อาแอ๊ดแต่งเพลง “เดิมพัน 2,000 กิโล” ให้หลานตูน และทีมก้าวคนละก้าว
....”วันนี้ผมได้รับการแนะนำจากเพื่อนในเพจธรรมะจูงควาย ว่าแต่งเพลงให้กำลังใจพี่ตูนหน่อยครับ ผมถึงนึกขึ้นมาได้ ว่าใจเราคิดเเต่เรื่องจะไปช่วยหลานวิ่งสักวันเหมือนครั้งเเรกที่เขาวิ่ง จนลืมคิดไปว่าระหว่างนี้ว่างๆอยู่ นอกจากซ้อมเพลงพี่เป้าแล้วก็ไม่มีอะไร อย่ากะนั้นเลยเป็นคำแนะนำที่เยี่ยมยอดมากครับต้องขอขอบพระคุณมาณ.ที่นี้ด้วย ที่ช่วยกระตุ้นเตือนเรื่องนี้ พอเริ่มคิดที่จะเเต่งก็ลงมือทันทีภายใน1ชั่วโมงก็เสร็จ แล้วก็เริ่มซ้อมไปสักพักใหญ่ๆ ก็มาถ่ายคริปแล้วส่งลงเพจนี่แหละครับ
เนื้อเพลงอธิบายความรู้สึกที่ผมและคนไทยอีกหลายๆคนมีอยู่ขณะนี้ คืออยากเอาใจช่วยให้เขาทำสำเร็จโดยไม่มีอุปสรรค และได้เงินบริจาคเยอะๆ เพราะมันเป็นการลุกขึ้นมา”ทำดี”โดยไม่ต้องมีใครมาบอก และทำด้วยหัวจิตหัวใจที่ใสสอาด เอาความมานะอดทนความเหนื่อยยากของตนมาแลก เพื่อให้คนอื่นในสังคมได่ร่วมกันทำความดีด้วย นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมคิด ขอมอบบทเพลงนี้ให้กับตูนและเพื่อนทีมวิ่ง ทีมงานที่ร่วมกันทำภาระกิจนี้ด้วยความรักและห่วงใย แล้วเจอกันบนถนนเช่นเคยครับ
ปล.ใครอยากจะเอาไปอัดเสียง COVER ต่อจากผม เชิญเลยนะครับจะได้มีหลายๆเวอร์ชั่นหลากหลายเป็นแรงใจให้กับตูน ผมมีเนื้อเพลงและคอร์ดกีต้าร์ลงไว้ก่อนหน้านี้แล้วครับ
...." Today, I received a recommendation from a friend on Dharma page that I wrote a song to cheer up Brother Toon. So I realized that my heart is thinking about helping grandchildren run for a day like the first time. I forgot to think that I'm free while I'm practicing at the same time. I don't have anything to do. It's a great advice. Thank you. This is the reason why I urge you to warn about this. When I start to think about marriage, I will do it immediately. After 1 hours, I start practicing for a while. I come to take a clip and send it to the page.
The lyrics describe the feeling that I and many other Thai people are having now, I want to help him get it done without obstacle and get a lot of donations because it's a ′′ good thing ′′ without anyone telling me and doing it with a clear heart. Let's take patience and your hard work to exchange for others in society to do good deeds. This is what I think. Let's dedicate this song to Toon and fellow running team members who do this mission with love. And care. See you on the road as usual.
Ps. If you want to record COVER from me, you can invite me. There will be many versions. Various versions. I have lyrics and guitar chords posted earlier.Translated
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過93萬的網紅Bubzvlogz,也在其Youtube影片中提到,Hello everybody! Here's another Twitter Q&A video! YEY! Thank you so much for your questions guys. I hope you will enjoy this month's Ask Bubz episod...
「great grandchildren」的推薦目錄:
- 關於great grandchildren 在 Bodyslam Facebook
- 關於great grandchildren 在 Drama-addict Facebook
- 關於great grandchildren 在 李心潔 Sinje Lee Facebook
- 關於great grandchildren 在 Bubzvlogz Youtube
- 關於great grandchildren 在 dfarm Youtube
- 關於great grandchildren 在 99-Year-Old Woman Meets Her 100th Great-Grandchild 的評價
- 關於great grandchildren 在 Great-Grandchildren ideas - Pinterest 的評價
great grandchildren 在 Drama-addict Facebook 八卦
อันนี้เขียนโคตรดี
[ ชนะคนบ้า ด้วยความบ้ากว่า?]
