There are few times in human history where voices are amplified at such pivotal moments and in such transformational ways – but Greta Thunberg has become a leader of our time. History will judge us for what we do today to help guarantee that future generations can enjoy the same livable planet that we have so clearly taken for granted. I hope that Greta’s message is a wake-up call to world leaders everywhere that the time for inaction is over. It is because of Greta, and young activists everywhere that I am optimistic about what the future holds. It was an honor to spend time with Greta. She and I have made a commitment to support one another, in hopes of securing a brighter future for our planet. #FridaysforFuture #ClimateStrike
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過32萬的網紅The Topics,也在其Youtube影片中提到,ช่วยเป็นผู้สนับสนุนพวกเรา ผ่านบัญชีกสิกรไทย 0698975539 บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด เพื่อให้เรามีกำลังในการผลิตเนื้อหาสาระแบบนี้ต่อไป ขอบพระคุณมากครับ ไป...
「climatestrike」的推薦目錄:
- 關於climatestrike 在 Leonardo DiCaprio Facebook
- 關於climatestrike 在 Wannasingh Prasertkul (วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล) Facebook
- 關於climatestrike 在 Wannasingh Prasertkul (วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล) Facebook
- 關於climatestrike 在 The Topics Youtube
- 關於climatestrike 在 #climatestrike - YouTube 的評價
- 關於climatestrike 在 8 Climate strike slogans ideas - Pinterest 的評價
climatestrike 在 Wannasingh Prasertkul (วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล) Facebook 八卦
สิ่งแวดล้อมคือเรื่อง"ความอยู่รอด"
-------------------------------------
วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของ #ClimateStrike การเคลื่อนไหวประท้วงเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ!! ที่จะเกิดขึ้น...
Continue Reading
climatestrike 在 Wannasingh Prasertkul (วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล) Facebook 八卦
สิ่งแวดล้อมคือเรื่อง"ความอยู่รอด"
-------------------------------------
วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของ #ClimateStrike การเคลื่อนไหวประท้วงเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ!! ที่จะเกิดขึ้น
ใน 150 ประเทศทั่วโลก ในกว่า 3,000 กว่าevent ที่จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 20-27 กันยายนนี้
ความน่าทึ่งอย่างหนึ่งของเหตุการณ์นี้ คือแทบทั้งหมดถูกประสานงานและจัดการด้วยเด็กๆและเยาวชนจากทั่วทุกมุมโลก เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเด็กๆและคนหนุ่มสาวกำลังลุกขึ้นมา เพราะว่าพวกเขาไม่ยินดีจะนั่งอยู่เฉยๆและล่มสลายไปพร้อมๆดาวเคราะห์พังๆที่เป็นผลลัพธ์จากการกระทำของคนรุ่นก่อนๆอีกต่อไป
ซึ่งแรงบันดาลใจอันแสนสำคัญของทั้งหมดนี้ เริ่มต้นมาจากเด็กผู้หญิงชาวสวีเดนตัวเล็กๆอายุ 16 ปี น้อง Greta Thunberg ที่เริ่มประกาศหยุดเรียนประท้วงทุกวันศุกร์เมื่อราว 1 ปีก่อน เพราะเธอรู้สึกว่าจะเรียนไปทำไมถ้าโลกเราไม่มีอนาคต เธอจึงตัดสินใจเริ่มนั่งประท้วงด้วยตัวคนเดียวเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดนเอาจริงเอาจังเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น กลายมาเป็นการเคลื่อนไหว #FridayForFuture ที่ปัจจุบันกระจายขยายไปทั่วโลก
