เศรษฐกิจเวียดนาม จะแซงไทย จริงหรือ? /โดย ลงทุนแมน
“อีกไม่นานเศรษฐกิจเวียดนามจะแซงประเทศไทย”
ประโยคนี้ จะกลายเป็นความจริง จริงหรือไม่?
ทุกวันนี้ เศรษฐกิจของเวียดนามกับไทย
ห่างไกล หรือ ใกล้เคียงกัน แค่ไหนกันแน่?
และอะไร คือสัญญาณเตือน ที่ทำให้ช่วงนี้ เราได้ยินกันบ่อยขึ้นว่า
เศรษฐกิจของเวียดนาม กำลังจะแซงไทย
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เริ่มต้นกันที่ เศรษฐกิจของ 2 ประเทศ มีความแตกต่างกันมากแค่ไหน
ปี 2019 ประเทศไทยมีขนาดเศรษฐกิจ 16.4 ล้านล้านบาท ใหญ่เป็นอันดับที่ 22 ของโลก ประชากรมีรายได้เฉลี่ยคนละ 236,000 บาทต่อปี อยู่อันดับที่ 82 ของโลก
ขณะที่เวียดนาม ในปี 2019 มีขนาดเศรษฐกิจ 7.9 ล้านล้านบาท อยู่อันดับที่ 44 ของโลก ประชากรมีรายได้เฉลี่ยคนละ 82,000 บาท อยู่อันดับที่ 135 ของโลก
และด้วยรายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนไทยในระดับนี้ ทำให้ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง (Upper middle income country)
ขณะที่เวียดนาม ปัจจุบันยังถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับต่ำ (Lower middle income country)
สรุปแล้ว ในตอนนี้เศรษฐกิจไทยยังคงใหญ่กว่าเวียดนาม 2 เท่า
ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีของคนไทย ก็มากกว่าของเวียดนามเกือบ 3 เท่า
เห็นแบบนี้แล้ว เราอาจสรุปได้ว่า
เศรษฐกิจของประเทศไทยในตอนนี้
ยังนำหน้าเวียดนามอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
แต่รู้ไหมว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม มากกว่าไทยถึง 2 เท่า
ในช่วงปี 2009-2019 เศรษฐกิจไทย เติบโตเฉลี่ยปีละ 3%
ขณะที่เศรษฐกิจของเวียดนามเติบโตเฉลี่ยปีละ 6%
สำหรับปีนี้ การระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ไทยและเวียดนาม
หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะติดลบประมาณ 6.4%
ส่วนเศรษฐกิจเวียดนาม จะยังคงเติบโตที่ 2.4%
แต่ถ้าสมมติว่า โรคระบาดนี้ผ่านพ้นไป
ถ้าเราให้เศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศ กลับมาเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ยเดิมเหมือนกับช่วงปี 2009-2019
คือไทยเติบโตเฉลี่ยปีละ 3% และเวียดนามเติบโตเฉลี่ยปีละ 6%
หมายความว่า กว่าที่ขนาดเศรษฐกิจเวียดนามจะแซงไทย ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 24 ปี จากวันนี้..