"หนุ่มแว่นหัวร้อน" ที่สื่อมวลชนเรียกกัน มีชื่อจริงว่า รชฏ (อ่านว่า ระ-ชะ-ตะ) ถึงตรงนี้เขาเละไม่เหลือซากแล้ว
ประโยคที่เขาพูดออกมาในคลิป เป็นการกระทำในสิ่งที่คนไทยไม่ชอบครบทุกอย่าง มันเป็นการสร้างความเกลียดชังได้อย่างดีที่สุด
- อวดร่ำอวดรวย
- พาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์
- ดูหมิ่นนายกฯ (แม้หลายคนจะไม่ชอบนายกฯ แต่อย่าลืมแฟนคลับนายกฯก็มีเยอะเช่นกันนะ)
- ด่าคนไทยด้อยพัฒนา การศึกษาต่ำ
- ด่าคนอื่นเป็นขยะสังคม
- ด่าคนไทยชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน
- กล่าวอ้างว่ามีตำรวจคอยช่วย ไม่เกรงกลัวกฎหมาย (แต่ความจริงไม่มีนะ อ้างเฉยๆ)
ยิ่งไปไล่ดูประวัติเก่าๆแล้ว เคยมีประเด็นกับผู้คนบนท้องถนนมานับไม่ถ้วน ขับรถปาดหน้า ชูนิ้วกลางใส่รถคันอื่น คือจัดว่าเป็นตัวจี๊ดเลยทีเดียว
ดังนั้น มันก็ไม่แปลกเลยที่จะมีฟีดแบ็กความเกลียดชังถึงตัวเขาหนักขนาดนี้
แล้วในทางกฎหมายล่ะ? ในคดีเรื่องการเฉี่ยวชนกับคู่กรณีคนอัดคลิป ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันได้ โดยไม่ได้เรียกประกัน มีการชดเชยค่าเสียหายให้กันเรียบร้อย
ขณะที่คดีในทางอาญา ก็มีเพียงหมิ่นประมาทซึ่งหน้า โทษปรับ หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี ซึ่งเป็นคดีไม่ได้ใหญ่เลย ในแง่ของตัวบทกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รุนแรงกว่าคือกระแสสังคม ต้นสังกัด บริษัท Kasa Development แน่นอน ย่อมไม่อยากติดร่างแหไปด้วย ใช้เหตุผลเรื่องที่ นายรชฏ อ้างถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการไล่ออก
เท่ากับว่าเพียงพริบตา นายรชฏ มีคดีอาญา โดนไล่ออกจากงาน และ กลายเป็น Public Enemy ศัตรูเบอร์หนึ่งของประเทศไทย
คือก็เข้าใจได้ เพราะสิ่งที่ นายรชฏพูด มันไปกระทบใจของคนส่วนใหญ่ในสังคม จึงนำมาสู่กระแสความเกลียดชังรุนแรงเพียงนี้
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
คลิปของนายรชฏ เป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว ยอดคนแชร์เกือบล้าน ซึ่งเป็นคลิปที่ร้อนแรงที่สุดในปี 2019 เลย
เหตุการณ์ยิ่งบอกปากต่อปาก ยิ่งทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกกระแสก็ไปทางเดียวนั่นแหละ คือด่า หนุ่มแว่นยับเลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา ตี 1 ของเมื่อคืน เพจ Phuri's News ได้ปล่อยคลิปวีดีโอในอีกมุมหนึ่ง ที่หลายคนน่าจะรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
คือคลิปที่สถานีตำรวจพุทธมณฑล มีชาวบ้านประมาณ 4-5 ร้อย ไปดักรอ นายรชฏ และครอบครัว ที่มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงพัก
ทันทีที่คุณแม่ของ นายรชฏ เดินออกมาจากโรงพัก มีเสียงตะโกนด่า แม่ของเขา ว่า "เลี้ยงลูกแบบไหนหรอ" ตะคอกกันอย่างหนัก
ภาพที่น่าเศร้าคือสะใภ้ของบ้านนี้ แฟนสาวของนายรชฏ จับมือคุณแม่แน่น และพาไปขึ้นรถที่ตำรวจคุ้มกันอยู่
คำถามที่คนคงคิดตรงกันคือ จะไปด่าแม่กับเมียเขาทำไม?
คือด่าผู้ก่อเหตุก็ว่ากันไป คนทำผิดก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำ แต่คนอื่นที่ไม่ใช่บุคคลนั้นล่ะ เขาสมควรรับหางเลขไปด้วยหรือ?
ในคลิปแรกสุดที่รถเฉี่ยวชน เราเห็นภาพภรรยาของนายรชฏ ห้ามปรามสามีของตัวเองอยู่ตลอด และพูดจากับคู่กรณีอย่างดีมากๆ ถามว่าเธอผิดอะไรล่ะ ถึงจะต้องโดนด่าไปด้วย
ความผิดของเธอมีเพียงอย่างเดียวคือนั่งอยู่ในรถคันนั้น ณ เวลานั้นแค่นั้นเอง เธอก็พยายามจัดการแก้ปัญหาทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้ว
แล้วพ่อแม่ของเขาล่ะ ควรโดนลากมาด่าด้วยไหม ในเมื่อมนุษย์เราเป็นปัจเจก ต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง คือมีพ่อแม่คนไหนอยากสั่งสอนให้ลูกเป็นคนไม่ดี เที่ยวด่ากราดคนอื่นแบบที่หนุ่มแว่นทำ มันไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกเป็นแบบนี้หรอก
ในอดีต กฎมณเทียรบาลสมัยอยุธยา มีโทษประหาร 7 ชั่วโคตรอยู่ คือคนทำผิด ต้องฆ่าให้ตายทั้งตระกูล นักโทษ เมีย ลูก หลาน เหลน พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ทวด ต้องฆ่าให้หมดทั้งวงศ์ตระกูล
แล้วทำไมโทษประหาร 7 ชั่วโคตรถึงถูกยกเลิกไป ไม่มีในปัจจุบันล่ะ?
นั่นเพราะสังคมเรารู้ดีว่า เรื่องความผิด มันเป็นเรื่องของตัวบุคคลนั้น และมันไม่ยุติธรรมแม้แต่นิด ที่จะลากคนรอบตัวของผู้กระทำผิด มาลงโทษด้วย
ในแง่กฎหมาย พ่อแม่ และแฟนสาว ของนายรชฏ ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เช่นเดียวกับในแง่ของสังคม พวกเขาก็ไม่ควรจับแขวนมาด่าแบบนี้ด้วย
ถ้าเห็นว่าใครทำผิดอะไร ใช้กฎหมายเป็นตัวตัดสิน ถ้ายังไม่พอใจกับบทลงโทษทางกฎหมาย จะด่าคนทำผิดก็ด่าเจ้าตัวไป แต่คนไม่เกี่ยวข้องนี่ ไม่แฟร์กับเขาถ้าโดนลากมายำด้วย
คนที่โกรธเขา เกลียดเขา แต่ไปด่าแม่ด่าเมียเขา เอาแต่สะใจตัวเอง
มันจะต่างอะไรกับที่ หนุ่มแว่นทำในตอนแรกล่ะ มันก็ด่ากราดเหมือนกันล่ะนะ
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
การที่ไปรุมเตรียมจะประชาทัณฑ์จากเหตุผลเพียงเพราะเรื่องในคลิป แสดงให้เห็นถึงความอารมณ์ร้อนของคนไทย ที่พอได้ฟังสิ่งที่นายรชฏพูด ก็ฟิวส์ขาด แล้วเตรียมเอาคืนด้วยกำลัง
ใช่ คำพูดมันไม่น่าฟัง แต่กฎหมายบ้านเมืองก็มี ให้กฎหมายทำหน้าที่ของมันไป ผิดเท่าไหร่ บทลงโทษทางกฎหมายก็แรงเท่านั้น
ถ้าใครไม่พอใจอยากด่า ก็ด่าในออนไลน์ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเข้าหาตัวไปใช้ Physical ใช้กำลังทำร้ายร่างกายเขาเลย
ความรู้สึกเหมือนเจอคนเหยียดผิว เราเอาคืนด้วยการเหยียดอีกฝ่ายให้หนักกว่า หรือไปไล่กระทืบอีกคนให้ตาย มันคือการแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือ?