"ไม่มีใครตัวเล็กเกินไปที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง" (No one is too small to make a difference) คือชื่อหนังสือของน้อง Greta ซึ่งเธอใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวของชีวิต 16 ปีของเธอ แสดงให้ทั้งโลกเห็นว่าคำพูดนี้เป็นจริงได้ ถ้าหากว่าคนคนหนึ่งมีใจที่ตั้งมั่นพอ
เมื่อเช้านี้ ในออสเตรเลีย ในหัวเมืองอย่างSydeneyและPerth การเคลื่อนไหว #ClimateStrike ได้กลายเป็นหนึ่งในการเดินขบวนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ และขณะนี้การเดินขบวนก็กำลังดำเนินไปใน อังกฤษ อินเดีย แอฟริกาใต้ และอีกหลายๆพื้นที่ทั่วโลก
ในประเทศไทย มีการเดินขบวน #ClimateStrikeTH ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากภาพที่เห็นส่วนใหญ่เป็นน้องๆเด็กๆและเยาวชน
ทั้งหมดนี้คือการประกาศก้องให้โลกรู้ว่าคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆกำลังตื่นตัวในเรื่องภาวะโลกร้อน และเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ธุรกิจ และผู้นำประเทศ หันมาเอาจริงเอาจังเรื่อง Climate change และสิ่งแวดล้อมเสียที หลังจากทั้งโลกร่วมกันผลัดวันประกันพรุ่งกันมานานหลายทศวรรษ
ในประเทศไทย เรามักมองว่าเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องไกลตัว หรือไม่ก็เป็นก็เป็นเรื่องจริยธรรมแบบ "รักษ์โลก" = "เป็นคนดี" เราก็เลยแสดงออกส่วนใหญ่กันในรูปแบบของการเปลี่ยนพฤติกรรมเชิงบุคคลมากกว่าเปลี่ยนแปลงเชิงระบบโครงสร้าง และธุรกิจต่างๆก็สามารถอยู่รอดในตลาดได้โดยการทำMarketingเรื่องสิ่งแวดล้อมโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตและการปฏิบัติการจริงๆก็ได้ ส่วนในภาครัฐนั้นไม่ต้องพูด แทบจะไม่มีใครพูดถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมเลยในวาระการประชุมสภาที่ผ่านๆมา
"ขอให้ร่ำรวย อิ่มท้องก่อน เศรษฐกิจดีก่อน แล้วค่อยมาแคร์โลก.."
เราไม่สามารถมองแบบนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะผลกระทบของการทำลายสิ่งแวดล้อม กำลังวกกลับมาหาเราตรงๆ และสิ่งที่เกินขึ้นทั่วโลก กำลังมีผลโดยตรงกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย
วันนี้ฝุ่น pm2.5 เริ่มเข้ามาหนักอีกครั้งในกรุงเทพ และมีหนักมากในภาคใต้บริเวณชายแดนมาเลเซีย นี่ก็มาจากการเผาป่าในอินโดนีเซีย โดยเฉพาะในเกาะบอร์เนียว หลักๆก็เพื่อถางป่าทำน้ำมันปาล์ม ส่งผลให้ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีฝุ่นเต็มไปหมด และบางพื้นที่ในอินโดฯเองหนักเข้าขั้นเกินวิกฤติไปแล้ว บางเมืองในบอร์เนียววัดค่า AQI ได้เกิน 300!!! ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพคนทุกคนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ แล้วพอป่าน้อยลง อากาศก็แห้งขึ้น ส่งผลให้เกิดไฟป่ามากยิ่งขึ้นอีกในหน้าแล้งปีหน้า แปลว่าวิกฤติเหล่านี้มันสามารถเพิ่มพูนได้ด้วยตัวเองถ้าหาดว่าเลยจุดๆหนึ่งไปแล้ว!!
อากาศที่ร้อนขึ้นกำลังทำลายผืนป่าทั่วโลก ป่าน้อยลงก็กักเก็บคาร์บอนในชั้นบรรยากาศได้น้อยลง ต้นไม้ที่ไหม้ไปก็ปล่อยคาร์บอนที่เก็บไว้ในลำต้นออกมา ส่งผลให้โลกยิ่งร้อนขึ้นไปอีก
พอโลกยิ่งร้อน น้ำแข็งขั้วโลกก็ยิ่งละลาย
ถ้าน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายหมด น้ำทะเลจะสูงขึ้น 7 เมตร และถ้าน้ำแข็งขั้วโลกใต้ฝั่งตะวันออก (East Antarctica Ice sheet) ละลายหมดน้ำทะเลจะสูงขึ้น 60 เมตร!!