แต่ถ้าลองมองให้ลึกลงไปที่พื้นฐานเรื่องต่างๆ
ก็จะพบว่า เวียดนามกำลังเติบโตด้วยศักยภาพเพิ่มมากขึ้นทุกที
ปัจจุบัน เวียดนามมีประชากรกว่า 97 ล้านคน
มากเป็นอันดับที่ 15 ของโลก และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 111 ล้านคนในอีก 30 ปีข้างหน้า
ขณะที่ไทย มีประชากรประมาณ 69 ล้านคน
มากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก และคาดว่าประชากรไทยจะไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะอยู่ที่ 60-69 ล้านคน ในอีก 30 ปีข้างหน้า
ส่วนอายุเฉลี่ยของคนเวียดนามในวันนี้คือ 32 ปี ขณะที่อายุเฉลี่ยของคนไทยคือ 40 ปี
จำนวนประชากรในอนาคตของเวียดนามที่มากกว่าไทย
และอายุเฉลี่ยของคนเวียดนามที่น้อยกว่าไทย
อาจทำให้เวียดนามได้เปรียบกว่าประเทศไทยในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านแรงงานเพื่อการผลิต
ปี 2020 เวียดนามมีจำนวนแรงงานเท่ากับ 58 ล้านคน
ขณะที่ของประเทศไทยอยู่ที่ 38 ล้านคน
ปริมาณแรงงานที่อายุน้อยและมีจำนวนมาก จึงทำให้ต้นทุนค่าแรงของเวียดนามต่ำกว่า เมื่อเทียบกับประเทศไทย
ค่าแรงขั้นต่ำของเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 132-190 บาทต่อวัน
ขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำของไทยอยู่ที่ประมาณ 313-336 บาทต่อวัน
ต้นทุนแรงงานที่ต่ำ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่ดึงดูดให้บริษัทต่างชาติย้ายฐานการผลิตไปลงในเวียดนามหลายรายในช่วงที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่น
Samsung บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากเกาหลีใต้
LG บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่จากเกาหลีใต้
Foxconn บริษัทผู้ผลิตและรับผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับ Apple
Panasonic บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่จากญี่ปุ่น
ซึ่งนอกจากปัจจัยเรื่องค่าแรงแล้ว ยังอาจมีอีกหลายๆ ปัจจัย ที่ทำให้เวียดนามสามารถดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศได้ เช่น ทักษะแรงงาน และกฎหมาย กฎเกณฑ์ที่เอื้อต่อการย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนในประเทศ
ส่วนเรื่องการไหลเข้าของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ หรือ Foreign direct investment (FDI) อย่างเช่นเงินลงทุนสำหรับตั้งโรงงานการผลิต ก็เป็นอีกตัวเลขที่น่าสนใจ
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลไปยังเวียดนาม
ในปี 2011 อยู่ที่ 222,000 ล้านบาท
ในปี 2019 อยู่ที่ 465,000 ล้านบาท
ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลเข้ามาประเทศไทย
ในปี 2011 อยู่ที่ 74,100 ล้านบาท
ในปี 2019 อยู่ที่ 189,000 ล้านบาท
ขณะที่ของประเทศไทย หลังจากที่ยอด FDI เคยขึ้นไปสูงสุดที่ 477,000 ล้านบาท ในปี 2013 ก็ยังไม่เคยกลับไปจุดนั้นอีกเลยจนถึงวันนี้
มาถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกว่า มีโอกาสไม่น้อยที่เวียดนามจะเติบโตต่อเนื่องอีกนานพอสมควร และยังอาจโตด้วยอัตราเฉลี่ยประมาณ 6% ต่อปี
และถ้าเศรษฐกิจไทยโตด้วยอัตราเฉลี่ยที่น้อยกว่าเดิม
เศรษฐกิจเวียดนาม อาจไล่ตามไทย ได้เร็วมากขึ้น
เช่น จาก 24 ปี เหลือ 20 ปี หรืออาจใช้เวลาน้อยกว่านั้น ถ้าเศรษฐกิจไทยอยู่กับที่..
ซึ่งคำถามที่ว่า เศรษฐกิจเวียดนาม จะแซงไทย จริงหรือ?
คำตอบคือ ถ้าช่วง 5-10 ปีนี้ ก็คงจะยังเป็นเรื่องยาก
แต่ถ้าในระยะยาว 20-30 ปี ข้างหน้า ก็ต้องยอมรับว่า “มีความเป็นได้” เหมือนกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)
-https://data.worldbank.org/country
-https://en.wikipedia.org/wiki/Developing_country
-GDP growth (annual %) | Data (worldbank.org)
-https://e.vnexpress.net/news/business/economy/vietnam-gdp-growth-to-be-among-world-s-highest-in-2020-imf-4194065.html#:~:text=The%20International%20Monetary%20Fund%20has,percentage%20points%20to%202.4%20percent.
-https://www.thailand-business-news.com/economics/81636-thai-bank-revised-up-2020-gdp-forecasts-to-6-4-and-projected-2021-growth-at-3-3.html
-https://www.worldometers.info/world-population/population-by-country/
-https://www.statista.com/statistics/444584/average-age-of-the-population-in-vietnam/#:~:text=The%20median%20age%20in%20Vietnam,to%2041%20years%20by%202050.
-https://tradingeconomics.com/vietnam/labor-force-total-wb-data.html#:~:text=Labor%20force%2C%20total%20in%20Vietnam,compiled%20from%20officially%20recognized%20sources.
