ทุกอย่างมี 2 ด้านให้เราคิดเสมอ ..ลองอ่านดูนะ เค้าเขียนดี
การช่วยเหลือที่ถ้ำหลวงในครั้งนี้ จริงอยู่เราสูญเสียทรัพยากรมากมาย เพื่อกอบกู้ 13 ชีวิต
แต่ทำไมนะ ผมคิดว่าทุกอย่างที่เราเสียไป มันไม่ใช่เสียเปล่า แต่เราได้อะไรกลับคืนมา มากมายเหลือเกินจากเหตุการณ์นี้
1) ท่ามกลางปัญหา เราได้เห็นว่า ประเทศไทยมีคนที่ความสามารถในการจัดการได้ดี และมีความเป็นผู้นำสูงมาก อย่างท่านผู้ว่าฯเชียงราย เมื่อเกิดเหตุ ท่านวางแผน และจัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นว่า คนที่จะมาถึงตำแหน่งนี้ได้ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
2) เราได้เห็น ความเด็ดขาดของผู้ว่า โดยเฉพาะที่บอกว่า คนที่อยากมาช่วย ใครอยากมาก็มาได้ แต่ต้องมาถกหลักการกันก่อน ว่าสิ่งที่นำเสนอมันทำได้หรือไม่ หรือว่าเป็นไอเดียที่จะถ่วงทีมให้ช้าลง ไม่ใช่ว่าคนที่อยากช่วยจะมีประโยชน์ทั้งหมด ซึ่งผู้มีอำนาจเด็ดขาด ต้องเลือกใช้คนให้ถูก ไม่ใช่รับความช่วยเหลือไปเสียทุกอย่าง
3) แน่นอน ใครๆก็รู้ว่าการค้นหาเด็กให้พบคือสิ่งสำคัญ แต่ ผู้ว่าฉลาดมาก ที่ให้ความสำคัญก่อนกับ "คนที่เข้าไปช่วย" อะไรที่เสี่ยงภัย เช่น ดำน้ำในสภาวะเสี่ยงเกินไป หรือ การเสี่ยงว่ายน้ำโดยมีโอกาสเสี่ยงไฟดูดไฟช็อต ผู้ว่าจะไม่ยอมให้หน่วยซีลลงน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว การช่วยหนึ่งคน ไม่ได้แปลว่าต้องเอาชีวิตของอีกคนเข้าไปแลก
4) เราได้เห็นว่า กลยุทธ์อะไรก็ตาม ต้องมีแผนสำรองอยู่เสมอ ในตอนแรกแผนดั้งเดิม คือให้หน่วยซีล เข้าถ้ำไปเรื่อยๆ เพื่อไปหาทั้ง 13 คนที่ติดถ้ำ แต่สุดท้าย เราก็มีแผนสอง คือตรวจเช็กปล่องด้านบนภูเขา ว่าจะสามารถหย่อนตัว ทะลุถึงถ้ำได้เลยหรือไม่ และแผนสามคือไอเดียการเจาะภูเขา การไปถึงจุดหมาย ไม่จำเป็นต้องมีแผนเดียว แต่การเปิดรับทุกหนทางที่เป็นไปได้ ก็ยิ่งมีโอกาสไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้น
5) เราได้รู้จักหน่วยซีล ว่าคืออะไร บางคนไม่รู้เลยว่าที่ไทยก็มีด้วย ได้รู้ว่า SEAL ย่อจาก (SEa - Air - Land) คือหน่วยรบที่ปฏิบัติงานได้ทั้งในทะเล บนอากาศ และภาคพื้นดิน เป็นหน่วยทหารที่มีสภาพร่างกายแข็งแกร่ง ผ่านการฝึกหฤโหด และในยามคับขัน ความยอดเยี่ยมของหน่วยซีล ก็สามารถเป็นประโยชน์กับภารกิจได้
6) เราได้รู้จักภูมิศาสตร์ของประเทศไทยมากขึ้น หลายคนรู้จักถ้ำหลวงเป็นครั้งแรก ได้รู้ว่าขุนน้ำนางนอนอยู่ตรงไหน ได้รู้ว่าเชียงรายก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแบบนี้ด้วย ได้รู้จักคำว่า "ถ้ำ" ในความหมายใหม่ บางถ้ำมันยาวเป็นกิโล และคดเคี้ยวเหมือนเขาวงกต
7) เราได้ความรู้เรื่องการเอาชีวิตรอดมากขึ้น ได้รู้จัก "กฎ 333" ว่าในภาวะใดบ้างที่คุณจะมีชีวิตรอดได้ คือ ขาดอากาศหายใจได้ 3 นาที , ขาดน้ำดื่มได้ 3 วัน , ขาดอาหารได้ 3 สัปดาห์ ถ้ามากกว่านี้ก็จะตาย (แต่แน่นอนนี่เป็นแค่กฎคร่าวๆไม่ได้ใช้ได้กับทุกคน) ได้ความรู้ว่า แม้จะไม่มีอาหาร แต่ร่างกายมนุษย์ สามารถดึงพลังงานสำรองที่สะสมในรูปไขมันมาใช้ได้
8) เราได้เห็นความเสียสละของคนในพื้นที่ ยอมให้สูบน้ำเข้าเทือกสวนไร่นา ทั้งๆที่พวกเขาเริ่มทำกสิกรรมกันแล้ว ไม่มีใครอยากทำให้ตัวเองวุ่นวาย และเสียผลประโยชน์ แต่สุดท้าย เมื่อมันเป็นเรื่องความเป็นความตาย ทุกคนเข้าใจดี ซึ่งนี่คือการเสียสละอย่างแท้จริง
9) เราได้เห็นความสามารถของสื่อมวลชน ในเงื่อนไขที่จำกัด ไม่มีอะไรพร้อมสักอย่าง คุณสามารถนำเสนอให้ สื่อของตัวเองมีความน่าสนใจได้ หรือไม่ คุณมีมุมมองที่เฉียบขาดมากกว่าที่อื่นหรือเปล่า และที่สำคัญ คุณจะเคารพกติกาที่เจ้าหน้าที่ตั้งไว้ หรือจะกล้าแหกกฎเพื่อได้ข่าวที่เหนือกว่าช่องอื่น
10) เราได้เห็น ทักษะการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีประสิทธิภาพ อย่างทวิตเตอร์ของ Mthai การนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็วฉับไว ไม่ต้องสร้างดราม่า ก็สร้างความนิยมได้เช่นเดียวกัน
11) เราได้รู้ว่า สิ่งที่เราหวัง สิ่งที่เราคิด กับสิ่งที่เกิดขึ้นหน้างาน มันไม่เหมือนกันเลย หลายๆอย่างเราคิดได้ แต่ในสถานการณ์จริงมันทำไม่ได้ มีคนบอกว่า ทำไมเราไม่ห้อยอาหารลอยน้ำไปให้ถึงมือเด็ก มีคนอธิบายว่า เพราะในถ้ำน้ำมันไม่ได้ไหลตรงๆเหมือนแม่น้ำ เอาของลอยน้ำ ก็ไปติดโขดหิน เด็กไม่ได้รับแน่นอน หรือ มีบางคนถามว่าทำไมไม่ระเบิดถ้ำ ก็มีคนอธิบายว่า ระเบิดแล้วถ้าหินถล่มลงมาจนปิดทางเข้าออกทั้งหมดล่ะ แบบนี้เด็กตายเลยไหม เราได้เข้าใจว่า สิ่งที่จินตนาการ มันอาจทำไม่ได้ในชีวิตจริง
12) เราได้รู้ว่า ในสังคมนี้ มีคนอยากเอาหน้ามากมาย บางคน รู้ว่าตัวเองไม่มีทักษะอะไรที่จะช่วยได้ (คือจะบอกว่า มาเป็นกำลังใจ อยู่ตรงไหนก็ส่งใจไปได้จริงไหม) แต่ก็อยากเอาตัวไปให้สื่อได้เห็นว่ามาลงพื้นที่แล้ว ในทางตรงกันข้าม มีคนจำนวนมากยอมทำงานหนักเป็นมดงาน เพื่อให้ภารกิจได้เดินหน้าต่อ แต่คนเหล่านี้ ไม่ได้ต้องการป่าวประกาศใดๆ เขาต้องการผลสำเร็จ ไม่ใช่ชื่อเสียงของตัวเอง
13) เราได้เห็นว่าในประเทศไทย ความเชื่อ กับ วิทยาศาสตร์มันสามารถไปด้วยกันได้อย่างประหลาด ในขณะที่ทีมงานกำลังจะเจาะถ้ำ ก็ยังต้องขออนุญาตจากเจ้าป่าเจ้าเขา หรือขณะที่ เราใช้เทคโนโลยีโดรนที่ล้ำยุคในการช่วยค้นหา แต่อีกด้านเราก็เห็นภาพชาวบ้านกราบไหว้ ครูบาบุญชุ่ม ที่เข้าไปทำพิธีเปิดตา มันเป็นส่วนผสมที่ไม่น่าเชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นกับประเทศไทยจริงๆ
14) เราได้เห็นว่า ในยามที่ทุกคนกำลังสับสน ย่อมมีคนหาโอกาสฉวยผลประโยชน์เสมอ คนที่อ้างให้โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง อ้างขอเงินไปช่วย 13 ชีวิตติดถ้ำ แบบนี้มีเยอะ คนเสพข่าวสารต้องระวังให้ดี อย่าใจดี จนขาดสติ ต้องเช็กให้รอบคอบ เพราะคนชั่วโลกนี้มันมีเยอะ คนแบบนี้ต้องไม่ตายดีแน่