วิธีที่หน่วยงานที่อังกฤษแนะนำคนโดนเหยียดผิว คือเอาสิ่งที่โดนเหยียดเก็บหลักฐาน แล้วมาแจ้งที่เจ้าหน้าที่ โดยบทลงโทษน่ะมันมีอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องไปเอาคืนด้วยการด่าคืน หรือไปต่อยตีอีกฝ่าย คือมันไม่ได้แก้ปัญหากันแบบนั้น
เราเห็นนายรชฏด่ากราดไปทั่วแบบนั้น เราก็ได้แต่คิดในใจไอ้เวรนี่มันบ้าหรือเปล่า
เพราะมีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่ด่าไปทุกหย่อมหญ้าขนาดนั้น คนสติดีที่ไหนจะทำ
แล้วเมื่อเจอคนบ้า เราจะไปบ้าเหมือนเขาทำไม ทั้งๆที่เราสามารถแสดงความเป็นอารยชนได้
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
ท้ายที่สุดแล้ว เราต้องมองเรื่องนี้ให้ลึกเกินกว่าแค่ ไอ้แว่นคลั่งด่ากราด มองลึกลงไปเลยว่าเราจะได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง
สำนักข่าว ก็ไม่ควรจะเฮโล ไปเล่นประเด็นซ้ำเดิมๆว่าใครทำอะไรที่ไหนยังไง หรือเล่นข่าวว่า มีเซเล็บคนไหนอยากจะกระทืบไอ้แว่นบ้าง แต่มันน่าจะดีกว่า ถ้าเราลองวิเคราะห์ดูถึงปรากฏการณ์นี้อย่างจริงจัง
1) ตั้งคำถามว่า นายรชฏ ทั้งๆที่เป็นคนไทย มีพ่อแม่เป็นไทย 100% ทำไมถึงเกลียดประเทศไทยขนาดนั้น ทำไมถึงคิดว่าคนไทยเป็นพวกชั้นต่ำ อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น
คำว่าชั้นต่ำของเขาคืออะไร และในมุมของเขาคนประเทศไหนคือชั้นสูง คือมีอะไรในสังคมไทย ที่เขาไม่ชอบ ต้องมานั่งถกกันเลย
2) พิจารณาสภาพอาการป่วยของ นายรชฏ ว่าเป็นโรคอะไรหรือเปล่า พ่อบอกว่าปกติดี ส่วนแม่บอกว่ากินยาอยู่ ความชัดเจนคืออะไรกันแน่ สิ่งสำคัญคือเราควรจะรู้ว่า นายรชฏนี่สติดี 100% ใช่ไหม ตอนที่ออกสตาร์ตด่ากราดขนาดนั้น ทำไมถึงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย
พ่อแม่ผู้ปกครองที่เห็นแนวโน้ม ว่าบุตรหลานของตัวเอง จะออกอาการบ้าคลั่ง จะได้นำตัวลูกหลานไปปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเกิดเรื่องแย่ๆขึ้นมาแบบนี้
3) เป็นข้อเตือนใจให้เราได้เห็นว่า ในสังคมไทย เวลาคนเขาด่า เขาไม่เคยด่าเราแค่คนเดียว แต่คนรอบข้างทั้งหมด จะโดนด่าไปด้วย ดังนั้นจงชั่งใจให้ดี ก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไป ถ้าหากยังรัก ยังแคร์คนรอบข้าง ก็อย่าทำให้เขาได้รับผลกระทบและต้องเสียใจไปด้วย
4) ได้เห็นการแก้ปัญหาขององค์กรที่เกี่ยวข้อง อย่างบริษัทต้นสังกัดของนายรชฏ ที่ประกาศไล่ออกทันที คือเป็นการตัดปัญหา แสดงจุดยืนขององค์กรว่าไม่สนับสนุนคนทำผิด คือถ้ากระแสมันแรงแล้ว คุณต้องรีบ Take Action ก่อนองค์กรจะโดนหางเลขตามไปด้วย
5) ชี้ให้เห็นว่ายุคนี้ พลังของโซเชียล เน็ตเวิร์คไปเร็วมาก ทำผิดอย่าคิดว่าหลบซ่อนได้ แค่พริบตาเดียวคนรู้กันทั่วประเทศ หากเราโดนใครกระทำไม่ดี มือถือเรามี อัดคลิป อัดหลักฐานเอาไว้ ถ้าสุดท้ายเราเป็นฝ่ายถูก สังคมจะช่วยเราเอง
6) เราได้เห็นความใจเย็นของหนุ่มคู่กรณี ที่โดนด่าขนาดนั้น แถมยังถูกบังคับให้กราบเท้า แต่ยังไม่น็อตหลุดใช้กำลังในการจบปัญหา ซึ่งนำมาสู่ความชื่นชมอย่างมาก เพราะการใช้กำลังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องอยู่แล้ว เขาคือผู้ชนะตัวจริงของเหตุการณ์นี้
7) เวลารถยนต์เฉี่ยวชนบนท้องถนน ควรรู้ไว้เลยว่าถ้าหากมีประกัน ก็โทรเรียกให้ประกันมาจัดการ ไม่ต้องลงมาด่าทอกันเอง เหตุการณ์มันเกิดไปแล้ว มันคืออุบัติเหตุ และหน้าที่ของประกันรถยนต์ก็เพื่อเคลียร์ปัญหาในลักษณะนี้ล่ะ ไม่ต้องโมโหขนาดนั้น ให้ประกันได้ทำหน้าที่ของเขาไป
8) สื่อมวลชนควรไปทำการเจาะชีวิตของคนที่จะไปประชาทัณฑ์นายรชฏ ที่สถานีตำรวจ ว่าอะไรที่ทำให้เขาไม่พอใจขนาดนั้น ถึงขนาดต้องการลงไม้ลงมือ คำพูดไหน ที่เป็นการกระตุ้นความรู้สึก ให้ถึงขนาดต้องขับรถหลายกิโลมาที่สถานี เพื่อรอดักกระทืบผู้ก่อเหตุ
และ 9) การได้คนรักดี คือลาภอันประเสริฐ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คนที่พอจะช่วยให้สถานการณ์ของพี่แว่นนั้นเบาลงไปหนึ่งสเต็ป คือคุณภรรยาที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกอย่าง