- https://www.bot.or.th/App/BTWS_STAT/statistics/BOTWEBSTAT.aspx?reportID=638&language=eng
-https://www.vietnam-briefing.com/news/vietnams-competitive-minimum-wages-how-fares-with-regional-peers.html/#:~:text=This%20year%20Vietnam%20increased%20its,%24190%20depending%20on%20the%20region.
-https://vietnamtimes.org.vn/more-foreign-manufacturers-move-to-vietnam-amid-covid-19-pandemic-19842.html#:~:text=Specifically%2C%20multinational%20companies%20such%20as,Vietnam%20rather%20than%20in%20China.
-https://www.reuters.com/article/uk-foxconn-vietnam-apple-exclusive/exclusive-foxconn-to-shift-some-apple-production-to-vietnam-to-minimise-china-risk-idUKKBN2860XN
-https://data.worldbank.org/indicator/BX.KLT.DINV.CD.WD?locations=VN
-https://data.worldbank.org/indicator/BX.KLT.DINV.CD.WD?locations=TH
fdi wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
ผู้ชนะสงครามการค้า ที่ชื่อเวียดนาม / โดย ลงทุนแมน
สงครามการค้าทำให้เศรษฐกิจโลกปั่นป่วน
เนื่องจากการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน
ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก 2 อันดับแรก
เรื่องนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะส่งผลกระทบไปยังเศรษฐกิจหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม
ท่ามกลางสงครามดังกล่าว
เวียดนามกำลังได้รับผลประโยชน์อย่างมาก
จนตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ชนะจากสงครามครั้งนี้
ทำไมจึงเป็นแบบนั้น ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
บทความนี้ของลงทุนแมน โพสต์ล่วงหน้าใน
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
เมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
บริษัทหลายแห่งที่มีฐานการผลิตในจีน จำเป็นต้องมองหาฐานการผลิตใหม่ที่สามารถลดผลกระทบจากภาษีดังกล่าว
ซึ่งเวียดนามคือหนึ่งในประเทศที่หลายบริษัทได้ย้ายฐานการผลิตเข้าไป
แล้วทำไมจึงเป็นเวียดนาม?
หลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามพยายามผลักดันและสร้างบรรยากาศ รวมทั้งสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาเวียดนามมากยิ่งขึ้น
ทั้งการใช้นโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้สูงมาก
การปรับปรุงนโยบายภาษีสำหรับบางอุตสาหกรรม
พร้อมทั้งลงทุนโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
เมื่อมีบริษัทต่างชาติเริ่มเข้ามาลงทุนมาก ก็ทำให้เกิดการลงทุน การจ้างงานในประเทศ
ซึ่งนี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามนั้นเติบโตอย่างโดดเด่นหลายปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะในปี 2018 ที่เศรษฐกิจนั้นเติบโตกว่า 7.1% สูงสุดในรอบ 10 ปี
อีกหนึ่งจุดแข็งของเวียดนามคือ
การมีจำนวนแรงงานที่สูงกว่า 56 ล้านคน
โดย 2 ใน 3 นั้นเป็นแรงงานที่อยู่ในช่วงหนุ่มสาวซึ่งมีอายุต่ำกว่า 35 ปี
และสงครามการค้า
เป็นตัวกระตุ้นให้หลายบริษัทจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตมายังเวียดนามเร็วยิ่งขึ้น
Alphabet
บริษัทแม่ของ Google มีการย้ายฐานการผลิตสมาร์ตโฟน Pixel จากจีนมายังเวียดนาม
Nintendo
ผู้ผลิตเครื่องเล่นเกม และเกม ย้ายฐานการผลิตไปเวียดนาม
Samsung
ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก ประกาศปิดโรงงานสมาร์ตโฟนในจีน ก่อนที่จะย้ายฐานการผลิตบางส่วนมายังเวียดนาม
ซึ่งปัจจุบันนั้น เวียดนามเป็นฐานผลิตสมาร์ตโฟนของ Samsung กว่า 60% อีกด้วย
ยังไม่รวมถึงผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่อย่าง Sharp ที่กำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิตโน้ตบุ๊กไปยังเวียดนามเช่นกัน
ลองมาดูสถิติด้านเศรษฐกิจของเวียดนามในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2019 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
จำนวนบริษัทที่ขอจดทะเบียนใหม่เพื่อทำธุรกิจในเวียดนามเพิ่มขึ้นเท่ากับ 2,406 แห่ง คิดเป็น 25%
มูลค่าเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) สูงถึง 359,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 7%
ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