15) เราได้เห็นว่า ทุกความสามารถมีประโยชน์ ช่างไฟฟ้า นักขุดเจาะน้ำบาดาล ช่างต่อท่อ แพทย์ นักปีนเขา ทหาร นักข่าว พ่อครัว ช่างภาพ ล่าม นักวิทยาศาสตร์ ทีมกู้ภัย นักดำน้ำ นักดนตรี นักธรณีวิทยา ฯลฯ ในยามจำเป็น ทุกคนสามารถใช้ทักษะของตัวเอง เพื่อเป้าหมายสูงสุดร่วมกัน มันแสดงให้เห็นว่า ไม่มีอาชีพไหน เหนือกว่าอาชีพไหน ทุกคนสามารถสร้างสรรค์สังคมได้ในทางของตัวเอง
16) เราได้เห็นคนจินตนาการเยอะเหลือเกิน บางคนบอกว่าเด็กไปพัวพันกับคดียาเสพติด บางคนคิดไปขนาดว่า จริงๆเจอตัวเด็กตั้งนานแล้ว แต่ปล่อยออกมาไม่ได้ เพราะกำลังเคลียร์เรื่องยาเสพติดอยู่ มีทฤษฎีสมคบคิดมากมาย แต่สุดท้ายก็เหมือนอย่างที่ผู้ว่าบอกนั่นแหละ "ขอให้งดใช้จินตนาการ" และอย่างที่ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 บอก "ถ้ำหลวงไม่ใช่พื้นที่สีแดง" คือ การคิดเรื่อยเปื่อย มีโทษมากกว่าประโยชน์นะ
17) เราได้เห็นว่า ในช่วง 3-4 วันแรกของเหตุการณ์ทุกคนยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ทุกอย่างชุลมุนไปหมด แต่หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เริ่มมีระบบระเบียบมากขึ้น รถราที่ใครจะขึ้นไปบนเขาก็ได้ โดนกันไว้ด้านล่าง เจ้าหน้าที่จัดรถโดยสาร รับส่งคนขึ้นลง ทำให้การจราจรไม่ติดขัด ขณะที่ ทีมงานก็มีการซักซ้อมอย่างดี ถ้าหากพบเด็กแล้วจะทำอย่างไร ทุกอย่างมีแบบแผนเป็นระบบ ไม่มั่วซั่ว อย่าดูถูกความสามารถของเจ้าหน้าที่เลย เขาก็พยายามทำทุกอย่างให้ง่ายที่สุดต่อการจัดการล่ะ
18) เราได้เห็น น้ำใจของชาวต่างชาติ บางคนมาช่วยผ่านทางรัฐบาลส่งมา บางคนเดินทางมาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน การที่ท่านแสดงถึงน้ำใจที่มี เราขอคารวะทุกท่าน มา ณ ที่นี้ มันทำให้เห็นอีกด้วยว่า ในยามวิกฤติ ไม่มีกำแพงของเชื้อชาติ
19) เราได้รู้ว่าข่าวสารสมัยนี้ไปเร็วมาก เรื่องเกิดแค่ 1 วัน ทั้งโลกรู้แล้วว่ามีเหตุคนติดถ้ำที่ไทย ซึ่งทำให้คนทั้งโลกจับตาดูอยู่ ทุกๆการกระทำ ทุกๆการตัดสินใจ จะเป็นบทพิสูจน์ให้โลกเห็นเลยว่า ประเทศไทย มีฝีมือแค่ไหน ในการรับมือกับปัญหา
20) หลายคนไปด่าเด็ก ว่าเด็กพวกนี้ไม่ควรได้รับการสรรเสริญอะไรทั้งนั้น เป็นเด็กซน แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน คือทำไมใจร้อนรีบด่าจัง ยังไม่รู้ที่มาที่ไปอะไรเลยไม่ใช่หรอ ยังไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องเอาตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์นั้น น้ำขึ้นอย่างไร ต้องเอาตัวรอดแบบไหน ไม่มีใครรู้เหตุการณ์จริงๆเลย ได้แต่คาดเดาไปเรื่อย แล้วการที่ไปต่อว่าเด็กๆแบบนั้น มันยุติธรรมหรือ
21) และสมมติว่า เด็กๆผิดจริง ผมอยากให้คิดแบบนี้ครับ ว่าใน 13 คน (แม้จะมีโค้ชอยู่ก็เถอะ) แต่เด็กๆโดยรวม ส่วนใหญ่อายุระหว่าง 13-16 ปี พวกเขาก็ยังเด็ก ยังไม่มีประสบการณ์ชีวิต ยังทำอะไรไม่ทันคิด ตอนเราเป็นเด็ก เราไม่เคยทำผิดพลาดกันหรอ? เราก็เคยกันทั้งนั้น ผมเชื่อว่าเด็กพวกนี้ เขาเองไม่อยากให้คนอื่นลำบากหรอก เขาแค่ประเมินสถานการณ์ผิดไป ไม่รู้ว่าน้ำมันจะท่วมถ้ำได้ขนาดนั้น ชนิดที่ร้อยวันพันปี ไม่เคยท่วมแบบนี้ ไปมาหลายครั้งก็ไม่เคยเจอท่วม มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้น มันเป็นแจ๊กพ็อตพอดี คือไม่ต้องชมน่ะใช่ ตักเตือนได้ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปด่าเขาเหมือนกัน
22) สิ่งที่แต่ละองค์กรพยายามมอบให้เด็ก อย่างสโมสรเอสซีจี เมืองทองฯ อยากให้ทีมหมูป่า มาดูบอลที่สโมสร และได้โอกาสฝึกกับทีมเยาวชน หรือ สโมสรเชียงราย เตรียมให้ตั๋วดูบอลฟรีตลอดชีวิต มันไม่ใช่การมอบรางวัลให้คนทำผิด แต่มันเป็นการส่งกำลังใจให้ครอบครัวของเด็กต่างหาก ให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนมีแรงใจสู้ต่อว่า เจ้าจงรอดกลับมาเถอะนะ มีสิ่งดีๆรออยู่มากมาย อย่าเพิ่งมาจบชีวิตตอนนี้เลย
23) ใครอยากเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงตาย คุณเอาตั๋วดูบอล มาแลกกับชีวิตทั้งชีวิต เป็นคุณ คุณเอาหรอ มีคนบอกว่า จากนี้ถ้าเด็กคนไหนอยากได้อะไร ก็คงวิ่งไปติดถ้ำ เพื่อให้คนช่วยออกมา แล้วจะได้มีผู้ใหญ่มาให้ของรางวัลมากมาย คือ ก็อยากเห็นเหมือนกัน ว่าใครจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงกับของตอบแทนแบบนี้
24) อีกอย่าง ถ้าเด็ก "รอดชีวิต" จริงๆ การที่พวกเขาติดอยู่ในสถานการณ์ลำบากขนาดนี้ แล้วยังประคับประคองสติ จนรอดชีวิตได้ไม่คลุ้มคลั่งไปก่อน มันก็เป็นเรื่องน่าทึ่งนะ น่านั่งพูดคุยกับเขา ว่าในสถานการณ์บีบคั้น เขาคิดอะไร ถึงรอดตายมาได้ น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับอีกหลายๆคนได้เลย
25) รวมถึงเรื่องสภาพร่างกายด้วย ว่าในสภาพที่มีอาหารน้อย น้ำน้อย ทุกอย่างจำกัดหมด พวกเขามีอาการอย่างไรบ้าง และทำอย่างไรถึงรอดชีวิตมาได้ เป็นประสบการณ์ใหม่ ที่อนาคตถ้ามีคนโชคร้ายเจอเรื่องแบบนี้อีก จะได้พอมีแนวทางว่าต้องทำอย่างไร
26) ในครั้งนี้ ประเทศไทยแลกอะไรไปหลายอย่าง เงินทอง กำลังกาย ทรัพยากร แม้แต่ธรรมชาติ ป่าเขาอยู่ของมันดีๆ ก็จำเป็นต้องถูกตัดไม้ ระเบิดหิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือทุกคนให้รอดปลอดภัย เราเสียอะไรไปเยอะมากจริงๆ
27) แต่สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ก็มากมายเช่นกัน กับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นครั้งแรก ได้ประสบการณ์ ได้ความรู้ ได้อุทาหรณ์ ได้เห็นมุมมองจากคนทุกสาขาอาชีพ และได้เห็นคนทั้งประเทศรวมใจกันเป็นหนึ่ง
