กรณีศึกษา ญี่ปุ่นมียูนิคอร์นเพียง 3 ราย / โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึง เทคโนโลยี เราจะนึกถึงประเทศใดเป็นลำดับแรก?
เชื่อว่าในอดีต หลายคนคงบอกว่า “ญี่ปุ่น”
แต่ถ้าในปัจจุบัน ลองถามเด็กรุ่นใหม่
คำตอบที่ได้ อาจจะเปลี่ยนไปเป็น สหรัฐอเมริกา หรือ จีน
และดูเหมือนว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของทั้ง 2 ประเทศ กำลังแซงหน้าญี่ปุ่นไปไกลแล้ว
ทำไมสถานการณ์ถึงออกมาเป็นเช่นนี้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
จนมีขนาดใหญ่เป็นรองเพียงแค่สหรัฐอเมริกา
มูลค่า GDP ของประเทศญี่ปุ่น
ปี 1965 อยู่ที่ 3 ล้านล้านบาท
ปี 1975 อยู่ที่ 16 ล้านล้านบาท
ปี 1985 อยู่ที่ 42 ล้านล้านบาท
ปี 1995 อยู่ที่ 165 ล้านล้านบาท
โดยปัจจัยสำคัญคือ รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการนำเข้าเทคโนโลยีมาจากต่างประเทศ
จึงทำให้ภาคอุตสาหกรรม พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่เปลี่ยนโลกขึ้นมาได้มากมาย
เช่น รถไฟชินคันเซน, เครื่องเล่นเพลงแบบพกพา, หลอด LED
แต่ในขณะนั้น เศรษฐกิจอันร้อนแรง ก็ได้เกิดภาวะฟองสบู่แตกครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลเรื้อรังมาจนถึงทุกวันนี้
ปี 2018 GDP ญี่ปุ่นมีมูลค่า 151 ล้านล้านบาท
น้อยกว่าเมื่อเกือบ 3 ทศวรรษที่แล้วเสียอีก
รวมทั้งญี่ปุ่นยังถูกประเทศจีนแซงหน้าขึ้นมามีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าด้วย
ซึ่งในช่วงที่ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภาวะชะลอตัวนานหลายปีนั้น
บริษัทเทคโนโลยี จากทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน ก็ได้ก้าวขึ้นมามีอิทธิพลในเวทีโลกมากกว่าอย่างชัดเจน
Apple, Amazon, Google, Facebook, Alibaba, Tencent กลายเป็นกลุ่มบริษัทมูลค่าสูงสุดของโลก ที่สร้างสินค้าและบริการเปลี่ยนวิถีชีวิตคนยุคใหม่
ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ตโฟน หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ
นอกจากนี้ สิ่งที่จะเป็นอนาคตให้กับวงการเทคโนโลยี ก็คือ กิจการสตาร์ตอัป
ถึงแม้ สหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น คือ 3 ประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดในโลก
แต่สตาร์ตอัปของญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จ กลับมีน้อยกว่าอีก 2 ประเทศมาก
จำนวนสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์น ที่มีมูลค่าธุรกิจสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3 หมื่นล้านบาท
จีน 206 บริษัท
สหรัฐอเมริกา 203 บริษัท
ญี่ปุ่น 3 บริษัท..
โดยยูนิคอร์นทั้งสามแห่งของญี่ปุ่น ได้แก่
1. Preferred Networks (มูลค่า 6 หมื่นล้านบาท)
ผู้พัฒนาเทคโนโลยี AI เกี่ยวกับ Internet of Things
2. Liquid Group (มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท)
ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มตลาดแลกเปลี่ยนเงิน Cryptocurrency
3. SmartNews (มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท)
ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันนำเสนอข่าวตามความสนใจของผู้ใช้บริการ
ก่อนหน้านี้ ยูนิคอร์นแห่งแรกของญี่ปุ่นมีชื่อว่า Mercari ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท แต่ปัจจุบันบริษัทได้จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว
และที่น่าประหลาดใจคือ กองทุน Vision Fund มูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท ของ SoftBank บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้นำการลงทุนในสตาร์ตอัปเทคโนโลยี
ได้ระดมทุนให้กับ 69 กิจการทั่วโลก แต่ในจำนวนนั้น ไม่มีบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นเลย
เพราะอะไร อุตสาหกรรมเทคโนโลยีญี่ปุ่นในวันนี้ ถึงเติบโตช้ากว่าคนอื่น?
