ผู้สนับสนุน..
สตาร์ทอัพไทย จะเป็นยูนิคอร์นได้อย่างไร? / โดย ลงทุนแมน
ยูนิคอร์น คือ สตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากกว่า 3 หมื่นล้านบาท
รู้ไหมว่าเพื่อนบ้านที่รายล้อมเราในอาเซียนต่างมีสตาร์ทอัพที่เป็นยูนิคอร์นกันทั้งหมด
อินโดนีเซีย มี GOJEK, tokopedia, traveloka, Bukalapak
เวียดนาม มี VNG
ฟิลิปปินส์ มี Revolution Precrafted
มาเลเซีย มี Grab
สิงคโปร์ มี SEA ที่สามารถระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ประเทศไทยยังไม่มียูนิคอร์น..
รู้ไหมว่าหนึ่งในเหตุผลหลักของเรื่องนี้ก็คือ
“คนรุ่นใหม่เก่งๆ” ในประเทศไทย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี สนใจทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่มากกว่าที่จะผันตัวเองมาเป็นผู้ประกอบการในรูปแบบสตาร์ทอัพ
สาเหตุก็เป็นเพราะพวกเขามองเห็นโอกาสในอนาคตที่จะประสบความสำเร็จในประเทศไทยในฐานะสตาร์ทอัพ น้อยกว่าการทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่เดิม หรือบริษัทใหญ่ที่เป็นยูนิคอร์นจากต่างประเทศ
ลองคิดตามว่า เด็กรุ่นใหม่เรียนจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง
ถ้าคนที่มาเสนองานมีบริษัท Google, Lazada, Grab, Agoda, Garena, KBank กับการก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพด้วยตนเอง คนไทยเหล่านั้นมักจะเลือกที่จะเริ่มทำงานกับบริษัทใหญ่มากกว่า
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็ยังมีเรื่องเงินทุน เรื่องกฎหมาย และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือไม่รู้วิธีการที่จะพัฒนาธุรกิจให้เข้าถึงผู้ใช้งานจำนวนมากได้
จากปัญหาทั้งหมดนี้
แล้วสตาร์ทอัพไทยจะสามารถเป็นยูนิคอร์นได้อย่างไรบ้าง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
โดยทั่วไป การระดมทุนของสตาร์ทอัพจะถูกแบ่งตามการประเมินมูลค่าของบริษัท (Valuation) ออกเป็น
ระยะเริ่มต้นเรียกว่า Seed
หลังจากนั้นก็จะไล่ระดับตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ เช่น Series A Series B Series C
แล้วเรารู้ไหมว่า.. จำนวนสตาร์ทอัพไทยเทียบกับเพื่อนบ้าน เป็นอย่างไร?
สตาร์ทอัพที่ระดมทุนในระดับ Seed
อินโดนีเซีย 428 บริษัท
เวียดนาม 197 บริษัท
ไทย 170 บริษัท
สตาร์ทอัพที่ระดมทุนในระดับ Series A
อินโดนีเซีย 101 บริษัท
เวียดนาม 52 บริษัท
ไทย 36 บริษัท
สตาร์ทอัพที่ระดมทุนในระดับ Series B
อินโดนีเซีย 25 บริษัท
เวียดนาม 12 บริษัท
ไทย 9 บริษัท
สตาร์ทอัพที่ระดมทุนในระดับ Series C
อินโดนีเซีย 13 บริษัท
เวียดนาม 8 บริษัท
ไทย 3 บริษัท
จากตัวเลขข้างต้นแสดงให้เห็นว่า จำนวนสตาร์ทอัพประเทศไทยน้อยกว่า ประเทศเพื่อนบ้านอย่างชัดเจนในทุกระดับการระดมทุน
และเมื่อดูถึงมูลค่าที่ระดมทุนได้
สตาร์ทอัพอินโดนีเซียและเวียดนาม สามารถระดมทุนได้มากกว่าสตาร์ทอัพไทย 22 และ 2 เท่า ตามลำดับ..
แน่นอนว่าปัญหาสำคัญของการก้าวเข้าสู่สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นก็คือ “ฐานจำนวนผู้ใช้งาน”
หากมองจากมุมนี้ ก็อาจเข้าใจได้ว่าประเทศไทยเสียเปรียบด้านจำนวนประชากรหากเทียบกับเวียดนาม และ อินโดนีเซีย
แล้วจะมีเครื่องมืออะไรบ้างที่เป็นตัวช่วยให้สตาร์ทอัพเข้าถึงคนเป็นจำนวนมากได้?
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีประชากร 66 ล้านคน
โดยคนไทย 50 ล้านคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
ถ้าถามว่าคนไทยคุ้นเคยกับแอปพลิเคชันอะไรมากสุด
คำตอบคงหนีไม่พ้น แอปพลิเคชัน LINE
รู้ไหมว่า..
ปัจจุบัน คนไทยใช้งานแอปพลิเคชัน LINE กว่า 44 ล้านคน
คิดเป็นเกือบ 90% ของคนไทยที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟน
ในขณะที่ คนไทยเล่นอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟนเฉลี่ยวันละ 216 นาที
ซึ่งกว่า 63 นาทีเป็นการใช้งานบนแอปพลิเคชัน LINE
นอกจากนี้ วิวัฒนาการของ LINE ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ทำให้ปัจจุบัน LINE ไม่ได้เป็นเพียงแอปแช็ต
แต่บริษัทสามารถขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล
จนผู้ใช้งานสามารถทำทุกอย่างบน LINE ได้
ตั้งแต่การติดต่อสื่อสาร สั่งอาหาร ช้อปปิง รวมไปถึงธุรกรรมทางการเงิน
เรียกได้ว่าคนไทยทั้งประเทศกำลังใช้ LINE ในชีวิตประจำวันของพวกเขา
ซึ่งการที่สตาร์ทอัพจะถึงระดับยูนิคอร์นได้ก็คือต้องขยายขนาดธุรกิจ
การที่จะขยายธุรกิจได้ก็ต้องมีผู้ใช้งานหรือลูกค้ามากขึ้น
และ LINE เป็นแพลตฟอร์มเดียวในประเทศไทย ที่จะทำให้เข้าถึงคนจำนวนมากได้
คำถามต่อไปก็คือ
สตาร์ทอัพเหล่านี้จะใช้แพลตฟอร์ม LINE อย่างไรให้ได้เต็มศักยภาพที่สุด?
