กลยุทธ์ ที่ทำให้ร้านขายยา เมื่อ 170 ปีที่แล้ว กลายเป็น Kiehl’s แบรนด์สกินแคร์ระดับโลก
Kiehl’s X ลงทุนแมน
Kiehl’s เป็นแบรนด์สกินแคร์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานถึง 170 ปี
ถ้าจะพูดให้เห็นภาพถึงความเก่าแก่นี้ อาจพูดได้ว่า แบรนด์ Kiehl’s มีอายุยาวนานยิ่งกว่า
หอไอเฟล ที่ปารีส และเทพีเสรีภาพ ที่นิวยอร์กเสียอีก
ซึ่งเวลากว่า 170 ปีนี้ ก็ยาวนานพอที่จะทำให้มีแบรนด์ความงามเกิดขึ้นใหม่มากมาย
แต่ทำไม Kiehl’s ถึงยังคงเป็นหนึ่งในแบรนด์ความงามที่ประสบความสำเร็จระดับโลกมาได้จนถึงทุกวันนี้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง..
ย้อนกลับไปเมื่อ 170 ปีที่แล้ว จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Kiehl’s ได้เกิดขึ้นที่หัวมุมถนนในนครนิวยอร์ก
ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านขายยาเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “Brunswick Apotheke”
และต่อมาในปี 1894 ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Kiehl Pharmacy” ตามชื่อของผู้ที่เข้ามารับช่วงต่อกิจการนั่นเอง
เรื่องราวของร้านขายยาแห่งนี้ก็ดำเนินไปเหมือนกับร้านอื่นทั่ว ๆ ไป
แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ Kiehl Pharmacy กลายเป็น แบรนด์สกินแคร์ ได้เกิดขึ้นในช่วงเจ้าของร้านรุ่นที่ 3 ซึ่งก็คือ คุณเออร์วิง มอร์ส
คุณเออร์วิง มอร์ส ต้องการสร้างความแตกต่างจากร้านขายยาแห่งอื่น ๆ
จึงได้ใช้ความรู้ด้านเภสัชที่มีมาผลิตสินค้าชิ้นแรกของแบรนด์ Kiehl’s
ซึ่งนั่นก็คือ “น้ำหอม Musk Oil”
ด้วยความแปลกใหม่และมีเอกลักษณ์ที่หาซื้อที่ร้านอื่นไม่ได้
จึงทำให้สินค้าชิ้นนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างดี
จนทำให้มีสกินแคร์ชิ้นอื่น ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2000 แบรนด์ Kiehl’s ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ L'Oréal ซึ่งเป็นบริษัทความงามที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
แล้วกลยุทธ์ที่ทำให้ร้านขายยา กลายเป็นแบรนด์สกินแคร์ ที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก คืออะไร ?
1. “ลองก่อน ซื้อทีหลัง”
ในช่วงแรก ๆ ที่คุณเออร์วิง มอร์ส เพิ่งเริ่มผลิตสกินแคร์ขาย
เขาได้สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการให้บริการลูกค้าทีละคน
จากนั้นเขาจะเลือกสกินแคร์ชิ้นที่เหมาะกับปัญหาผิวของลูกค้าคนนั้น ๆ
และเขาก็จะให้เทสเตอร์กับลูกค้า โดยไม่คิดเงิน
วิธีนี้ยังทำให้ลูกค้าหน้าใหม่เปิดใจและกล้ามาใช้บริการที่ร้านแห่งนี้อีกด้วย
ที่น่าสนใจคือ แบรนด์ Kiehl’s ได้ยึดมั่นในหลักการนี้ มาเป็นเวลากว่า 90 ปีแล้ว
และในปัจจุบัน Kiehl’s ก็ยังคงยินดีที่จะให้ลูกค้ามารับเทสเตอร์ได้ฟรี โดยไม่ต้องซื้อสินค้าก่อน
เพราะ Kiehl’s อยากให้ลูกค้าได้ลองผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวลูกค้าจริง ๆ ก่อนที่จะควักกระเป๋าจ่ายเงิน
นอกจากนี้ การให้เทสเตอร์ฟรีกับลูกค้า ยังสะท้อนให้เห็นว่า Kiehl’s มั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์มาก จนกล้าให้ลูกค้าไปลองใช้ก่อน และก็คงจะมีลูกค้าหลายคนที่ได้ทดลองแล้วประทับใจจนต้องกลับมาซื้อสินค้าที่นี่..