28) และเด็กๆ ถ้ารอดมาได้ พวกเขาจะได้รับรู้แน่นอนว่า คนทั้งชาติต้องแลกกับอะไรมาบ้าง เพื่อให้เขามีชีวิตต่อไป เขาจะใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทอีกเลยต่อจากนี้ และทั้ง 13 คน ก็จะกลายเป็นอนาคตของประเทศชาติเราต่อไปในทางใดทางหนึ่ง
29) ที่สำคัญที่สุดอีกข้อคือ เรื่องนี้จะเป็นข้อเตือนใจให้วัยรุ่น และเยาวชนของชาติคนอื่นๆ ให้คิดอ่านอะไรให้รอบคอบมากขึ้น และต้องตระหนักเลยว่า ต้องมีสติให้มาก เพราะเวลาเกิดเรื่องขึ้นมา ไม่ใช่แค่ตัวเองที่ลำบาก พ่อแม่ก็เป็นห่วง แถมคนอีกมากมาย ต้องมาลำบากเพื่อตัวเอง
30) แน่นอน ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว แทนที่จะหัวเสีย ไปโมโหว่า "มันไม่ควรเกิดขึ้นแต่แรก" หรือ "ทำไมเด็กไม่อ่านป้ายคำเตือน" ก็ยอมรับความจริงตรงๆไหมว่ามันเกิดขึ้นแล้ว และ ย้อนคิดดีกว่า ว่าเราจะเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้างจากเหตุการณ์นี้
จริงไหม?
ขอให้ผู้ช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ และผู้ประสบภัยทุกคนปลอดภัย
#ถ้ำหลวง #ทีมหมูป่า #HOPE
The help at tham luang is true. We lost a lot of resources to save 13 lives.
But why? I think everything we lost is not a waste, but we get so much back from this incident.
1) in the midst of problems, we have seen that Thailand has a very high leadership ability to manage and leadership like governor of Chiang Rai. When he quickly planned and manage the problem quickly, it shows that the person who will arrive at this position did not come because Lucky help
2) we have seen the truth of the governor, especially saying that those who want to help. Whoever wants to come, but we have to discuss the principle whether the presentation can do or is the idea to slow down the team, not that the one. If you want to help, it will be useful. All the authority must choose to use the right person, not receive all help.
3) of course, everyone knows that finding children is important, but the governor is very smart to focus on "people who help" something that is dangerous, such as diving in too risky or swimming with a chance to risk of sucking fire. Lot Gov won't let navy seal get into the water, which is right. Helping one doesn't mean taking another person's life in exchange.
4) we have seen that whatever strategy must always have a backup plan. The Original plan is to let navy seals keep going to go to the cave to the cave. But in the end, we have a second plan is to check the crater on top. Whether it can be able to go through the cave. And plan three is the idea of drilling mountains. Reaching the destination doesn't have to have one plan, but opening every possible way, the faster the chance to reach the goal.
5) we have known navy seal what it is. Some people don't know that Thailand also know that seal squat from (Sea-Air-land) is a force that works both in the sea, on air and ground as a military unit. Strong body condition through brutal training and in trouble, the superb of navy seal can benefit the mission.
6) we have known the geography of Thailand more. Many people know tham luang for the first time. We know where the nobleman is sleeping. Know that Chiang Rai also has interesting attractions like this. Know the word "Cave" in some new meaning. The Cave is a kilo long and crooked like a labyrinth.
7) we know more about survival. Know "Rule 333" what condition you can survive is lack of air for 3 minutes, lack of drinking water for 3 days, lack of food. 3 weeks. If more, I will die (but of course, this is just a sketchy rule. It doesn't work for everyone). I have knowledge that even without food, the human body can pull back up energy accumulated in fat.
8) We have seen the sacrifice of local people who allow to smoke water into the field. Even when they start doing karma, no one wants to mess themselves and lose benefit. But in the end, when it's death, everyone understands. Is truly a sacrifice.
9) we have seen the ability of the press in limited terms. Nothing is ready. Can you present to your media interesting? Do you have more sharp views than other places and most importantly, will you respect the rules that the authorities set? I will dare to break the rules to hear above other channels.
10) we have seen effective social networks skills like mthai twitter. Presenting facts, fast, fast, no need to create drama, it can create popularity as well.
11) we know that what we hope, what we think about what happens in front of the event is different. Many things we can think of. But in real situations, we can't do it. Someone says why we don't hang food to float water. A child's hand, someone explained that because in the cave, the oil doesn't flow straight like a river, put the floating stuff, then the water is stuck in the rock. The kid didn't get it for sure. Someone asked why they didn't explode the cave, someone explained that it exploded if All like this. Do kids die? We understand that what I imagine may not be done in real life.