เธอทั้งช่วยเจรจากับเรื่องอุบัติเหตุ ในตอนแรกก็เป็นเธอนี่ล่ะที่ยกมือไหว้คู่ก่อเหตุ และคอยห้ามปรามสามีตัวเอง นอกจากนั้นยังคอยอยู่กับพ่อแม่สามี ตลอดเรื่องราวที่เกิดเหตุขึ้น เชื่อได้เลยว่า 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นวันที่หนักหน่วงที่สุดในชีวิตของเธอ
ถ้าได้คนรักดี ที่มีความฉลาด และพร้อมอยู่เคียงข้างเราเสมอแม้ในวันที่เจอปัญหา ไม่ว่ายังไงก็อย่าปล่อยมือเขาไปเด็ดขาด
เห็นไหม มีหลายมุมตั้งเยอะ ที่เราจะหยิบยกมาคุยกันได้จากเหตุการณ์นี้ นอกเหนือจากกูหมั่นไส้ไอ้แว่น อยากกระทืบมันจังเลยว่ะ จริงไหม
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
จากนี้ไปเรื่องของพี่แว่น ก็จะอยู่ในกระบวนการของตำรวจ ถ้าหากทำผิดจริงตามข้อหาหมิ่นประมาทซึ่งหน้า ก็จะโดนลงโทษปรับ หรือจำคุก ก็ว่ากันไป
นอกเหนือจากโทษทัณฑ์จากตำรวจ พี่แว่น ก็ต้องรับบทลงโทษทางสังคมไปตลอดชีวิต เขาจะโดนตีตราเอาไว้จากคลิปนี้ ซึ่งจะส่งผลให้การเข้าสังคม การใช้ชีวิตต่างๆในประเทศไทย ก็จะทำได้ยากมาก เพราะคนจะย้อนไปนึกถึงเรื่องนี้เสมอ
ขณะที่เรื่องการใช้ชีวิต ณ เวลานี้ เขาตกงานแล้ว ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะหางานใหม่ได้หรือไม่ จะมีองค์กรไหนกล้ารับเผือกร้อนชิ้นนี้มาร่วมงานด้วย ชีวิตของเขาจะอยู่ยากมากๆ
บทลงโทษของเขานั้นแรงมหาศาล และคลิปสั้นๆแค่ 5 นาทีนี้ ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล
แต่แน่นอน มันเป็นสิ่งที่เขาก่อขึ้นเอง ก็ต้องรับมันไว้เอง
ขณะที่คนนอกที่คอยดูเหตุการณ์ ก็วิจารณ์กันได้ จะด่าพี่แว่นก็ด่าไปเถอะ จากความห้าวขนาดนั้น บอกตรงๆก็สมควรโดนนะ
แต่อย่าลืมนะครับ ว่าทั้งหมดนี้มันเป็นเรื่องของเขาเอง พ่อแม่เขาไม่เกี่ยวอย่าลากมาด่าด้วย คนรักเขาก็ไม่เกี่ยว อย่าลากมาด้วยเช่นกัน
สุดท้าย พี่แว่นบอกในคลิปว่า "กูดูถูกคนไทยทั้งประเทศ" ดังนั้นมันก็น่าจะดี ถ้าเราทำให้เขาเห็นว่า คนไทยไม่เห็นมีอะไรน่าดูถูกตรงไหน
ทำให้พี่แว่นได้เห็นว่าเนื้อแท้ของคนไทยเรานั้น จิตใจดี มีเหตุผล มีอารยะ
และที่สำคัญคนไทยเรา จะไม่ชนะคนบ้า ด้วยความบ้ากว่าอย่างแน่นอน
#หนุ่มแว่นหัวร้อน
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
รูปถ่ายขออนุญาตแคปมาจากคลิปของ Phuri's News นะครับ ถ่ายได้ดีมากๆ และสะเทือนอารมณ์จริงๆ
[win a crazy man with more craziness?]
"Hot-headed glasses guy" that the press is called rachatat (read that ra-Cha-ta). He is messy here. There is nothing left.
The sentence that he says in the clip is an action of what Thai people don't like. Everything is the best hate.
- show off to be rich
- refer to the king's Institute.
- Disrespect The Prime Minister (even though many people don't like the Prime Minister, don't forget the Prime Minister's fans too)
- Scold Thai people, undeveloped, low education.
- cursing other people is social trash.
- Scold Thai people. I like to be nosy about other people
- I claim that there is a police to help. Not afraid of the law (but there is no truth. Just claim)
The more I went to see old history, there was an issue with people on the road for cuddle baht. Driving to cut my front and put my middle finger in other cars. It was a hot.
So it's not strange to have a feed back to him this heavy.
What about legal? In the case of crashing against the party, the 2 people who recorded the clip. Both parties agreed without calling insurance. Damages have been compensated.
While criminal cases are only defamation, penalty or imprisonment under 1 years, which is not big in terms of law.
