ประเทศ FANGMAN /โดย ลงทุนแมน
อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นธุรกิจหลักของโลกอย่างชัดเจน
และดูเหมือนว่า นับวันจะยิ่งเติบโตทิ้งห่างคนอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
โดยเฉพาะบริษัทกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถูกจับตามองเป็นพิเศษ
กลุ่มที่สมาชิกประกอบไปด้วยบริษัทชั้นนำ 7 แห่ง
กลุ่มที่สินค้าและบริการ เข้าไปอยู่ในทุกอิริยาบถของชีวิตประจำวันมนุษย์
กลุ่มที่มีมูลค่าหลักทรัพย์รวมกันใหญ่กว่า GDP ประเทศมหาอำนาจ
ลงทุนแมนขอเรียกแทนพวกเขาว่า “ประเทศ FANGMAN”
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่น ขอให้ลองนึกภาพว่า FANGMAN เป็นประเทศหนึ่งที่บรรยากาศบ้านเมืองเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีในแทบทุกด้าน
และมีสมาชิกกลุ่ม 7 บริษัท ได้แก่ Facebook, Amazon, Netflix, Google, Microsoft, Apple, Nvidia เปรียบเสมือนเมืองต่างๆ ภายในประเทศ
หลายคนอาจสังเกตเห็นแล้วว่า ชื่อประเทศ FANGMAN นั้นถูกตั้งมาจากอักษรตัวแรกของชื่อเมืองที่กล่าวไปเรียงตามลำดับนั่นเอง
ทีนี้เรามาลองเดินทางไปทำความรู้จักกับแต่ละเมืองกันสักเล็กน้อย
เมืองแรก - Facebook
ที่นี่คือศูนย์กลางของการติดต่อสื่อสาร โดยเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram และแอปพลิเคชันแช็ตอย่าง WhatsApp, Messenger ซึ่งทุกรายล้วนมีฐานผู้ใช้งานสูงเกิน 1,000 ล้านบัญชี
ถ้าเปรียบเทียบ Facebook เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองลอนดอน” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางการติดต่อทั้งด้านการเงินและเศรษฐกิจ ของผู้คนทั่วโลกทั้งฝั่งสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย
เมืองที่สอง - Amazon
ใครอยากชอปปิง ต้องไปเยือนเมืองนี้ เพราะ Amazon เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม E-commerce รายใหญ่ ที่มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย และจัดส่งให้ลูกค้าอย่างรวดเร็ว โดยปี 2019 สามารถครองส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกออนไลน์สหรัฐอเมริกา ได้ถึง 52%
นอกจากนั้นเมือง Amazon ยังเป็นที่อยู่ของบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก นั่นคือ คุณเจฟฟ์ เบโซส ซึ่งมีทรัพย์สินมูลค่า 5.9 ล้านล้านบาท
ถ้าเปรียบเทียบ Amazon เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองปารีส” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางการชอปปิงในโลกนี้ และมีสินค้าแบรนด์เนมมากมายเกิดขึ้นที่เมืองนี้
เมืองที่สาม - Netflix
นี่อาจเป็นเมืองในฝันของคนที่ชื่นชอบความบันเทิง เนื่องจาก Netflix คือผู้ให้บริการแพลตฟอร์มภาพยนตร์ออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ล่าสุดมีจำนวนสมาชิกอยู่ทั้งหมด 183 ล้านบัญชี
ถ้าเปรียบเทียบ Netflix เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองลอสแอนเจลิส” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางความบันเทิง และเป็นที่ตั้งของฮอลลีวูด แหล่งรวมสตูดิโอภาพยนตร์หลายค่าย
เมืองที่สี่ - Google หรือชื่อทางการคือ Alphabet
ที่นี่เป็นเหมือนหอสมุดแห่งชาติ เพราะว่ามีคนเข้าไปค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ Google สูงถึง 3,500 ล้านครั้งต่อวัน รวมทั้งยังให้บริการแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประเภทต่างๆ อีกมากมาย เช่น YouTube, Google Chrome, Google Maps, Gmail, Google Drive
ถ้าเปรียบเทียบ Google เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองบอสตัน” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางความรู้ และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังมากมาย ทั้งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT)
เมืองที่ห้า - Microsoft
นักธุรกิจ คนทำงาน จะชอบเมืองนี้เป็นอย่างมาก เพราะเมืองนี้จะมีเครื่องมือให้นักธุรกิจได้ต่อยอดการทำงานของพวกเขาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางการรับสมัครตำแหน่งงานใหม่ๆ อีกด้วย เมืองนี้ก็คือ Microsoft เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับคอมพิวเตอร์รายใหญ่ ที่ทุกคนต้องเคยใช้ทำงาน ไม่ว่าจะเป็น ระบบปฏิบัติการ Windows หรือโปรแกรม Microsoft Office ซึ่ง Microsoft Team ซอฟต์แวร์ประชุมทางไกลก็กำลังเป็นที่นิยมในเวลานี้ และ Microsoft ยังเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม Linkedin ที่เป็นตัวกลางในการหางานของผู้คนทั่วโลกอีกด้วย