12) we know that there are many people who want to face in this society. Some people know that they don't have any skills to help. (well, I want to say that I'm rooting for you can send my heart. is it true) but I want to give myself to I see that I have come to the area. On the contrary, there are many people who are willing to work hard as an ant to keep the mission to move on. But these people don't want any announcement. They want success,
13) we have seen that in Thailand, faith and science can go together freak together. While the team is about to penetrate the cave, we still need to ask permission from the forest or while we use great drone technology to help find our other side. I saw a picture of villagers paying respect to teacher ba bunchum who went to do an eye opening ceremony. It was an unbelievable combination, but it really happened
14) we have seen that when everyone is confused, there are always a chance to take advantage of those who claim to transfer money to their account claim to help 13 lives in the cave like this. There are many people who use news. Be careful. Don't be kind. I have to check it carefully because there are many people in this world. There are many people like this will not die.
15) we have seen that every ability is useful, electrician, groundwater driller, pipeline, doctor, hiker, soldier, journalist, photographer, photographer, rescue team, rescue team, musician, musician, geologists, etc. Everyone can use their own skills. For a common goal, it shows that no career surpasses any career. Everyone can create society in their own way.
16) we have seen a lot of imaginary people. Some people say that kids are involved in drug cases. Some people think that they have found the kid for a long time, but they can't let it out because they are clearing drugs. There are many conspiracy theories, but What the governor said, " Let's stop using imagination " and as the deputy commander of Phu Thon Police, part 5 says, " Tham Luang is not red area " is to think random. There is more punishable than
17) we saw that during the first 3-4 days of the incident, everyone still couldn't catch the beginning. Everything was commotion. But after that everything started to have more organized system. The car that anyone could go up on the hill got hit below the staff. Bus shuttle people up and down makes traffic from getting stuck while the team has a good practice. If they meet the kid, what to do? Everything has a pattern. Don't underestimate the ability of the officer. He tries to do everything as easy to manage.
18) we have seen the kindness of some foreigners to help through the government. Some people come by themselves. No matter what you show the kindness that we salute everyone here, it makes you see that in crisis, there is no wall of race.
19) we have known that news nowadays is going fast. It's happened for only 1 days. The whole world knows that there is a reason for people in the cave in Thailand which makes the whole world to watch every action, every decision will prove to the world. How skillful is Thailand to deal with problems
20) many people say that these kids should not be praised. They are naughty kids and hurt others. Why are they are you so impatient? Don't know what dobt. Don't they don't know why they have to put himself down. In that situation, how to survive. No one knows the real incident. But keep guessing. is it fair to blame kids like that?
21) and assuming that kids are wrong, I want you to think that in 13 people (even with coaches) but most kids are between 13-16 years old. They are young and have no life experience yet. I couldn't do anything when we were kids. Didn't we ever make mistakes? We used to each other. I believe these kids don't want other people to be difficult. They just underestimate the wrong situation. I didn't know that the oil could flood that much. The kind of a hundred days and a thousand years. I have never been flooded like this many times The mistake that no one knew would happen is jackpot. It's not to watch. Yes, I can warn, but there is no need to scold him either.
22) what each organization is trying to give to kids like scg muangthong club. Want the wild boar team to watch football at the club and get a chance to train with youth team or Chiang Rai Club. Prepare for free football tickets for the rest of their life. It's not to reward the wrong person, but it is sending encouragement to the family of children. Let all parents have energy. Keep fighting. Come back. There are many good things waiting. Don't end your life now.
23) who wants to risk your life? You take tickets to watch football for your whole life. Do you want it? Someone said that if any kid wants anything, they will run into the cave so that people can help out so that there will be adults. Come to give many rewards. I want to see who will risk their lives with this kind of return.
24) by the way, if kids really "survive" they are stuck in this difficult situation and still hold their mind until they survive. It's amazing. It's amazing to sit and talk to him that in the situation. Squeezed him. What did he think to survive? It should be an inspiration to many others.
25) including physical condition, in a condition with less food, everything is limited. How do they have symptoms and how to survive. It's a new experience in the future. If someone is unlucky, there will be a way to have a way to be a way. How to do it?
26) in this time, Thailand exchanged many things, money, body, resources, resources, even nature, the forest is good things need to be cut, stone exploded to increase the chances of helping everyone safe. We have lost a lot.
27) but there are many things we have learned from this. with the first disaster, experience, knowledge, see the perspective from every career field and see the whole country together as one.
28) and children, if they survive, they will surely know what the whole nation has to exchange for him to live. He will live careless. from now on, and all 13 of them will become the future of our nation. Next in some way
29) the most important thing is that this will be a reminder for teenagers and youth of other nations to think. Read more carefully and you need to realize that you need to be very conscious because when things happen, not just yourself that are difficult, parents are worried. Plus many people have to be tough for themselves.
30) of course no one wants this incident. But when it happens, instead of being angry that " it shouldn't happen in the beginning " or " why don't kids read the warning signs " accept the truth that it happened and Better think about what we can reap from this event
Is it true?
May all helpers, staff and victims be safe.
#ถ้ำหลวง #ทีมหมูป่า #HOPETranslated
同時也有8部Youtube影片,追蹤數超過109萬的網紅Hello Catie,也在其Youtube影片中提到,訂閱Hello Catie▸▸ http://bit.ly/2mnhqLL (記得開啟小鈴鐺,才能第一時間收看影片唷) 😎購物推薦 ⇊ --------------------------------------------------- 以下都能滿額免運國際運送至台灣喔 我最愛用的刷具品...
「nature pattern」的推薦目錄:
- 關於nature pattern 在 Atichart Chumnanont Facebook
- 關於nature pattern 在 Firdaus Wong Wai Hung Facebook
- 關於nature pattern 在 Roundfinger Facebook
- 關於nature pattern 在 Hello Catie Youtube
- 關於nature pattern 在 一二三渡辺 Youtube
- 關於nature pattern 在 Marc Yam Youtube
- 關於nature pattern 在 900+ Patterns In Nature ideas in 2022 - Pinterest 的評價
nature pattern 在 Firdaus Wong Wai Hung Facebook 八卦
PENDEDAHAN: Bukti Usaha Dakyah Untuk Memurtadkan Pelajar Kita [Siri 3]
Dr Yoo Chong Young adalah penggerak utama ajaran Unification Church di Malaysia. Beliau sudah bertapak lebih 11 tahun di Malaysia semata-mata untuk menyebarluaskan ajaran ketuanya Sun Myung Moon atau dikenali Father Moon.
Di dalam pendedahan siri ini akan mengetegahkan apa yang berlaku sebenarnya disebalik penglibatan mereka di dalam badan-badan kerajaan dan NGO di Malaysia. Ada dua situasi, pertama adalah mendedahkan apa yang berlaku di Korea Selatan bersama dengan pelajar Malaysia dan kedua adalah pendedahan ucapan misionari Unification Church di Malaysia.
Apa Yang Berlaku Di Korea Selatan?
Seperti disebut di dalam siri yang lepas, terdapat satu program yang telah berlansung di Universiti-Universiti tempatan iaitu program Students for Peace Leadership Conference. Program ini digerakkan oleh sebuah badan besar di bawah agama Unification Church iaitu Women’s Federation for World Peace (WFWP). Antara Universiti yang telah menjadi sasaran program ini adalah Universiti Malaysia Terengganu pada 30 April 2018, Universiti Putra Malaysia pada 10 Mac 2018, Universiti Sains Malaysia pada 6 Oktober 2018. Dan mungkin akan ada lagi susulannya memandangkan mereka mensasarkan 13 Universiti di Malaysia.
