เปิดประเด็นข้อเท็จจริง “จริงหรือไม่? อเมริกาและประเทศพันธมิตร ไม่อนุญาตให้คนจีนไปเรียนอีกต่อไป"
.
จริงๆมีคนถามมาตั้งแต่เมื่อวันก่อน และตอบไปในข้อความส่วนตัวแล้ว ถึงกรณีมีการโพสต์เนื้อหาบนโลกโซเชียลว่า "อเมริกา และหลายประเทศในยุโรปแบนนักศึกษาจีน" เลยอยากเขียนถึงเรื่องนี้สักหน่อย เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับทุกคนในพิจารณาข้อเท็จจริงครับ
.
1. อเมริกาไม่ได้ "ห้าม" หรือ "ไม่อนุญาต" นักศึกษาจีนเข้าไปเรียนที่อเมริกาอีกต่อไป เหมือนกับที่มีการเขียนโพสต์ออกมาและแชร์ไปเป็นจำนวนมากก่อนหน้านี้ ยังคงมีนักศึกษาจีนได้รับการตอบรับเพื่อเข้าเรียนในอเมริกา และเริ่มเดินทางไปยังอเมริกาแล้วโดยเฉพาะเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากอเมริกาผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดในการขอวีซ่าและเดินทางเข้าอเมริกา โดยอนุญาตให้นักเรียนจีนเดินทางเข้าอเมริกาได้ สำหรับโปรแกรมการศึกษาที่จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2021 เป็นต้นไป มีเงื่อนไข “เดินทางเข้าอเมริกาล่วงหน้า ไม่เกิน 30 วัน ของเวลาเปิดเทอม - เริ่มคอร์ส”
.
แต่ต้องยอมรับว่า "มีข้อจำกัดมากขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น จากวิกฤติโควิด ค่าตั๋วค่าเดินทางแพงขึ้น ตามข้อมูลจาก SCMP (South Morning China Post) สื่อเอกชนที่รายงานเรื่องจีน นำเสนอสกู๊ป "The high price Chinese students pay for university in the US during the Covid-19 pandemic" เผยแพร่ 21 สิงหาคม 2564 ระบุ "ค่าตั๋วเครื่องบินจากจีนเข้าอเมริกา ราคาสูงมากทีเดียว ตัวอย่างเช่น ตั๋วเที่ยวเดียวจากปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ ไปยังปลายทางมหานครนิวยอร์ก บอสตัน หรือเมืองใหญ่อีกหลายเมืองในอเมริกา ต้องจ่ายเงินสูงถึงราว 20,000 หยวน ( ประมาณ 1 แสนบาท)"
.
2. เรื่องของการเมือง มีผลกระทบจริงต่อการเรียนต่อในอเมริกาของนักเรียนนักศึกษาจีน แต่ยังสามารถไปได้อยู่ ไม่ใช่ ห้าม 100% ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น โดยในบทความของ SCMP (ที่อ้างอิงข้างบน) ยังระบุคำสัมภาษณ์นักศึกษาจีน
“ความสัมพันธ์ของสองประเทศยังคงมีปัญหา และกระแสชาตินิยมในจีนยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ การตัดสินใจเรียนต่อในอเมริกาไมใช่เรื่องง่ายเลย แต่หวังว่าจะคุ้มค่ากับเงินและอุปสรรคปัญหาต่างๆที่เจอ”
.
3. ตั้งแต่ช่วงสงครามการค้าจีนอเมริกาอย่างหนักเมื่อช่วงปี 2019 อเมริกาได้ประกาศแบนหลายสินค้าและบริษัทของจีน อย่างเช่น Huawei ซึ่งไม่เว้นแม้แต่สถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยในจีนที่โดนแบนไปทั้งหมด 6 แห่ง (รวมถึงมหาวิทยาลัยที่อ้ายจงเรียนจบมา) โดยล้วนเกี่ยวข้องกับสายเทคโนโลยีและวิศวกรรมของจีน มีชื่ออยู่ในบทความของสื่อจีน South China Morning Post เมื่อปี2015 ว่า เป็น TOP5 มหาวิทยาลัยจีนที่ทำโปรเจคลับและสำคัญสุดๆให้แก่จีน
.
ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าสถาบันที่มีอยู่ในรายชื่อแบนของอเมริกา ผมจึงสอบถามไปยังเพื่อนคนจีนที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยแห่งนั้น โดยรับคำตอบว่า “เคยมีเหมือนกันที่อาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาปัจจุบัน และศิษย์เก่า รู้สึกว่า “ขอวีซ่าเข้าอเมริกายากขึ้นจริง”
.
4. ปี 2020 อเมริกาประกาศ “แบนและยกเลิกวีซ่านักศึกษาแก่นักศึกษาจีน” อย่างน้อย 2 รอบ สืบเนื่องมาตั้งแต่ความขัดแย้งทางการค้าในสงครามการค้าสองประเทศ โดยเหตุผลที่ยกเลิกวีซ่า อเมริกายกเหตุผล “นักศึกษาจีนเหล่านี้ มีความเกี่ยวข้องกับทางการทหารจีน และขโมยข้อมูลสำคัญของทางอเมริกาไปให้แก่ทางจีน” คาดว่ามีนักศึกษาจีนได้รับผลกระทบอย่างน้อย 3,000 – 5,000 คน จากจำนวนนักศึกษาจีนทั้งหมดที่เรียนในอเมริกาช่วงปีการศึกษา 2019-2020 372,000 คน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของนักศึกษาต่างชาติหลักล้านคนในอเมริกา (อ้างอิงตัวเลขจาก China Daily สื่อจีน)
.
