บริษัทเทคโนโลยี กำลังมีเงินสดล้นมือ /โดย ลงทุนแมน
ตอนนี้ทุกคนบนโลก กำลังใช้สินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ด้วยเหตุนี้ บริษัทเทคโนโลยีจึงทำเงินได้อย่างมากมายมหาศาล
แต่เรื่องที่น่าจะต้องยินดี กลับสร้างปัญหาบางเรื่องให้กับบริษัทเหล่านี้
นั่นก็คือ มันทำให้บริษัทมี “เงินสด” เยอะเกินไปนั่นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาคงต้องหาทางใช้เงิน
คำถามคือ แล้วบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ จะเอาเงินสดไปใช้ทำอะไรต่อได้บ้าง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
อุตสาหกรรมเทคโนโลยี อยู่ในช่วงที่พัฒนาได้เร็วสุดในประวัติศาสตร์
ส่งผลให้ Apple, Amazon, Alphabet, Microsoft, Facebook ก้าวขึ้นมามีมูลค่าธุรกิจสูงสุดในโลก
สรุปผลการดำเนินงานของบริษัทเทคโนโลยี ในปี 2018
Apple Inc.
รายได้ 7,994,000 ล้านบาท เติบโต 16% จากปีก่อนหน้า
กำไร 1,792,000 ล้านบาท เติบโต 23% จากปีก่อนหน้า
Amazon.com, Inc.
รายได้ 7,010,000 ล้านบาท เติบโต 31% จากปีก่อนหน้า
กำไร 303,000 ล้านบาท เติบโต 232% จากปีก่อนหน้า
Alphabet Inc. (บริษัทแม่ของ Google)
รายได้ 4,118,000 ล้านบาท เติบโต 23% จากปีก่อนหน้า
กำไร 925,000 ล้านบาท เติบโต 143% จากปีก่อนหน้า
Microsoft Corporation
รายได้ 3,788,000 ล้านบาท เติบโต 14% จากปีก่อนหน้า
กำไร 1,181,000 ล้านบาท เติบโต 137% จากปีก่อนหน้า
Facebook, Inc.
รายได้ 1,680,000 ล้านบาท เติบโต 37% จากปีก่อนหน้า
กำไร 666,000 ล้านบาท เติบโต 39% จากปีก่อนหน้า
จากผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กำไรสะสมในรูปแบบของเงินสด เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
บริษัทที่มีเงินสดและทรัพย์สินหมุนเวียนสภาพคล่องเทียบเท่าเงินสด มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ได้แก่
อันดับ 1 Microsoft 4,112,000 ล้านบาท
อันดับ 2 Berkshire Hathaway 3,859,000 ล้านบาท
อันดับ 3 Alphabet 3,648,000 ล้านบาท
อันดับ 4 Apple 3,028,000 ล้านบาท
อันดับ 5 Facebook 1,574,000 ล้านบาท
อันดับ 6 Amazon 1,315,000 ล้านบาท
แน่นอนว่า การถือเงินสดเยอะ ย่อมแสดงถึงฐานะทางการเงินอันแข็งแกร่ง และเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงให้กับบริษัทได้
แต่ถ้าถือมันเอาไว้เกินความจำเป็น ก็อาจสร้างความไม่พอใจต่อผู้ถือหุ้นได้
เพราะจะทำให้พลาดโอกาสได้ผลตอบแทน หากนำเงินไปทำอย่างอื่น
แล้วจะมีวิธีไหนที่บริษัทจะใช้เงินสดของบริษัทให้น้อยลงได้?