Salah satu carannya adalah di dalam program tersebut, Women’s Federation for World Peace (WFWP) akan memberi anugerah ‘Youth Ambassadors for Peace’ kepada mana-mana pimpinan mahasiswa atau mahasiswi dari lain-lain Universiti di Malaysia dan pelajar yang mendapat anugerah itu, dia boleh mengajak beberapa orang rakan yang lain untuk menghadiri program “Student Leadership Conference & Exploring Korean Development and Culture Tour”. Yang mana program tersebut akan diadakan di Korea Selatan (dan akan dibuat juga di Hawaii). Peserta hanya perlu menyediakan pembelanjaan tiket penerbangan sahaja manakala yang lain-lain akan ditanggung oleh Women’s Federation for World Peace (WFWP).
Antara pelajar Universiti yang terlibat di dalam program ke Korea Selatan adalah dari Universiti Malaysia Terengganu (UMT), Universiti Islam Antarabangsa Malaysia (UIAM), Universiti Sains Islam Malaysia (USIM), Universiti Malaya (UM), Universiti Kebangsaan Malaysia (UKM), Universiti Teknologi Mara (UiTM) dan Universiti Selangor (UNISEL).
Program itu berlangsung selama seminggu bermula 30 Julai sehingga 5 Ogos 2018 bertempat di YongPyeong Ski Resort, Korea Selatan. Apa yang berlaku selama seminggu itu adalah:
1) Pelajar-pelajar didedahkan tentang ideologi Father Moon dan Unification Church.
2) Pelajar-pelajar dipaparkan video dan testimoni pimpinan seluruh dunia mengenai Father Moon.
3) Pelajar diberikan buku pendakyahan Unification Church tulisan Dr Yoo Chong Young sendiri bertajuk True Parents and World Peace.
4) Pelajar didedahkan tentang Mass Weeding dan idealogi Unification Church berkenaan perkahwinan dan juga kekeluargaan.
5) Pelajar didoktrinkan supaya “mengagungkan” Father Moon sehingga ketika saat sebelum makan juga pelajar diajar untuk menyebut “Father Moon” bagi menggantikan “Cheers”.
6) Pelajar disuruh mengangkat ikrar dan bersumpah untuk mengiktiraf Father Moon dan Mother Moon sebagai Heavenly Parent dan menunaikan 3 Great Blessing. Pada waktu itu berlaku ketegangan kerana ramai yang protes untuk melakukannya.
7) Pelajar Malaysia dibawa ke Istana Unification Church bernama Cheon Jeong Gung Peace Museum and Meeting Center yang berada di pendalam di atas bukit. Istana berwarna putih itu digelarkan sebagai “Vatican of the East”. Pelajar dilarang membawa sebarang kamera atau telifon pintar ke dalam istana tersebut. Di dalam istana tersebut terdapat barang peninggalan Father Moon seperti baju, kasut, paparan legasi sepanjang hidupnya dan sebagainya.
8) Semasa berada di Istana tersebut pelajar disuruh untuk melakukan upacara tunduk hormat pada sebuah tempat yang dianggap suci oleh Unification Church dan ada pelajar muslim juga terlibat.
9) Pelajar juga ditawarkan untuk membawa balik kitab suci Unification Church itu “Divine Principle”.
Semua pendedahan ini kami memiliki bukti berbentuk gambar, video dan juga saksi dari peserta yang telah menghadiri program tersebut. Perkara ini jelas menunjukkan bahawa agenda mereka adalah untuk merekrut keahlian dari pelajar-pelajar Malaysia untuk menerima agama Unification Church. Memandangkan mereka tahu jika hal ini dilakukan di Malaysia maka mereka melanggar Perlembagaan Malaysia perkara 11 (4) iaitu:
“Perlembagaan Persekutuan memperuntukkan undang-undang negeri dan berkenaan dengan Wilayah-Wilayah Persekutuan Kuala Lumpur, Labuan dan Putrajaya, undang-undang persekutuan boleh mengawal atau menyekat pengembangan apa-apa doktrin atau kepercayaan agama dalam kalangan orang yang menganuti agama Islam”
Oleh itu, mereka memilih untuk menghantar pelajar Malaysia ke Korea Selatan untuk mengelak dari terikat dengan peraturan tersebut untuk mendoktrin agama mereka kepada pelajar-pelajar Malaysia.
Apa Dakyah Unification Church Di Malaysia?
Di bahagian ini pula akan mendedahkan teks dan juga program yang telah diusahakan oleh agama Unification Church di Malaysia. Hal ini jelas bercanggah dengan Perlembagaan Malaysia dan juga enakmen Ugama Bukan Islam (Kawalan Pengembangan Di Kalangan Orang Islam) Negeri.
1) Ucapan Dr Yoo Chong Young di program Students for Peace Leadership Conference yang diadakan di Universiti Putra Malaysia, pada 10 Mac 2018, yang dihadiri oleh majoriti pelajar Muslim. Ucapan ini diambil daripada buku tulisan beliau sendiri di dalam buku True Parents And World Peace:[1]
a) Beliau membawa cerita berkenaan petanda bahawa Father Moon adalah Sang Penyelamat di zaman sekarang berdasarkan kisah Sir Anthony Brooke yang sanggup ke Korea Selatan untuk mencari Sun Myung Moon:
“Fifty-three years ago, Anthony Brooke received a revelation from above when he was half awake and half asleep. God told him in the vision of the night: A living saint, the Peace Messiah has appeared in the land of the Rising Sun in a Far-Eastern country. Then, on 24 March 1964, he went to Korea”
Sebelum Anthony Brooke tiba di Korea, dikatakan beliau beranggapan kehadiran sang penyelamat di “land of the rising sun in a far eastern country” di dalam mimpi itu adalah Jepun lalu beliau ke Jepun. Selama di Jepun dikatakan beliau tidak menemukan seorang pun pendeta yang dimaksudkan itu sehinggalah seorang Professor di Eh Hwa Women University menulis surat kepada Anthony Brooke bahawa tanah matahari terbit itu bukan Jepun tetapi Korea. Lalu Dr Yoo memetik ayat Bible:
“May I refer to Revelation 7:2 “I saw another angel ascending from the east, having the seal of the living God”
Berdasarkan ayat ini, seolah-oleh menunjukkan bahawa Father Moon itu merupakan ‘malaikat’ dari timur itu. Walhal sambungan kepada ayat itu berbicara konteks yang sangat berbeza.
Mimpi tersebut menjadi tanda aras kepada Dr Yoo bahawa ia sedang merujuk kepada Father Moon di Korea. Dan beliau menyambung:
“Finally, after meeting Father Moon in Seoul in a shabby humble house at Chung Pa Dong, Anthony Brooke testified Father Moon as the Peace Saint, Peace Messiah and King of Peace. Anthony Brooke said: “I had seen Father Moon’s face in my vision”. Fortunately, I (Dr. Yoo) also heard his testimony at that time.”
Setelah itu Dr Yoo menekankan dengan ingin melogikkan bahawa benar mimpi itu adalah dari Tuhan sehingga membawa Anthony Brooke sampai ke Korea untuk bertemu dengan sang penyelamat baru.
b) Dr Yoo juga menjelaskan bahawa salah satu misi Father Moon (Unification Church) adalah untuk membangkitkan tamadun baru yang aman dikenali sebagai Pacific Rim Era. Yang mana ia adalah tamadun yang dikuasai oleh lingkaran Pacific bermula Santiago (Chile) ke Las Vegas (US) ke Anchorage (Alaska) ke Jepun ke Korea ke Malaysia dan ke Wellington (New Zealand). Beliau berucap:
“Long ago, Father Moon foresaw the pattern of how human culture will be developing during the different eras. Therefore, he declared, “With the rise of the Pasific Rim Era, a new civilization of peace is beginning!” It is Father Moon’s ferevent desire that all of us living around the Pasific Rim can unite and play a more active role in bringing about peace and harmony to our world.”