มีนักศึกษาจีนบางคนที่โดนแบนให้สัมภาษณ์กับสื่อ อย่างเช่น นักศึกษาหนุ่มจีนนาม “Dennis Hu” ให้สัมภาษณ์ต่อ CNN ว่า “เดินทางกลับจากอเมริกาไปยังบ้านในประเทศจีน เพื่อฉลองตรุษจีน (ช่วงจีนเกิดระบาดโควิด) และจะกลับไปต่อวีซ่าอเมริกา เพื่อกลับไปทำปริญญาเอกทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ให้จบ แต่ปรากฏว่าเขาเป็น 1 ในนักศึกษาจีนนับพันคนที่โดนแบนวีซ่า ไม่ให้กลับไปศึกษาต่อในอเมริกา และแน่นอนว่า เขาก็เหมือนกับทุกคนที่โดนแบน ยืนยัน ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆหรือเป็นสายลับให้กับรัฐบาลจีน”
.
5. เรื่องราวของความขัดแย้งทางการค้าและการเมือง ส่งผลกระทบต่อการไปเรียนอเมริกาของคนจีนมาสักพักใหญ่ๆแล้ว แต่ไม่ได้เป็นการแบนแบบหว่านแห ทุกมหาวิทยาลัย ทุกคน
“เหตุผลหลักๆมาจากประเด็นความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ การเกรงกลัวว่าข้อมูลสำคัญจะหลุดรั่วไหลไปยังรัฐบาลจีนและกองทัพจีน ผ่านทางนักเรียนนักศึกษาและนักวิจัยจีน โดยเฉพาะทางสายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ หรือเรียกรวมว่า STEM
.
บทความบนเว็บไซต์ Global Times สื่อกระบอกเสียงจีน ที่เผยแพร่เมื่อกรกฎาคมปีนี้ (2021) รายงานข้อมูล “ปัจจุบัน อเมริกาปฏิเสธวีซ่าแก่นักเรียนจีนที่ตั้งใจจะไปเรียนทางสาย STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) มากกว่า 500 คน”
.
6. อีกหนึ่งบทความบนเว็บไซต์ Global Times เมื่อพฤษภาคม 2021 Global Times รายงานข้อมูลจาก Gewai Education บริษัทแนะแนวศึกษาต่ออเมริกา ซึ่งเผยข้อมูลการขอวีซ่าอเมริกาของนักเรียนจีนจำนวนหนึ่งโดนปฏิเสธ เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่ในหน่วยงานเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศจีน รวมถึง หน่วยงานปราบปรามคอรัปชั่นและตรวจคนเข้าเมือง
.
7. จากมาตรการของประเทศสหรัฐอเมริกา เข้มงวดเรื่องวีซ่าแก่นักเรียนนักศึกษาจีน รวมถึงนักวิจัยจีน ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคง เคยมีการนำเสนอข่าวออกมาโดยสื่อต่างประเทศเหมือนกันว่า ประเทศพันธมิตรของอเมริกาบางประเทศ มีการดำเนินนโยบายคล้ายๆกันนี้ อย่างเช่น ญี่ปุ่น ตามการรายงานข่าวของ The Straits Times
.
และ แคนาดา ก็เคยมีการเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยแคนาดา ระมัดระวังการทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยจีน เพราะข้อมูลอาจรั่วไหลไปถึงรัฐบาลจีน อย่างยิ่งทางการทหารจีน เป็นความวิตกกังวลและกลัวในประเด็นเดียวกันกับที่อเมริกาให้เหตุผลแบนวีซ่านักเรียนนักศึกษาและนักวิจัยจีน (ตามการรายงานของ CBC สื่อแคนาดา)
.
8. จีนตอบโต้นโยบายเข้มงวดแก่นักศึกษาจีนของอเมริกามาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2019 สงครามการค้าจีนอเมริกา รัฐบาลจีนออกประกาศเตือนประชาชนถึงการไปเรียนต่อและเที่ยวที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้ระมัดระวังในเรื่ิองของการขอวีซ่าที่มีข้อจำกัดมากขึ้น ให้ระยะเวลาอยู่ในอเมริกาลดน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะส่งผลโดยตรงต่อนักศึกษาจีนที่ต้องการไปเรียนต่อที่อเมริกา
.
9. ไม่ใช่อเมริกา “เพิ่มข้อจำกัดในการขอวีซ่าแก่ชาวจีน เพียงอย่างเดียว” ประเทศจีนเองก็เข้มงวดแก่ชาวอเมริกา อย่างเช่นเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2020 ทางการจีน ออกมาตรการ ‘เพิ่มข้อจำกัดในการออกวีซ่าแก่ชาวอเมริกัน ที่มีพฤติกรรมเชิงลบต่อเรื่องราวของจีนและฮ่องกง โดยในปี 2020 เป็นปีที่อเมริกายกเลิกวีซ่านักเรียนจีนหลักพันคน ตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญและสื่อต่างประเทศ อาทิ ABC News และ Wall Street Journal มองว่า “เบื้องลึกไม่ใช่ประเด็นความมั่นคงอย่างเดียว แต่เป็นการต่อต้านการออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่จีนนำไปใช้กับฮ่องกง”
.