“โครงการ LINE ScaleUp” จึงถูกก่อตั้งขึ้นโดย LINE โดยมีจุดประสงค์ช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง ผ่านการใช้เทคโนโลยีภายใต้แพลตฟอร์มของ LINE ให้ได้ดีที่สุด
ซึ่งในปีนี้ มี 6 สตาร์ทอัพไทยที่เข้ารอบ LINE ScaleUp 2019 จากผู้สมัคร 100 บริษัท คือ
1.Choco CRM แพลตฟอร์มระบบจัดการหน้าร้าน และพัฒนาความสัมพันธ์ลูกค้า
2.ClaimDi แพลตฟอร์มจัดหาผู้ช่วยสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น รถชน หรือเรียกตำรวจ
3.Finnomena แพลตฟอร์มผู้ให้บริการและคำปรึกษากับนักลงทุน
4.GoWabi แพลตฟอร์มจองบริการสปาและบริการเสริมความงาม
5.Seekster แพลตฟอร์มจัดหาผู้ให้บริการด้านความสะอาด
6.Tellscore แพลตฟอร์มจัดการ micro-influencer
ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยเหล่านี้มีรายได้เฉลี่ยบริษัทละ 45 ล้านบาท มีพนักงานในบริษัทไม่ต่ำกว่า 80 คน และได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 360 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นสตาร์ทอัพระดับ Series A ที่เตรียมตัวจะขยาย และยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
ดังนั้น การพยายามเข้าถึงลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพที่อยู่ใน stage นี้ แต่ละบริษัทจึงเล็งเห็นความสำคัญในการปรับธุรกิจให้เข้ากับ LINE เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ได้แม่นยำ และเข้าใจกลุ่มลูกค้าเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ สตาร์ทอัพในโครงการ LINE ScaleUp ยังได้รับโอกาสในการพัฒนารากฐานสำคัญ 3 ส่วน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเติบโต แบ่งออกเป็น
1.ด้านพื้นฐานทั้งการสอนแบบกลุ่ม และตัวต่อตัว เช่น การให้ความรู้พื้นฐานด้านธุรกิจ เทคโนโลยี การออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ การบริหารบุคลากร รวมถึงกฎหมายที่จำเป็น
2.ด้านการลงทุน เช่น การให้ความรู้ และเข้าถึงโอกาสได้รับการลงทุนจาก LINE Venture และผู้ลงทุนจากต่างชาติ
3.ด้านการเรียนรู้ความสำเร็จจากสตาร์ทอัพระดับโลก เช่น การแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อคิดเห็นกับบริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์นตัวจริงผ่านการไปดูงานที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึง NAVER บริษัทแม่ของ LINE
ซึ่งหลังการพัฒนารากฐาน จะทำให้สตาร์ทอัพทุกรายมีความพร้อมมากขึ้น และในก้าวต่อไป สตาร์ทอัพยังมีโอกาสได้เป็นพันธมิตรกับบริการต่างๆ ของ LINE ได้ เช่น
1.ความร่วมมือด้านธุรกิจ โดย LINE เปิดช่องทางมินิแอป (Mini App) บนแอปพลิเคชัน LINE โดย ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการของสตาร์ทอัพได้ทันทีผ่าน LINE ซึ่งปัจจุบันสามารถเข้าใช้บริการของ Seekster และ Finnomena ผ่านมินิแอปได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
2.ความร่วมมือด้านพันธมิตรอย่างเป็นทางการ (Strategic Partnership) โดยตัวอย่างเช่น การเปิดให้ผู้ใช้งานเข้าถึงบริการทำความสะอาดของ Seekster ผ่านแพลตฟอร์ม LINE MAN ในเร็วๆ นี้ หรือ การเข้าถึงช่องทางคอนเทนต์ของ Finnomena และ Claimdi ผ่าน LINE TODAY และ LINE TV
3.ความร่วมมือแบบบูรณาการเชิงลึก (Deep Integration) ให้กับทั้ง 6 ทีม โดยเฉพาะบริษัท Choco CRM, Tellscore และ GOWABI ที่สามารถต่อยอดการพัฒนาบริการเชิงลึกผ่าน LINE API เพื่อให้บริษัทเหล่านี้สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้เป็นวงกว้างผ่านแพลตฟอร์ม LINE เช่น Tellscore สามารถทำการสมัครเป็น Influencer ได้ผ่าน LINE หรือ Choco CRM ที่ช่วยสร้างบัตรสะสมแต้มให้กับบริษัท และร้านค้าบน LINE
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่า LINE ScaleUp เป็นหนึ่งในโครงการที่จะช่วยเร่งให้ธุรกิจสตาร์ทอัพประเทศไทยก้าวเข้าสู่ระดับยูนิคอร์นได้ในอนาคตโดยการใช้เทคโนโลยี และจำนวนผู้ใช้ของ LINE ซึ่งก็น่าติดตามว่าจะมีทีมไหนที่จะเข้าสู่จุดนั้น
และ LINE ScaleUp จะไม่ได้มีแค่ปีนี้เพียงปีเดียว
ซึ่ง LINE ได้วางแผนระยะยาว และเอาจริงกับวงการสตาร์ทอัพในประเทศไทย
โดยจะเปิดรับสมัคร LINE ScaleUp 2020 รุ่นใหม่ในช่วงต้นปีหน้าที่จะถึงนี้
หากสตาร์ทอัพไหนมี passion ในการทำธุรกิจ และ เชื่อว่าสักวันจะประสบความสำเร็จกลายเป็นยูนิคอร์นสัญชาติไทย ลองเตรียมตัวเข้าร่วมโครงการนี้ในปีหน้า ซึ่ง LINE ScaleUp อาจจะเป็นหนึ่งในคำตอบที่ทำให้เราก้าวสู่ยูนิคอร์นได้สำเร็จ เป็นครั้งแรกของประเทศไทย..