“I would like to encourage all of you, Ambassadors for Peace here in Malaysia to work together to bring about peace and true family culture in our world!”
“I believe UPM will be another volcano and starting point of Peace for Malaysia and the World. Could you please wake up from the deep sleep? Open your spiritual eyes and then you will see the new world.”
Sememangnya antara kawasan lingkaran Pasific ini menjadi fokus bertapak kukuhnya gerakkan keagamaan ini. Di tengah-tengah pula terletakknya kepulauan Hawaii dan disitu juga merupakan kawasan yang sangat aktif mereka melakukan dakyah. Malah ahli parlimen Malaysia juga pernah dihantar oleh Universal Peace Federation untuk menghadiri persidangan di sana.[2] Selain itu, ada ura-ura mereka juga merancang akan membuat program Leadership Conference bersama dengan Mahasiswa Malaysia di Hawaii yang akan digunakan pelajar Malaysia yang telah menghadiri di Korea pada awal Ogos lalu untuk menguruskan program di Hawaii.
Dr Yoo melabelkan sesiapa yang melibatkan diri ke dalam misi Unification ini dengan gelaran Ambassadors of Peace agar dilihat lebih harmoni.
2) Ucapan dari anak Sun Myung Moon iaitu Dr. Hyun Jin Preston Moon dalam program Global Peace Convention pada 5-8 Disember, 2013, di Hotel Shangri-la, Kuala Lumpur. Beliau merupakan pengasas kepada Global Peace Foundation dan di Malaysia juga memiliki cawangannya di Petaling Jaya. Ucapan beliau bertema “Unity in Diversity: Building Social Cohesion for Sustainable Peace through Universal Aspirations, Principles, and Values”. Program ini dihadiri oleh ahli perniagaan, pimpinan negara, dan ahli akedemik dalam dan luar negara.[3] Ada beberapa perkara yang beliau sebut:
“We all aspire to establish peace on earth, to recognize the value of human life, to recognize the importance of individual responsibility in living according to the laws of nature and heaven and of the individual conscience in guiding us to do so, and to realize that we are truly ONE FAMILY UNDER GOD”
“I believe that vision is the simple yet profound idea that all people, regardless of race, nationality, religion, or culture, are members of ONE FAMILY UNDER GOD.”
“You have all gathered here because you share the hope of a peaceful world rooted in the vision of ONE FAMILY UNDER GOD.”
“Let us determine that it is not they who will determine the future, but it is us that share this common vision to build ONE FAMILY UNDER GOD, to put our mark in this very crucial moment in human history, and shape the future of humanity.”
“This is a solemn moment. But I cannot leave without giving a challenge. This is a big, big challenge that I am proposing here today: Will you become owners of the dream of ONE FAMILY UNDER GOD and make it a living reality for future generations? If you do, please stand up.”
“I want to share with you a Korean word: “Aju”. My father (Sun Myung Moon) explained that this word has tremendous meaning to it, because it means that “I will take ownership over it,” not somebody else. “Peace will start with me. I will be the peacemaker.” So could we say together, “Aju!”? [Aju!] Louder, could we say, together, “Aju!”? [Aju!]
“Will you be owners of the dream of ONE FAMILY UNDER GOD and carry this message and the large mantle that is present before us to the world as the true peacemakers of this century? Will you do that? Yes or no? [Aju!]”
Konsep One Family Under God ini merupakan konsep di dalam Unification Church. Ia dikenali sebagai legasi terakhir Sun Myung Moon. Ia dibahaskan di dalam laman sesawang mereka di bawah tajuk “One Family Under God Is Dr. Sun Myung Moon’s Lasting Legacy” ada menyebut bahawa Father Moon itu adalah bapa rohani bagi semua, semua adalah anak-anaknya, dan semua adalah satu keluarga.[4]
Ini kerana menurut akidah Unification Church, Father Moon dan Mother Moon adalah Ibubapa Syurgawi (Heavenly Parent) dan mereka itu Ibubapa sejati (True Parent) jelmaan Adam dan Hawa yang ketiga di dunia. Oleh itu mereka mengajak untuk menerima konsep fahaman mereka supaya berada di dalam satu keluarga yang dinaungi oleh Father Moon dan Mother Moon di bawah ‘tuhan Father Moon’. Malah pengikut Unification Church ada menulis buku bertajuk One Family Under God: The Life of Sun Myung Moon.
Agenda yang dibawa oleh Dr Hyun Jin Moon ini secara terang mempromosi idea ini kepada rakyat Malaysia. Malah di sebuah halaman di Facebook bernama Dr. Hyun Jin Preston Moon terdapat posting pada 29 Mac 2012 sekeping gambar Dr Hyun Jin Moon bersama dengan pelajar-pelajar Malaysia dari pelbagai bangsa termasuk Melayu, Cina dan India dan dipercayai program tersebut diadakan di Kuala Lumpur. Status tersebut menulis “Dr. Hyun Jin Moon speaking to 2,000 students from 10 universities and colleges in Malaysia.” Dan semua pelajar memakai baju bertulis “One Family Under God Aju!”[5]
Kebanyakkan aktiviti yang dilakukan mereka ini sememangnya menuju kepada pendakyahan kepada agama Unification Church. Sebenarnya masih banyak lagi program mereka yang berjalan setiap bulan.
Jika dilihat kepada hasil daripada kesemua kes di atas ini, ternyata mereka telah melanggar Undang-Undang Malaysia iaitu Perlembagaan Malaysia Perkara 11 (4) dan juga Enakmen Ugama Bukan Islam (Kawalan Pengembangan Di Kalangan Orang Islam) Negeri Selangor (1988) di bawah:
Seksyen 5. Kesalahan mendedahkan orang belum dewasa berugama Islam kepada pengaruh ugama bukan Islam.
Seksyen 6. Kesalahan mendekati orang Islam untuk mendedahkannya kepada apa-apa ucapan atau pertunjukan sesuatu mengenai ugama bukan Islam.
Seksyen 7. Kesalahan menghantar atau menyerahkan terbitan-terbitan mengenai apa-apa ugama bukan Islam kepada orang berugama Islam.
Selain itu masih banyak lagi program yang melibatkan agama Unification Church yang ada maklumat bersama kami. Ramai pihak yang tidak sedar tentang kehadiran mereka dan juga usaha mereka untuk melebarkan sayap di Malaysia. Faktor-faktor itu sudah kami bincangkan di dalam artikel sebelum ini (Siri 2).
Kesimpulan
Masyarakat Malaysia hendaklah sedar dan peka akan kehadiran agama baru yang makin halus melebarkan dakyahnya di Malaysia. Unification Church ini jelas adalah sebuah agama baru yang membina ketaksuban kepada pengikut mereka sebagai nabi baru. Mereka memiliki dana yang sangat besar dalam mengerakkan program dan usaha pendakyahan di seluruh dunia.