10. การแก้ไขปัญหาสมองไหล-หัวกะทิ-ประชาชนผู้มีความสามารถไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ อย่างยิ่งในอเมริกา ให้กลับมายังประเทศจีน มีส่วนมาผลจากความขัดแย้งทางการเมืองและปัญหาทางการค้าจีนอเมริกา ทำให้คนจีนในอเมริกาเรียนจบ หรือทำงานในอเมริกาอยู่แล้ว ย้ายกลับจีนมากขึ้น แต่ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด เพราะจีนดำเนินนโยบายดึงดูดคนจีนเก่งๆให้กลับมาประเทศจีน ตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามการค้าจีนอเมริกาและการขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนัก
.
จากประสบการณ์จริงของอ้ายจง สมัยไปทำวิจัยที่เมืองซีอานปี 2014 ตอนนั้นที่แลปดีลกับมหาวิทยาลัยในอเมริกาและยุโรปเยอะมากในด้านทำการวิจัย
.
ภายใต้การร่วมมือแต่ละครั้ง ทางแลปและมหาวิทยาลัยจะดีลโดยตรงส่วนตัวกับอาจารย์-ศาสตราจารย์จีนที่ทำงานในอเมริกา ให้มาเป็นอาจารย์และนักวิจัยในมหาวิทยาลัยจีน โดยดึงดูดด้วยผลตอบแทนและโอกาสก้าวหน้าทางอาชีพ เพื่อให้คนเก่งหัวกะทิเหล่านี้มั่นใจว่า “คุ้มค่าในการกลับไปยังประเทศบ้านเกิดเมืองนอน” (อ่านบทความเต็มที่ผมเคยเขียนเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสมองไหลของจีน ได้ที่ https://www.blockdit.com/posts/60785b284bbb3e0c2e04f976)
.
#สรุป อเมริกาและประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศพันธมิตรของอเมริกา มีข้อจำกัดในการให้วีซ่าแก่ประชาชนชาวจีนจริง ในการเข้าศึกษาต่อและทำวิจัย แต่ขอเน้นย้ำว่า “ไม่ใช่การจำกัด หรือแบนแบบ 100%“ และจากตัวเลขตามที่มีรายงานออกมาจากสื่อต่างประเทศและสื่อจีนเอง จำนวนนักศึกษาจีนที่ได้รับผลกระทบ เอาแค่ในประเทศอเมริกา เป็นจำนวน “หลักพัน” จากทั้งหมด 3 แสนกว่าคนที่ศึกษาในอเมริกา ดังนั้น ไม่ใช่สัดส่วน 80% ที่โดนแบนและไล่กลับจีนแบบที่มีการแชร์ก่อนหน้านี้
.
โดยเหตุผลหลักของการแบนและจำกัดวีซ่าแก่คนจีน มาจากเหตุผล “ความมั่นคงและข้อขัดแย้งทางการเมือง” เน้นหนักไปที่การเกรงกลัวข้อมูลสำคัญหลุดไปยังรัฐบาลและทางกองทัพจีน ซึ่งสาขาการเรียนและการวิจัยที่โดนจับตามองเป็นพิเศษ ได้แก่ สาขาสาย STEM - วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์
.
อ้ายจงอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวทั้งจีน อเมริกา และประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเนื้อหา โดยใช้เป็นแหล่งข่าวภาษาอังกฤษ เพื่อทุกคนที่สนใจสามารถอ่านและตรวจเช็คข้อมูลได้ครับ
-https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3145877/high-price-chinese-students-pay-university-us-during-covid-19)
- https://news.cgtn.com/news/2020-05-30/U-S-bans-some-Chinese-students-from-entering-its-borders-QUoMxQGh4Q/index.html
- https://www.bbc.com/news/world-us-canada-54097437
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-09-10/u-s-revoked-over-1-000-chinese-visas-over-national-security
- https://www.theguardian.com/world/2020/sep/10/us-cancels-1000-china-student-visas-claiming-ties-to-military
- https://www.globaltimes.cn/page/202104/1222300.shtml
- https://www.globaltimes.cn/page/202105/1223713.shtml
