Avengers, Star Wars และ Toy Story
แต่ก็ยังไม่มากพอ Disney กำลังหาคอนเทนต์มาลงมากกว่านี้อีก โดยทาง Disney วางแผนที่จะเปิดตัวรายการทีวีกว่า 10,000 ตอน ภาพยนตร์มากกว่า 600 เรื่อง และซีรีส์พิเศษอีก 50 เรื่อง ภายในปี 2024
ผลประกอบการล่าสุดของ Walt Disney (ปิดงบเดือนกันยายน)
ปี 2017 มีรายได้ 1,666,240 ล้านบาท กำไร 271,376 ล้านบาท
ปี 2018 มีรายได้ 1,796,095 ล้านบาท กำไร 380,712 ล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้ 2,102,405 ล้านบาท กำไร 334,052 ล้านบาท
โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก
เครือข่ายสื่อโทรทัศน์ 35%
สวนสนุก ผลิตภัณฑ์ต่างๆ 37%
สตูดิโอผลิตคอนเทนต์ 15%
บริการสตรีมมิง, สื่อต่างประเทศ และโฆษณา 13%
ซึ่งแน่นอนว่า Disney หมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้าง Disney+ ให้เป็นรายได้หลักไม่แพ้ช่องทางรายได้อื่น
คิดดูเล่นๆ ว่า ถ้า Disney ได้ค่าสมาชิกเดือนละ 211 บาท แล้ว Disney มีสมาชิก 10 ล้านคน
ก็หมายความว่า Disney จะรับรายได้จากช่องทางนี้เริ่มต้นก็เดือนละ 2,110 ล้านบาท หรือ 25,320 ล้านบาทต่อปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม สมาชิก 10 ล้านคนเริ่มแรกนี้น่าจะมีหลายคนที่ทดลองใช้บริการ ซึ่งอาจยกเลิกในภายหลัง
แล้ว Netflix ผู้เป็นเจ้าตลาดนี้จะทำอย่างไร?
ที่ผ่านมานักวิเคราะห์มองว่า Netflix มีดีที่ ภาพยนตร์ หรือ ซีรีส์ที่ทำขึ้นเอง (Original)
จริงๆ แล้วคู่แข่งที่น่ากลัวของ Netflix ก็คือ Amazon Prime ในสหรัฐอเมริกา ที่มีซีรีส์ของตัวเองไม่แพ้ Netflix
และสิ่งที่เกิดขึ้นคือซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จใน Netflix ก็ไม่ใช่ซีรีส์ที่ Netflix ทำขึ้นเอง แต่กลับกลายเป็นซีรีส์ของสตูดิโอยักษ์ใหญ่เจ้าอื่นที่นับวันสตูดิโอเหล่านั้นจะดึงกลับไปลงแพลตฟอร์มของตัวเอง
ถามว่าข้อได้เปรียบของ Netflix ตอนนี้คืออะไร?
คำตอบอาจจะเปลี่ยนไป เพราะทุกค่ายก็เริ่มทำซีรีส์ของตัวเองทั้งหมด
แต่ข้อได้เปรียบของ Netlifx ก็คือฐานจำนวนสมาชิกที่มากที่สุดในโลกตามแต่ละประเทศ
ทำให้ Netflix ได้เปรียบเรื่องความเป็นนานาชาติในแพลตฟอร์ม
เมื่อไปดูจำนวนสมาชิก
ตอนนี้ Netflix มีจำนวนสมาชิก 158 ล้านคน ซึ่ง 60 ล้านคนอยู่ในสหรัฐอเมริกา
จะเห็นได้ว่าสมาชิกนอกสหรัฐอเมริกาของ Netflix มีเยอะมาก
เยอะจนเรียกได้ว่า Netflix เป็นแพลตฟอร์มระดับโลก
ที่ไม่เหมือนแพลตฟอร์ม Streaming เจ้าอื่น
ตอนนี้ Netflix จึงพยายามใช้โมเดลในการซื้อซีรีส์ท้องถิ่นจากประเทศต่างๆ มาเสริมการทำ Original แบบเดิม
เราจะได้เห็น ละครช่อง 3 เข้าไปอยู่ใน Netflix
ประเทศอื่นมีโอกาสได้ดูละครไทย ภาพยนตร์ไทย
และเรามีโอกาสได้ดูซีรีส์จากทางฝั่งยุโรป เกาหลี หรือแม้แต่ การ์ตูนอนิเมะจากญี่ปุ่น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ Disney+ และ Amazon Prime ยังไม่มี
นั่นหมายความว่า Netflix กำลังเดินเกมความหลากหลาย และความเป็นนานาชาติ ที่ตอนนี้ตนเองได้เปรียบอยู่
ก็ต้องติดตามกันว่า คนจะสนใจภาพยนตร์และซีรีส์ ที่มีความเป็นอเมริกันมากๆ จากฝั่ง Disney+ หรือ ความหลากหลายจากฝั่ง Netflix
แต่ที่แน่ๆ ผู้บริโภคอย่างเราๆ มีตาแค่คู่เดียว ซึ่งคงต้องเลือกไม่อันใดก็อันหนึ่ง..