ติดต่อข่าวสารโครงการ LINE ScaleUp ได้ที่ https://scaleup.line.me/
同時也有50部Youtube影片,追蹤數超過69萬的網紅Wongnai,也在其Youtube影片中提到,"ความฝันคือสิ่งที่ทุกคนมี โอกาสคือสิ่งที่ทุกคนต้องการ" . บทสัมภาษณ์ ล่ามทรงนายฮ้อย . #KOLWongnai #ล่ามทรงนายฮ้อย #Wongnai . โอกาสมาแล้วว?? ตามหา “ไอดอ...
「micro influencer」的推薦目錄:
- 關於micro influencer 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於micro influencer 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於micro influencer 在 Facebook
- 關於micro influencer 在 Wongnai Youtube
- 關於micro influencer 在 Vanmiu Beauty Youtube
- 關於micro influencer 在 Kyle Le Dot Net Youtube
- 關於micro influencer 在 How to Partner With YouTube Micro-Influencers 的評價
- 關於micro influencer 在 How to become a *MICRO INFLUENCER* how I get PR ... 的評價
micro influencer 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
ผู้สนับสนุน..
สตาร์ทอัพไทย จะเป็นยูนิคอร์นได้อย่างไร? / โดย ลงทุนแมน
ยูนิคอร์น คือ สตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามากกว่า 3 หมื่นล้านบาท
รู้ไหมว่าเพื่อนบ้านที่รายล้อมเราในอาเซียนต่างมีสตาร์ทอัพที่เป็นยูนิคอร์นกันทั้งหมด
อินโดนีเซีย มี GOJEK, tokopedia, traveloka, Bukalapak
เวียดนาม มี VNG
ฟิลิปปินส์ มี Revolution Precrafted
มาเลเซีย มี Grab
สิงคโปร์ มี SEA ที่สามารถระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ประเทศไทยยังไม่มียูนิคอร์น..
รู้ไหมว่าหนึ่งในเหตุผลหลักของเรื่องนี้ก็คือ
“คนรุ่นใหม่เก่งๆ” ในประเทศไทย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี สนใจทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่มากกว่าที่จะผันตัวเองมาเป็นผู้ประกอบการในรูปแบบสตาร์ทอัพ
สาเหตุก็เป็นเพราะพวกเขามองเห็นโอกาสในอนาคตที่จะประสบความสำเร็จในประเทศไทยในฐานะสตาร์ทอัพ น้อยกว่าการทำงานอยู่ในบริษัทใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่เดิม หรือบริษัทใหญ่ที่เป็นยูนิคอร์นจากต่างประเทศ
ลองคิดตามว่า เด็กรุ่นใหม่เรียนจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง
ถ้าคนที่มาเสนองานมีบริษัท Google, Lazada, Grab, Agoda, Garena, KBank กับการก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพด้วยตนเอง คนไทยเหล่านั้นมักจะเลือกที่จะเริ่มทำงานกับบริษัทใหญ่มากกว่า
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็ยังมีเรื่องเงินทุน เรื่องกฎหมาย และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือไม่รู้วิธีการที่จะพัฒนาธุรกิจให้เข้าถึงผู้ใช้งานจำนวนมากได้
จากปัญหาทั้งหมดนี้
แล้วสตาร์ทอัพไทยจะสามารถเป็นยูนิคอร์นได้อย่างไรบ้าง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
โดยทั่วไป การระดมทุนของสตาร์ทอัพจะถูกแบ่งตามการประเมินมูลค่าของบริษัท (Valuation) ออกเป็น
ระยะเริ่มต้นเรียกว่า Seed
หลังจากนั้นก็จะไล่ระดับตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ เช่น Series A Series B Series C
แล้วเรารู้ไหมว่า.. จำนวนสตาร์ทอัพไทยเทียบกับเพื่อนบ้าน เป็นอย่างไร?
สตาร์ทอัพที่ระดมทุนในระดับ Seed
อินโดนีเซีย 428 บริษัท
เวียดนาม 197 บริษัท
ไทย 170 บริษัท
สตาร์ทอัพที่ระดมทุนในระดับ Series A
อินโดนีเซีย 101 บริษัท
เวียดนาม 52 บริษัท
ไทย 36 บริษัท
สตาร์ทอัพที่ระดมทุนในระดับ Series B
อินโดนีเซีย 25 บริษัท
เวียดนาม 12 บริษัท
ไทย 9 บริษัท
สตาร์ทอัพที่ระดมทุนในระดับ Series C
อินโดนีเซีย 13 บริษัท
เวียดนาม 8 บริษัท
ไทย 3 บริษัท
จากตัวเลขข้างต้นแสดงให้เห็นว่า จำนวนสตาร์ทอัพประเทศไทยน้อยกว่า ประเทศเพื่อนบ้านอย่างชัดเจนในทุกระดับการระดมทุน
และเมื่อดูถึงมูลค่าที่ระดมทุนได้
สตาร์ทอัพอินโดนีเซียและเวียดนาม สามารถระดมทุนได้มากกว่าสตาร์ทอัพไทย 22 และ 2 เท่า ตามลำดับ..
