美國空軍F-35A閃電二式示範大隊(U.S. Air Force F-35A Lightning II Demonstration Team),展示飛行員先進頭盔
The F-35's helmet is the most advanced fighter helmet ever made.
The carbon-fiber helmet is custom-built to fit each individual pilot, and projects all the necessary information straight to the pilot's visor (airspeed, altitude, etc.)
The jet itself also has 6 external cameras that it can feed directly to the pilot's display.
Did we mention it has a built-in night vision camera?
It's like something out of a video game.
Not to mention, our pilots look pretty awesome in it. 😎
📸: 2d Audiovisual Squadron & Capt. Kip Sumner
#F35DemoTeam l #ReadyAF l #TeachingTuesday
同時也有6部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅CarDebuts,也在其Youtube影片中提到,? คลิปรถใหม่ 2019-2020 มาแล้วครับ คลิกที่นี่ https://www.youtube.com/channel/UCSebcviE-UeYMxVRNozwqtw/videos เปิดตัวในไทยแล้ว 2018 Mercedes-Benz CLS ...
display pilot 在 Jeffrey Cheng 庄惟翔 Facebook 八卦
Breitling Jet Team pilot display - Life-sized display of the Breitling Jet Team consisting of 7 pilots. First time being showcased in Southeast Asia.
@ KLCC concourse area.
------ ------ ------
#Breitling #InstrumentsForProfessionals #CortinaWatch
display pilot 在 Engadget Facebook 八卦
Boulanger will pilot the reusable box, which has an E Ink display and internal camera.
display pilot 在 CarDebuts Youtube 的評價
? คลิปรถใหม่ 2019-2020 มาแล้วครับ คลิกที่นี่ https://www.youtube.com/channel/UCSebcviE-UeYMxVRNozwqtw/videos
เปิดตัวในไทยแล้ว 2018 Mercedes-Benz CLS 300d AMG Premium ราคา 4.98 ล้านบาท พร้อมรีวิวรอบคัน ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 39
ดีไซน์ภายนอกของ The new CLS 300 d AMG Premium มีจุดเด่นอยู่ที่กระจังหน้าแบบ diamond-pattern grille ที่มีเส้นตัดแบ่งเส้นเดียว อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์แบบคูเป้ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเส้นสายที่ดูกว้าง และมีลักษณะทอดตัวลงไปที่พื้น คล้ายกับลักษณะของ Mercedes-AMG GT รูปทรงของไฟหน้าที่ดูราบเรียบไปกับตัวถัง ยังได้รับการออกแบบให้มีเหลี่ยมมุม สอดรับกับเส้นสายบริเวณกระจังหน้าอย่างลงตัว
ด้านข้างตัวรถ เสริมความสง่าด้วยลายเส้นที่อยู่สูง และลากเป็นวงโค้งตลอดคันรถ พร้อมมีการใช้เส้นสายที่ดูแข็งแกร่งบริเวณตัวถังเหนือล้อคู่หลัง ที่ค่อยๆทอดต่ำลงและผสานเข้ากับฝากระโปรงหลังที่มีลักษณะราบเรียบ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อีกประการหนึ่งของรถยนต์ตระกูล CLS
นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับหลังคาซันรูฟ เลื่อนเปิด – ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า, กันชนหน้า – หลัง และสเกิร์ตดีไซน์สปอร์ตจาก AMG, สัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรก, ล้ออัลลอยสปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19" อีกทั้งยังมีชุดไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED และไฟท้ายแบบ LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออฟติก
ดีไซน์ภายในห้องโดยสารของ The new CLS 300 d AMG Premium นั้น หรูหราเรียบง่าย แต่เพิ่มความพิเศษด้วยการติดตั้งไฟประดับที่ช่องลมของเครื่องปรับอากาศ เพื่อเสริมรูปลักษณ์ของช่องลมที่ดูคล้ายเครื่องยนต์ของเครื่องบินเจ็ท ให้ดูโดดเด่นและสวยงามมากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมลูกเล่นด้วยการเปลี่ยนสี เมื่อมีการปรับอุณหภูมิโดยการกระพริบเป็นเวลาสั้นๆเป็นสีแดง เมื่อมีการปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น และเป็นสีฟ้าเมื่อปรับอุณหภูมิให้เย็นลง