2. ความจริงใจ
Kiehl’s เป็นแบรนด์ความงามแรก ๆ ที่ “ระบุส่วนผสมไว้บนสินค้า”
ตั้งแต่ก่อนหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะออกกฎหมายบังคับให้ทุกแบรนด์ต้องระบุส่วนผสม
เนื่องจากคุณเออร์วิง มอร์ส ต้องการให้ลูกค้าเกิดความสบายใจว่าสกินแคร์ที่พวกเขากำลังใช้มีส่วนผสมอะไรบ้าง
ซึ่งในปัจจุบัน Kiehl’s ยังคงรักษาความสำคัญของเรื่องนี้เอาไว้
โดยเราสามารถสังเกตได้จากแพ็กเกจจิงของสินค้าทุกชิ้น จะไม่มีลวดลายหวือหวา
แต่จะมีเพียงตัวอักษรที่เขียนถึงส่วนผสม และคุณสมบัติของสินค้าอยู่ยาวเหยียด
จนดูเหมือนจะกลายเป็นลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของแพ็กเกจจิง Kiehl’s เสียแล้ว
3. การสร้างตัวตน
จากเดิมที่รับสินค้ามาขายเหมือนร้านอื่นทั่ว ๆ ไป ก็ได้พัฒนามาเป็นผลิตสินค้าที่เป็นของตัวเอง
โดย Kiehl’s ยังเป็นแบรนด์ที่เชี่ยวชาญในการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ มาผสานกับความรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์
เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังคงปลอดภัย และได้คุณค่าจากธรรมชาติ
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ได้กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ Kiehl’s ได้เปรียบในการแข่งขันกับแบรนด์อื่น ๆ ในตลาด
เพราะไม่ว่าอีกร้อยปีข้างหน้าจะมีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นกี่แห่ง
แต่ถ้าลูกค้ายังชื่นชอบสินค้าของตนอยู่ ก็จะกลับมาใช้บริการที่นี่อีกซ้ำ ๆ อยู่ดี
ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Kiehl’s ที่แม้ว่าจะถูกคิดค้นขึ้นเมื่อนานมาแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ อย่างเช่น
Calendula Herbal-Extract Toner หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักกันในชื่อ “โทนเนอร์ดอกดาวเรือง”
สินค้าชื่อดังของแบรนด์ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของ Kiehl’s ทั่วโลก
ซึ่งจริง ๆ แล้วผลิตภัณฑ์ตัวนี้ถูกวางขายตั้งแต่ในปี 1962
หรือเมื่อ 59 ปีที่แล้ว
โดยโทนเนอร์ตัวนี้ จะเป็นสูตรไร้แอลกอฮอล์
มีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมผิว ลดเลือนรอยแดง และจะมีกลีบดอก Calendula จริง ๆ ใส่อยู่ในขวดโทนเนอร์ ซึ่งแบรนด์ Kiehl’s ยังคงรักษาวิธีการบรรจุกลีบดอก Calendula ด้วยมือ เหมือนในวันแรกที่เริ่มวางขายสินค้านี้
และเนื่องในโอกาสครบรอบ 170 ปี
แบรนด์ Kiehl’s จึงได้วางขายเซต Limited-Edition Commemorative Collection
ซึ่งเป็นคอลเลกชันที่นำผลิตภัณฑ์คลาสสิก ยอดนิยมของแบรนด์มาวางขาย
โดยในเซตจะประกอบด้วย
- Calendula Herbal-Extract Toner
- Ultra Facial Cream
- Midnight Recovery Concentrate
- Creamy Eye Treatment with Avocado
โดยผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นในเซตนี้ จะใช้แพ็กเกจจิงที่ย้อนกลับไปสู่บรรจุภัณฑ์แบบขวดยาแบบคลาสสิก ที่ทำจากแก้ว และตกแต่งด้วยสีทอง น่าสะสม
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 170 ปี
แบรนด์ Kiehl’s ยังได้นำผลิตภัณฑ์จากทศวรรษ 1960 กลับมาผลิตอีกครั้ง
ซึ่งก็คือ “Heritage French Rosewater Toner”
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้ดอกกุหลาบ จากสวนในตุรกี ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สวนกุหลาบของโลก”
โดยในขั้นตอนการเก็บเกี่ยวจะใช้มือในการเก็บทุกดอก
เพื่อรักษาคุณภาพของดอกไม้ให้ได้มากที่สุด
และส่วนผสมทั้งหมดใน Heritage French Rosewater Toner
ยังผ่านการคิดค้นสูตรให้อ่อนโยน และให้ผิวกลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น
ซึ่ง Heritage French Rosewater Toner ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์จากประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ Kiehl’s ที่เริ่มคิดค้นมาเกือบ 60 ปีที่แล้ว และในวันนี้จะได้กลับมาวางขายอีกครั้ง..
ถ้าใครอยากรู้ว่าสกินแคร์ที่ขายดีมาตลอดหลายสิบปีจะดีแค่ไหน
และผลิตภัณฑ์จากยุค 1960 ที่ถูกนำกลับมาผลิตอีกครั้งจะมีหน้าตาอย่างไร
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3gPaZLR
#ฉลอง170ปีกับคีลส์ #KiehlsAnniversary
kiehl 在 Kiehl's Taiwan - YouTube 的八卦
歡迎您加入創立於西元1851年的KIEHL'S契爾氏家族(台灣)Youtube頻道，能夠為您服務是我們無比的榮幸。KIEHL'S契爾氏堅持採用最好的成分調配出適合臉部、身體以及頭髮的 ... ... <看更多>