- https://www.globaltimes.cn/page/202107/1228072.shtml
- https://global.chinadaily.com.cn/a/202008/13/WS5f3491d4a31083481725ffd7.html
- http://www.chinadaily.com.cn/a/202107/07/WS60e4dde8a310efa1bd6601c7_2.html
- https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/japan-to-tighten-checks-on-visa-applications-by-chinese-students-researchers-over
- https://www.cbc.ca/news/politics/china-canada-universities-research-waterloo-military-technology-1.5723846
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #จีน #อเมริกา #เรียนต่ออเมริกา #แบนวีซ่า
「cnn student news」的推薦目錄:
- 關於cnn student news 在 อ้ายจง Facebook
- 關於cnn student news 在 北歐心科學 NordicHearts Facebook
- 關於cnn student news 在 Scholarship for Vietnamese students Facebook
- 關於cnn student news 在 CNN 10 - YouTube 的評價
- 關於cnn student news 在 CNN Student News Sheet - Pinterest 的評價
- 關於cnn student news 在 cnn 10逐字稿2023-在Facebook/IG/Youtube上的焦點新聞和 ... 的評價
cnn student news 在 北歐心科學 NordicHearts Facebook 八卦
虛偽的左派深層政府最害怕真相,它們利用媒體與學界掩飾一切、愚弄人民。當你表現出一點不同意他們觀點的跡象,種族歧視、反移民人權、反女權、反性別平權、反福利政策、反環保綠能的帽子馬上扣下。當然,我說的是現今的美國;而台灣,支持民主黨「進步價值」的左派青年、知識份子,甚至是媒體,在21世紀初也開始有這種傾向。
挑這篇已不是「新聞」的報導其實具有重大意義,首先是美國主流左媒竟然可以無下限到連一名頭戴 MAGA 帽子的青少年都要啟動戰爭機器聯合瘋狂追殺;然後被「取消」的青少年在媒體和網路霸凌下毫不退縮,悍然提告,讓多達13家媒體露出其反基督、反傳統價值、反川普的原形,而跳得最歡的《CNN》最早對假新聞以鉅額賠償和解。再來是這名青少年提到左派以政治正確「取消」美國人民的存在感,只因違反「進步價值」且拒絕保持沉默就會被媒體與網路聯合壓制、封殺。許多人因而被解僱、被羞辱甚至被威脅。
這就是所謂的「取消文化」,請參考︰https://www.storm.mg/article/2842201
還有一點,是媒體慣用且十分有效的方式:「洗新聞」。當發生對媒體與其背景不利的事件後,媒體不是淡化處理就是不斷製造「新聞」以沖淡影響,進而讓該事件在民眾記憶中消失。
屬於時代華納集團,也是以負面新聞攻擊川普最多的美國有線電視新聞網《CNN》,8月26日同意肯塔基州考文頓天主教學生尼克·桑德曼(Nick Sandmann)提出的訴訟中,以「未披露」的2.75億美元金額達成「假新聞」和解,起因是該媒體以虛假新聞「報導」了他與一位老年美國原住民權益運動者的遭遇,而導致假新聞病毒式傳播,使這名學生遭受網路霸凌,俗稱被「取消」。
桑德曼的律師托德·麥克默特里(Todd McMurtry)和林木(Lin Wood)去年3月對《CNN》提起了2.75億美元的訴訟,原因是1月在華盛頓特區考文頓天主教高中學生在「為生命遊行」的事件錄影顯示,桑德曼和參加印地安原住民遊行的內森-菲利普斯對峙中以微笑相迎。《CNN》和其它全國性媒體以假新聞誤導的方式播放了這段影片,暗示桑德曼和幾個戴著 MAGA(讓美國再次偉大)帽子的學生在嘲諷菲利普斯。
桑德曼的家庭律師指責該網媒欺負這位戴著紅色「讓美國再次偉大」球帽的考文頓天主教高中生,以推動其政治目的,《CNN》對此予以否認。與它的「事實第一」公關策略相反,《CNN》無視事實,將其反川普行動放在首位,對桑德曼發動了為期7天的媒體霸凌,對他進行虛假、惡毒的攻擊,而他的「罪過」不過是戴了一頂 MAGA 的紀念帽。根據3月提起的58頁訴訟說。
托德·麥克默特里告訴《Fox News 福斯新聞網》,針對多達13家其它被告的訴訟將在30到40天內提出。其中包括:《ABC 迪士尼》、《CBS 哥倫比亞》、《The Guardian 衛報》、《The Huffington Post 赫芬頓郵報》、《NPR 國家公共廣播電台》、《Slate 板岩》《The Hill 山丘》、《Cincinnati Inquirer 辛辛那提詢問者》、《North Jersey Media 北澤西媒體》等。他補充說,針對《WP 華盛頓郵報》和《NBC環球》的單獨訴訟已經提告。
《News Break》CNN settles $275M “FAKE NEWS” lawsuit with Covington Catholic student Nick Sandmann
https://www.newsbreak.com/…/cnn-settles-275m-fake-news-laws…
弄虛作假的美國主流左媒,終於踢到鐵板。但比起川普動了它們大老闆們的乳酪,擋了每年至少數千億美元財路來說,幾億美元的賠償還不算什麼。預料這些主流左媒不會學到教訓,對川普的負面報導仍將持續。
如果看過週五晚介紹《絕望者之歌》的讀者網友,應該可以猜出尼克·桑德曼就是來自鐵鏽地區的貧窮藍領白人階級「鄉巴佬、紅脖子老粗」後裔,是川普啟動製造業回流美國,讓「鄉巴佬」們有了工作,桑德曼才有機會就讀大學。也正是「鄉巴佬」文化,讓他擁有強烈愛國心並保有傳統價值觀;而且對媒體與網路的聯合追殺,他不但沒逃避,還對所有製造假新聞霸凌的媒體提告,這正是「鄉巴佬」們信奉的行事方式。