รวมถึงการออกแบบแผงหน้าปัดสำหรับผู้ขับขี่แบบดิจิตอล ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบการแสดงผลของแผงหน้าปัดได้ 3 แบบ เพื่อให้เหมาะกับความรู้สึกขณะขับขี่ หรือให้เข้ากับการตกแต่งภายในห้องโดยสาร โดยรูปแบบการแสดงผลทั้ง 3 แบบ ประกอบไปด้วยแบบคลาสสิก สปอร์ต และโปรเกรสซีฟ โดยแบบคลาสสิกและแบบสปอร์ต จะมีมาตรวัดจำนวน 2 ตัว ในขณะที่แบบโปรเกรสซีฟ จะมีมาตรวัดขนาดใหญ่ตรงกลาง และมีมาตรวัดขนาดเล็กอยู่ข้างใน
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้มีการออกแบบเบาะที่นั่งสำหรับรถยนต์ตระกูล CLS รุ่นใหม่โดยเฉพาะ พร้อมปรับการจัดวางเบาะที่นั่งของ The new CLS เป็นแบบ 5 ที่นั่ง เป็นครั้งแรก โดยวัสดุหุ้มเบาะและฝีเข็มสำหรับทั้งเบาะที่นั่งคู่หน้า และเบาะที่นั่งตอนหลังที่อยู่ในตำแหน่งตรงกับเบาะที่นั่งตอนหน้า ถูกจัดวางให้เหมือนกันทุกประการ เพื่อสร้างความรู้สึกให้คล้ายกับรถสปอร์ต 1 ที่นั่ง เบาะที่นั่งตอนหลังยังสามารถพับลงได้แบบ 40/20/40 เพื่อขยายความจุของกระโปรงหลังที่มีความจุสูงถึง 520 ลิตร,
เบาะที่นั่งคู่หน้าสามารถปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ, พวงมาลัยพาวเวอร์มัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต 3 ก้านท้ายตัด ที่ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถด้วยระบบไฟฟ้า หุ้มหนัง nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control, ระบบ AUDIO 20 GPS และหน้าจอแสดงผลข้อมูลแบบ widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้วต่อกัน 2 จอ, ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad, กาบบันไดเรืองแสง พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz, ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต อีกทั้งยังสามารถเลือกสีของไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารได้ถึง 64 สี (Premium ambient lighting)
ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี โดดเด่นด้วยระบบ DYNAMIC SELECT ที่มีโหมดการขับขี่อันหลากหลาย ซึ่งทำให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถสัมผัสถึงการขับขี่แบบเร้าใจ หรือการขับขี่แบบนุ่มสบายตลอดการเดินทางได้ในคันเดียว โดย DYNAMIC SELECT มีโหมดการขับขี่ 5 แบบคือ ECO ที่ช่วยปรับการขับขี่เข้าสู่ระบบประหยัดน้ำมัน, INDIVIDUAL ที่สามารถช่วยจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับได้, COMFORT ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน, SPORT เน้นการเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น และ SPORT+ ซึ่งเป็นโหมดที่สามารถใช้สมรรถนะเครื่องยนต์ได้สูงที่สุด และอัตราเร่งดีที่สุด,
ระบบกุญแจ KEYLESS-GO พร้อม HAND-FREE ACCESS, ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display), ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMATIC แบบ 2-Zone, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist), ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย ALS (Active Light System), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist), ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC), ระบบนำทาง (navigation system), ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester Surround Sound System, ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ Apple Carplay & Android Auto และระบบ Bluetooth สำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่
The new CLS 300 d AMG Premium มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ แถวเรียง เทอร์โบคู่ ความจุ 1,950 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้าที่ 4,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-TRONIC และระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering - wheel Gearshift Paddles) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมแรงเหวี่ยงจากการทำงานของเครื่องยนต์ให้ต่ำลง ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น CLS ใหม่ มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม/ชม ใน 6.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