แน่นอนว่าปัญหาสำคัญของการก้าวเข้าสู่สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นก็คือ “ฐานจำนวนผู้ใช้งาน”
หากมองจากมุมนี้ ก็อาจเข้าใจได้ว่าประเทศไทยเสียเปรียบด้านจำนวนประชากรหากเทียบกับเวียดนาม และ อินโดนีเซีย
แล้วจะมีเครื่องมืออะไรบ้างที่เป็นตัวช่วยให้สตาร์ทอัพเข้าถึงคนเป็นจำนวนมากได้?
ปัจจุบัน ประเทศไทยมีประชากร 66 ล้านคน
โดยคนไทย 50 ล้านคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
ถ้าถามว่าคนไทยคุ้นเคยกับแอปพลิเคชันอะไรมากสุด
คำตอบคงหนีไม่พ้น แอปพลิเคชัน LINE
รู้ไหมว่า..
ปัจจุบัน คนไทยใช้งานแอปพลิเคชัน LINE กว่า 44 ล้านคน
คิดเป็นเกือบ 90% ของคนไทยที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟน
ในขณะที่ คนไทยเล่นอินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟนเฉลี่ยวันละ 216 นาที
ซึ่งกว่า 63 นาทีเป็นการใช้งานบนแอปพลิเคชัน LINE
นอกจากนี้ วิวัฒนาการของ LINE ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ทำให้ปัจจุบัน LINE ไม่ได้เป็นเพียงแอปแช็ต
แต่บริษัทสามารถขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล
จนผู้ใช้งานสามารถทำทุกอย่างบน LINE ได้
ตั้งแต่การติดต่อสื่อสาร สั่งอาหาร ช้อปปิง รวมไปถึงธุรกรรมทางการเงิน
เรียกได้ว่าคนไทยทั้งประเทศกำลังใช้ LINE ในชีวิตประจำวันของพวกเขา
ซึ่งการที่สตาร์ทอัพจะถึงระดับยูนิคอร์นได้ก็คือต้องขยายขนาดธุรกิจ
การที่จะขยายธุรกิจได้ก็ต้องมีผู้ใช้งานหรือลูกค้ามากขึ้น
และ LINE เป็นแพลตฟอร์มเดียวในประเทศไทย ที่จะทำให้เข้าถึงคนจำนวนมากได้
คำถามต่อไปก็คือ
สตาร์ทอัพเหล่านี้จะใช้แพลตฟอร์ม LINE อย่างไรให้ได้เต็มศักยภาพที่สุด?
“โครงการ LINE ScaleUp” จึงถูกก่อตั้งขึ้นโดย LINE โดยมีจุดประสงค์ช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเอง ผ่านการใช้เทคโนโลยีภายใต้แพลตฟอร์มของ LINE ให้ได้ดีที่สุด
ซึ่งในปีนี้ มี 6 สตาร์ทอัพไทยที่เข้ารอบ LINE ScaleUp 2019 จากผู้สมัคร 100 บริษัท คือ
1.Choco CRM แพลตฟอร์มระบบจัดการหน้าร้าน และพัฒนาความสัมพันธ์ลูกค้า
2.ClaimDi แพลตฟอร์มจัดหาผู้ช่วยสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น รถชน หรือเรียกตำรวจ
3.Finnomena แพลตฟอร์มผู้ให้บริการและคำปรึกษากับนักลงทุน
4.GoWabi แพลตฟอร์มจองบริการสปาและบริการเสริมความงาม
5.Seekster แพลตฟอร์มจัดหาผู้ให้บริการด้านความสะอาด
6.Tellscore แพลตฟอร์มจัดการ micro-influencer
ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยเหล่านี้มีรายได้เฉลี่ยบริษัทละ 45 ล้านบาท มีพนักงานในบริษัทไม่ต่ำกว่า 80 คน และได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 360 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นสตาร์ทอัพระดับ Series A ที่เตรียมตัวจะขยาย และยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
ดังนั้น การพยายามเข้าถึงลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพที่อยู่ใน stage นี้ แต่ละบริษัทจึงเล็งเห็นความสำคัญในการปรับธุรกิจให้เข้ากับ LINE เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ได้แม่นยำ และเข้าใจกลุ่มลูกค้าเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ สตาร์ทอัพในโครงการ LINE ScaleUp ยังได้รับโอกาสในการพัฒนารากฐานสำคัญ 3 ส่วน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเติบโต แบ่งออกเป็น
1.ด้านพื้นฐานทั้งการสอนแบบกลุ่ม และตัวต่อตัว เช่น การให้ความรู้พื้นฐานด้านธุรกิจ เทคโนโลยี การออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ การบริหารบุคลากร รวมถึงกฎหมายที่จำเป็น
2.ด้านการลงทุน เช่น การให้ความรู้ และเข้าถึงโอกาสได้รับการลงทุนจาก LINE Venture และผู้ลงทุนจากต่างชาติ
3.ด้านการเรียนรู้ความสำเร็จจากสตาร์ทอัพระดับโลก เช่น การแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อคิดเห็นกับบริษัทสตาร์ทอัพยูนิคอร์นตัวจริงผ่านการไปดูงานที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึง NAVER บริษัทแม่ของ LINE
ซึ่งหลังการพัฒนารากฐาน จะทำให้สตาร์ทอัพทุกรายมีความพร้อมมากขึ้น และในก้าวต่อไป สตาร์ทอัพยังมีโอกาสได้เป็นพันธมิตรกับบริการต่างๆ ของ LINE ได้ เช่น
1.ความร่วมมือด้านธุรกิจ โดย LINE เปิดช่องทางมินิแอป (Mini App) บนแอปพลิเคชัน LINE โดย ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการของสตาร์ทอัพได้ทันทีผ่าน LINE ซึ่งปัจจุบันสามารถเข้าใช้บริการของ Seekster และ Finnomena ผ่านมินิแอปได้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