桑德曼參加「為生命遊行」而引發此一事件,原因在於他支持《心跳法案》。根據美國最高法院「Roe vs. Wade」(同時也是墮胎合法化的關鍵法令)中,允許在24週以內墮胎。之所以會有24週這個決定,是因為醫界認定24週的寶寶可以在體外生存下來,形成獨立的生命。實行《心跳法案》的州則是將這個時間點提前到8週左右,除非胎兒或母體有醫學上的問題,不能合法墮胎(要不然就要去美國其他州進行手術)。
再談到左膠,他們似乎忘記這個專頁只是個人閱讀後的寫作平台,而不是媒體。竟然要求有評論就必須要雙方各打50大板的假中立,如果提到拜登戀童癖就要談川普風流史;好比你批判國民黨貪腐、親中、舔共,也必須同時罵民進黨墮落一頓才行。既然左膠連翻譯的修飾與註釋也要挑三揀四,本文以下就對英國《每日郵報》8月26日的這篇報導完全直譯。其實即使完全直譯,他們同樣會批評《Daily Mail》不中立,說得好像《CNN》、《NYT》、《WP》、《WSJ》、《NBC》、《ABC》、《CBS》、《BBC》、《VOA》都很中立一樣。
《Daily Mail》26 August 2020
【標題】
不服輸的考文頓天主教青少年尼克·桑德曼戴上了讓他「聲名狼藉」的 MAGA 帽子,他抨擊激進左派媒體,說他拒絕被「取消」。
【前言】
17歲的尼古拉斯·桑德曼(Nicholas Sandmann,又名 Nick 尼克)週二在共和黨大會第二晚演講時戴上了他的「 讓美國再次偉大」帽子。
他說媒體試圖「取消」他,只因為他戴著一頂 MAGA 的帽子。
「我的生活在那一刻永遠改變了,主流媒體的全面戰爭機器進入攻擊模式」,桑德曼在第二晚說。桑德曼在林肯紀念堂的台階上與美國原住民權益運動者內森·菲利普斯(Nathan Phillips)對峙時的影片引發了病毒式傳播。
他在1月份與《CNN》達成了秘密和解,在起訴索賠2.75億美元後,他聲稱媒體的報導是誹謗。訴訟指稱草率的新聞報導錯誤地將他描述為種族主義的煽動者;事件的完整鏡頭顯示,美國原住民權益運動者首先逼近他;和解金額仍然保密,但在法庭上卻奇怪的險些被披露。
【內文】
一名肯塔基州的少年因去年在林肯紀念堂與一名美國原住民互動的視頻而聞名,他週二在共和黨全國代表大會第二天發表講話時表示,他不會屈服於「取消文化」。
17歲的尼古拉斯·桑德曼在大會上表示,他認為新聞機構在報導這一事件時受到「反基督教、反保守主義、反唐納德·川普」偏見的驅使,因為他戴著一頂紅色的「讓美國再次偉大」帽子。
「如果他們推進的敘事毀了一個來自肯塔基州考文頓少年的名譽和未來,那就這樣吧」,桑德曼在林肯紀念堂--讓他成名的事件發生地--預先錄製的消息中說 「這將教會他不要戴 MAGA 帽子」!
這位考文頓天主教高中學生與《CNN》達成了和解,他以誹謗罪起訴《CNN》。由於法院規則的怪異,這筆金額幾乎被披露,但現在將「維持保密」,因為大流行病將預定聽證會推遲到他18歲生日之後。
2019年1月遭遇的錄影顯示,桑德曼和美國原住民權益運動者內森·菲利普斯站得很近。桑德曼看著對方,不時還微笑著;菲利普斯則唱著歌、敲著鼓。
桑德曼說,媒體在報導他們的對峙時,試圖「取消」他。
「我的生活在那一刻發生了翻天覆地的變化,主流媒體的戰爭機器全面啟動,進入攻擊模式」,桑德曼聲稱。「他們這樣做,沒有調閱事件的完整錄影,沒有調查菲利普斯先生的動機,也沒有詢問我的說法。你知道為什麼嗎?因為真相並不重要」。
「我知道了發生在我身上的遭遇是有名字,它叫做被取消」,他繼續說「被取消就是發生在這個國家各地人們拒絕保持沉默而被極左派壓制的事。許多人被解僱、被羞辱甚至被威脅。通常,媒體是一個主動的參與者」。
桑德曼堅持說:「但我不會被取消,我努力反擊,揭露媒體對我的所作所為,贏得了個人的勝利」。
「雖然必須做更多的工作,但我期待有一天,媒體能恢復提供平衡、負責和承擔責任的新聞報導。我知道川普總統也希望如此」,桑德曼最後說。
他還稱川普是「'媒體不公平報導的最大受害者」。
桑德曼週二在大會上詳細介紹說,他在華盛頓特區上學時買了這頂 MAGA 帽子,參加支持生命的「為生命遊行」年度抗議活動時穿過首都。
「2019年1月,我參加了在華盛頓特區舉行的生命遊行活動,在那裡我為捍衛未出生的生命而示威」,桑德曼在他預先錄製的演講中詳細介紹了這一活動。「當天晚些時候,我買了一頂『讓美國再次偉大』的帽子,因為我們的總統唐納德·川普是我們國家歷史上最支持生命的總統,我也想表達對他的支持」。
旅途中,菲利普斯走到這名戴著新的紅色 MAGA 帽子學生面前在,在離他臉部幾英寸的地方敲了敲鼓後,桑德曼引起了病毒式傳播。這名少年因為在對峙中的一臉笑容而受到媒體指責。
桑德曼週二解釋說,「尷尬的微笑」是為了掩飾自己的想法,避免讓自己尷尬或進一步刺激菲利普斯。
桑德曼在1月份與 CNN 達成了秘密和解,此前他起訴該網媒索賠2.75億美元,並稱該網媒在去年一段病毒傳播影片的報導中誹謗他。
據《辛辛那提問詢報 Cincinnati Enquirer》報導,和解金額似乎是通過肯塔基州肯頓縣的遺囑案件披露的,因為當時桑德曼還是未成年人,不能直接索要這筆錢。
由於法院在冠狀病毒大流行中的拖延,根據法院文件,桑德曼最近年滿18歲,不再是未成年人,可以自己索要這筆錢。
桑德曼是來自肯塔基州帕克希爾的考文頓天主教高中的學生之一,他們於2019年1月在華盛頓特區參加「為生命而戰」反墮胎集會。
他與內森·菲利普斯面對面的鏡頭在網路上廣為傳播,後者當時正在參加一場單獨團體支持美國原住民權利的示威活動。
戴著一頂紅色「讓美國再次偉大」帽子的桑德曼和菲利普斯後來都說,他們正試圖化解參加各種示威活動的三個不同團體之間的緊張關係,其中包括顯然是為了反抗議美國原住民而到來的希伯來以色列黑人。
遭遇的錄影顯示,菲利普斯走到桑德曼身邊,並站在離他很近的地方,桑德曼注視著他,有時還微笑著,菲利普斯在他臉旁唱歌和敲鼓。
桑德曼後來解決了對《CNN》和其他媒體的訴訟,稱他們斷章取義,誣陷他和其他考文頓學生嘲諷和恐嚇菲利普斯。
這位肯塔基州的少年是週二(8月26日)在虛擬的共和黨全國大會上預定的發言人之一。
桑德曼安排在集會的第二天晚上發表演講,敦促選民再次選舉唐納德·川普總統,當時的主題是「機會之地」'。
桑德曼現在在推特上自稱是特蘭西瓦尼亞大學學院(the Transylvania University College,源於拉丁語,意指「在森林那邊」)共和黨人的發言人,他在推特上說,他無法表達「我對能參加今年的 RNC(Republican National Convention)是多麼興奮」!