นั่นก็คือ บ๊ายบาย กรุงเทพฯ และอีกไม่รู้กี่จังหวัดในประเทศไทย
แต่นั่นอาจจะเป็นเรื่องในระยะยาว บางทีอาจจะเกือบร้อยปี ผมกับคุณอาจจะไม่อยู่แล้ว งั้นเอาเรื่องระยะสั้นก่อน
ผลลัพธ์อย่างหนึ่งที่ชัดเจนของ Climate Change คือการเกิดภาวะภัยธรรมชาติที่มีระดับความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เหตุการณ์อย่างพายุเฮอริเคนที่เพิ่งพัดผ่านหมู่เกาะ Bahamas เข้าไปอเมริกาเหนือ ทำลายแทบทุกอย่างที่ขวางทางมัน / สภาวะ Polar Vortex ที่อากาศเย็นจากขั้วโลกถูก "เท" เข้ามาในพื้นที่อื่น อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในอเมริกาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ชิคาโกอยู่ดีๆอุณหภูมิร่วงไปถึงลบหกสิบองศาเซลเซียส / สภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นเรื่อยๆในออสเตรเลีย แอฟริกาตะวันออก แคลิฟอร์เนีย
และแน่นอน ภัยน้ำท่วมรุนแรง อย่างที่กำลังเกิดกับเหล่าพี่น้องที่อุบลฯในตอนนี้ ก็จะเกิดขึ้นบ่อยขึ้น และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในไทยและอีกหลายๆพื้นที่ทั่วโลก
และวิกฤติทางธรรมชาติเหล่านี้ ก็จะนำไปสู่วิกฤติทางสังคมตามมา เมื่อพื้นที่เพาะปลูกถูกทำลายและราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น ปัญหาธรรมชาติก็จะกลายเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เมื่อภัยธรรมชาติก่อให้เกิดผู้ลี้ภัยทางภูมิอากาศ ประเทศไหนบ้างที่จะยินดีจะเปิดประตูรับเพื่อนบ้านที่หนีตายจากพายุมาเป็นล้านๆคน และเมื่อทรัพยากรมีจำกัดขึ้นในขณะที่จำนวนคนมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกๆวัน ความขัดแย้งและสงครามก็เป็นสิ่งที่จะตามมาอย่างเหลียกเลี่ยงไม่ได้ และในระยะยาวสมมุติระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นจริงๆหลายเมตร คนจำนวนมากในโลกก็จะต้องอพยพออกจากถิ่นที่อยู่บริเวณชายฝั่ง และที่ดินที่อยู่ระดับสูงก็จะราคาแพงขึ้น คนรวยก็จะมีโอกาสรอดสูง ในขณะที่พื้นที่ต่ำๆก็จะกลายเป็นที่แออัดยิ่งขึ้น ทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำยิ่งวิกฤติขึ้นไปอีก
นี่คือความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ ถ้าหากว่าเรายังคงปล่อยให้โลกดำเนินไปอย่างที่เป็นทุกวันนี้
ประเด็นสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่ประเด็นเรื่องการเป็น"คนดี"อีกต่อไปแล้ว มันคือประเด็นเรื่อง "ความอยู่รอด" ของทั้งคนไทย มนุษย์โลก และทุกชีวิตที่แชร์ดาวเคราะห์กับพวกเราอยู่
เราอยู่ในภาวะวิกฤติแล้ว นับตั้งแต่ปี 1850 คือยุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม อุณหภูมิโลกได้เพิ่มมาเกือบๆ 1 องศาเซลเซียสแล้ว และเป้าหมายปัจจุบันของมนุษยชาติคือการจำกัดไม่ให้มันสูงไปกว่า 2 องศา ซึ่งถ้าเรายังปล่อยคาร์บอนเท่ากับเรทที่ทำอยู่ในปัจจุบัน 2 องศานั้นจะมาถึงภายในปี 2050
ซึ่งหลังจากนั้น อาจจะไม่เหลืออะไรที่มนุษย์ทำได้อีกต่อไปแล้ว
อีก 30 ปีเท่านั้น...