สำหรับราคาจำหน่าย The new CLS 300 d AMG Premium อยู่ที่ 4,980,000 บาท

display pilot 在 CarDebuts Youtube 的評價
เปิดตัว ราคา รีวิว All-New Volvo S60 2020 Thailand วอลโว่ เอส60 โฉมใหม่ล่าสุดของไทย รุ่นย่อย Momentum / R-Design T8 Twin Engine Plug-In Hybrid
“The All-New Volvo S60 เป็นรถยนต์ที่มีความยาวและหน้ากว้างที่สุดในรถยนต์กลุ่มเดียวกัน ทั้งยังขับขี่ได้อย่างสนุกสนานและเป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อม ด้วยเครื่องยนต์ รุ่น T8 TWIN ENGINE PLUG-IN HYBRID 407 แรงม้า ที่เปี่ยมประสิทธิภาพและทรงพลัง สามารถพาคุณพุ่งทะยานจากความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 4.4 วินาที รถยนต์รุ่นนี้ ยังมอบมูลค่าสูงสุด ด้วยประสิทธิภาพการทำงานขั้นสูง และดีไซน์สไตล์สแกนดิเนเวียน ถือเป็นสุดยอดยนตรกรรม ที่โฉบเฉี่ยว ที่สุด เท่าที่วอลโว่เคยผลิตมา ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.19 ล้านบาทสำหรับรุ่น Momentum และรุ่น R-DESIGN ในราคาเริ่มต้นที่ 2.59 ล้านบาท” และเป็นเจ้าของได้อย่างง่ายดาย ด้วยการผ่อนชำระ เพียงเดือนละ 19,000 กว่าบาท *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
The All-New Volvo S60 โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์อันมาดมั่น ด้วยรายละเอียดสไตล์สแกนดิเนเวียน ช่วยเสริมเอกลักษณ์ที่แตกต่างและทำให้ The All-New Volvo S60 มอบภาพลักษณ์อันแข็งแกร่งบนท้องถนน นำเสนอใน 4 โทนสี ได้แก่ สีขาว Crystal White Premium Metallic, สีดำ Onyx Black Metallic, สีแดง Fusion Red Metallic และสีใหม่ล่าสุด สีเทา “Pebble Grey Metallic” นำเสนอลุคแบบสปอร์ตที่สวยงามด้วยล้ออัลลอย 5 ก้าน Triple Spoke แบบ Diamond Cut ขนาด 8 x 19 นิ้ว สีดำด้าน ในรุ่น R-Design และล้ออัลลอย 5 ก้าน Y Spoke แบบ Diamond Cut ขนาด 7.5 x 18 นิ้ว สีดำ ในรุ่น Momentum
สวยงามด้วยรายละเอียดเฉพาะตัว ส่วนกระจังหน้า ออกแบบอย่างสะดุดตา ติดตั้งตราวอลโว่อันภาคภูมิ ส่วนฮู้ดหลังยาว และฝากระโปรงห้องเครื่อง สื่อถึงพลังในการขับเคลื่อนอย่างชัดเจน เสริมด้วยไฟหน้าแอลอีดี ดีไซน์ในรูปลักษณ์ของฆ้อนธอร์ อันเป็นซิกเนเจอร์ของวอลโว่
ห้องโดยสารสุดหรู แบบฉบับสแกนดิเนเวียน
งานออกแบบแนวสแกนดิเนเวียน ให้ความสำคัญกับความสะอาดหมดจด คุณภาพ และการตอบรับกับการใช้งาน ซึ่งการออกแบบห้องโดยสาร S60 สะท้อนถึงหลักการดังกล่าวอย่างชัดเจน ด้วยการจัดสรรพื้นที่ภายในอย่างเรียบง่าย โปร่งสบายตา เพื่อมอบบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และหรูหราตลอดการเดินทางของคุณ โดยรุ่น R-Design ตกแต่งเบาะ ด้วยหนัง R-Design Fine Nappa Perforated Leather Upholstery ในเฉดสี Charcoal และรุ่น Momentum ตกแต่งด้วยหนังแท้ ในเฉดสี Charcoal และ Maroon Brown
เทคโนโลยีความปลอดภัยชั้นนำระดับโลก
ระบบไฟหน้าหักเหตามพวงมาลัย (Active Bending Headlights) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยชั้นนำระดับโลก เพื่อการปกป้องคุณและผู้โดยสาร อันเป็นผลงานจากการคิดค้นนวัตกรรม มายาวนานหลายทศวรรษ นอกจากนี้ ระบบไฟหน้า LED Headlights with ABL (Active Bending Lights) ยังถูกออกแบบมา เพื่อมอบความสว่างสูงสุด เมื่อเจอทางโค้ง หรือแยกบนถนน และระบบ High-Pressure Cleaning เพื่อให้คุณมีทัศนวิสัยในความมืด ที่ชัดเจนที่สุด และช่วยให้การขับขี่ราบรื่นตลอดเส้นทาง ในรุ่น R-Design
การแสดงผลแบบ Head-Up Display
ระบบ Head-Up Display จะแสดงการเตือน และข้อมูลการขับขี่ บนระดับการมองเห็นของผู้ขับพอดี ทั้งอัตราความเร็ว การทำงานต่างๆ ช่วยลดความถี่ในการละสายตาจากถนนของผู้ขับ ผ่านการฉายข้อมูลที่จำเป็น บนระดับการมองเห็นของผู้ขับโดยตรง จึงไม่ต้องละสายตาจากถนน ในขณะขับรถ
ระบบกล้อง 360 องศาและกล้องช่วยจอด
