Spiral ภาคต่อลำดับที่ 9 ของหนังชุด Saw กำลังจะมาฉายบ้านเราเดือนหน้า แอดเลยอยากทวนความจำของหนังชุดนี้ เลยหาโอกาสหยิบหนังมาดูตั้งแต่ภาคแรก
.
SAW IV
.
เป็นความดันทุรังของผู้สร้างที่ต้องการสร้างภาคต่อ ทั้งที่หนังจบลงอย่างลงตัว ประหนึ่งจิ๊กซอว์ที่ต่อครบเต็มกระดานจนเกิดเป็นภาพที่สวยงามหมดจดลงตัว ปริศนาชิ้นเล็กชิ้นน้อยเติมเต็มให้หนังสมบูรณ์ในตัว ทุกตัวละครได้รับบทเรียน ได้รับคำพิพากษาบนกระดานหมากนี้
การเขียนบทให้ JIGSAW ตายในภาค III ถือเป็นความกล้าหาญชาญชัยของผู้สร้างที่ต้องการปิดไตรภาค
.
แต่ในโลกทุนนิยม การที่จะ "ตัดเป็นตัดตาย" กับหนังแฟรนไชส์ที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ก็ออกจะเป็นสิ่งที่อำมหิตไปเสียหน่อยสำหรับนายทุน (ภาค 2 ทำรายได้ในอเมริกาสูงสุด 87 ล้าน ส่วนภาค 3 ฟันไป 164 ล้าน ถือเป็น SAW ที่ทำรายได้รวมทั่วโลกสูงสุด และหนังทั้ง 3 ภาคใช้ทุนรวมกันไม่ถึง 20 ล้านด้วยซ้ำ)
แต่เนื่องด้วย SAW ไม่ใช่หนังแฟนตาซี จะให้มาชุบชีวิต JIGSAW หรือเขียนบทให้เป็นหนังผีก็คงจะผิดสำแดงเกินไป ครั้นจะให้รีบูทก็ดูจะไม่เข้าท่า เพราะหนังเพิ่งจบไปไม่นาน....
ตัว Leigh Whannell คนเขียนบท 3 ภาคแรก ก็ดูจะหมดมุก หมดไฟแล้ว (ก็กูเขียนปิดไตรภาคไปแล้ว อีห่า) เลยไม่เข้ารับตำแหน่ง แล้วทีนี้หนังจะไปต่อยังไงล่ะ
.
(จากนี้จะสปอยจุดสำคัญของหนัง)
ผลสุดท้าย SAW IV จึงถูกผลิตออกมาในฐานะที่เหมือนเป็นภาค 3.1 ด้วยไอเดียที่ว่าให้เหตุการณ์ในภาคนี้เกิดคู่ขนานกับภาค III ไปเลยสิ เพราะฉะนั้นตอนจบของภาค IV จึงบรรจบไปกับภาค III ได้แนบสนิท อันนี้ก็ต้องซูฮก Patrick Melton และ Marcus Dunstan ดูโอ้คนเขียนบทของภาคนี้ กระทาชายสองนายนี้เคยเขียนบทหนังสัตว์ประหลาดคอมมาดี้ทุนต่ำเรื่อง Feast มาก่อน ก็ไม่คิดว่าจะสานต่อจักรวาล SAW ออกมาได้กับร่องกับรอย
.
หากสังเกตรูปแบบของบทดี ๆ นอกจาก SAW IV จะเล่าขนานไปกับ SAW III แล้ว หนังยังแชร์ประเด็นที่คล้ายกันไว้ราวกับเป็นภาพสะท้อนของกันและกัน ใน SAW III เราได้เรียนรู้เรื่อง การให้อภัย ส่วนใน SAW IV เราได้ตระหนักถึง พิษภัยของความหมกมุ่นลุ่มหลง ซึ่งกุญแจที่จะปลดล็อกกับดักทางใจของตัวละครทั้งสองก็คือ "การปล่อยวาง" นั้นเอง หากตัวละครทั้ง 2 ในภาค III และ IV ปล่อยวางจากความเคียดแค้น และอดีตที่ผิดพลาดได้ พวกเขาก็จะเป็นอิสระจากกับดักทั้งปวง....