他將與第一夫人梅拉尼婭·川普(Melania Trump)和國務卿邁克·龐佩奧(Mike Pompeo)一起出現在大會上,因為大會關注許多熱門議題,包括墮胎和中東政策,並將民主黨總統候選人喬·拜登描繪成過於極端,無法贏得11月的選舉。
「我們需要繼續談論喬·拜登的激進政策」,川普連任競選經理比爾·斯蒂芬(Bill Stepien)週二接受《政治家 Politico》在線採訪時說。「我們越是談論喬·拜登及其黨內激進派推行的民主黨政策,我們的情況就越好,我們在這場比賽中的勝算就越高」。
上個月,桑德曼的律師發誓要對《CNN》和《華盛頓郵報》採取額外的法律行動,因為他們涉嫌違反了他們在最初訴訟中達成的和解協議中的保密協議。林木(Lin Wood)律師將這兩家媒體再次置於他的訴訟範圍內,他指責《CNN》主播布萊恩·施泰特勒(Brian Stetler)和一名郵報記者在推特上炒作和解協議,違反了保密協議。
【NICK SANDMANN 在 RNC 的演講全文】
大家晚上好,我是尼克·桑德曼。我的名字是尼克·桑德曼,我就是去年在林肯紀念堂台階上與一群抗議者相遇後被媒體誹謗的少年。
在開始之前,我要感謝川普總統給我機會分享我的一些故事,以及為什麼它對今年11月的選舉如此重要。
2019年1月,我參加了在華盛頓特區舉行的「為生命遊行」,在那裡我為捍衛未出生的生命進行了示威。當天晚些時候,我買了一頂「讓美國再次偉大」的帽子,因為我們的總統唐納德·川普是我國歷史上最支持生命的總統,我也想表達對他的支持。現在回想起來,我怎麼可能想到,戴上那頂紅帽子的簡單舉動,就會釋放出左派的仇恨,讓自己成為全國各地網路和有線電視新聞網的目標?
作為來自肯塔基州,亞伯拉罕·林肯的出生地,我和同學們參觀了林肯紀念堂。我發現自己與內森·菲利普斯和其他職業抗議者面對面,希望把我變成最新的海報孩子,顯示為什麼川朗普是壞的。雖然媒體把我描繪成臉上帶著「無情笑容」的侵略者,但實際上,錄影證實我是背著手站著,臉上帶著尷尬的笑容,隱藏著兩個想法。一、不要做任何可能進一步激怒在我臉上敲鼓的人的事情;二、想聽從家人朋友的建議,千萬不要做任何讓家人、學校、社區難堪的事情。
在我知道發生了什麼之前,一切都結束了。菲利普斯先生的一個煽動者同伴大喊「我們抓住他了」!「這一切都在錄影上」,「我們贏得了爺爺」!我以為是一次奇怪的遭遇,但很快就發展成了一個包含影片的重大新聞。
我的生活在那一刻發生了翻天覆地的變化,主流媒體的戰爭機器全面啟動,進入攻擊模式。他們這樣做,沒有調閱事件的完整影片,沒有調查菲利普斯先生的動機,也沒有詢問我的說法。你知道為什麼嗎?因為真相並不重要。重要的是推進他們反基督教、反保守主義、反唐納德·川普的敘事方式。如果他們推進的敘事毀了一個來自肯塔基州考文頓少年的名譽和未來,那就這樣吧,這將教他不要戴 MAGA 的帽子!
我了解到,發生在我身上的事情有一個名字。它稱為被「取消」,就像在廢止、如同被撤銷、如同作廢的意思。
被取消就是發生在這個國家各地人們拒絕保持沉默而被極左派壓制的事;許多人被解僱、被羞辱甚至被威脅。通常,媒體是一個主動的參與者。
但我不會被取消,我奮力反擊,揭露媒體對我的所作所為,贏得了個人的勝利。雖然必須做更多的工作,但我期待有一天,媒體能恢復提供平衡、負責和承擔責任的新聞報導。
我知道川普總統也希望如此。我很自豪地說,在我的媒體噩夢中,我一直得到川普總統堅定不移的支持。我知道你會同意我的說法,當我說這個國家沒有人比唐納德·川普總統更是不公平媒體報導的受害者。
在11月,我相信這個國家必須團結在一個總統身邊,他呼籲媒體,拒絕讓他們創造一個敘事而不是報導事實。
我相信,我們必須與一位將挑戰媒體回歸客觀新聞的總統一起。
我相信,我們必須一起擁抱我們的第一修正案的權利,而不是躲在對媒體的恐懼中,也不是躲在科技公司或憤怒的暴徒中。
這值得我們為之奮鬥!這是值得投票支持的!這就是唐納德·川普總統所代表的。
謝謝大家今晚聽我講話,還有一件事...讓我們...讓美國再次偉大!