เวลาที่ควรจะเริ่มทำอะไรที่ดีที่สุดผ่านไปหลายปีแล้ว แต่เวลาที่ดีรองลงมาก็คือวินาทีนี้เลย นอกจากลดการใช้ทรัพยากรและพลังงานในชีวิตประจำวันแล้ว นี่คือสิ่งที่คุณทำได้
พูดเรื่อง #ClimateStrike ให้ทุกคนรอบตัวฟัง
ศึกษาหาความรู้ และอธิบายให้ทุกคนที่คุณรู้จักฟังว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับโลก เปลี่ยนใจคนให้มากที่สุดว่าที่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆอีกต่อไปแล้วนะ
ศึกษาสินค้าทุกชนิดที่คุณซื้อ เลิกซื้อทุกสิ่งที่ทำลายสิ่งแวดล้อม เลิกลงทุนในโปรเจคที่ทำลายสิ่งแวดล้อม บางอย่างที่คุณเคยชินในชีวิตอาจจะใช้ทรัพยากรมากอย่างคาดไม่ถึงก็เป็นได้
เดินทางด้วยเท้า จักรยาน และขนส่งมวลชนมากขึ้น ขับรถให้น้อยลง
เรียกร้ององค์กรที่คุณอยู่ ไม่ว่าจะโรงเรียน มหาวิทยาลัย ออฟฟิศ เปลี่ยนแปลงเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างจริงจัง
และแน่นอนที่สุด เราต้องการการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและนวัตกรรมใหม่ๆอย่างจริงจัง การเพิ่มพื้นที่ป่าสงวน การฟื้นฟูผืนป่าที่เสียไปแล้ว การสร้างระบบจัดการขยะที่ดีกว่านี้ การลงทุนในพลังงานทางเลือกและลดการใช้พลังงานฟอสซิล การค้นหาวัสดุแทนพลาสติกในการทำผลิตภัณฑ์ การสร้างตลาดการลงทุนที่สามารถช่วยพัฒนาธุกิจที่รักษาสิ่งแวดล้อมและสามารถสร้างงานได้อย่างยั่งยืน ฯลฯ
ซึ่งทั้งหมดนี้อาจจะดูเป็นเรื่องยาก ถ้าหากว่าเราต้องไปผลักดันภาครัฐฯให้เปลี่ยนนโยบาย หรือว่าต้องเปลี่ยนระบบทั้งระบบ
แต่มันจะดูง่ายกว่าเดิมมาก ถ้าหากเราเริ่มต้นที่ธุรกิจเอกชน ซึ่งสิ่งที่เอกชนแคร์ที่สุดก็คือตลาด
และตลาด ก็คือพวกเราทุกคน
คุณมีพลังมากกว่าที่คุณคิด
ผมเชื่ออย่างหมดใจว่าถ้าเราช่วยกันแปล่งเสียงทุกๆวันอย่างไม่หยุดหย่อน อีกไม่นานการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจะต้อมาถึง เริ่มจากตัวเรา ครอบครัวเรา องค์กรที่เราอยู่ เมืองที่เราอยู่ ไปจนถึงระดับประเทศให้ได้
เด็กอายุ 16 คนหนึ่ง ยังสามารถเริ่มจากการนั่งคนเดียวพร้อมป้ายกระดาษ ไปสู่การเดินขบวนใน 150 ประเทศได้เลย แล้วทำไมพวกเราคนไทยจะหันมาช่วยกันเรื่องนี้อย่างจริงจังไม่ได้
สุดท้ายไม่มีทางเลือกอื่น ยกเว้นพยายามกันให้มากที่สุด เพราะถ้าหากเราแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ เรื่องอื่นๆแทบจะไม่ต้องมาพูดกันอีกแล้ว
สุขสันต์สัปดาห์ #ClimateStrike ครับ
นี่คือโจทย์ยิ่งใหญ่ที่ตกอยู่ในมือคนรุ่นเราทุกๆคน
#ClimateStrike
#ClimateStrikeTH
#FridayForFuture
climatestrike 在 The Topics Youtube 的評價
ช่วยเป็นผู้สนับสนุนพวกเรา
ผ่านบัญชีกสิกรไทย
0698975539
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
เพื่อให้เรามีกำลังในการผลิตเนื้อหาสาระแบบนี้ต่อไป
ขอบพระคุณมากครับ
ไปดู Climate Strike ในเมืองไทยกัน ดูกันสิว่าตื่นตัวกันขนาดไหน
#หาเรื่อง #findtrouble #Climatestrike
![post-title](https://i.ytimg.com/vi/I8eT6wdJG0c/hqdefault.jpg)
climatestrike 在 8 Climate strike slogans ideas - Pinterest 的八卦
polar bearing drawing thick like my love for the environment proud of my city and my friends!! #climatestrike #fridaysforfuture. ... <看更多>
climatestrike 在 #climatestrike - YouTube 的八卦
Global Climate Strike - The Next Steps · Seventh Generation. Seventh Generation ; School Strike For Climate Action #ClimateStrike · Maritime Union of Australia. ... <看更多>