ถ้าเปรียบเทียบ Microsoft เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองฮ่องกง” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของนักธุรกิจจากทั่วโลก งานประชุม สัมมนาระดับโลก ก็มักจัดกันที่ฮ่องกง
เมืองที่หก - Apple
นี่คือเมืองใหญ่สุดของประเทศ FANGMAN เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่คอยคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบโจทย์การใช้งานผู้บริโภคอยู่เสมอ เช่น iPhone, iPad, Apple Watch, AirPods
ถ้าเปรียบเทียบ Apple เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองโตเกียว” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของนวัตกรรมด้านนี้ ถ้าจะหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำรุ่นล่าสุด ก็คงต้องมาที่เมืองนี้
เมืองสุดท้าย - Nvidia
นี่คือเมืองแห่งสีสัน เมืองที่สามารถทำให้เรื่องราวในชีวิตของเราสนุกขึ้นได้ สินค้าขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ หน่วยประมวลผลกราฟิกคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัจจุบันครองส่วนแบ่งธุรกิจได้สูงถึง 73% ของตลาด หน่วยประมวลผลกราฟิกคอมพิวเตอร์จะใช้ในการประมวลภาพให้เราได้เล่นเกมอย่างลื่นไหล ประมวลภาพให้เราผลิตงานวิดีโอได้สวยงาม ประมวลภาพให้รถขับด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติ
ถ้าเปรียบเทียบ Nvidia เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “กรุงเทพมหานคร” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของความสนุก ทุกคนที่ได้มาท่องเที่ยวเมืองนี้ จะได้ภาพสวยงามที่ประทับใจกลับไป และอยากจะกลับมาที่เมืองนี้อีกครั้ง
จะเห็นได้ว่า ทุกเมืองมีจุดเด่นแตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีที่ตัวเองถนัด
แต่ไม่ว่าจะเป็น ลอนดอน ปารีส ลอสแอนเจลิส บอสตัน ฮ่องกง โตเกียว กรุงเทพมหานคร
ทุกเมืองที่มีอยู่จริงเหล่านี้กำลังจะถูกประเทศ FANGMAN แย่งตลาดเข้าไปในโลกเสมือน
คำถามคือ เมื่อเมืองเสมือนจริงเหล่านี้ รวมตัวกันเป็นประเทศ FANGMAN จะมีขนาดใหญ่แค่ไหน?
ทุกวันนี้ สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี กลายเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้เสียแล้ว เพราะมันช่วยทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายขึ้นกว่าเดิมมาก
ด้วยเหตุนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทกลุ่ม FANGMAN จึงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับมูลค่าหลักทรัพย์ ที่เพิ่มขึ้นจนสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
อันดับ 1 Apple มูลค่า 52 ล้านล้านบาท
อันดับ 2 Microsoft มูลค่า 51 ล้านล้านบาท
อันดับ 3 Amazon มูลค่า 50 ล้านล้านบาท
อันดับ 4 Alphabet มูลค่า 33 ล้านล้านบาท
อันดับ 6 Facebook มูลค่า 22 ล้านล้านบาท
อันดับ 18 Nvidia มูลค่า 8 ล้านล้านบาท
อันดับ 20 Netflix มูลค่า 7.5 ล้านล้านบาท
และถ้ารวมทุกบริษัทเข้าด้วยกัน FANGMAN จะมีมูลค่าทั้งหมด 223 ล้านล้านบาท
ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคิดเป็น 28% ของดัชนี S&P 500 หรือพูดง่ายๆ หุ้นแค่ 7 ตัว ก็มีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของมูลค่าหุ้นใหญ่ 500 ตัวแรกของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาแล้ว
ต่อมา ลองนำ FANGMAN ไปเปรียบเทียบกับประเทศ
เนื่องจากประเทศต่างๆ จะไม่มีมูลค่า Market Cap ที่เราใช้วัดมูลค่าบริษัท
ดังนั้นเราจะประเมินมูลค่าประเทศ จาก GDP แทน
โดยให้ GDP ต่อ มูลค่าประเทศ เท่ากับ 1:1
(จริงๆ แล้ว GDP เปรียบเสมือนรายได้ ในที่นี้ก็คือการให้ Price/Sale = 1 ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีจะมี Price/Sale ที่สูงกว่า 1 แต่อย่างไรก็ตาม Price/Sale = 1 เป็นตัวเลขที่เหมาะสมในการให้มูลค่าของบริษัทโดยทั่วไป)
GDP ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุด 5 อันดับแรกของโลก มีดังนี้
สหรัฐอเมริกา 671 ล้านล้านบาท
จีน 449 ล้านล้านบาท
ญี่ปุ่น 159 ล้านล้านบาท
เยอรมนี 120 ล้านล้านบาท
อินเดีย 90 ล้านล้านบาท
หมายความว่า หาก FANGMAN เป็นประเทศจริงๆ พวกเขาจะใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกทันที เป็นรองเพียงแค่ สหรัฐอเมริกา และจีน
นอกจากนั้น ยังใหญ่กว่าเศรษฐกิจเยอรมนีกับอินเดีย สองประเทศรวมกันเสียอีก
และใหญ่กว่ามูลค่า GDP ประเทศไทยถึง 13 เท่า..