เรื่องแรกคือ จ่ายเงินปันผล ในระยะสั้น บริษัทสามารถสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ทันที ด้วยการจ่ายเงินปันผล อย่างไรก็ตาม วิธีนี้จะต้องเจอภาษีหัก ณ ที่จ่าย ซึ่งผู้ถือหุ้นจะได้เงินไม่เต็มจำนวนที่บริษัทได้จ่ายออกไป
แต่อีกวิธีหนึ่งที่กำลังนิยมใช้กัน เนื่องจากไม่ต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย เหมือนเงินปันผล
นั่นก็คือการซื้อหุ้นคืนในตลาดหลักทรัพย์
โดยจำนวนหุ้นที่ลดลง จะทำให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น
และหากตลาดยังมีมุมมองในการให้มูลค่าต่อกำไรเหมือนเดิม ราคาต่อหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นในที่สุด
ซึ่งเมื่อย้อนดูข้อมูลจะพบว่าในช่วงหลัง บริษัทเทคโนโลยีทุกแห่ง ยกเว้น Amazon ใช้วิธีนี้มาตลอด
ปี 2018
Apple ซื้อหุ้นคืน 2,130,000 ล้านบาท
Alphabet ซื้อหุ้นคืน 245,000 ล้านบาท
Microsoft ซื้อหุ้นคืน 459,000 ล้านบาท
Facebook ซื้อหุ้นคืน 388,000 ล้านบาท
ปี 2019 (สามไตรมาส)
Apple ซื้อหุ้นคืน 1,725,000 ล้านบาท
Alphabet ซื้อหุ้นคืน 370,000 ล้านบาท
Microsoft ซื้อหุ้นคืน 400,000 ล้านบาท
Facebook ซื้อหุ้นคืน 87,500 ล้านบาท
นอกจากจ่ายเงินปันผล และซื้อหุ้นคืน บริษัทยังมีวิธีไหนที่ใช้เงินสดได้อีก?
อีกวิธีหนึ่งก็คือ นำเงินไปลงทุนซื้อกิจการอื่นเพิ่มเติม
ถ้าบริษัทอยากหวังผลประโยชน์ที่ยั่งยืนในระยะยาว
บริษัทสามารถซื้อกิจการที่คิดว่าดี เพื่อรักษาระดับการเติบโตของบริษัทตามความคาดหวังของผู้ถือหุ้น
เราลองมาดูตัวอย่างการซื้อกิจการที่ผ่านมาของแต่ละบริษัทกัน
Apple ต่อยอดความสำเร็จให้กับผลิตภัณฑ์ Smart Device ของตนเอง
ปี 2011 ซื้อ Anobit Technologies ผู้ผลิตอุปกรณ์หน่วยความจำ มูลค่า 15,000 ล้านบาท
ปี 2014 ซื้อ Beats Electronics ผู้ผลิตหูฟังและอุปกรณ์เสียง มูลค่า 90,000 ล้านบาท
ปี 2018 ซื้อ Dialog Semiconductor ผู้ผลิตชิปอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 18,000 ล้านบาท
Amazon กระจายการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ E-Commerce และอินเทอร์เน็ต
ปี 2014 ซื้อ Twitch แพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์วงการเกม มูลค่า 29,000 ล้านบาท
ปี 2017 ซื้อ Whole Foods ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต ขายอาหารสดและของชำ มูลค่า 412,000 ล้านบาท
ปี 2018 ซื้อ PillPack ร้านขายยาออนไลน์ มูลค่า 39,000 ล้านบาท
Alphabet มีเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจจากตลาดซอฟต์แวร์ไปสู่ฮาร์ดแวร์
ปี 2012 ซื้อ Motorola Mobility ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ มูลค่า 376,000 ล้านบาท
ปี 2014 ซื้อ Nest Labs ผู้ผลิตอุปกรณ์ Smart Home มูลค่า 96,000 ล้านบาท
ปี 2019 ซื้อ Fitbit ผู้ผลิตอุปกรณ์สวมใส่เพื่อสุขภาพ มูลค่า 64,000 ล้านบาท