ปิดท้ายด้วยคำพูดของ รีด ฮาสติงส์ CEO ของ Netflix
ที่กล่าวถึงสถานการณ์ สงครามนองเลือดของอุตสาหกรรม Video Streaming ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ยอดสมาชิก ไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ถูกต้องว่าใครเป็นผู้ชนะ
เวลาที่ผู้ชมใช้ไปกับการดู Video Streaming ต่างหากที่สำคัญกว่า”..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://finance.yahoo.com/…/disney-streaming-reached-10-mil…
-https://www.cnbc.com/…/disney-10-million-subscribers-vs-com…
-https://www.fool.com/…/disney-stock-surges-new-high-disney-…
-Financial Report_2019
同時也有13部Youtube影片,追蹤數超過13萬的網紅MARK O'DEA,也在其Youtube影片中提到,It's time for another Coronavirus / Covid-19 / Quarantine related song to keep our morale up! This time I have dubbed over one of my favorite Disney S...
「netflix stock」的推薦目錄:
- 關於netflix stock 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於netflix stock 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於netflix stock 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於netflix stock 在 MARK O'DEA Youtube
- 關於netflix stock 在 Ketchup Jo Youtube
- 關於netflix stock 在 Ketchup Jo Youtube
- 關於netflix stock 在 Jim Cramer breaks down Netflix stock plunge on subscriber ... 的評價
- 關於netflix stock 在 Rave - Watch Netflix, YouTube, Disney+, Prime & more ... 的評價
netflix stock 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
Disney+ เปิดตัววันแรก ได้สมาชิก 10 ล้านคน แล้ว Netflix จะเดินเกมอย่างไร? / โดย ลงทุนแมน
ล่าสุด Disney+ แพลตฟอร์ม Video Streaming ใหม่จากค่าย Disney
เปิดตัวไปได้วันเดียวก็มีสมาชิกถึง 10 ล้านคน
เมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้หุ้นของ Disney ก็บวก 7% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 550,000 ล้านบาทภายในวันเดียว
ซึ่งถือว่าเป็นราคาหุ้นที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัท Disney
เรื่องนี้น่าสนใจ
เพราะ Disney+ น่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ Netflix ในอนาคต
แล้วในสงคราม Streaming ตอนนี้มีใครบ้าง
แต่ละรายต้องเสียค่าสมาชิกเท่าไร
เรียงลำดับจากแพงสุดไปถูกสุด
HBO Now 453 บาท
Amazon Prime 390 บาท
Netflix 280 บาท
Disney+ 211 บาท
YouTube Premium 159 บาท
Apple TV+ 99 บาท
จะเห็นได้ว่า Disney+ ตั้งราคาที่ต่ำกว่า Netflix
แต่ถ้าเทียบจำนวนคอนเทนต์ที่ให้ดูในตอนนี้
อาจจะต้องบอกว่า Netflix ยังนำ Disney+ อยู่หลายช่วงตัว
อย่างไรก็ตาม Disney+ มีภาพยนตร์และซีรีส์ มากมายที่กำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำรอลงในแพลตฟอร์มในอนาคต ซึ่งในตอนนี้ Disney+ มีภาพยนตร์ 500 เรื่อง และ รายการทีวี 7,500 ตอน ซึ่งรวมแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ The Simpsons, The Avengers, Star Wars และ Toy Story