However, what is more severe is the social trend. Kasa development company certainly does not want to be stuck. Use the reason why Mr. Racht referred to the king's institute for expulsion.
It's equal to a blink of an eye. Mr. Racht has a criminal case fired from the job and became public enemy number one of Thailand.
Well, I can understand because what Mr. Racht says hits the heart of most people in society, so it brings to this severe hate trend.
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
The clip of Mr. Rachatat is fast cuddle fast. The total of almost a million people share, which is the hottest clip of 2019
The incident, the more you tell the mouth to mouth, the more it makes the situation increase more violence. At First, the trend went the only way. That
However, at 1 am of last night, phuri's news page released a video clip on the other end that many people should feel very heartbreaking.
It's a clip at phutthamonthon police station. There are about 4-5 hundred villagers to wait for Mr. Rachatat and family who came to talk to police officers in the police station.
As soon as Mr. Racht's mother walked out of the police station, there was a shout out to his mother, " what kind of child is this yelling hard.
Sad picture is the in-laws of this house. Mr. Racht's girlfriend held her mother's hand and took him to the car where police guarded.
The question that people may think the same thing is why do you scold his mother and wife?
If you scold the perpetrator, let's talk about it. The wrong person is responsible for what they do. But other people who is not the person. Do they deserve the number?
In the first clip that the car crashed, we saw the wife of Mr. Racht forbid his husband all the time and spoke to the party very well. Ask what was wrong with her to be scolded.
Your only fault is sitting in that car at that time. That's all. She's all the best solution.
What about their parents? Should they be scolded? When human beings are the cuddle th grade. Everyone has their own idea. is that any parents want to teach their children to be bad people to scold other people like the way the glasses guy does. No parent wants a child to be like this
In the past, the law of Ayutthaya, there was a death penalty for 7 EVIL. The wrong person must kill them. The whole family, wife, children, grandchildren, great-Great-Great-Great-Great-Great-Great-Great-Great-Great - All of them all family
So why is the death penalty for 7 evil being terminated, no present?
That's because our society knows the fault is about the person and it's not even fair to drag the perpetrators to punish.
In terms of law, the parents and gf of Mr. Racht did nothing wrong, as well as in terms of society, they should not have hung like this.
If you see that someone does wrong, use the law as a judge. If you are not satisfied with legal punishment, you will scold the wrong person, scold him. But the irrelevant person is not fair to him if they are dra
Those who are angry with him hate him, but scold the mother and scold his wife. He is satisfied with himself.
What's different than the glasses guy did in the first place? He was angry too.
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
The way to fight is preparing to lynching for the reason. Just because the story in the clip shows the temper of Thai people who hear what Mr. Racht said, he is torn. Prepare to take it back with power.
Yes, words are not nice to listen to, but the law of the city has the law to do its duty. No matter how wrong, the legal punishment is strong
If anyone is not satisfied, you want to scold, you can scold online. There is no need to go to use physical to use physical to hurt him.
Feeling like we meet a racist. Do we take it back by racism harder or beat the other person to death. is it the right solution?
The way the British agency recommends racist is to take what is to collect evidence and inform the authorities by punishment. You don't have to take it back by cursing back or hit the other. It doesn't solve the problem. That's it.
I see Mr. Racht all over the place. I just think in my heart. is this motherfucker crazy?
Because only crazy people scold every grass patches like that. Where will the sane person do it?
Why do we go crazy when I meet crazy like him when we can show my mood?
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
In the end, we need to look at this deeper than just the crazy glasses. Look deeper what we can get from this.
News Agency shouldn't be halo to replay the same point of who did what, where, or play news that any of the nail wants to beat the glasses, but it would be better if we analyze this phenomenon seriously.
1) ask if Mr. Racht, even though they are Thai people have 100 % Thai parents. Why do you hate Thailand so much. Why do you think that Thai people are low class?
What is his low class and in his corner. which country is the high class? What is there is in Thai society that they don't like? We have to sit and discuss.
2) consider the condition of Mr. Racht's illness. Dad said it's normal. Mom said that she was taking medicine. What is the important thing is that we should know that Mr. Racht is 100 % conscious, right? I'm so angry when I'm so angry. Why can't I control my emotions?
Parents who see the tendency that their children are going to get crazy so they can bring their children to consult with doctors before this bad things happen.
3) it's a reminder for us to see that in Thai society, when people scold, they never scold me alone. But all people around you will be scolded. So weigh your heart before you decide to do something if you still love, still care. People around you don't affect them and regret it.
4) seeing the solution of relevant organizations like Mr. Racht's precincts that announced that immediately is to cut off the problem. Show the organization's stand that they don't support the wrong person. If the trend is strong, then you need to take action before the organization gets hit. Tail number. Follow me.
5) indicates that the power of social networks very fast. Don't think that you can hide just a blink of an eye. People know all over the country. If we are bad, our mobile phone has a clip to record evidence if we are. The right society will help us.
6) we have seen the composure of a guy who was scolded and forced to pay respect to the feet, but still didn't get rid of the power to end the problem which brought to much appreciation because using force is not the right answer. He is the real winner. Of this event
7) when a car crashes on the road, you should know that if you have insurance, call insurance to deal with it. Don't come down to scold each other. The incident has happened. It's an accident and the duty of car insurance to clear the problem in Look like this. Don't be that angry. Let insurance do his duty.
8) The Press should go to penetrate the life of someone who is going to lynching at the police station. What offends him that he wants to get into the wood. Which words that stimulates the feeling that he has to drive many kilos to the station. To survive cuddle kg. Beat the perpetrator.
And 9) having a good lover is a good fortune. I can't deny that the person who can help the situation of brother glasses is one step lighter is the wife who is in all events.
She helped negotiate with the accident. At First, it was you who raised your hand to pay respect to the crime and forbidden her husband. Besides, she stayed with her parents-in-in-law all the scene story. Believe that the last 24 hours were the worst day of my life. Yours.
If you have a good lover who is smart and always ready to be there for us. Even when you encounter problems, don't let go of his hand.