Untuk mengetahui apa ajaran yang dibawa dan bagaimana ia tiba di Malaysia baca di:
Siri 1:https://bit.ly/2IbN5KJ
Siri 2: https://www.facebook.com/FirdausWongMRM/posts/1899256933518617?__tn__=K-R
Nota akhir:
____________________________
[1] http://familyfedihq.org/2018/03/malaysia-students-for-peace-leadership-conference/
[2] http://www.upf.org/peace-education-and-human-development/peace-education-reports/6140-malaysian-parliamentarians-attend-conference-in-hawaii
[3] https://www.hyunjinmoon.com/dr-moon-calls-cooperation-among-faiths-secure-lasting-peace-2/?fbclid=IwAR2WDN5poXoavTHkxBukKq4VcfEXx0_sPN-nnVTKg-WrAz5OERod07dBBZM
[4] http://www.upf.org/peace-education-and-human-development/peace-education-reports/4696-one-family-under-god-is-dr-sun-myung-moons-lasting-legacy
[5] https://www.facebook.com/hyunjinpmoon/photos/a.375720979117850/375720982451183/?type=3&theater
R&D Team Multiracial Reverted Muslims
nature pattern 在 Roundfinger Facebook 八卦
ประภาส ชลศรานนท์ ที่ผมแอบมอง
---
1
จำไม่ได้ว่าผมหยิบหนังสือ "เพลงเขียนคน ดนตรีเขียนโลก" มาจากหิ้งหนังสือของห้องสมุดแห่งไหนในจุฬาฯ แต่จำได้แม่นว่า นี่คือหนังสือเล่มหนึ่งที่เติมสารประกอบสำคัญเข้ามาในสมอง และหล่อหลอมให้เกิดความคิดแบบหนึ่งขึ้นในหัว กระทั่งวันนี้ความคิดนั้นยังคงอวลอยู่ไม่ไปไหน
...Continue ReadingPrapha sachon saranon that I sneak peek at
---
1
I don't remember which library I picked up "music writing" from which library in chula, but I remember this is a book that added an important compound into my brain and forged. One thought in my head until today, that thought is still going anywhere.
The idea that is " many more
Along with the feeling that our little hands can write the world.
I have been listening to "Chaliang" since elementary school. Milk hasn't set (now). I still). I understand. When I was in University, the band disband disband has left just a story on the wood sheet for me. A lot of music never old. Those are written from the end of brother chik's pen - prapha chon Sara non
Reading this book makes you see the idea behind each song, and even more you see the author.
For me, whether brother chik wrote a song, wrote a book or made a movie, all he tried to do is ask people to try to look at the corner with more than just the corner.
See the world and your heart will be expansive.
Many more (many more that we don't know. We see it. Just in case we haven't seen it yet), Hibiscus Tree and blind (blind, but the mind is still bonded beauty), if there are only two of us in this world (time I'm hungry. Two of us will eat sticky rice with chicken noodles. Who to buy), it's up to who (it's up to who sees it, who can hear it, who decides), calm down bro (where are you going to fight with? I don't have time. Search for mind) etc.
Many songs of the lyrics are annoying. Such as when a lot of love songs say, " there are only us in this world brother chik asked me. Who will you want to eat noodles, who do you buy from? During a loud song If you don't love me, tell me. Tell me a word. " brother chik also wrote a song. Calm down. Where are you going? Let's see.
Khun Prapha Somchai cuddle will see the world in the drone corner. It's flying up to see the wide picture and spread out that there may be a corner that we forget to look at. The world could be something else.
...
2
"many more" in the meaning of brother chik doesn't eat just one thing. There are hundreds of thousands of possible sources, but it also means looking at everyone. Everything is equally important. Equally beautiful. Not comparing to take it to take the beams, but look beautiful. Of that person then pull out that potential to create value
" Classic, don't insult jazz
Jazz don't watch clan pop
Pop, don't mind the country.
Don't be sulking with doctor lam.
Doctor Lam, don't think more than classic. It's high "
This is a message on the screen in the concert. The song makes me think of what brother chik told me in this book. "people are like fingers. It's not equal but fingers too and have different duties" is a teacher's speech. Teaching kids in the young movie of piak posters.
To this day, the " finger is not equal " has been interpreted and wittalion. But in the meaning that I understand that brother chik wants to press, the " difference " rather than " inequality " is thumb is different from Index Finger and pinky and brother chik says " you could be a pinky finger which is more important than the index finger in some things read and think that our round fingers are valuable in our way.
"Tao" which sees the value of the nature of things like this. Often seen in the work of brother chik.
...
3
Mr. Prapha is not a big person. If there are two sides, brother chik will not stand on one side. Maybe because of the eyes that sees the beauty of each thing, each mind and an open view. I don't believe that anyone is all right. Or all wrong. Everything is good or bad.
Most importantly, this kind of thought resilience is believed that the people or the extreme thoughts we see are not eternal, but it can always change. The Extreme can also be adjusted, divided, exchange. New ingredients in themselves.
Once I had an opportunity to sit and talk with brother chik. Then we went to consult about making tv show. Our team is interested in a program that focuses on content. Easy, I want to pass knowledge to the audience. When I tell you the pattern and content to you. Listen to the brother ask, " is knowledge necessary that it must not be fun stop thinking and continue asking " is entertainment necessary to be ridiculous "
Just these two questions expand our view. We can see a new area that there is still space in the middle that combines what we thought were irrelevant. Different Worlds. and if we could, we could, we wouldn't cut off any kind of value.
...
4
That's another feature of brother chik that I secretly look at. This guy doesn't teach straight away, doesn't comment, but he likes to ask questions. Let the partner to consider it himself. This technique is used in writing as well.
The question that brother chik throws at can make us think " can it be something else " or " can it really see one way
This kind of conversation is like a kind adult who doesn't block. It doesn't draw the line what it should be. But let us choose by ourselves. This is how to tease you think with the question that khun prapha can use this kind of weapon. Praew praew praw praw praw praw The more and more.
If anyone has worked with brother chik, maybe it feels why I came up with this idea! I'm really good! But in fact, we can think because we are triggered by his brother's questions, but we will feel good because no one has ordered us to do that. We make our own decisions.
So it's not just creative work, but the way of working is also creative.
...
5
The Picture of brother chik that I remember when I was looking at the idol in the conference room is a picture of a playful executive like a little boy who had the big one who had the power to make any decision.
I saw his brother spinning pen, drawing a picture, and poke him out while everyone was meeting seriously thinking about it.
Good ideas often come up during our relaxing time -- I've heard many good thinking people say that. Many people say that if we don't lose our children, we will always keep the potential to imagine and creative.
Photo of Mr. Prapha in the conference room for me like a playful kid.
Another picture that I remember is in the conference room and dining table of the group who often meet each other. Brother Chik will tease the scared by putting a glass of water. The Edge of the table. It seems to fall to test if that person can endure enough. That person keeps moving deep. Mr. Prapha will laugh and says, " can't you stand it? Can't you stand this kind of thing
A Writer, a creative thinker that we have been following for a long time. Admired and thought that he would be quiet. But when he met the real one, he became a playful little boy, fast talking, Pear, praw and questioning. A very fun conversation.
...
6
If I would write about "the" from the eyes that I would have written many pages of paper because I have been looking at brother chik since the work behind my thoughts to read every interview that I saw until I had a chance to meet on the occasion. I'm always looking at verbs, symptoms and thoughts of brother chik. Teacher's Melody.
Finally, brother chik is not crazy. People may see the work, but they don't have to see his own. We know the song. Scream and laugh with brothers and musicians. We love the program of work. Point or many other creative works caused by this brother's mind, but often we don't even know or don't even think there is him behind it.
This is another thing that brother chik taught me. We can make a change or create something without letting people see us. in some cases, it's more powerful than having better cuddle results.