แต่ก็ยังไม่มากพอ Disney กำลังหาคอนเทนต์มาลงมากกว่านี้อีก โดยทาง Disney วางแผนที่จะเปิดตัวรายการทีวีกว่า 10,000 ตอน ภาพยนตร์มากกว่า 600 เรื่อง และซีรีส์พิเศษอีก 50 เรื่อง ภายในปี 2024
ผลประกอบการล่าสุดของ Walt Disney (ปิดงบเดือนกันยายน)
ปี 2017 มีรายได้ 1,666,240 ล้านบาท กำไร 271,376 ล้านบาท
ปี 2018 มีรายได้ 1,796,095 ล้านบาท กำไร 380,712 ล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้ 2,102,405 ล้านบาท กำไร 334,052 ล้านบาท
โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก
เครือข่ายสื่อโทรทัศน์ 35%
สวนสนุก ผลิตภัณฑ์ต่างๆ 37%
สตูดิโอผลิตคอนเทนต์ 15%
บริการสตรีมมิง, สื่อต่างประเทศ และโฆษณา 13%
ซึ่งแน่นอนว่า Disney หมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้าง Disney+ ให้เป็นรายได้หลักไม่แพ้ช่องทางรายได้อื่น
คิดดูเล่นๆ ว่า ถ้า Disney ได้ค่าสมาชิกเดือนละ 211 บาท แล้ว Disney มีสมาชิก 10 ล้านคน
ก็หมายความว่า Disney จะรับรายได้จากช่องทางนี้เริ่มต้นก็เดือนละ 2,110 ล้านบาท หรือ 25,320 ล้านบาทต่อปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม สมาชิก 10 ล้านคนเริ่มแรกนี้น่าจะมีหลายคนที่ทดลองใช้บริการ ซึ่งอาจยกเลิกในภายหลัง
แล้ว Netflix ผู้เป็นเจ้าตลาดนี้จะทำอย่างไร?
ที่ผ่านมานักวิเคราะห์มองว่า Netflix มีดีที่ ภาพยนตร์ หรือ ซีรีส์ที่ทำขึ้นเอง (Original)
จริงๆ แล้วคู่แข่งที่น่ากลัวของ Netflix ก็คือ Amazon Prime ในสหรัฐอเมริกา ที่มีซีรีส์ของตัวเองไม่แพ้ Netflix
และสิ่งที่เกิดขึ้นคือซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จใน Netflix ก็ไม่ใช่ซีรีส์ที่ Netflix ทำขึ้นเอง แต่กลับกลายเป็นซีรีส์ของสตูดิโอยักษ์ใหญ่เจ้าอื่นที่นับวันสตูดิโอเหล่านั้นจะดึงกลับไปลงแพลตฟอร์มของตัวเอง
ถามว่าข้อได้เปรียบของ Netflix ตอนนี้คืออะไร?
คำตอบอาจจะเปลี่ยนไป เพราะทุกค่ายก็เริ่มทำซีรีส์ของตัวเองทั้งหมด
แต่ข้อได้เปรียบของ Netlifx ก็คือฐานจำนวนสมาชิกที่มากที่สุดในโลกตามแต่ละประเทศ
ทำให้ Netflix ได้เปรียบเรื่องความเป็นนานาชาติในแพลตฟอร์ม
เมื่อไปดูจำนวนสมาชิก
ตอนนี้ Netflix มีจำนวนสมาชิก 158 ล้านคน ซึ่ง 60 ล้านคนอยู่ในสหรัฐอเมริกา
จะเห็นได้ว่าสมาชิกนอกสหรัฐอเมริกาของ Netflix มีเยอะมาก
เยอะจนเรียกได้ว่า Netflix เป็นแพลตฟอร์มระดับโลก
ที่ไม่เหมือนแพลตฟอร์ม Streaming เจ้าอื่น
ตอนนี้ Netflix จึงพยายามใช้โมเดลในการซื้อซีรีส์ท้องถิ่นจากประเทศต่างๆ มาเสริมการทำ Original แบบเดิม
เราจะได้เห็น ละครช่อง 3 เข้าไปอยู่ใน Netflix
ประเทศอื่นมีโอกาสได้ดูละครไทย ภาพยนตร์ไทย
และเรามีโอกาสได้ดูซีรีส์จากทางฝั่งยุโรป เกาหลี หรือแม้แต่ การ์ตูนอนิเมะจากญี่ปุ่น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ Disney+ และ Amazon Prime ยังไม่มี
นั่นหมายความว่า Netflix กำลังเดินเกมความหลากหลาย และความเป็นนานาชาติ ที่ตอนนี้ตนเองได้เปรียบอยู่
ก็ต้องติดตามกันว่า คนจะสนใจภาพยนตร์และซีรีส์ ที่มีความเป็นอเมริกันมากๆ จากฝั่ง Disney+ หรือ ความหลากหลายจากฝั่ง Netflix
แต่ที่แน่ๆ ผู้บริโภคอย่างเราๆ มีตาแค่คู่เดียว ซึ่งคงต้องเลือกไม่อันใดก็อันหนึ่ง..