Microsoft เสริมจุดแข็งด้านโปรแกรมต่างๆ ที่คนใช้งานบนอุปกรณ์ไอที
ปี 2011 ซื้อ Skype บริการสื่อสารผ่านวิดีโอคอลล์ มูลค่า 256,000 ล้านบาท
ปี 2016 ซื้อ LinkedIn เครือข่ายออนไลน์ในแวดวงธุรกิจ มูลค่า 789,000 ล้านบาท
ปี 2018 ซื้อ GitHub บริการจัดเก็บข้อมูลเขียน Code มูลค่า 226,000 ล้านบาท
Facebook ต้องการยึดครองทุกช่องทางการติดต่อสื่อสารบนโลกใบนี้
ปี 2012 ซื้อ Instagram แพลตฟอร์มเน้นการแชร์รูปภาพ มูลค่า 30,000 ล้านบาท
ปี 2014 ซื้อ WhatsApp แอปพลิเคชันแช็ต มูลค่า 662,000 ล้านบาท
ปี 2014 ซื้อ Oculus VR ผู้พัฒนาเทคโนโลยี Virtual Reality มูลค่า 60,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามีการใช้เงินเพื่อสร้างผลตอบแทนทั้งระยะสั้นและระยะยาวไปจำนวนมหาศาล
แต่สุดท้าย บริษัทเทคโนโลยี ก็ยังเหลือเงินสดเยอะอยู่ดี
ดังนั้นในอนาคต เราน่าจะได้เห็นการทยอยซื้อหุ้นคืน
หรือการแย่งซื้อกิจการที่น่าสนใจ เพื่อชิงความได้เปรียบในธุรกิจเทคโนโลยีกันอีกมากมาย
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
เงินเหลือคงคลังของรัฐบาลไทย ประจำปีงบประมาณ 2019 อยู่ที่ 512,000 ล้านบาท
น้อยกว่าเงินสดในมือของบริษัทเหล่านี้เสียอีก..
╔═══════════╗
แอปเขียนบล็อกอันดับ 1
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
References
-https://www.cnbc.com/…/microsoft-apple-and-alphabet-are-sit…
-https://finance.yahoo.com/
-https://ycharts.com/companies/AAPL/stock_buyback
-https://ycharts.com/companies/GOOG/stock_buyback
-https://ycharts.com/companies/MSFT/stock_buyback
-https://ycharts.com/companies/FB/stock_buyback
-https://www.cbinsights.com/…/apple-biggest-acquisitions-in…/
-https://www.cbinsights.com/…/amazon-biggest-acquisitions-i…/
-https://www.cbinsights.com/…/google-biggest-acquisitions-i…/
-https://www.cbinsights.com/…/infographic-microsoft-biggest…/
-https://www.cbinsights.com/…/infographic-facebook-biggest-a…
-https://www.posttoday.com/finance-stock/news/604483
goog stock 在 元毓 Facebook 八卦
【Alphabet Inc. (GOOG) on Q1 2020 Earnings Call notes】
Apr. 28, 2020 11:46 PM ET
Company Participants
Jim Friedland - Director of Investor Relations
Sundar Pichai - Chief Executive Officer
Ruth Porat - Chief Financial Officer
Conference Call Participants
Eric Sheridan - UBS
Doug Anmuth - JPMorgan
Heather Bellini - Goldman Sachs
Michael Nathanson - MoffettNathanson
Brian Nowak - Morgan Stanley
Brent Thill - Jefferies
Dan Salmon - BMO Capital Markets
Justin Post - Bank of America Merrill Lynch
Kevin Rippey - Evercore ISI
Mark Mahaney - RBC Capital Markets
------------------------------------------
CEO:
1. 針對Covid-19,Google高度配合美國CDC或WHO,並將Youtube上不符合官方的內容快速移除。
2. 提供與Google往來的中小企業$8億美元緊急貸款、金援或信用擔保。
3. Google上有關Covid-19的搜尋量是美國超級杯賽時的4倍。
4. Google Play下載量增加30%。
5. 三月底時全世界有超過1億學生或教師使用Google Classroom,是月初時的兩倍。
6. Google Meet使用者增加3百萬人,相較於1月成長30倍。(所以一月時只有十幾萬人?)
7. 廣告業務在一、二月表現強勁,但三月之後顯著萎縮。
8. CEO認為Google廣告業務在2008年就證明有兩大優勢,他相信靠這兩大優勢Google可以平安度過此疫情:
a. Google廣告上線與下線非常有彈性且快速。
b. Google業務多元化。
9. 還有一個重點是CEO認為Google在此次疫情表現會比上次2008年金融危機好:相較於12年前,Google現在承包美國政府許多業務,例如紐約州的失業補助申請系統就是Google提供、聯邦政府的緊急健康公衛伺服系統也是Google提供。這部份業務在此次疫情都有顯著成長。
10. G suit這產品目前有600萬付費用戶,就連Netflix都是。
11. Android系統上每月使用Google Play的活要用戶高達25億。
12. Google會降低徵才速率。
13. 研發自動駕駛的Waymo增資$22.5億美元。
-----------------------------------
CFO
1. Q1 Revenue $41.2B (12% YoY)| Revenue related costs $19B (19% YoY)| Other Costs $11.5B (26% YoY)
mainly due to data center operation, depreciation, and content acquisition
2. Operating expenses $14.2B, mainly due to R&D and sales&marketing
3. Stock-based compensation costs $3.2B
4. Headcount was up 4149 comparing to the Q4. Google will slow the hiring pace in Q2 and Q3.
5. Google Cloud(including G suit and enterprise services) -- operating income $8B (-4% YoY)| operating margin 19%
6. loss of $220M driven by looses in equity securities
7. Effective tax rate is 11.9%| Net income was $6.8M
8. CapEx $6B | Operating cash flow was $11.5B| Free cash flow was $5.4B| Repurchase share plan costed $8.5B | Cash pile up to $117B
9. Google Search & other Ads -- Revenue $24.5B (9% YoY)| It was strong in the first two months but significantly declined in March.
10. Youtube Ad -- revenue $4B (33% YoY)| However, the Brand Advertising hugely declined in March.
11. Network Ad -- Revenue $5.2B (4% YoY)
12. Google Cloud -- Revenue $2.8B (52% YoY) (相較Amazon的AWS同期營收是$10B,Microsoft Intelligent Cloud $12.3B,Google小很多)
13. Other Revenue, mainly driven by Youtube non-ad revenue, $4.4B (23% YoY)
14. Total Traffic Acquisition costs $7.5B (9% YoY)
15. Fiber and Verily Revenue $135M | Operating loss $1.1B (果然是兩個賠錢貨)
16. CFO 這句話明白闡釋Google很清楚自身的上頭成本狀況:「much of our operating expense is not directly related to the change in revenue」(有關企業的上頭成本與租值的觀念我解釋過,就不重複)
-------------------------------
Q&A部分問者打不到重點,答者不著邊際、儘是官腔,浪費很長時間卻乏善可陳,懶得摘錄。
https://bit.ly/2WmlYlm
goog stock 在 幣圖誌Bituzi Facebook 八卦
【畢德歐夫】剛剛微軟(代號:MSFT)公布去年第四季財報,
EPS 0.78美元優於市場預期,同時比前年同期成長11%。
營收則來到256.9 億美元,同樣優於市場預期252.6億美元。
微軟智慧雲端事業群營收成長5%來到63.4 億美元,優於預期。企業雲端平台 Azure 營收以固定貨幣計算則大幅成長 140%。
財星500大企業中超過三分之一企業都選用微軟企業行動方案。
微軟聲明稿指出,他們在上一季透過回購股票、發放股利的方式向投資人發放快65億美元。
提供資訊給讀者參考,謝謝!
快速結論:
雲端、雲端、雲端這就是一場雲端戰爭。
微軟從作業軟體,轉型為雲端計算公司。
以前講的很多科技名詞,漸漸成為企業獲利的主軸重心。
這行業除了亞馬遜(代號:AMZN)、Google(代號:goog)
微軟也是黑馬。
goog stock 在 Google ($GOOG) | Alphabet Stock Intrinsic Value Analysis 的八卦
Let's take a look at $ GOOG stock, one of the largest companies in the world by market capitalization (and profits!). Google is the world's ... ... <看更多>