.
นอกจากนั้น SAW IV ยังเป็นการเปิดตัวศิษย์ก้นกุฏิรายใหม่ของ JIGSAW ซึ่งการเปิดตัวของตัวละครนี้ ก็ให้อารมณ์คล้ายคลึงกับฉากเผยร่าง JIGSAW ในภาคแรก นับเป็นการส่งสัญญาณให้คนดูรู้ว่า ภารกิจของ JIGSAW จะยังไม่จบง่าย ๆ เพราะกูหาทายาทอสูรไว้แล้ว พวกมึงคนดูจงเตรียมตัวเสียเงินต่อไปได้เลยในอนาคต
.
อย่างไรก็ดีแม้ SAW IV จะทำหน้าที่ได้ดีในทางของมัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเส้นเรื่องอันรุงรัง การลำดับเรื่องที่พร้อมจะสร้างความงุนงง ทำลายอรรถรสในการติดตามเรื่องพอสมควร หนังภาคนี้ไม่ได้มีความ "มั่ว" แต่มีความ "มึน" สูง อันเนื่องจากความดันทุรังสูง เชื่อเถอะว่าพอดูจบ หลายคนก็ต้องรีบกดเข้า imdb หรือ wikipedia เพราะยังตั้งสติไม่ถูกเรื่องฉากต้น ฉากจบ รวมไปถึงรายละเอียดปูมหลัง JIGSAW ที่หยอดเข้ามาเรื่อย ๆ ให้คนดูงงแล้วงงเล่าว่าไอ้ห่านี้กับก๊วนศิษย์มึงวางแผนอะไร ดีลอะไรไว้ มีความลับ ลวง พราง อะไรไว้นักหนา ทำไมมันถึงกลายเป็นปมหมอยยุ่งเหยิงซังกะตังได้ขนาดนี้
.
อีกนิดนึงที่เราว่าเป็นจุดอ่อนของภาคนี้คือผู้เขียนบท ไม่สามารถโน้มน้าวให้เราเชื่อได้ว่าตัวละครหลักอย่าง Rigg จะกลายเป็นเหยื่อที่ถูก JIGSAW ปั่นหัวได้ง่ายขนาดนั้น ยิ่งฉากที่เขาต้องจับฆาตกรอ้วนไปมัดบนเตียง ยิ่งเป็นฉากที่เบาหวิว ไร้ความน่าเชื่อถือสุด ๆ ที่คนที่หมกมุ่นกับการจับ JIGSAW ดันทำตามคำสั่งศัตรูได้โดยง่าย ไม่เหลือเขี้ยวเล็บความเด็ดขาดตามแบบฉบับตัวละครตำรวจเลย เข้าใจว่าคนเขียนบทพยายามกดสูตร "ยิ่งหมกมุ่นเท่าไรยิ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้นมากขึ้นเท่านั้น" ซึ่งสูตรนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อ คนเขียนบทให้เวลา และให้รายละเอียดในการเจาะลึกทำความเข้าใจความป่วยไข้ของตัวละคร แต่ด้วยความที่ SAW VI เป็นหนังที่เล่าเรื่องเร็ว ฉึบฉับ ทั้งยังเล่าเรื่องซับซ้อน เพราะต้องแบ่งเวลาไปเล่าเส้นเรื่องอื่น ๆ ทำให้หนังไม่สามารถลงลึกกับตัวละครได้เต็มที่ ผลที่ได้คือ เราได้แต่ดูหนังตื่นเต้นเรื่องนึงที่ขาดความสมจริงในด้านการสร้างตัวละคร
.
ป.ล. คิดว่ากับดักภาคนี้ไม่ค่อยโหดเท่าไร ถ้าเทียบกับภาคก่อน ๆ
Search