ปิดท้ายด้วยคำพูดของ รีด ฮาสติงส์ CEO ของ Netflix
ที่กล่าวถึงสถานการณ์ สงครามนองเลือดของอุตสาหกรรม Video Streaming ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ยอดสมาชิก ไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ถูกต้องว่าใครเป็นผู้ชนะ
เวลาที่ผู้ชมใช้ไปกับการดู Video Streaming ต่างหากที่สำคัญกว่า”..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://finance.yahoo.com/news/disney-streaming-reached-10-million-172138033.html
-https://www.cnbc.com/2019/11/13/disney-10-million-subscribers-vs-competition.html
-https://www.fool.com/investing/2019/11/13/disney-stock-surges-new-high-disney-plus-subs.aspx
-Financial Report_2019
netflix stock 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
บริษัทเทคโนโลยี กำลังเจอศึกรอบด้าน /โดย ลงทุนแมน
หลายปีที่ผ่านมา หลายคนคงได้เห็นการดิสรัปต์ของบริษัทเทคโนโลยีรุ่นใหม่
ที่ได้ส่งผลกระทบรุนแรง จนบริษัทยักษ์ใหญ่ดั้งเดิมบางแห่งปรับตัวไม่ทัน
เช่น Netflix บริการดูหนังสตรีมมิง ที่เข้ามาทดแทนการเช่าแผ่นซีดีจากร้าน Blockbuster
หรือ Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์
ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งเม็ดเงินค่าโฆษณามหาศาล
และสามารถทำรายได้จากค่าโฆษณาระดับ 8 แสนล้านบาทต่อปี
ธุรกิจเหล่านี้ ทำให้หลายบริษัทในอุตสาหกรรมดั้งเดิมอย่างหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์
ได้รับผลกระทบโดยตรง และหลายรายก็ต้องล้มหายตายจากไป
แม้ว่าเมื่อก่อน บริษัทเหล่านี้จะดิสรัปต์ธุรกิจเดิมจนก้าวขึ้นมาเป็นยักษ์ใหญ่ในปัจจุบัน
แต่สถานการณ์ตอนนี้ ดูเหมือนกับว่าบริษัทที่กล่าวมาทั้งหมด
มีขนาดใหญ่จนหลายธุรกิจทับซ้อนกันและกำลังแข่งขันกันเอง
แล้วความท้าทายที่บริษัทเทคโนโลยีต้องเจอ มีอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ช่วงแรกสำหรับการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยี
ส่วนใหญ่จะเป็นการเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดภายในอุตสาหกรรมเดิม
ด้วยการหาสินค้าและบริการที่ช่วยแก้ปัญหาให้ผู้บริโภคในส่วนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
และด้วยความที่เป็นบริษัทเทคโนโลยี การขยายธุรกิจจึงทำได้อย่างรวดเร็ว
พอถึงจุดหนึ่ง พบว่าตัวเองได้กลายเป็นบริษัทขนาดยักษ์ในอุตสาหกรรมเสียแล้ว
สะท้อนมาจากบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุด 5 อันดับแรกของโลก
อันดับที่ 1 Apple
อันดับที่ 2 Microsoft
อันดับที่ 3 Saudi Aramco
อันดับที่ 4 Amazon
อันดับที่ 5 Alphabet เจ้าของ Google และ YouTube
จะเห็นได้ว่าจาก 4 ใน 5 บริษัทเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทั้งสิ้น
และหากเราไปดูอัตราการเติบโตของบริษัทเหล่านี้ ก็จะเรียกได้ว่าเติบโตแบบก้าวกระโดด
คำถามต่อมาคือ บริษัทควรจะทำอย่างไรต่อ
ในเมื่อธุรกิจเริ่มใหญ่ขึ้น แต่มีทรัพยากรให้ใช้อีกมากมาย
คำตอบที่ได้ จึงเป็นการข้ามไปแข่งขันในอุตสาหกรรมอื่น
โดยการใช้ Ecosystem ของตัวเองให้เป็นประโยชน์ นั่นจึงกลายเป็นที่มาว่า
ทำไมเหล่าบริษัทเทคโนโลยีหลังจากสำเร็จแล้ว ก็จะเริ่มเข้าไปแข่งขันกันเอง
เช่น Facebook ที่เริ่มต้นจากการเป็นแพลตฟอร์มสังคมออนไลน์
ซึ่งเมื่อก่อนนั้นมีรายได้จากค่าโฆษณาที่เป็นรูปภาพและตัวอักษรเท่านั้น
แต่บริษัทเองเห็นว่าโฆษณาแบบเดิมใหญ่มากแล้ว
จึงต้องหาช่องทางรายได้เพิ่มเติม
และพบว่าโฆษณาวิดีโอสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกเยอะ
Facebook ขยับมาสู่การสร้าง Ecosystem ให้กับเหล่าผู้ผลิตคอนเทนต์วิดีโอ
โดยมีฐานผู้ใช้งานในมือหลายพันล้านบัญชีอยู่แล้ว
การที่ Facebook เข้ามาทำแบบนี้ ก็ถือเป็นการเข้ามาแย่งส่วนแบ่งและเป็นการแข่งขันกับ YouTube ทันที
และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ Facebook ได้เพิ่มฟังก์ชันใหม่ขึ้นมาคือ Marketplace รวมถึง Dating
แสดงให้เห็นว่าทางบริษัทกำลังขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมอื่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่ว่าทำไมสุดท้ายบริษัทเทคโนโลยีต่างต้องแข่งขันกัน
หรืออย่างบริษัท SEA เองที่เริ่มต้นจากการทำธุรกิจ Garena ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเกม
แต่ต่อมาก็ได้รุกเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ ด้วยแพลตฟอร์ม Shopee
และขณะนี้บริษัทก็เริ่มจริงจังกับธุรกิจการเงินอย่าง AirPay ซึ่งเพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น ShopeePay
Alibaba และ Tencent ในประเทศจีนก็ไม่ต่างกัน
แม้ว่าเริ่มแรกทั้งคู่จะทำธุรกิจไม่เหมือนกัน
Alibaba เริ่มจากการเป็นอีคอมเมิร์ซ
Tencent เน้นเกมออนไลน์และแอปพลิเคชัน WeChat
แต่ภายหลัง Alibaba และ Tencent กำลังเข้ามาแข่งธุรกิจในพื้นที่เดียวกันทั้งทางอ้อมและทางตรง
ในปี 2013 Alibaba มีส่วนแบ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ 62%
แต่ปีที่แล้วกลับลดลงเหลือเพียง 51%
เหตุผลสำคัญก็เพราะว่าการเติบโตของ Pinduoduo และ JD.com
อีคอมเมิร์ซที่ได้รับเงินระดมทุนจาก Tencent กำลังเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะ Pinduoduo ที่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
หากย้อนกลับไปในปี 2018 Pinduoduo มียอดขายคิดเป็นราว 4% ของ Alibaba เท่านั้น
แต่ในปีที่ผ่านมา ยอดขายของ Pinduoduo ขยับมาเป็น 10% ของ Alibaba เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ Alipay กับ WeChat Pay ของ Tencent
ก็ยังแข่งขันกันในธุรกิจกระเป๋าเงินดิจิทัลโดยตรง อีกด้วย
ซึ่งนอกจากการแข่งขันกันในเชิงธุรกิจแล้ว
กฎเกณฑ์ข้อบังคับระหว่างบริษัทก็เริ่มมีการควบคุมที่เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน
ในกรณีของ Apple ก็ได้ให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะทำการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลของตนจากแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง Facebook หรือไม่
จุดนี้จะทำให้ประสิทธิภาพของโฆษณาบน Facebook ลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อีกความท้าทายที่เห็นได้ชัดก็ยังมีเรื่องของ การกลับมาของบริษัทยักษ์ใหญ่เดิม
หลังจากที่เหล่าบริษัทยักษ์ใหญ่ดั้งเดิม
โดนบริษัทเทคโนโลยีน้องใหม่เข้ามาดิสรัปต์เป็นเวลานาน
บางบริษัทที่สามารถปรับตัวและอยู่รอดได้
ก็เหมือนจะกำลังรุกกลับและปรับตัวให้เข้าแข่งขันได้อีกครั้ง
อย่าง Disney เองหลังจากปล่อยให้ Netflix
นำคอนเทนต์ของทางบริษัทไปให้บริการอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง
ปัจจุบัน Disney ก็ได้ลุกขึ้นมาพัฒนาธุรกิจสตรีมมิงเป็นของตัวเอง
จนกลายมาเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่เรียกว่า “Disney+”
ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด จนตอนนี้มีผู้สมัครใช้บริการ 100 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับจุดแข็งของบริษัทเก่าแก่ขนาดใหญ่ ก็คือ ความสามารถในการเข้าถึงเงินทุนและฐานะทางการเงินที่มั่นคง
ในกรณีของ Disney ที่มีหนี้สินระยะยาวต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 0.5 เท่า
ในขณะที่ Netflix มีหนี้ระยะยาวต่อทุนสูงถึง 1.4 เท่า
สะท้อนให้เห็นว่า Disney ยังมีความสามารถในการจัดหาเงินทุนเพื่อขยายกิจการได้อีกมากในอนาคต
นอกจากนี้ Disney ยังมี Ecosystem ที่ครบวงจรอีกด้วย
เช่น สวนสนุก โรงแรม สื่อต่าง ๆ อย่าง ABC ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ช่องฟรีทีวีใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
รวมถึงลิขสิทธิ์ต่าง ๆ อีกมากมาย ทั้ง Marvel, Star Wars และ Pixar
และสิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
จากตรงนี้ ก็ดูเหมือนว่าตอนนี้ Netflix อาจจะเจอกับการตีกลับครั้งใหญ่เข้าให้แล้ว
นอกจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้ว
อุตสาหกรรมค้าปลีกและค้าส่งก็เป็นเช่นเดียวกัน
ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้เหล่าค้าปลีกแบบดั้งเดิม
อย่างบริษัทยักษ์ใหญ่ Walmart สามารถเข้ามาตีตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายขึ้น
ถือเป็นเรื่องน่ากังวลที่เหล่าบริษัทเทคโนโลยีต้องรับมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ดั้งเดิม
ที่มีความได้เปรียบทั้งด้านฐานะการเงินของบริษัทและ Ecosystem เดิมของตน
ศึกรอบด้านของบริษัทเทคโนโลยียังไม่ได้หมดเพียงแค่นี้
เพราะ “กฎหมายของแต่ละประเทศ” ก็เป็นอีกประเด็นที่เริ่มถูกพูดถึงกันมากขึ้น
นั่นก็เพราะว่าบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งใหญ่จนเรียกได้ว่าผูกขาด
อุตสาหกรรมนั้นไปโดยปริยาย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลก
ก็เริ่มเข้ามาออกเกณฑ์การควบคุมเพื่อลดปัญหาดังกล่าว
เช่น สหภาพยุโรปกำลังตรวจสอบอำนาจการผูกขาดของเหล่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่
ประเทศออสเตรเลียเองก็เพิ่งออกกฎหมายบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีต้องจ่ายเงิน
สำหรับการแชร์เนื้อหาข่าวสารต่าง ๆ
ทางฝั่งประเทศจีน รัฐบาลกำลังเข้ามาควบคุมการผูกขาดของบริษัทเทคขนาดใหญ่เช่นกัน
เช่น Alibaba ที่เพิ่งถูกรัฐบาลสั่งปรับเงินครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีน
คิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 8.8 หมื่นล้านบาท
จากการที่ Alibaba บังคับให้เหล่าร้านค้าในแพลตฟอร์มของตน ไม่สามารถไปขายกับแพลตฟอร์มอื่นได้
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ก็ยังมีเรื่องของ Ant Group บริษัท Fintech ในเครือ Alibaba
ที่ถูกรัฐบาลสั่งระงับการ IPO จากการที่รัฐกลัวเสียอำนาจในการควบคุมธุรกิจการเงินในประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่กำลังโดนรัฐบาลไล่ตรวจสอบเรื่องการผูกขาด
ก็ยังมี Tencent, ByteDance, JD.com และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมแล้วถึง 34 บริษัทเลยทีเดียว
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าบริษัทเทคโนโลยีในตอนนี้
นอกจากจะต้องแข่งขันกันเองแล้ว ก็ยังต้องมาเผชิญกับธุรกิจดั้งเดิม
ที่สามารถปรับตัวและกลับเข้ามาร่วมแข่งขัน
รวมถึงกฎเกณฑ์จากทางภาครัฐในแต่ละประเทศ เช่นกัน
ก็ดูเหมือนว่า เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เพียงผลกระทบระยะสั้นเหมือนกับโรคระบาดที่มาแล้วก็ไป