ที่น่าสนใจคือ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว FANGMAN เพิ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 131 ล้านล้านบาท
เท่ากับว่า ทั้งกลุ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น 70% ภายในระยะเวลา 365 วัน
ซึ่งหลายคนอาจประหลาดใจ ถ้าบอกว่าปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ คือการแพร่ระบาดของโรคระบาด COVID-19
เพราะการที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่สามารถทำกิจกรรมบางอย่างได้เหมือนอดีต ได้กลายเป็นตัวเร่งให้ผู้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ส่งผลให้หลายธุรกิจของ FANGMAN ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ
เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า
มนุษย์กำลังเดินเข้าสู่ยุคใหม่ของประวัติศาสตร์ ที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในทุกย่างก้าวของชีวิต
ดังนั้นต่อไป ผู้ที่สามารถกำหนดทิศทางความเป็นไปของโลกได้
อาจไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจ อย่างสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป หรือรัสเซีย
แต่เป็นขั้วอำนาจใหม่ที่ถือครองเทคโนโลยี
ซึ่งก็คือประเทศ FANGMAN..
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://thetradable.com/stocks/fangman-market-cap-is-now-higher-than-combined-gdp-of-germany-italy-and-indonesia
-https://www.dogsofthedow.com/largest-companies-by-market-cap.htm
-https://financesonline.com/amazon-statistics/
-https://www.windowscentral.com/amd-tops-nvidia-gpu-sales-according-report
-https://tradingeconomics.com/
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過62萬的網紅Bryan Wee,也在其Youtube影片中提到,...
「microsoft team download」的推薦目錄:
- 關於microsoft team download 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於microsoft team download 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於microsoft team download 在 GamingDose Facebook
- 關於microsoft team download 在 Bryan Wee Youtube
- 關於microsoft team download 在 Travel Thirsty Youtube
- 關於microsoft team download 在 スキマスイッチ - 「全力少年」Music Video : SUKIMASWITCH / ZENRYOKU SHOUNEN Music Video Youtube
- 關於microsoft team download 在 How To Download Microsoft Teams - YouTube 的評價
microsoft team download 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
กรณีศึกษา การใช้ SOFT POWER ของจีนในยุค COVID-19 /โดย ลงทุนแมน
ถ้าพูดถึงประเทศที่ใช้ Soft Power ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เราอาจนึกถึง ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกทางวัฒนธรรม อย่างเกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น
แต่จริงๆ แล้ว Soft Power ไม่ได้มีแค่เรื่องที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมเพียงอย่างเดียว
โดยเฉพาะในสถานการณ์ตอนนี้ ที่มีการระบาดอย่างหนักของ COVID-19
จีน กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีบทบาทโดดเด่นสุด ตอนนี้
เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่นเรามาเริ่มจากการทำความเข้าใจกับคำว่า “Soft Power”
Soft Power มาจากแนวคิดของศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ชื่อ Joseph Nye
เป็นการขยายอิทธิพล หรือทำให้ผู้อื่นคล้อยตาม โดยไม่ใช้วิธีการบังคับ
ซึ่ง Soft Power จะเกิดขึ้นจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ วัฒนธรรม ค่านิยม และนโยบายต่างประเทศ
ตัวอย่างประเทศ ที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ Soft Power
ฝรั่งเศส ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร โดยถือเป็นประเทศที่ได้มิชลินสตาร์มากสุดในโลก
มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์
ทำให้เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเยือนมากสุดในโลก
คิดเป็นจำนวนเกือบ 90 ล้านคน ในปี 2018
สหราชอาณาจักร มีสื่อที่ได้รับการยอมรับ อย่าง BBC
ซึ่งนับเป็นหนึ่งในสื่อทรงอิทธิพล ที่มีคนดูมากที่สุดในโลก
นอกจากนั้นยังมี Premier League ที่เป็นการแข่งขันฟุตบอลที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
สหรัฐอเมริกา เรียกได้ว่าเป็นอีกประเทศที่ประสบความสำเร็จในการเผยแพร่วัฒนธรรม
ผ่านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เพลง รวมถึงแบรนด์ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน
ด้านการศึกษา สหรัฐอเมริกา ถือเป็นประเทศที่มีมหาวิทยาลัยระดับโลกมากสุดในโลก
รวมถึงด้านเทคโนโลยี ก็เป็นต้นกำเนิดของบริษัทอย่าง เฟซบุ๊ก แอปเปิล กูเกิล ไมโครซอฟต์
และอย่างที่รู้กันว่า คู่แข่งที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา ก็คือ “จีน”
โดยเฉพาะ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงอย่าง COVID-19
ซึ่งกลายมาเป็นปัจจัยสำคัญ ในการแข่งขันทางขั้วอิทธิพลระหว่าง 2 ประเทศนี้
และก็ดูเหมือนว่าจีน กำลังทำคะแนนในด้านนี้ได้อย่างโดดเด่น
เพราะแม้ว่าจีน จะเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งแรกๆ
แต่ก็เป็นประเทศที่สามารถจัดการกับ COVID-19 ได้เป็นแห่งแรกๆ เช่นกัน
ซึ่งเมื่อการระบาดแพร่กระจายไปยังประเทศอื่น
จีน ก็ใช้โอกาสนี้ ในการส่งความช่วยเหลือไปให้ทั่วโลก
โดยรัฐบาลจีน ได้มีการส่งอุปกรณ์ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย ชุดป้องกันเชื้อโรค ชุดตรวจโรค รวมถึงทีมแพทย์ ไปให้กว่า 120 ประเทศ
มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตรวจหาโรค การรักษาโรค และการป้องกันโรค โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ที่จีนได้รับมาก่อน
นอกจากนั้น ยังมีการอนุมัติวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และโครงการพักชำระหนี้
ให้กับประเทศซึ่งอยู่ภายใต้โครงการ Belt and Road ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
ในส่วนภาคเอกชนของจีนเอง ก็ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือในวิกฤติ COVID-19 นี้ไม่แพ้กัน
โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอุปกรณ์การแพทย์ การเงิน และการขนส่ง มีการบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ ไปยังประเทศต่างๆ
นอกจากนั้นยังมีมูลนิธิของ Alibaba และ Jack Ma ซึ่งบริจาคหน้ากากอนามัยให้เกือบ 100 ประเทศ
มีการเผยแพร่สื่อที่เกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคใน 8 ภาษา ลงบนโลกออนไลน์
รวมถึงสร้างแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่ชื่อว่า
Global MediXchange for Combating COVID-19 หรือ GMCC
ซึ่งในขณะที่จีนกำลังทำทุกอย่างนี้ สหรัฐอเมริกาที่เป็นพี่ใหญ่ของโลก กลับยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในประเทศได้
ดังนั้น COVID-19 จึงเปรียบเหมือนโอกาสของจีน
ในการสั่นคลอนอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา โดยใช้ Soft Power เป็นทรัพยากรที่มีอยู่ในมือ
และถ้าจีน สามารถผลิตวัคซีนได้สำเร็จเป็นประเทศแรก
ก็น่าสนใจไม่น้อยว่า สมดุลขั้วอำนาจระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกาจะเปลี่ยนไปอย่างไร
จริงๆ แล้ว ก่อนหน้า COVID-19 จีนได้เริ่มมีการใช้ Soft Power มาสักระยะหนึ่งแล้ว
ในด้านวัฒนธรรม เราจะเห็นได้ว่าทั้งวงการบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยว และภาษาจีนที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ผ่านซีรีส์ ภาพยนตร์ เพลง รวมถึงการให้ทุนการศึกษาจำนวนมากแก่นักเรียนต่างประเทศ
ในด้านการต่างประเทศ ก็มีโครงการ Belt and Road ที่เข้าไปช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในกว่า 60 ประเทศ
ซึ่งเมื่อมองย้อนกลับมาที่ไทย เราเองก็เป็นประเทศที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น
เรามีวัฒนธรรม มวยไทย อาหารไทย ที่ขึ้นชื่อ
เรามีภาพยนตร์ ละคร ศิลปิน ที่เริ่มเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ
เรามีสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
และไทยยังได้รับการจัดอันดับว่ามีความมั่นคงทางสุขภาพเป็นอันดับที่ 6 ของโลก
แปลว่าจริงๆ ถ้าเราสามารถวางกลยุทธ์เพื่อบริหารจัดการจุดเด่นเหล่านี้ได้
ประเทศไทยเรา ก็มีศักยภาพในการใช้ Soft Power ได้ไม่แพ้ใครเช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์
เจาะลึกแบบ deep content
ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://softpower30.com
-https://www.statista.com/…/countries-ranked-by-number-of-i…/
-https://www.weforum.org/…/how-china-s-covid-19-recovery-co…/
-https://www.politico.eu/…/coronavirus-china-winning-propag…/
-https://www.silkroadbriefing.com/…/china-development-bank-…/
A case study of Chinese SOFT POWER in COVID-19 era / by investing manly.
Speaking of countries that use Soft Power effectively