See, there are so many angles that we can talk from this incident. Besides I'm irritating. I want to beat them. is it true?
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
From now on, brother glasses will be in police process. If you do wrong, according to defamation, the face will be punished or imprisonment, let's say.
In addition to the police penalty, brother glasses has to take social punishment for the rest of his life. He will be beaten by this clip which will result in social. Living in Thailand will be very difficult because people will always think about this.
While living at this time, he lost his job, which doesn't know whether to find a new job. Which organization dares to get this hot taro to attend. His life will be very difficult to live.
His punishment is so strong and this short 5 minute clip has changed his life forever.
But of course it's what he made himself. Take it himself.
While outsiders who watch the incident can criticize each other. If you want to scold brother glasses, just scold. from that bad. Honestly, I deserve it deserves it.
But don't forget that this is all about him. Parents are not involved. Don't drag me to scold. Love is not related. Don't drag them either.
Finally, brother glasses said in the clip that "I insult Thai people in the whole country" so it would be good if we show them that Thai people don't see anything right.
Make Brother Glasses see that the real texture of Thai people is good, reasonable, civilized.
And most importantly, Thai people will not win crazy people with craziness.
#หนุ่มแว่นหัวร้อน
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\
Photo shoot. I would like to capture from @[174157096462442:274:Phuri's NEWS]'s clip. Very good shot and I feel really emotional.Translated
great grandchildren 在 李心潔 Sinje Lee Facebook 八卦
说一说…..父母
前一阵子,参加了一个心灵课程。
一位三十岁左右的男人出来做分享。
他在新加坡工作,去年得知妈妈的癌症复发,而且还开始扩散,心里很难过,也很纠结。
他问了一个长辈朋友他该选择留在新加坡继续打拼事业还是辞职回去陪伴妈妈?
那位长辈朋友跟他说了自己亲生的经历。
长辈朋友说他年轻的时候,母亲患癌症,他带着母亲到处寻医,希望可以把母亲治好。
最后有位医生跟他说,他的母亲只剩一个月的命。
他致电给远在国外念医学系的弟弟,告诉他这个消息。
他的弟弟几年前获得了某间著名大学的医科奖学金,一个人到国外升学。
他还剩四个月就毕业,正式成为一个专业医生。
他跟教授申请一个月的假期,希望自己可以陪母亲走完她最后的人生。
结果教授不领情,说如果他这时候停学,就没办法毕业。
后来,他跟教授说,他很谢谢教授这几年对他的照顾和教导,但母亲只有一个,于是他选择了停学,回到家乡照顾妈妈。
长辈朋友说,他的弟弟归来后,每天无微不至照顾卧床的母亲,喂食,洗澡,清洗排泄物….。
而母亲在孩子细心的照顾和陪伴下多活了三个月才离开人间。
听完长辈朋友的故事,他决定辞职,回到他成长的土地,回到那个赐予他生命的母亲身边。
他的妈妈因为不想再承受多年前做化疗的幸苦,于是选择自然疗法。
他陪着妈妈一起学习气功,一起练习。
当妈妈学习遇到障碍时,他耐心教导妈妈,陪伴她一次又一次的练习。
这一次她带着妈妈,甚至爸爸一起来上课,三人之间的交流一天比一天温暖,一天比一天更往内心深处流动。
你可以看见这个三十的大男孩,边哽咽边诚恳地分享他内心的感受时,脸上闪耀着光芒,他的孝心滋养着他的生命,富足了他的灵魂,也感动了所有聆听的每一颗心。
你可以看见他患癌的妈妈因为他的爱而流露出幸福的笑容。
你可以看见他踏出的每一步是如何地一点一点软化了平时大男人的爸爸,让老夫老妻的爸妈重新感受相爱的甜蜜。
这段分享一直在我心中流淌,像安静清澈的河流,流过之处都获得了一份滋润。
今年农历过年前,九十几岁的外公中风跌倒,摔断了腿,也检查出食道收窄而必须插鼻胃管进食。
外公一向喜欢独居,就算孩子怎么相劝,他还是不愿意搬去跟任何一个孩子居住。
于是妈妈在家里附近准备了一个房子给外公住,方便照顾他老人家。
这个区可热闹了,小弟,大舅,表妹,两个表弟都住在附近,而二弟和二弟媳就住在正对面,很多照应。
外公出院后,爸妈,三个阿姨和舅舅们每天轮班,24小时在身边照顾卧床的外公。
有个专业护士来给外公做护理和检查时,跟他们说以她的经验观察,外公可能没办法坚持到过完年。
妈妈致电给我,让我有点心理准备。
农历年回家乡时,本来妈妈阿姨们已经订好餐厅一共六桌酒席给外公和我一起庆祝生日,因为我们两人是同一天生日,而且经常很靠近或在过年期间,已经有好几年,我都和阿公一起接受大家的生日祝福,一起许愿,一起吹蜡烛,切蛋糕。而这一次,阿公不止不能庆祝生日,而且长辈们也交代我们不要提这件事,因为在马来西亚华人的传统习俗里,老人家病重忌过生日。
于是所有的孩子,孙子和曾孙子每天都到外公家拜年,聚餐,非常热闹。
外公虽然行动不便,但躺在床上静静的聆听子孙们欢乐的声音,让他觉得很开心,嘴角不自觉微微上扬,好像这些陪伴就是他最好的良药。
他不停吩咐阿姨一定要记得帮他准备好红包,他要亲自给我们每人一个红包。
“爸,新年快乐,身体健康…阿公,恭喜发财,身体健康….阿祖,恭喜发财…。“我们七十几个人沿着客厅到厨房排成长长的队伍,一个一个握着阿公的手,从他手上接过那封非常珍贵的红包。
过完年,回到家,每天和妈妈通电话跟进外公的情况。
一天一天细心的照顾下和子孙每天的陪伴下,外公不止渡过了整个农历年,还自行拔掉鼻胃管(因为太不舒服),然后神奇的开始可以自己进食。
前几天,弟媳传来一条短片,一打开,看见外公竟然可以站起来慢慢的步行了。
这一次新冠肺炎疫情在全球大爆发,欧洲许多独居和疗养院的老人,在未接受正式治疗下,在家或疗养院孤独离世。
而小黄花慈善教育基金会也在行动管制令期间为一些贫穷的独居老人提供免费粮食。
以前和阿姨们一起探访过一间老人院,院长说他看到越来越多的老人院开设,心里觉得很悲哀。
我们现代人引以为傲,这越来越先进,越来越文明,科技越来越发达,物品越来越精致,教育程度越来越高的都市里,为什么就容纳不下这些前半辈子都在为社会为家庭付出的生命呢?