แต่เวียดนามเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่การส่งออกยังเติบโตอย่างโดดเด่น
โดยการส่งออกของประเทศอยู่ที่ 5.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 8%
โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคมนั้น การส่งออกของเวียดนามสูงสุดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว
หลายคนคงไม่รู้ว่าตอนนี้มูลค่าการส่งออกของเวียดนามมากกว่าประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว
พอเรื่องเป็นแบบนี้
จึงไม่แปลกที่ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2018 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามการค้าเริ่มต้นจนถึงไตรมาส 3 ปี 2019 GDP ของเวียดนามนั้นเติบโตเฉลี่ยกว่า 7%
เรื่องนี้ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าทั้งปี 2019 เศรษฐกิจเวียดนามจะโตเกือบ 7% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดประเทศหนึ่งในโลก และสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียนที่การเติบโตของ GDP เฉลี่ยอยู่ที่ 4.5%
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
ในอดีต เวียดนามเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
โดยประชากรเคยมีรายได้ต่อหัวต่อปีต่ำกว่า 3,000 บาท
อย่างไรก็ตาม หลังปี ค.ศ. 1986 ที่เวียดนามมีการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ปัญหาความยากจนก็ค่อยๆ ลดลง
ปัจจุบัน รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนเวียดนามต่อปีเท่ากับ 77,400 บาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวภายในระยะเวลา 10 ปี
ขณะที่ในช่วงระหว่างปี 2002-2018 ประชากรเวียดนามจำนวนกว่า 45 ล้านคน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของประเทศ สามารถหลุดพ้นจากความยากจนไปเรียบร้อยแล้ว..
┏━━━━━━━━━━━━┓
บทความนี้ของลงทุนแมน โพสต์ล่วงหน้าใน
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://www.reuters.com/article/vietnam-fdi/vietnam-jan-aug-fdi-inflows-up-63-y-y-to-1196-billion-ministry-idUSL3N25N1ST
-https://tradingeconomics.com/vietnam/gdp-growth
-https://www.reuters.com/article/us-google-vietnam/google-to-move-pixel-smartphone-production-to-vietnam-nikkei-idUSKCN1VI11L
-https://www.businessinsider.com/nintendo-switch-production-vietnam-china-trump-trade-war-2019-7
-https://www.vir.com.vn/sharp-to-relocate-to-vietnam-due-to-us-china-trade-war-69693.html
-https://www.worldometers.info/world-population/vietnam-population/
-https://moneyweek.com/516382/vietnam-winning-trumps-trade-war/
-https://www.gso.gov.vn/default_en.aspx?tabid=626&ItemID=18782
-https://en.wikipedia.org/wiki/Vietnam
-https://www.worldbank.org/en/country/vietnam/overview
fdi wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
ถ้า ASEAN คือ 1 ประเทศ จะใหญ่แค่ไหน? /โดย ลงทุนแมน
แล้วเราเคยสงสัยไหม ถ้าเรามอง ASEAN เป็นหนึ่งประเทศ
ประเทศนี้จะน่าสนใจอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
เริ่มที่เรื่องเศรษฐกิจกันก่อน
ปี 2009 ASEAN มีมูลค่า GDP เท่ากับ 46 ล้านล้านบาท
หรือมีมูลค่าประมาณ 2.3% ของ GDP โลก
ปี 2019 ASEAN มีมูลค่า GDP เท่ากับ 96 ล้านล้านบาท
หรือมีมูลค่าประมาณ 3.5% ของ GDP โลก
ดูแบบนี้ต้องบอกว่า เศรษฐกิจของ ASEAN นั้นเติบโตเร็วกว่าเศรษฐกิจโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และด้วยมูลค่า GDP ดังกล่าว ASEAN จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก แซงหน้าอินเดียในวันนี้
ต่อมาก็เรื่องของประชากร
ปัจจุบัน ASEAN นั้นมีประชากรทั้งหมด 654 ล้านคน มากสุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก เป็นรองเพียงจีนและอินเดีย
รู้ไหมว่า ภายใน ASEAN นั้น มีจำนวนประชากรวัยแรงงานที่มีอายุตั้งแต่ 15-60 ปี ถึง 405 ล้านคน หรือประมาณ 62% ของจำนวนประชากรใน ASEAN
ขณะที่ประชากรที่อายุต่ำกว่า 35 ปี มีจำนวนถึง 380 ล้านคน หรือ 58% ของจำนวนประชากรทั้งหมด
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติมอง ASEAN ว่าเป็นตลาดแรงงานและตลาดผู้บริโภคที่มีศักยภาพและมีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก และน่าจะเป็นอย่างนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายสิบปี
ด้วยความที่ ASEAN เป็นตลาดแรงงานขนาดใหญ่ และต้นทุนค่าแรงที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ จึงทำให้ที่นี่เป็นแหล่งที่ได้รับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ปี 2000 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามายัง ASEAN ประมาณ 0.7 ล้านล้านบาท
ปี 2018 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามายัง ASEAN ประมาณ 4.8 ล้านล้านบาท
หลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของ ASEAN เติบโตเฉลี่ยมากกว่าปีละ 5% และมีการคาดกันว่า ASEAN จะยังสามารถรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจระดับนี้ไปได้ถึงปี 2050
ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจะทำให้
ภายในปี 2030 ชนชั้นกลางของ ASEAN จะเพิ่มมาอยู่ที่ 334 ล้านคน จาก 91 ล้านคนในปี 2010
ภายในปี 2050 มูลค่า GDP ของ ASEAN จะเติบโตมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก ตามหลังจีน อินเดีย และสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
และที่ลืมไม่ได้คือ การท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของ ASEAN เนื่องจากหลายประเทศที่นี่มีสภาพอากาศที่เหมาะแก่การเดินทางท่องเที่ยว เมื่อรวมกับการมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งยังมีค่าครองชีพที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ
จึงทำให้ ASEAN นับเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ในปี 2019 มีจำนวนนักท่องเที่ยวมา ASEAN ถึง 133 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มถึง 155 ล้านคนในปี 2022
ซึ่งด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน
ได้ทำให้ ASEAN มีจำนวนนักท่องเที่ยวแซงหน้าฝรั่งเศส ประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศมากที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน ที่ 89 ล้านคน
ดูเหมือนว่าหลายๆ อย่างใน ASEAN กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ที่สำคัญประเทศไทยของเราก็มีบทบาทสำคัญใน ASEAN
วันนี้เป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะเตรียมพร้อมเติบโตไปกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศของเรา
และเราน่าจะทำตัวเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคนี้ได้
ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้ง
โครงสร้างพื้นฐาน
ขนาดเศรษฐกิจ
ที่น่าจะเอื้ออำนวยให้เราเป็นตัวแทนของ ASEAN ได้
แม้จะมีอีกหลายเรื่องที่เราต้องพัฒนาให้มากกว่านี้เพื่อรองรับโอกาสที่จะมาถึง
ทั้งเรื่องภาษา โครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม หรือแม้แต่การปรับปรุงกฎหมายเอื้ออำนวยให้ไทยเป็นที่ตั้งของสำนักงานต่างประเทศ
แต่ถ้าเราทำได้ และปรับตัวให้เร็ว
ประเทศไทยก็จะมีโอกาส ที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของ ASEAN ในครั้งนี้..
╔═══════════╗
อยากรู้ความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก ต้องเข้าใจอดีต
เศรษฐกิจโลก 1,000 ปี พิมพ์ครั้งที่ 6
สั่งซื้อได้ที่ (รับส่วนลด 10% จากราคาปก 350 บาท)
Lazada : https://www.lazada.co.th/products/1000-i714570154-s1368712682.html
Shopee : https://shopee.co.th/product/116732911/6716121161
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://www.aseanstats.org/wp-content/uploads/2017/03/ASYB_2010.pdf
-https://www.worldometers.info/gdp/
-https://www.weforum.org/agenda/2020/06/8-ways-asean-consumer-habits-will-change-by-2030-shaped-by-covid19-tech-and-more?fbclid=IwAR0Wyfon5ROJ8JU6Xyktye8rb50rPWBX1iq1XwT2ug5ooT7VggueTOrjuB0
-https://asean.org/asean-investment-report-2019-fdi-services-focus-health-care/
-https://www.usasean.org/why-asean/growth
-https://www.worldometers.info/world-population/thailand-population/
-https://seasia.co/2020/02/11/revealed-tourist-arrival-to-asean-countries-2019
-https://www.farandwide.com/s/most-visited-countries-792c34d8901f4bc9
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_ASEAN_countries_by_GDP
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)