We may think of a country that succeeds in cultural exports like South Korea or Japan.
But really, Soft Power isn't just a cultural thing.
Especially in this situation where COVID-19 outbreak is now.
China is one of the most iconic countries now.
How interesting is this? Investing man will tell you about it.
╔═══════════╗
Blockdit. Analytical Articles Collection.
Deep content penetrating
The latest podcast feature is available.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
First of all, let's start by understanding the word ′′ Soft Power ′′
Soft Power comes from the concept of Harvard University professor named Joseph Nye
Expanding influences or making others follow without a force.
Soft Power will occur from 3 main factors include culture, values and foreign policy.
Examples of successful countries by using Soft Power
France is famous for food. It is the most Michelin star country in the world.
There are many famous attractions such as the Eiffel Tower, Louvre Museum.
Make it the country with foreign tourists to visit the world's most.
As many as 90 million people as 2018
The UK has BBC recognized media
Which is one of the most viewed influential media in the world.
In addition, Premier League is a popular football match all over the world.
USA is called another successful country to publish culture.
Through the film industry, music including brands we use in everyday life.
U.S. education is the country with the world's most universities.
Including technology is the origin of companies like Facebook, Apple, Google, Microsoft.
And as you know, a major U.S. rival is ′′ China
Especially when unexpected events like COVID-19
Which became an important factor in the influential competition between these 2 countries.
And it looks like China is scoring this side outstandingly.
Because although China is the center of the first outbreak.
But it's also a country that can handle COVID-19 as well.
When the outbreak spread to other countries
China also uses this opportunity to send help to the world.
Chinese government has been sent necessary equipment, hygienic mask, anti-germs, examination kit, including medical team to over 120 countries.
Information related to disease detection, treatment and prevention of disease based on the experience China has obtained before.
In addition, low interest loan band approved and debt break project.
To the country under the Belt and Road project affected by COVID-19
In China's private sector, we are cooperating and helping with this COVID-19 crisis.
Specifically, businesses involved in the production of medical equipment, finance and transportation. Medical supplies are donated to different countries.
In addition, Alibaba and Jack Ma's foundation donated almost 100 countries of hygienic masks.
Media has been published on how to cure 8 languages online.
Including creating a real-time data exchange platform called
Global MediXchange for Combating COVID-19 หรือ GMCC
While China is doing everything, the world's big brother USA can't control the COVID-19 outbreak situation in the country.
Therefore, COVID-19 is like China's opportunity.
To shake U.S. influence using Soft Power as a resource on hand.
And if China can successfully produce vaccines first country.
Interesting how the power balance between China and USA will change.
In fact, COVID-19 China has started using Soft Power for a while.
In the culture, we can see that the entertainment industry, attractions and Chinese are becoming more popular through film series, music including scholarships. cuddle students abroad.
In foreign countries, there are Belt and Road projects that help develop infrastructure in over 60 countries.
When I look back at Thailand, I am a unique country.
We have a Thai boxing culture, famous Thai food.
We have a drama film, an artist that started to be known abroad.