ระบบช่วยในการจอดรถ พร้อมจอแสดงผลด้วยภาพ 360 องศา ทำงานด้วยเซ็นเซอร์ ซึ่งติดตั้ง บนกระจังหน้า และบนกันชนหลัง ร่วมกับกล้องอื่นๆ ทั้งที่ติดตั้งเข้ากับป้าย Volvo Iron Mark ด้านล่างกระจกหูช้าง และที่ประตูท้าย เพื่อการวัดระยะห่าง ของวัตถุรอบตัวรถ เมื่อระบบตรวจพบวัตถุในระยะใกล้ จะส่งสัญญาณเสียงเตือน และแสดงภาพบนหน้าจอแบบ Sensus Screen ในทันที ระบบกล้องช่วยจอด ยังช่วยในการถอยรถ โดยมีเส้นนำทาง และภาพแสดงพื้นที่ เพื่อช่วยให้คุณทราบระยะห่าง ระหว่างยานพาหนะ และวัตถุรอบข้างได้ดีขึ้น
ระบบช่วยจอดโดยอัตโนมัติ (Park Assist Pilot)
ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ช่วยให้คุณถอยรถเข้าและออก จากที่จอดรถได้อย่างแม่นยำ โดยระบบจะกำหนดระยะห่าง สำหรับการจอดที่เหมาะสม (ทั้งสองด้านของตัวรถ) และให้คำแนะนำการจอดทีละขั้นตอน โดยรถยนต์จะควบคุมการเลี้ยวโดยอัตโนมัติ ส่วนคุณ เพียงควบคุมการเบรก และการเปลี่ยนเกียร์
ความสะดวกสบายในการเดินทางที่เหนือชั้น
ด้วยเบาะที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน และรองรับส่วนโค้งของสรีระได้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงมอบความสบาย แม้ในการเดินทางที่ยาวนาน รวมถึงการกำหนดความสูงของเบาะนั่งระดับต่ำ ยังทำให้คุณสัมผัส ถึงการเคลื่อนไหวบนพื้นถนนอย่างชัดเจน สำหรับเบาะด้านหลังของผู้โดยสาร มาพร้อมระบบ 4-Way Power Lumbar Support เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าบริเวณหลัง ผสานกับ Power Fold Rear Headrest และการปรับระยะหมอนรอง ได้ตามต้องการ
นอกจากนี้ ยังมีระบบกุญแจ Remote Control with Keyless Entry & Drive และ การเปิดประตูท้ายฝากระโปรงหลัง ปลดล็อคด้วยไฟฟ้าโดยไม่ต้องใช้มือ (Power-Operated Handsfree Tailgate Unlocking) เพื่อให้ชีวิตคุณง่ายดายยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีที่ใช้งานได้อย่างราบรื่น
นวัตกรรมสุดล้ำ อาทิ ระบบนำทาง และ Apple Car Play & Android Auto Support ทำงานร่วมกับระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียมจากแบรนด์ “Harman Kardon” เพื่อให้คุณเชื่อมต่อออนไลน์ และรื่นรมย์กับการขับขี่ ได้ตลอดเส้นทาง
The All-New Volvo S60 จึงเป็นรถซีดานที่มอบความหรูหราที่สุดในคลาส ด้วยสมรรถนะการขับขี่อันน่าทึ่ง ห้องโดยสารที่สะดวกสบายอย่างเหนือชั้น และฟังก์ชั่นการทำงานสุดไฮเทคมากมาย นำเสนอสมดุลแห่งประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย บนมาตรฐานแห่งความหรูหราในหนึ่งเดียว และรอคอยให้นักขับ มาสัมผัสกับความเป็นเลิศด้วยตนเอง

display pilot 在 CarDebuts Youtube 的評價
เปิดตัวครั้งแรกในโลก พร้อมราคา The All-New Mitsubishi Outlander 2021-2022 World Premiere มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ โฉมใหม่ล่าสุด มี 3 แถว 7 ที่้นั่ง ทำตลาดในอเมริกาเหนือ ก่อนมาขายในไทย
Mitsubishi Motors Corporation ประกาศเปิดตัว All-New outlander โฉมใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 4 รุ่นปี 2022 รถครอสโอเวอร์รุ่น flagship ของบริษัท ผ่านทาง Amazon Livestream เป็นครั้งแรก โดยมาพร้อมดีไซน์ใหม่ คุณภาพระดับพรีเมี่ยม สมรรถนะที่เหนือชั้น และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ที่คุณสามารถคาดหวังได้ จากรถยนต์ของ Mitsubishi พร้อมเริ่มจำหน่ายในตลาดอเมริกาเหนือ เป็นที่แรกในโลก ในราคาเริ่มต้น 25,795 เหรียญสหรัฐ หรือราว 773,000 บาท ในเดือนเมษายน ปี 2021 นี้ ก่อนที่จะมีการทำตลาดทั่วโลก หลังจากนั้น
FRANKLIN, Tenn. – As part of a game-changing collaboration with Amazon, MITSUBISHI MOTORS CORPORATION (MMC) today revealed the all-new 2022 OUTLANDER crossover SUV via livestream, the first vehicle to ever debut on Amazon Live.2 All-new from the wheels up, the 2022 Outlander features a new design direction for both this vehicle and the brand, plus the premium quality, rugged performance and innovative technology expected of a Mitsubishi Motors vehicle.