2.ความร่วมมือด้านพันธมิตรอย่างเป็นทางการ (Strategic Partnership) โดยตัวอย่างเช่น การเปิดให้ผู้ใช้งานเข้าถึงบริการทำความสะอาดของ Seekster ผ่านแพลตฟอร์ม LINE MAN ในเร็วๆ นี้ หรือ การเข้าถึงช่องทางคอนเทนต์ของ Finnomena และ Claimdi ผ่าน LINE TODAY และ LINE TV
3.ความร่วมมือแบบบูรณาการเชิงลึก (Deep Integration) ให้กับทั้ง 6 ทีม โดยเฉพาะบริษัท Choco CRM, Tellscore และ GOWABI ที่สามารถต่อยอดการพัฒนาบริการเชิงลึกผ่าน LINE API เพื่อให้บริษัทเหล่านี้สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้เป็นวงกว้างผ่านแพลตฟอร์ม LINE เช่น Tellscore สามารถทำการสมัครเป็น Influencer ได้ผ่าน LINE หรือ Choco CRM ที่ช่วยสร้างบัตรสะสมแต้มให้กับบริษัท และร้านค้าบน LINE
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่า LINE ScaleUp เป็นหนึ่งในโครงการที่จะช่วยเร่งให้ธุรกิจสตาร์ทอัพประเทศไทยก้าวเข้าสู่ระดับยูนิคอร์นได้ในอนาคตโดยการใช้เทคโนโลยี และจำนวนผู้ใช้ของ LINE ซึ่งก็น่าติดตามว่าจะมีทีมไหนที่จะเข้าสู่จุดนั้น
และ LINE ScaleUp จะไม่ได้มีแค่ปีนี้เพียงปีเดียว
ซึ่ง LINE ได้วางแผนระยะยาว และเอาจริงกับวงการสตาร์ทอัพในประเทศไทย
โดยจะเปิดรับสมัคร LINE ScaleUp 2020 รุ่นใหม่ในช่วงต้นปีหน้าที่จะถึงนี้
หากสตาร์ทอัพไหนมี passion ในการทำธุรกิจ และ เชื่อว่าสักวันจะประสบความสำเร็จกลายเป็นยูนิคอร์นสัญชาติไทย ลองเตรียมตัวเข้าร่วมโครงการนี้ในปีหน้า ซึ่ง LINE ScaleUp อาจจะเป็นหนึ่งในคำตอบที่ทำให้เราก้าวสู่ยูนิคอร์นได้สำเร็จ เป็นครั้งแรกของประเทศไทย..
ติดต่อข่าวสารโครงการ LINE ScaleUp ได้ที่ https://scaleup.line.me/
micro influencer 在 Facebook 八卦
AI SẼ LÀ NGƯỜI KẾ TỤC G-DRAGON?
G-Dragon, với danh xưng được báo chí thế giới và người hâm mộ đặt cho là: “King of Fashion” “King of K-pop” thì cũng không ngoa với những gì mà Kwon Ji Yong đã thực hiện trong việc đưa văn hóa Hallyu Hàn Quốc phát triển và gây ảnh hưởng tới toàn thế giới. Nhưng có một điều để làm rõ và tránh gây xung đột không cần thiết thì mình xin khẳng định rằng G-Dragon không phải là tất cả trong việc Hàn Quốc đang thể hiện sức mạnh của mình trong ảnh hưởng thế giới thời trang. G-Dragon là một trong những tác nhân quan trọng còn việc lan tỏa ra là sự đóng góp của nhiều ngôi sao khác, những tổ chức khác.
Anh tôi sinh năm 1988 – tính ra năm nay đã 33 tuổi. Hoạt động trong ngành nghệ thuật 27 năm, tính từ lúc xuất hiện trên TV khi là 1 cậu nhóc trong nhóm Little Roo’ra - phiên bản nhí của Roo’ra (Một trong những biểu tượng của K’pop thời đó) cho đến năm 2007, trải qua bao nhiêu luyện tập từ nhà SM và cuối cùng là YG. G-dragon debut cùng nhóm nhạc 5 thành viên Bigbang và đánh dấu thành công đầu tiên vào năm 2007 với mini albums đầu tiên Always – hit đầu tiên “Lies”. Từ đó, đế chế Bigbang nói chung và của G-Dragon nói riêng bắt đầu được gầy dựng.
Áp lực từ ngành giải trí luôn luôn là căng thẳng và mệt mỏi. Anh tôi cũng vậy, anh tôi cũng muốn được yêu thương và quan trọng là cần thời gian cho hôn nhân của ảnh. Trong nhóm thì “Mặt trời của bé” Dong Young-Bae đã yên bề gia thất còn thị T.o.p giờ đây chỉ có tình yêu với chú lạc đà Alpaca và những thứ nghệ thuật trừu tượng. Có lẽ chúng ta nên tự hỏi rằng “Ai sẽ là người kế tục G-dragon?” trong vai diễn Solo ở cả mảng âm nhạc và thời trang.
Tất nhiên, list nghệ sĩ dưới đây là theo quan điểm cá nhân của riêng mình và nếu các bạn có ý kiến khác thì đừng ngại comment để mọi người cũng biết rõ và tranh luận văn mình hơn nhé.
1. Song Min-ho ( Mino)
Rapper sinh ngày 30/3/1993, thành viên của Winner được mình cho là thế hệ kế cận tiêu biểu của Gdragon vì tài năng và khả năng thể hiện thời trang đặc sắc và mang tính cá nhân cao. Các sản phẩm solo của Mino cũng rất chất lượng và để cho người ta biết tới cái tên của anh chàng. Đây cũng là một điểm + lớn cho trở thành biểu tượng mới của Thời trang Hàn Quốc – DNA + không bị cái bóng của boyband đè quá lớn. Mino cũng có khả năng viết nhạc, producer và một tình yêu với Rap – gần giống như với Gdragon.
Cái sự hoạt động của Mino trong thế giới thời trang cũng “lên voi xuống cún” lắm. Tháng 9 năm 2017, Mino là đại sứ thương hiệu của Burberry – sau đó là với nhãn hàng eyeswear/kính mắt nổi tiếng từ Hàn là Gentle Monster vào năm 2018.