We have the world's top popular attractions.
And Thai is also ranked as the world's number 6 health stability.
Really means if we can strategize to manage these highlights.
Thailand, we also have the potential to use Soft Power, not allergic to anyone..
╔═══════════╗
Blockdit. Analytical Articles Collection.
Deep content penetrating
The latest podcast feature is available.
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Follow to invest manly at
Website - longtunman.com
Blockdit-blockdit.com/longtunman
Facebook-@[113397052526245:274: lngthun mæn]
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram-instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://softpower30.com
-https://www.statista.com/statistics/261726/countries-ranked-by-number-of-international-tourist-arrivals/
-https://www.weforum.org/agenda/2020/03/how-china-s-covid-19-recovery-could-bolster-its-global-influence/
-https://www.politico.eu/article/coronavirus-china-winning-propaganda-war/
-https://www.silkroadbriefing.com/news/2020/03/27/china-development-bank-provide-financial-support-belt-road-projects-affected-covid-19/Translated
microsoft team download 在 GamingDose Facebook 八卦
พัฒนาการขึ้นไปอีกขั้น เมื่อตอนนี้ผู้ใช้งาน XBOX สามารถ Pre-Load ตัวเกมได้ก่อนที่จะได้รับหรือเป็นเจ้าของเกมจริง ๆ
.
แน่นอนปัญหาสำหรับคนที่ชอบเล่นเกมในยุคนี้ มีเงิน มีคอม มีเครื่อง แต่เน็ตอาจไม่อำนวย ต้องเจอกับปัญหาการดาวน์โหลดตัวเกมที่ขนาดเกมใหญ่ขึ้นแทบจะทุกปี ๆ และนี่อาจเป็นทางออกของปัญหาดังกล่าวสำหรับผู้เล่น XBOX
.
ทีมงาน XBOX เพิมฟีเจอร์ใหม่เข้าไปในแอปโดยเป็นรูปแบบของการทดลองใช้ (Beta) ฟีเจอร์นี้จะทำให้ผู้ที่ซื้อเกมมาแล้ว สามารถดาวน์โหลดเกมลงเครื่องตัวเองล่วงหน้าได้เลยโดยยังไม่จำเป็นจะต้องใส่แผ่นดิสก์หรือยังไม่ต้องเป็นเจ้าของเกมด้วยซ้ำ
.
โดยฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้บนระบบ Android แล้วค้นหาเกมที่มีตัวเลือกดังกล่าว จากนั้นเลือก ดาวน์โหลดไปที่เครื่องคอนโซล ถ้าหากคุณมี XBOX มากกว่า 1 เครื่อง ก็สามารถเลือกได้ว่าจะดาวน์โหลดไปไว้ที่เครื่องไหน
.
และเมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว เมื่อคุณซื้อเกมนั้น คุณก็พร้อมจะเล่นทันทีโดยไม่ต้องโหลดอะไรเพิ่ม (ยกเว้นแพทช์อัปเดต ถ้ามี)
.
เรียกได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง ส่วนในประเทศไทยต้องรอดูคนใช้งานจริงว่าเป็นยังไงบ้าง
.
XBOX Series X / S จะเปิดตัว 10 พฤศจิกายน ในราคา 499.99$ และ 299.99$
.
ที่มา : https://www.dualshockers.com/preload-games-before-insertin…/
.
#gamingdose #ข่าวเกม #XBOX #Microsoft
A step higher now. XBOX users can pre-lock the game before they actually get or own the game.
.
Sure problem for those who like to play games in this era. There is a computer and a computer but the internet may not be able to have a problem with downloading the game that is getting bigger almost every year and this may be the solution to the problem for the XBOX players.
.
The XBOX team has new feature into the app. It's a model of trial (Beta). This feature allows those who have bought the game to download themselves in advance. It doesn't have to put a disc or not have to own it. Even a game.
.
This feature is available on Android system. Search games with such options. Then download to the console. If you have more than 1 XBOX, you can choose which one to download.
.
And when download is done, when you buy that game, you're ready to play immediately without loading anything extra (except patches, update if available)
.
It's a truly useful feature for consumers. Thailand has to wait to see how it works.
.
XBOX Series Series / S will be launched November 10 for 499.99 $ and 299.99 $
.
Source: https://www.dualshockers.com/preload-games-before-inserting-disc-xbox/
.
#gamingdose #ข่าวเกม #XBOX #MicrosoftTranslated
microsoft team download 在 How To Download Microsoft Teams - YouTube 的八卦
... <看更多>