แต่อาจจะกลายมาเป็นศึกรอบทิศทางของบริษัทเทคโนโลยี
ที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไร กว่าศึกนี้จะจบลง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://backlinko.com/disney-users
-https://www.economist.com/business/2021/02/27/the-new-rules-of-competition-in-the-technology-industry
-https://www.jitta.com/stock/nasdaq:pdd/factsheet
-https://www.jitta.com/stock/nyse:baba/factsheet
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-04-10/china-fines-alibaba-group-2-8-billion-in-monopoly-probe
-https://www.jitta.com/stock/nasdaq:nflx/financial
-https://www.jitta.com/stock/nyse:dis/financial
-https://www.economist.com/business/2021/05/20/how-to-thrive-in-the-shadow-of-giants
netflix stock 在 MARK O'DEA Youtube 的評價
It's time for another Coronavirus / Covid-19 / Quarantine related song to keep our morale up! This time I have dubbed over one of my favorite Disney Scenes - Under The Sea from The Little Mermaid! ENJOY!!! Instagram @markodea8
----------------------------------------------------------------------------------------------------
Don't forget to subscribe for more silly videos!
Lyrics
I can't take self isolation anymore
I need some fresh air, and to be free!
Come back now!
Ariel listen to me
The outside world is a mess
Life in isolation is more fun than you think
The outdoors may look much greener
But right now it is not safe
You dream about going out there
But that is a big mistake
Just look at the world around us
People coughing everywhere
You don't want to catch this virus
So you've got to stay right here
In quarantine
From COVID-19
It's way more cleaner
Germs cant come near ya
Take it from me
Out on the streets, you cannot play
Cos you must stay two metres away
Self isolation helps save the nation
In quarantine
We don't have to put on lipstick
Cos we're not allowed to kiss
Just stay in and binge on Netflix
Or you'll end up like this fish
Poor Freddie went outside today
He thought he could break the law
But now he don't feel okay
I should have just stayed indoors
In quarantine
Keep your hands clean
You can wear no clothes
You won't feel exposed
Enjoy and be free
Tidy our bedroom learn to cook
If you get bored then read a book
Skype all your buddies
Do online studies
In quarantine
Stock up toilet paper
You'll need that for later
But don't take from me
Wash those hands daily
Sanitize greatly
Keep social distance
To save our existence
Life in isolation
Can help save the nation
From COVID-19
IG: www.instagram.com/markodea8
FB: https://www.facebook.com/markodea8/
netflix stock 在 Ketchup Jo Youtube 的評價
แกะกล่องของใหม่!!! วันนี้ผมได้ชวนเพื่อนมาเปิดใช้ทีวีเครื่องใหม่ด้วยกัน!! LG55C7T รุ่นใหม่ล่าสุดจาก LG มาดูกันว่ามีฟังก์ชั่นอะไรที่ใหม่และน่าสนใจบ้าง ถึงทำให้ผมตัดสินใจซื้อกลับมา!!! ft. Tung TV & TumRaiD
รายละเอียดทีวี: http://www.lg.com/th/tv/lg-OLED55C7T
ผมลงคลิปใหม่ทุกอาทิตย์นะครับ ?