Và đỉnh cao nhất chắc là vào ngày 20/06/2019 – hình ảnh Mino tự tin sải bước trên sàn runway của Louis Vuitton mùa Xuân 2020 tại Paris đã khiến rất nhiều người và cánh truyền thông chú tâm vào rapper nhóm Winner/Song Mino. Được chính tay Virgil Abloh (AD của LV’s Menswear) mời tham gia, Mino trở thành nghệ sĩ Hàn đầu tiên xuất hiện trên runway của 1 thương hiệu thời trang lớn.
Với khả năng, góc nhìn nghệ thuật và tính cách của mình, thì sự tin tưởng về một hình tượng “Song Mino” xuất hiện và kế tục Gdragon là có thể tin tưởng được. Nhưng nó đòi hỏi Mino phải hoạt động tích cực và cống hiến nhiều hơn nữa.
2. Kwon Hyuk (DEAN)
Nếu như Mino là 1 người có thể mình (là mình nhé, not official) cho là sẽ cho thế giới một icon mới về thời trang ở tương lai thì Kwon Hyuk (Dean) lại mang một cảm giác nhẹ nhàng hơn, một sự lãng mạn về âm nhạc và thời trang hơn. Dean – từng xuất hiện với title là “New Prince of RnB” (Hoàng tử mới của dòng nhạc Rhythm and Blues) cùng series 3 bài “Say Somethin” “Half Moon” và “Put My Hands On You”. Dean cũng có khả năng rap, hát và sản xuất âm nhạc. Hit “Instagram” của Dean đạt 65 triệu lượt xem trên Youtube, đó là 1 con số không hề nhỏ với 1 Korean Artist. Dean còn nhắm tới lượng khan giả quốc tế với bài “Sometimes I hear Howlin’ in my head” với lyrics toàn bộ là Tiếng Anh.
Sở hữu một gương mặt điển trai typical Idol/Thần tượng nhưng Dean hướng tới việc trở thành “Artist” nhiều hơn. Cũng vì lẽ đó mà thời trang của Dean cũng đa dạng và không bị kiểm soát nhiều bởi các công ty chủ quản, Dean thích mặc gì đúng với phong cách và tính cá nhân của mình là được. Từ những thương hiệu cao cấp nổi tiếng như Burberry, LV cho đến các thương hiệu không quá nhiều người đại chúng biết như Needless, Undercover… thì Dean vẫn là một đối tượng yêu thích của cộng đồng yêu thời trang nói riêng. Nói chung, gu của Dean rất “high-fashion” theo 1 góc nhìn nào đó. Có lẽ con đường của Dean hơi “nghệ thuật” nên sự ảnh hưởng còn chưa nhiều và chưa được công nhận cao.
3. Christian Yu (DPR IAN)
Gã Bad boy thực thụ là chủ tịch đến từ công ty Dream Perfect Regime (DPR). Là người Hàn – Úc, rapper/director/composer/ CEO DPR Ian thể hiện mình là 1 tài năng toàn diện. Thực thà mà nói thì so với Jay Park (CEO của AOMG) thì DPR Ian không thể nào so sánh về mức độ ảnh hưởng và thành công được. Nhưng về thời trang thì anh DPR Ian mang tính “High Fashion” hơn là anh Jay. Park Jae-beom mang nặng phong cách của US nên kiểu mặc của JP thường mang cho chúng ta về 1 “Western Asian” nhiều hơn. Còn DPR Ian giống như 1 gã “Bad Boy” gặm nhấm tim fan bằng vẻ đen tối, sự cô độc trong âm nhạc và thời trang mình mặc.
Cũng chẳng thế mà DPR Ian lọt vào mắt xanh của Queen CL để trình diễn liên tiếp hai MVs vô cùng chất lượng về phần nhìn là “No Blueberries” và “+5Stars+”. Visual của DPR Ian cũng trở nên “xịn” hơn rất nhiều. Hình mẫu này có thể được sử dụng cho những cái tên đang làm mưa làm gió hiện tại như Prada, Saint Laurent Paris, CELINE.. vì nhìn vào là chúng ta có thể tưởng tượng được một cách rõ ràng. Tuy chưa nổi tiếng nhưng nếu đi theo con đường này và cống hiến nhiều hơn thì DPR Ian sẽ đầy tiềm năng để trở thành “Fashion Daddy” mới của xứ Hàn.
4. Lalisa Manoban (LISA – BlackPink)
Hic, mình suy nghĩ rất nhiều về việc đưa Lisa vào danh sách này vì Lisa là người Thái mà trong list toàn là nghệ sĩ người Hàn (hoặc lai Hàn). Nhưng vì Blackpink đang present cho Hàn Quốc mà Lisa là thành viên của Blackpink nên người ta nhắc Lisa là nhắc tới BP nên thôi thì…
Thành tựu của BlackPink – khỏi phải kể vì ai cũng biết nhưng ảnh hưởng của Lisa tới tại thời điểm hiện tại là cực kì khủng khiếp. Tính tới mạng xã hội thì Lisa đang là 1 trong top những nghệ sĩ Kpop được theo dõi nhiều nhất (gần 54 triệu lượt theo dõi). Người ta yêu thích Lisa không chỉ đến từ Blackpink mà còn đến từ lifestyle bao gồm makeup, cách pose hình và yeah – đó chính là thời trang/Fashion.
Để thấy tác động của Lisa tới thị trường ăn mặc như thế nào thì dễ dàng nhìn vào các hình ảnh của các micro/macro-influencer thì chúng ta có thể rất nhiều “Tiểu Lisa” “Lisa Wannabe” hiện nay. Đẹp, Sporty, Athleisure, Ứng dụng tốt, gần gũi nhưng vô cùng Sang. Đó là cách Lisa ảnh hưởng rất mạnh tới Gen Z.