《Daily Mail》26 August 2020
Defiant Covington Catholic teen Nick Sandmann puts on the MAGA hat which made him notorious as he rails against 'the radical left media' saying he REFUSES to be 'canceled'.(內有影片)
https://www.dailymail.co.uk/…/Covington-Catholic-teen-Nick-…
cnn student news 在 Scholarship for Vietnamese students Facebook 八卦
[HANNAHED ENGLISH CLUB] Band Điểm Listening Của Bạn Sẽ Lên Ngay Tức Thì Khi Áp Dụng Phương Pháp Này
Các bạn vẫn thường được khuyên rằng: Nghe tiếng anh kém, nghe thật nhiều BBC, CNN (radio, xem TV), xem phim tiếng anh (không phụ đề) thì nghe sẽ giỏi, làm listening IELTS sẽ điểm cao ??
Quan điểm này hoàn toàn Sai. Nếu khả năng nghe của bạn chưa tốt thì chắc chắn là bạn nghe các kênh đó sẽ không hiểu tý gì cả. Bạn nhủ thầm cứ cố gắng nghe tiếp rồi sẽ tiến bộ thôi. Lần 2,3,4, …, n và kết quả là: WOAAAA… vẫn vậy =.=.
Nguyên nhân rất đơn giản, thực ra không phải bạn không nghe được gì, bạn vẫn nghe được người ta nói đấy thôi. Nhưng các âm đấy bạn chưa nghe bao giờ (bạn không biết các từ đấy phát âm thế nào hoặc biết nhưng không đúng) nên nghe bạn không hiểu . Việc luyện nghe mà không có transcript cũng giống như bạn tập giải toán mà không có đáp án vậy. Bạn không biết mình đang làm đúng hay sai thì làm sao rút kinh nghiệm để tiến bộ được (Thực ra: nghe kiểu “tắm ngôn ngữ” bạn vẫn có thể áp dụng, nhưng chỉ nên coi nó như 1 supplementary method thôi chứ không phải main technique. Phương pháp này có đem lại hiệu quả nhưng rất ít).
Vậy giải pháp là gì? Hãy cùng đọc bài post dưới đây nhé! 😃 Bài dài nhưng bổ ích lắm.
----
Phương pháp luyện nghe hiệu quả nhất (đặc biệt với làm bài nghe trong kỳ thi IELTS) mà mình được biết và đã áp dụng hiệu quả đó là NGHE VÀ CHÉP CHÍNH TẢ. Bạn nghe và chép chính tả lại 100% những gì bạn nghe được. (Nếu bạn nào cũng học FTU thì năm thứ 1 môn tiếng anh các thầy cô cũng hay luyện bạn nghe và chép chính tả. Giờ ko biết còn thế không?). Bạn nên kết hợp luyện nghe và luyện pronunciation luôn (luyện nghe với nói bao giờ cũng nên luyện song song). Cụ thể phương pháp này như sau:
- Bước 1: Tìm một nguồn phát Tiếng Anh chuẩn (nói về chủ đề mà bạn thấy hứng thú) và phải có phụ đề (nhất thiết phải có).
Bạn có thể tim trên Youtube, các kênh news của BBC, VOA, CNN ( CNN student news - MC nói khá rõ ràng dễ nghe và bài nào cũng có sub đi kèm. Lúc đầu mình nghe chương trình này) các bộ phim tiếng anh cũng được nếu bạn thích nhưng phải có phụ đề đi kèm. Nếu khả năng nghe của bạn tương đối khá, mình highly recommend các bạn nên nghe các bài thuyết trình ở trang ted.com (TED là 1 tổ chức toàn cầu chuyên tổ chức các buổi nói chuyện, thuyết trình với các chuyên gia trên thế giới. Các bạn có thể tìm thấy mọi chủ đề mình quan tâm, từ Gender đến Technology, Medical, … với đủ mọi độ dài thường là dưới 6 phút hoặc khoảng 20 phú).
⚠️⚠️⚠️ Lưu ý:
+ Bạn chỉ nên chọn bài nghe dưới 10’ thôi không không chép nổi đâu. Như 1 bài phát thanh CNN student news (tầm 10’) mình chép ra cũng thành kín 5 trang giấy và trong 4 ngày mới xong (mỗi ngày mình có 3 tiếng để học Tiếng Anh).
+ Nếu bạn muốn luyện để thi IELTS là chính thì nên chọn nguồn nói giọng Anh–Anh để nghe. Đang nghe quen giọng Anh-Mỹ đi thi IELTS toàn giọng Anh-Anh cũng khá mệt đấy vì một số từ người Anh phát âm rất đặc trưng và rất khác với tiếng Anh Mỹ.
- Bước 2 (giai đoạn đau khổ nhất): Listen and transcribe it.
Bạn nghe và chép lại tất cả những gì bạn nghe được. Đương nhiên là việc này sẽ rất khó, bạn sẽ mắc phải rất nhiều lỗi sai và không nghe được nhiều từ (có thể là từ mới bạn chưa biết, hoặc từ bạn đã biết nhưng bạn lại phát âm sai -> nghe sai). Hồi đầu thử transcribe CNN Student News, mình sai toe toét L. Không sao, kinh nghiệm ở đây của mình là: cứ nghe, cứ viết ra tất cả những gì bạn nghe được (đoán được) rồi so sánh với transcript và rút kinh nghiệm dần dần. Bạn sẽ tiến bộ nhanh hơn bạn nghĩ rất nhiều. Sau này, bạn sẽ thấy do phải chép chỉnh tả 100%, những từ lúc nghe hay sót như “and” hay “the”, từ có số nhiều hay không… bạn nghe sẽ rất rõ. Và đến khi quay lại làm listening IELTS thì -> Easy as eating pancakes.