Make sure to subscribe! ◆ https://www.youtube.com/KetchupJo
ถ้าคุณชอบคลิปนี้ อย่าลืมกดติดตามนะครับ ◆ https://www.youtube.com/KetchupJo
Don't forget to follow me on Facebook, and subscribe on Youtube
อย่าลืมติดตามผมในเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และ ยูทูป
Facebook ► https://www.facebook.com/ketchupjow/
Instagram ► ketchup_jo
Music: Road Trip - Joakim Karud
สนใจติดต่อเรื่องการลงโฆษณาหรือการร่วมงานเท่านั้น กรุณาติดต่อ
► Email: ketchupjow@gmail.com
► Post: ตู้ ป.ณ. 25 ปณจ. จรเข้บัว กรุงเทพฯ 10230
For business or stock footage inquires ONLY contact me via Email: ketchupjow@gmail.com
netflix stock 在 Ketchup Jo Youtube 的評價
ทดสอบไหวพริบ!! คุณจะจำ logo application ต่างๆในโทรศัพท์ที่คุ้นเคยได้ดีแค่ไหน ผมเชื่อว่าหลายๆคน จำได้เกือบหมด และมีอีกหลายคนที่ยังสับสนอยู่ว่าอันไหนคือของจริง และอันไหนคือของปลอม!! พร้อมแล้วไปทดสอบกันได้เลย!!!
#ทดสอบ #จับผิดภาพ #ketchupjo
ผมลงคลิปใหม่ทุกอาทิตย์นะครับ ?
Make sure to subscribe! ◆ https://www.youtube.com/KetchupJo
ถ้าคุณชอบคลิปนี้ อย่าลืมกดติดตามนะครับ ◆ https://www.youtube.com/KetchupJo
Don't forget to follow me on Facebook, Instagram
and subscribe on Youtube
อย่าลืมติดตามผมในเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และ ยูทูป
Facebook ► https://www.facebook.com/ketchupjow/
Instagram ► ketchup_jo
สนใจติดต่อเรื่องการลงโฆษณาหรือการร่วมงานเท่านั้น กรุณาติดต่อ
► Email: ketchupjow@gmail.com
For business or stock footage inquires ONLY contact me via
Email: ketchupjow@gmail.com
?????คำเตือน ?????
วิดีโอที่คุณกำลังชมนี้ทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์สำหรับ"ความบันเทิง”เท่านั้น
เนื้อหาต่างๆที่ทำขึ้น เพื่อให้ผู้ชมสามารถนำเอาไปต่อยอดเพื่อการเรียนรู้
โดยไม่ใช่บทสรุปหรือข้ออ้างอิงทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด
แต่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่เกิดจากการลองผิดลองถูกส่วนตัว
หากผู้ใดนำไปทดลองหรือทำตามแล้วเกิดความเสียหายใดๆ
ทาง Ketchup Jo จะไม่มีส่วนในความรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น
โปรดรับชมด้วยวิจารณญาณ
และให้คำแนะนำแก่บุตรหลานของท่านในการรับชม
netflix stock 在 Rave - Watch Netflix, YouTube, Disney+, Prime & more ... 的八卦
Text and talk while enjoying Netflix, Amazon Prime, Disney+, HBO MAX, and YouTube together with friends. Watch your favorite movies and shows in perfect ... ... <看更多>
netflix stock 在 Jim Cramer breaks down Netflix stock plunge on subscriber ... 的八卦
CNBC's Jim Cramer and the 'Squawk on the Street' team break down shares of Netflix, which are trading lower after the streaming company ... ... <看更多>