Tác động này cũng tới từ việc Lisa được Hedi Slimane gửi gắm trở thành đại sứ toàn cầu của Celine. “Ai rồi cũng phải mặc đồ CELINE” dưới sự tác động của Lisa và tầm nhìn dài hạn của Hedi dành cho thương hiệu vốn dĩ gắn liền với sự cổ kính từ nhà thiết kế tiền nhiệm Phoebe Philo. Một thị trường mới hơn, trẻ trung hơn và Lisa đang thực hiện tốt điều này.
Không chỉ là ở thị trường Châu Á mà còn thị trường Châu Mĩ, Châu Âu với sự ảnh hưởng đồng thời của BlackPink. Lisa trở thành một trong những Ngôi sao Kpop đầu tiên đứng đầu chiến dịch Celine Essentials ( Celine cho mọi nhà). Mỗi lần xuất hiện tại các show diễn thời trang thì Lisa cũng mang sự chú ý như cái cách Gdragon xuất hiện tại show của Chanel vậy. Lisa – CELINE, GDragon – Chanel.. một sự kế tục và ảnh hưởng có thể đặt lên bàn cân để so sánh. Không chỉ là thời trang mà còn mĩ phẩm, chắc chắn trong tương lai Lisa có thể tiến một con đường dài để trở thành nhân vật có ảnh hưởng bậc nhất trong nền công nghiệp thời trang như cái cách GD đã làm vậy.
Vì đây là cảm quan và phân tích cá nhân nên có thể không được sự “Đồng tình” của tất cả mọi người. Nếu mọi người cảm thấy cái tên nào xứng đáng hơn thì có thể comment ở bên dưới để chúng ta cùng tranh luận nhé.
Ủng Hộ cho Bi tại:
Paypal: https://www.paypal.me/triminhle0808
Banking account: Vietinbank
STK: 104005424124 - Chủ tài khoản: Lê Minh Trí.
momo: https://nhantien.momo.vn/triminhle
micro influencer 在 Wongnai Youtube 的評價
"ความฝันคือสิ่งที่ทุกคนมี
โอกาสคือสิ่งที่ทุกคนต้องการ"
.
บทสัมภาษณ์ ล่ามทรงนายฮ้อย
.
#KOLWongnai #ล่ามทรงนายฮ้อย #Wongnai
.
โอกาสมาแล้วว?? ตามหา “ไอดอล” หน้าใหม่ของวงการออนไลน์ (ไม่จำกัดเพศ การศึกษา และอายุ) เพื่อเป็น KOL Wongnai (คนวงใน) ภายใต้แนวคิด “กล้าที่จะเปลี่ยน กล้าที่จะเก่ง เพื่อเปลี่ยนยอดวิวให้เป็นยอดเงิน” ชิงรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท พร้อมเซ็นสัญญาร่วมงานกับ Wongnai ทันที!
.
สมัครเลย https://bit.ly/2JXInxE
ติดต่อสอบถาม 097-984-2765 | kol@wongnai.com | LINE : @kolwongnai
.
‼️ วิธีการเข้าร่วมและหลักเกณฑ์การตัดสิน ‼️
.
? รอบคัดเลือกที่ 1 (วันนี้ - 29 สิงหาคม 2562)
1) ผู้สมัครถ่ายคลิปวิดีโอความยาวไม่เกิน 5 นาที หรือ Live ไม่จำกัดเวลา ภายใต้โจทย์ “รีวิวอะไรก็ได้ให้คนซื้อ” (สิ่งที่รีวิวต้องไม่ผิดกฏหมาย) โดยตัวเองจะต้องเป็นผู้รีวิว และโพสต์ลงบน Facebook ของตนเอง พร้อมเปิดเป็นสาธารณะ โดยใส่ #KOLWongnai และกรอกใบสมัครเข้าร่วมโครงการในช่องทาง https://bit.ly/2JXInxE เพื่อเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 29 สิงหาคม 2562
.
2)คณะกรรมการจะตัดสินเลือกสูงสุด 20 คลิป จากจำนวนผู้เข้าร่วมทั้งหมดเพื่อจะได้เข้ารอบต่อไปโดยอิงจากไอเดียความคิดสร้างสรรค์ และความเห็นของคณะกรรมการ
.
?รอบคัดเลือกที่ 2 (ประกาศผล 6 กันยายน 2562)
1) คลิปของผู้สมัครที่ผ่านเข้ารอบ 2 ทั้งหมด จะได้รับการโพสต์ลงบน Wongnai Official Page
.
2) ผู้สมัคร 10 ท่าน ที่ได้รับการโหวตสูงที่สุดรวมกับคะแนนจากคณะกรรมการ จะผ่านเข้าสู่รอบ Workshop
.
?รอบ Workshop (17 กันยายน 2562)
ผู้เข้ารอบจะได้เข้าร่วม Workshop กับทีม Wongnai พร้อมร่วมสร้าง Content บน Wongnai Official Page เพื่อเข้ารอบชิงชนะเลิศ
.
?รอบชิงชนะเลิศ (30 กันยายน 2562)
คณะกรรมการจะพิจารณาหาผู้ชนะจำนวน 5 ท่าน เพื่อรับตำแหน่ง KOL Wongnai พร้อมรับรางวัลรวมกว่า 1 ล้านบาท เกณฑ์การตัดสินคือ คะแนนรวมจากคณะกรรมการ และ ยอด Engagement ของคลิปสะสมตลอดโครงการ
.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.wongnai.com/news/kol-wongnai-2019
micro influencer 在 Vanmiu Beauty Youtube 的評價
Hi cả nhà iu ^^
Hôm nay Vân sẽ makeup tone nâu tây cho những cô nàng Châu Á . Với những sản phẩm mới tậu siêu hot, cùng xem video để biết những sản phẩm đó là gì nhé .