หลายปีที่ผ่านมา พฤติกรรมผู้บริโภค ได้เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ
สินค้าและบริการในรูปแบบ แอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์ม เริ่มมีความสำคัญมากกว่า อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ชนิดต่างๆ ที่บริษัทญี่ปุ่นเคยครองตลาด
ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองมานาน ได้ส่งผลกระทบในปัจจัยหลายด้าน จนญี่ปุ่นไม่สามารถพัฒนานวัตกรรมได้ทันคู่แข่ง
สำหรับในเรื่องการลงทุน
เหตุการณ์ในอดีตทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นรวมถึงกองทุนต่างๆ สามารถรับความเสี่ยงได้ต่ำ
พวกเขาเลือกที่จะเก็บเงินสด หรือซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล
แทนที่จะลงทุนในสตาร์ตอัป ที่มีความเสี่ยงสูงมาก
ทำให้ประเทศญี่ปุ่นเริ่มที่จะสู้สหรัฐอเมริกา และจีนไม่ได้ในเรื่องธุรกิจเกิดใหม่
และมันยังส่งผลให้คนวัยทำงาน อยากสมัครเข้าบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีความมั่นคงในแง่รายได้
มากกว่าออกไปเริ่มต้นธุรกิจเสี่ยงๆ
ด้วยเหตุนี้ พื้นฐานเกี่ยวกับสตาร์ตอัปญี่ปุ่น ทั้งด้านเงินทุนและบุคลากร จึงมีค่อนข้างจำกัด
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่น ได้พยายามแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว
โดยเปิดตัวโครงการสนับสนุนให้เมืองฟุกุโอกะ เป็นเมืองศูนย์กลางสตาร์ตอัปของประเทศ
และตั้งเป้าหมายไว้ว่า จะมีสตาร์ตอัปยูนิคอร์นถึง 20 แห่งภายในปี 2023
ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ยูนิคอร์นจะเกิดขึ้นได้จริงตามที่ญี่ปุ่นหวังไว้หรือไม่..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://edition.cnn.com/2019/11/25/tech/japan-tech-startups/index.html
-https://www.smejapan.com/business-news/3-unicorn-startups-japan/
-https://cdn.group.softbank/en/corp/set/data/irinfo/financials/annual_reports/pdf/2019/sbg_annual_report_2019_001.pdf
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.CD?locations=JP
-https://www.worldatlas.com/articles/what-was-the-japanese-economic-miracle.html
-https://www.hurun.net/EN/Article/Details?num=A38B8285034B
data ai 2023 在 Facebook 八卦
Nvidia進軍資料中心CPU
data ai 2023 在 Scholarship for Vietnamese students Facebook 八卦
[Australia-Vietnam] UTS-HCMUT Research School 2020
Cả nhà ơi chị vừa biết được thông tin chương trình hè nghiên cứu được tổ chức bởi trường ĐH Công nghệ Sydney (UTS) với trường ĐH Bách Khoa TPHCM (HCMUT) mình nè. Đây là chương trình nhằm thúc đẩy trao đổi hợp tác giữa các nhà khoa học, công ty công nghệ giữa Úc và Việt Nam cũng như tạo điều kiện cho các bạn trẻ tìm cơ hội nghiên cứu sau đại học (PhD) và làm việc tại Úc.
Chủ đề của RS2020 sẽ là về sự phát triển của các công nghệ nền tảng cho cho một xã hội thông minh và bền vững.
ĐỐI TƯỢNG: Giảng viên, nhà nghiên cứu, kỹ sư, sinh viên đại học năm cuối, sinh viên thạc sỹ và tiến sỹ. Nhờ mọi người chia sẻ mạnh cho bạn bè liên quan ha.
HỌC BỔNG: hỗ trợ việc ăn ở đi lại cho các bạn tham gia từ khắp nơi trên Việt Nam đến TP. Hồ Chí Minh tham gia chương trình.
NỘI DUNG chương trình:
- Các bài giảng từ các giáo sư đến từ trường UTS và HCMUT là chuyên gia trong các lĩnh vực AI, IoT, cybersecurity, robotics, 5G, big data analytics, mm-Wave, smart electrical energy systems, reconfigurable antennas và blockchain.
- Trình bày nghiên cứu trong cuộc thi Poster với giải thưởng Best Poster Award
- Sự kiện social networking.
HỒ SƠ:
- Curriculum Vitae (CV)
- Academic transcripts and evidence of English proficiency (for student applicants)
- A recommendation letter (for student applicants)
- Any other evidence/information that may support your application
- Title and abstract of the poster (if you wish to compete in the student Poster Competition)
DEADLINE: 01.04.2020
Link chi tiết: http://www.cse.hcmut.edu.vn/rs2020
❤ Like page, tag và chia sẻ thông tin đến bạn bè em nha ❤
#HannahEd #duhoc #hocbong #sanhocbong #scholarshipforVietnamesestudents