We have seen Mr. Prapha through some work, but I believe there are many pieces of this sharp and round anchor that we didn't know was his work.
The fit of being seen is something that brother chik manages to learn and nan cuddle baht.
Prapha Chon Saranon is a teacher with many lessons to sneak peek and learn.
Thank you brother chik for being an inspiration, an open thought perspective. He ignites the dream of writing books and giving "many more" tips in my heart since I was in teenagers through your work.
Congratulations to brother chik for the National Artist Award in performing arts as the creator of International Thai entertainment and music event this year.
I really want to tell brother chik that "music writing music"
At least one of me is the productivity from your song.
With love and thanks
Ehhh (round finger)Translated
nature pattern 在 Hello Catie Youtube 的評價
訂閱Hello Catie▸▸ http://bit.ly/2mnhqLL
(記得開啟小鈴鐺,才能第一時間收看影片唷)
😎購物推薦 ⇊ ---------------------------------------------------
以下都能滿額免運國際運送至台灣喔
我最愛用的刷具品牌▸ http://bit.ly/2korAeu
最好買的美系彩妝網站 ▸http://bit.ly/2m25SgS
8-6折價買精品▸ http://bit.ly/2kxTRQ4 (免運活動會不定期出現)
🌼 影片中提到的東西 ⇊ ---------------------------------------------------
Etude House Play Color Eyes (公關品)
Chilly Moon
Tulip Day
Rose wine
https://bit.ly/2zzRWkQ
/
innisfree (公關品)
Cherry Blossom Eyeshadow Palette
/
Espoir
REAL EYE PALETTE
Nude Mood
Rosy Feed
Peachy Like
2020 S/S LOOKBOOK : HONEY MELLOW
https://bit.ly/35SC2yd
https://bit.ly/3brrirU
/
I'M Meme Color Pattern Palette (公關品)
001 Carol Pattern
002 Petal Pattern
003 sand Pattern
https://bit.ly/2yS4cgP
/
CLIO
Pro Eye Palette
01 Simply Pink
02 Brown Choux
03 Coral Talk
04 Street Brick
05 Rusted Rose
06 Street Pastel
Prism Air Eye Palette 02
https://bit.ly/2WQBS6e
/
3CE
Mini Multi Eye Color Palette
Almond Fudge
https://bit.ly/3boEmyd
/
Rom&Nd Better Than Eyes Music Series
M01 Dry Apple Blossom
M03 Dry Cosmos
https://bit.ly/3bn9myn
/
PERIPERA
Ink Pocket Shadow Palette
01 My Little Red Bean
03 Brown Filter 360
All Take Mood Palette
01 Mood Breathing
02 Lala Coralmingo
https://bit.ly/2WN2MMD
/
moonshot
de Paris Eyeshadow Palette
https://bit.ly/3dCc70n
/
Missha My Pocket MoodnMore Palette
01 Brown Bar
02 Rozy bar
https://bit.ly/2zzaVfK
/
TONYMOLY
Perfect Eyes Mood Eye Palette ROTD Edition
06 MAPLE MOOD
/
Holika Holika
Chunky Metal Shadow Palette
Feel So Cool
https://bit.ly/2Wr999j
/
The Saem
Love Me Shadow Palette
/
Nature Republic
10Th Anniversary Eyeshadow Palette
品牌名稱後面有標示「公關品」的是公關提供
公關僅提供產品但沒有辦法控制我的心得以及我自己都控制不了的自由的嘴✌️
其他沒標示的都是我自己買的😂
❤️ More Catie ⇊ ---------------------------------------------------
FB: https://www.facebook.com/hellocatie45
IG: https://instagram.com/hellocatie45/
微博: http://weibo.com/u/5857005306
商業邀稿For business inquiries ▸▸ byumoe88@gmail.com (business only!!)
Hope you enjoy this video!
XO - Catie
📒 FAQ ⇊ ---------------------------------------------------
What camera do you use使用的相機: Canon 80D
What's your skin type我的膚質: Normal to dry中性(眼下偏乾)
⚠️DISCLAIMER:
This is NOT a sponsored video! Some of the links are affiliated.
這"不是"合作影片, 說明欄裡包含分潤連結
nature pattern 在 一二三渡辺 Youtube 的評價
友人のくーみん繋がりで来てくれました、
普段は、ZX-14にまたがっています、
また撮りたいですね、
募金ありがとうございます、
また遊びに来てくださいね、
WR250R/Xは2007年秋に発表されたヤマハ発動機製のトレールタイプのオートバイである。
概要
レーサーWR250Fの市販トレールとして販売された。排ガス規制に対応する為、4サイクル、電子制御燃料噴射装置など、先進の技術を多用している。名前こそレーサーと同じくWR250を名乗るが、エンジンから、フレームにいたるまで公道モデルとしてまったくの別物である。 WR250Rはトレールとして大径のホイールにオフロード用ブロックパターンのタイヤを、WR250Xはモタードとして前後17インチのホイールにオンロードタイヤを採用しているのがもっとも大きな外観上の違いである。
圧縮比は11.8:1であり、燃料は「無鉛プレミアムガソリン」(高オクタン価ガソリン)指定となっている。
鍛え抜かれた強靱なアスリートを思わせる、スリム&スタイリッシュなフォルム。凝縮されたマシン中心部の塊感と、薄く軽快な印象のフロント&リアセクションの対比。それは、他に類を見ない、緻密かつ確かなクオリティを内に秘めた独創のスタイル。そしてひとたび走り出せば、その俊敏なレスポンスとダイレクト感が、かつてないエキサイトメントをライダーにもたらす。コンペティションモデル・WRの名と遺伝子を受け継ぎ、ストリートモデルとしての新たな資質を徹底して磨き上げた、ザ・プレミアム・ストリートスポーツWR250X。
排気量という概念を超えるパフォーマンスと、ライダーの本能を刺激するそのアピアランスで。さらには、思うがままのその自在なハンドリングで。WRはいま、ストリートに新たな次元を拓く。
WR250R/X is a motorcycle of the trail type made in YAMAHA MOTOR announced in the
autumn of 2007.
Outline
It was sold as a trail of racer WR250F on the market. To correspond to exhaust emissions regulations, an advanced technology such as four cycles and the electronically controlled fuel jet devices is multiused. It is a complete different thing as the public road model though only the name introduces oneself WR250 as well as the racer until arriving from the engine at the frame. The biggest difference on externals as ..WR250R.. trail to make tire of block pattern for off-road ..WR250X.. Motard and to adopt on-road tire for wheel of 17 inches before and after wheel of large diameter
The compression ratio is 11.8:1, and the fuel is "Nonlead premium gasoline" (high octane number
gasoline) specification.
Form of slim stylish & to make trained strong athlete think. Comparison of reception desk & rear section of Catamarican in condensed center part of machine and thin, light impression. Style of originality that keeps exact, certain quality secret on inside that it is unparalleled. And, the brilliant response and direct feeling bring the rider unprecedented Ekisaitoment if beginning to run once. Za premium street sports WR250X that succeed name and gene of competition model and WR, polish new nature as street model thoroughly, and raise it.
In the appearance that stimulates the performance that exceeds the concept of displacement and rider's instinct. Furthermore, in the free handling of the remainder though it thinks. WR opens a new dimension on the street now.
nature pattern 在 Marc Yam Youtube 的評價
Section III Wave Motion
3.2.6 Light: Wave Nature of Light
Derivation of Young's Double-slit Experiment
nature pattern 在 900+ Patterns In Nature ideas in 2022 - Pinterest 的八卦
... <看更多>
相關內容