Love all.
? Sản phẩm Vân dùng:
1. Dưỡng da Serum: https://shorten.asia/FbgyNWtm
2. Kem lót Kryolan HD Micro Primer : https://shorten.asia/nyRVJQ2E
3. Kem nền BEAUTY BLENDER Bounce Foundation: https://shorten.asia/WudVU228
4. Dầu makeup Dm Beauty Oil: https://shorten.asia/sP4tjjPd
5. Bảng ckd kem MAC Studio Fix Conceal and Correct Palette: https://shorten.asia/1eV3yUjN
6. Che khuyết điểm MAKE UP FOR EVER Matte Velvet Skin High Coverage Multi-Use Concealer: https://shorten.asia/ee71Yvzd
7. Phấn bột LA MER - SKINCOLOR de La Mer: https://shorten.asia/FJ9xn4FD
8. Gel định hình chân mày Feathers By Amira Ho Gel: https://shorten.asia/9A9Z9BHd
9. Phấn chân mày ANASTASIA BEVERLY HILLS - Soft Brown: https://shorten.asia/mV22wrwK
10. Bảng mắt 3CE Maison Kitsune Multi Color Palette: https://shorten.asia/41x3K2cN
11. Kẻ bút nước Smashbox Always On Liquid Eye Liner - Llack 24 hour: https://shorten.asia/5aC9pkPe
12. Tạo khối MAC Studio Fix Sculpt and Shape Contour Palette: https://shorten.asia/ccwpYQkm
13. Bảng má Hồng Kryolan Professional Blusher Set - 15 shades
14. Bảng Highlight Mac Hyper Real Glow Palette - Get It Glowin: https://shorten.asia/fZtJt9rp
15. Son Maybelline New York Sensational Liquid Matte # Nu01 Bare It All: https://shorten.asia/C4DkaZDk
16. Son Sunnies Face Fluffmatte : https://shorten.asia/r2pZD9eV
*********************
Đôi điều về Vanmiu:
➥ Vân Miu là Makeup Artist tại Hồ Chí Minh với phong cách hiện đại, thân thiện và dễ gần.
➥ Vân Miu đạt được những giải thưởng như
» Top 9 Beauty expo 2019 :
» The Best Artistry - MAC 2018.
» Nhân Vật Nữ Của Năm - Vietnam Makeup Award 2019.
» Creative Artist Award - The Vietnamese Makeup Artist Community.
➥ Top 10 Macro Influencer ảnh hưởng lớn nhất ngành làm đẹp năm 2018 và là beauty blogger nổi tiếng youtube với gần 200k lượt theo dõi.
➥ ĐĂNG KÝ KÊNH VANMIU BEAUTY ĐỂ XEM THÊM NHIỀU TIPS MAKE UP: https://goo.gl/tBLVmS
----------------------------------
➥ CÁC DỊCH VỤ TẠI VANMIU BEAUTY
» Dịch vụ trang điểm và làm tóc cô dâu.
» Trang điểm và làm tóc đi tiệc.
» Trang điểm và làm tóc đi sự kiện.
➥ CÁC KHÓA HỌC TẠI VANMIU BEAUTY
» Khóa học trang điểm cá nhân đi làm đi tiệc đi chơi.
» Khóa học trang điểm chuyên nghiệp, trang điểm cô dâu.
» Khóa học làm tóc cô dâu.
----------------------------------
➥ Liên hệ và theo dõi Vanmiu Beauty:
» Chat: http://m.me/vanmiubeauty
» Youtube: https://goo.gl/tBLVmS
» Fanpage Facebook: https://www.facebook.com/vanmiubeauty
» Instagram: https://www.instagram.com/vanmiu.beauty/
» Website: https://vanmiubeauty.com/
» Hotline: 0911768365
» Email: hotro@vanmiu.vn
----------------------------------
© Bản quyền thuộc về Vanmiu Beauty
© Copyright by Vanmiu Beauty ☞ Do not Reup
micro influencer 在 Kyle Le Dot Net Youtube 的評價
Wendi's Channel - https://www.youtube.com/user/wendiland
Mezcala Nursery at 6901 Orange Ave, Long Beach, CA
SUBSCRIBE now for MORE Videos: https://goo.gl/tMnTmX
JOIN to support the channel & for exclusives: http://goo.gl/oUGRBv
Like: Facebook: http://www.fb.com/KyleLe.net
Follow: Instagram and Snapchat @KyleLeDotNet
--------------------------------------------------------------------------------------
About Me: I'm Kyle Le and I used to live, travel, and eat in Vietnam and many Asian countries. I'm passionate about making videos and sharing my experiences and introducing people to the world. I've traveled everywhere in Vietnam, from Hanoi to Saigon - Far North, Central Highlands, Islands, and Deep Mekong Delta - I've visited there. In addition to 15+ countries from Indonesia to Thailand to Singapore, you'll find all of my food, tourist attractions, and daily life experiences discovering my roots in the motherland on this amazing journey right on this channel. So be sure to subscribe- for more videos and connect with me on social media below so you don't miss any adventures.
---------------------------------------------------------------
Like: Facebook: http://www.fb.com/KyleLe.net
Follow: Instagram and Snapchat @KyleLeDotNet
Original Music by Antti Luode.
Filmed with a Panasonic G7 14-140mm. 15mm
Audio from a Rode Micro / Rode Link
Dji Spark http://www.easyshopdrone.com
micro influencer 在 How to become a *MICRO INFLUENCER* how I get PR ... 的八卦
How to become a * MICRO INFLUENCER * how I get PR & Paid Brand Deals as a Micro Influencer !! HOT TIPS. habits of hayleigh. habits of hayleigh. ... <看更多>
micro influencer 在 How to Partner With YouTube Micro-Influencers 的八卦
Have you considered influencer marketing but can't seem to find the right partner(s)?. In this article, you'll discover why micro-influencers ... ... <看更多>