他们曾经也是年轻气盛,朝气蓬勃的劳动者,为什么在他们最需要被关怀,被爱护,被疼爱的最后的岁月里却被遗忘甚至遗弃?
越来越多的优越感并没能让我们感受越来越多的快乐,越来越争取的私人空间让人们的距离越拉越远……。
远到我们都看不见一些真正重要和值得珍惜的人和事。
这些老人们的家人呢?
也许背后有很多很多的故事,但这些故事是不是也许可以因为少一点的自我,多一点的同理心而被改写呢?
宇宙创造生命,而父母就是带这些生命来到这个世界的桥梁。
为什么我们可以把最好的给孩子,却不能把最好的给父母?
好友奶茶一个人照顾奶奶,爸爸和妈妈三个老人家,经常就是走路去看他们,陪他们,给他们煮好吃的,大小事都替他们打点。
每次看到她分享和奶奶,爸妈的合照,影片和文字时,心里都特别感动。
她堂堂一个影后,视后,歌后,平日的生活里,就是一个尽心尽力在照顾上面三个老人和下面一个孩子的平凡妈妈,女儿和孙女。
去年,我和一个好友探访一家慈善收留所,里头住了六十几位失智老人,他们都是因为各种各样的原因而被收留,有一些偶尔有家人来探望,有一些甚至无人问津。
看着那些老人枯萎的身躯躺在床上,空洞地望向远方,任由孤寂一寸一寸地侵蚀他的灵魂,生命就在这暗淡的小屋里渐渐地走向死亡,心里很是难过。
让我们闭上眼,回想小时候,父母辛苦照顾我们的身影,安静下来,感受一下现在的父母,我们是不是还可以聆听到他们的声音,感受彼此连接的温暖?
Let’s talk about….. Parents
Just recently, I participated in a spiritual class. There was a man, in his thirties who did a sharing session. He works in Singapore and last year, he learned that his mother’s cancer had recurred and it had begun to spread. He felt a wave of sad and complicated emotions overcome him.
He asked an elderly friend for advice, if he should choose to stay in Singapore to pursue his career or resign to accompany his mother?
This elderly friend of his then shared his own experience with him. When he was young, his own mother had cancer and he brought his mother around to seek for medical treatment, hoping to be able to cure her. Alas, one doctor gave him one news he would not want to hear, mentioning that his mother only had a month left to live.
He has a brother who had received a medical scholarship to study in a prestigious University a few years back and was all alone studying abroad. He gave his brother a call and delivered the unfortunate news. He was only four months away from graduation before he could be formally known as a professional doctor.
He applied for a month leave from his professor, hoping to accompany his mother through her final days. However, his application was rejected with the reason given that if he was to stop his courses, he would not be able to graduate.
He then thanked his professor for his care, guidance and advices throughout the many years but he chose and decided to take his leave and return to his homeland to care for his mother as there is only one mother in the world to him.
When his brother returned, with the special, attentive care and companionship given to his bed-ridden mother; feeding, bathing her, cleaning up her excrement, she managed to live through for another three months.
After listening to his friend’s story, he made a firm decision to resign from his job, returned to the place he grew up, returned to be with the woman who gave him life. His mother did not want to go through the sufferings of chemotherapy and chose holistic treatment instead.
He accompanied his mother to learn Qigong and practiced it together with her. He would be next to her, teaching her patiently whenever she encountered obstacles in her learnings and practice with her continuously.
This time around, he brought his mother and father for class. As days passed by, it can be seen that the interaction among them 3 was all about warmth, delving deeper into their inner world.
One could see a 30 years old man, choking as he shared his deepest feelings but yet his face shining radiantly as his filial attitude nourishes his life, enriching his soul, touching everyone’s heart.
You could see his mother who has cancer beaming broadly because of his love.
You could see how each step he took soften his father’s pride and ego, allowing the aged couple to mesmerize the sweetness of love again.
This sharing has nourished my inner soul, flowing through my system, like a quiet, clear river.
This year, just before the Lunar New Year, my 90 years old grandfather had a stroke and broke his leg. It was also found that his oesophagus was narrowed and a nasogastric feeding tube had to be inserted.
Grandpa has always enjoyed living alone. Nobody could convince him to stay with any of his children. So mum moved him to a house which she got nearby so that he can be taken care of easily. The location of the house is very strategic and lively as my younger brother, uncle and cousin sisters and brothers live in that area. The best part, my second brother and sister-in-law live just across the street.
When Grandpa was discharged from the hospital, my parents, three aunts and uncles took turns, rotating shifts to take care of my bed-ridden grandfather 24 hours a day.
There was a professional nurse who would come over to care, made necessary treatments and check up on Grandpa. She told my parents and relatives that from her experiences as a nurse, granddad would not survive till the Chinese New Year. My mum called me up to deliver this piece of news and told me to prepare for the worst.
We went back to our hometown for the Chinese New Year celebration and initially, my mum and aunts have made a restaurant reservation of 6 tables to have a feast for my grandfather and I as we share the same birth date and it was very close to Chinese New Year. We have had such celebrations for many years however, due to Grandpa’s condition, we were not able to celebrate together this year. We were all reminded numerous times that we are not to even talk about it by our elders because according to Malaysia’s Chinese Custom, it is best to forgo celebrating birthdays when our older relatives are gravely ill.