The flagship of the Mitsubishi Motors line, it is reimagined and reinvented in every way, and is the best-equipped, most thoughtfully engineered vehicle the company has ever developed. Outlander gears up for sale in North America first in April 2021, with other global markets to follow.
With a U.S. Manufacturer's Suggested Retail Price starting at $25,7951, the all-new 2022 Mitsubishi Outlander delivers the equipment, quality and lasting value that Mitsubishi customers have come to expect of the brand. Full pricing and packaging details will be made available at a later date.
"Based on the product concept 'I-Fu-Do-Do,' which means authentic and majestic in Japanese, the all-new OUTLANDER has been crafted into a reliable SUV with significantly upgraded styling, road performance, and a high-quality feel to satisfy the needs of customers who want to expand their horizons and take on challenges of every kind," said Takao Kato, chief executive officer of MMC. "With the launch of the all-new OUTLANDER, we will first expand our sales in the North American market and then aim for global growth."
The Outlander was first launched in North America in 2002, and this new model is the fourth generation to be sold.
Styling debuts the brand's next generation Dynamic Shield front face and design language, with muscular fenders, bold proportions and available large-diameter 20-inch wheels. Inside, Outlander is a quiet and serene space, showcasing quality and convenience through class-above materials, seating for seven in the segment's only standard-equipment third-row, available 12.3-inch digital instrument cluster and 9-inch center screen, and also newly available wireless smartphone charging capability with Android Auto3 and wireless Apple CarPlay.4
The engineering underpinnings are also all-new. Partnered with a newly developed platform and 2.5L four-cylinder engine, Mitsubishi's rally-derived Super All-Wheel Control5 system provides unmatched confidence for drivers in all environments. The newly developed drive mode selector allows performance and grip to be tailored to the conditions through six distinct settings, increasing on-road and off-pavement performance. Even two-wheel drive models are fitted with the drive-mode selector, offering five distinct modes in this setup, to help drivers feel more confident in all driving conditions.
Standard equipment on the 2022 Outlander includes 11 airbags6, three rows of seats, myriad storage locations, USB-A and USB-C charge ports and 18-inch wheels.
Depending on trim level, the 2022 Outlander can be fitted with 20-inch wheels, Mitsubishi's MI-PILOT Assist driver assistance system with adaptive cruise control and lane-keep assist7, semi-aniline leather seating, integrated navigation using what3words technology, a windshield-display 10.8-inch full-color Head-Up Display (HUD), Mitsubishi's industry-leading Mitsubishi Connect smart-car system, and a 10-speaker BOSE® audio system.8
Mitsubishi Motors North America is in the midst of introducing a full showroom of redesigned, reengineered or all-new vehicles, and the 2022 Outlander is the culmination of that program. This much-anticipated vehicle is here, and the game-changing launch is well under way. The all-new 2022 Mitsubishi Outlander is set to break boundaries, reset expectations and demand attention.