Therefore, all of us, the children, grandchildren and great-grandchildren went to Grandpa’s house every day to gather and have meals during the Chinese New Year celebration. It was bustling with noise and excitement. Although Grandpa was bed-ridden, listening to the gleeful voices from his grand and great-grandchildren has made him feeling happy. It was as though these companionships were the best medicine where one could see the corner of his mouth rising up faintly.
He kept reminding my aunt to prepare the Red Packets (Ang Pows) for him and that he would hand it out to us each, himself.
“Dad, Happy New Year. May you be blessed with good health”.. “Grandpa, Gong Xi Fai Cai, to good health”.. “Azu, Happy Chinese New Year..” There were about 70 of us, we could see an extremely long line forming from the living room up to the kitchen! We would hold Grandpa’s hand tenderly as we take the precious Red Packets from him.
After the Chinese New Year holidays, we all returned to our own home and I called up my mother every day to check up on Grandpa’s condition. With the sincere care and accompaniment of his children and grandchildren, not only did Grandpa spent the entire Lunar New Year with us but pull out the nasogastric tube all by himself (as it was making him feeling uncomfortable) and surprised us all as he began to eat by himself!
A few days ago, my sister-in-law sent us a short video. When I played the video, Grandpa could stand and began to walk slowly!
This time around, there is an outbreak of a new pneumonia (COVID-19) pandemic. There are many elderly people living alone or nursing homes in Europe. Due to them not being able to receive the proper treatment at the right time, many of them passed away feeling lonely.
Little Yellow Flower Education Foundation did a part by supplying free food baskets for some of the poor elderly folks who lives alone during the Malaysia Movement Control Order.
I visited a nursing home with my aunt once and the administrator told us that there were more nursing homes mushrooming and it was so disheartening for him.
It is something that is not understandable as in this modern metropolis world, where we can be proud of our achievements, where the world is more advanced, civilized, technologies are more developed, goods are more refined, education levels are standing tall, why is it that we are not able to accommodate and tolerate these elderly people who have once devoted their early days to the society and sacrificed for their family?
They were also once young and energetic laborers. Why are they now forgotten and abandoned during their last years when they are the ones who needs to be cared for, and loved most?
Feeling more superiority does not bring us more happiness. The more private space we strive for, will only distance ourselves from others…..
So far… that we could not even see and remember the people or things are really matters and are worth treasuring.
Where are the family members of these aged people?
There may be many stories to it but can it be rewritten if there were less pride and a little more empathy?
The Universe creates Life and parents are the bridges that brings life into this world. Why is it that we can provide the best for our children but not for our parents?
My friend, Rene has to take care of her grandmother, her father and mother; three golden gems. She will always walk over to their house to see them, accompany them, cook delicious meals for them and take care of their daily lives. Each time I see the pictures, videos and texts she share about her grandmother and parents, I am deeply moved.
Even as an International acclaimed actress and singer, she would still try her very best to take care of the three old family members and 1 young child as any normal mother, daughter and grand-daughter will do in her everyday life.
Last year, I visited a nursing home with a friend where there were more than 60 seniors who had dementia.
They are given shelter for various reasons. There are some seniors being visited by family members occasionally whereas there are some who are being totally neglected and abandoned. Seeing some of them, fragile looking, gazing blankly into the wall, allowing loneliness to seep into their souls by the inches, waiting for death to visit them while lying on their bed in this empty, dark shed, left me feeling extremely sad.
Let us all close our eyes, recollect our childhood’s memories, picturing the silhouettes of our parents who were taking care of us. Quiet down, feel the presence of our parents now. Can we still hear their voices, sense the connection and the warmth among us?
#说一说
#父母之恩
#letstalkabout
#loveforparents
great grandchildren 在 Bubzvlogz Youtube 的評價
Hello everybody!
Here's another Twitter Q&A video! YEY! Thank you so much for your questions guys. I hope you will enjoy this month's Ask Bubz episode.
Questions:
What is your favourite food?
What is your ideal date?
Number one tip on being positive?
3 Items you would save if your house is on fire
Would you rather meet your ancestors of your great great great great grandchildren?
If you won an all expense paid trip to any 3 places? Where would you choose?
How do you see yourself in 10 years time?
What is a question you wish others would ask you?
What was it like when you first started with Youtube. Any tips for those just starting out?
Do you think you are losing your accent?
What are the differences between Domo & Chubbi. Who do you prefer?
Why is Tim always sleeping in your vlogs?
What do you like most about yourself?
Are you an introvert or an extrovert?
Thanks to your suggestions, I have decided to make this a monthly thing.
Remember to add me to ask me your questions on Twitter at:
http://www.twitter.com/bubzbeauty
Much love, Bubz xx
Connect with me:
MY WEBSITE: http://www.bubzbeauty.com
TWITTER: http://www.twitter.com/bubzbeauty
INSTAGRAM: http://www.instagram.com/itsbubz
FACEBOOK: http://www.facebook.com/itsbubz
SHOP: http://www.shopbubbi.com
Subscribe to my Vlog channel for daily doses of Bubz, Chubbi, Domo & Tim:
http://www.youtube.com/bubzvlogz
Write to me:
Lindy Tsang
P.O. Box 2093
Yuen Long Post Office
Hong Kong
great grandchildren 在 dfarm Youtube 的評價
Grandchildren snack time It is a great day
毎日おやつの時間は大変な我が家、犬達は先に食べ終わってますが遊びながら食べる孫は、何時も付きまとわれますね、嫌がる顔もしないで、我関せずですね。
Google+1
http://goo.gl/T3mXg
great grandchildren 在 Great-Grandchildren ideas - Pinterest 的八卦
We share our love with 8 grandchildren and 3 great-grandchildren! ... We are blessed!. See more ideas about grandchildren, grandparents, grandparents quotes. ... <看更多>
great grandchildren 在 99-Year-Old Woman Meets Her 100th Great-Grandchild 的八卦
A 99-year-old Philadelphia woman recently met her 100th great - grandchild as her milestone 100th birthday approaches. ... <看更多>