⚠️⚠️⚠️ Lưu ý:
Phần mềm nghe mình khuyên các bạn nên sử dụng để luyện ở bước 2 này là GOM Playerthay vì trình chơi nhạc mặc định Window Media Player. Phần mềm này bạn có thể nghe từ đoạn A đến B, tua đi hoặc tua lại trong bao nhiêu giây bằng phím tắt… và rất nhiều tính năng hữu ích khác. Phần mềm No.1 để luyện nghe t.a mà mình vote. Down tại đây: https://bit.ly/2cPee52
- Bước 3: Tập đọc lại theo transcript và thu âm lại so sánh
Ở bước này, bạn hãy nghe thật kỹ phát thanh viên đọc, nhấn nhá, nối âm, lên xuống ở đâu. Bạn bắt chước giống hệt thế rồi đọc. Sau đó nghe lại phần thu âm giọng đọc của mình, xem chỗ nào chưa giống thì đọc lại. Sửa đến khi nghe lại thấy ưng ý thì thôi. Công việc này cũng khá là nản nhưng đây là cách luyện Pronunciation cực kỳ hiệu quả. Bản thân mình đã duy trì tập nói theo cách này liên tiếp trong 2,5 tháng. Kết quả rất tuyệt vời khi nói chuyện với một bác Tây, bác khen mình phát âm hay và hỏi đã ở nước ngoài à làm mình sướng rơn.
- Bước 4: Cuối cùng, với học nghe, các bạn nên kết hợp một số (một số thôi nha, nhiều quá là loạn đó ạ) phương pháp để đỡ nhàm chán và đạt hiệu quả tốt nhất. Chỉ cần nghe nhạc & xem phim tiếng Anh bạn thích là đủ.
(Đơn giản nhất là các bạn có người yêu bản xứ. Mình đã từng có học sinh nâng band Listening từ 4.5 lên 8.0 chỉ trong 3 tháng, sau khi yêu 1 anh người bản xứ :)) ).
⚠️⚠️⚠️ Lưu ý:
- Về thu âm:
+ Bạn hãy mua một tai nghe có mic. Loại nào cũng OK tùy túi tiền của bạn (Nên luyện nghe bằng tai nghe cho giống với khi thi và tập trung hơn). Đi thi thật thì bạn được nghe tai không dây xịn (mình thi IDP nên không biết thi BC thì thế nào) nghe sướng hơn tai nghe ở nhà nhiều.
+ Dùng phần mềm Audacity để thu. Đây là phần mềm khá nhỏ gọn và tiện để thu âm (bạn thu âm để luyện Speaking chứ không phải hát hay rap nên không cần soft kiểu Cool Edit Pro hay Adobe Audition làm gì cho nặng máy ^^ ).
Link download: https://bit.ly/2VQu0jW
🌞 Một kinh nghiệm nữa:
Nếu bạn đang dùng smartphone, hãy search trên store và down Apptedict về để học.
App này sẽ hỗ trợ bạn viết chính tả theo phương pháp trên mình nói. Nguồn tiếng anh là web ted.com. Lúc viết chính tả bạn sẽ có tùy chọn hiện transcript dịch tiếng Việt nên sẽ dễ dàng hơn khá nhiều. Nếu dùng android giống mình có thể vào appstore.vn down về free. Link down: https://bit.ly/2TLs7Dt
Phù, vậy là xong Listening. Giải thích cụ thể nên dài dòng vậy thôi chứ 3 bước làm khá nhanh. Nếu bạn kiên trì học theo cách này trong tầm 1 tháng thôi. Mình cam đoan bạn sẽ ngạc nhiên vì sự tiến bộ của bản thân (như mình vậy) :D. Các tips khi đi thi Listening IELTS mình không trình bày, đã có rất nhiều tips post trên mạng. Nhưng mình nói thật, áp dụng các tips cho Listening chỉ nâng bandscore cho bạn lên được tầm 0.5-1 điểm thôi. Luyện theo phương pháp trên đến khi trình lên, bạn sẽ thấy cảm giác đang nghe được tầm 15-20 câu (band 5.5) lên 35-40 (band 8+) câu sung sướng thế nào ? :D
CÁC CÂU HỎI XUNG QUANH VIỆC LUYỆN NGHE BẰNG PHƯƠNG PHÁP CHÉP CHÍNH TẢ
1. Nghe sau bao lâu thì có kết quả ?
Đáp: Đây là phương pháp giúp bạn lên trình nghe nhanh nhất mà mình biết. Thông thường học sinh của mình đi thi, mỗi ngày nghe 2-3 tiếng, sau 2 tháng trình nghe sẽ tăng từ 22-23 câu lên 30-32 câu.
2. Tại sao tôi nghe lâu mà không có kết quả ?
Đáp: Một số bạn có hỏi câu này. Mình có hỏi các bạn là nghe mỗi ngày bao lâu thì câu trả lời là: 30 phút.
30 phút quá ngắn và thực sự không đủ. Bạn nên nghe ít nhất 1 tiếng hoặc 2 tiếng một ngày để thấy kết quả được nhanh hơn. Miễn là bạn kiên trì, chịu khó phương pháp này nhất định có tác dụng với bạn.
----
Source: Ngoc Bach
Link full bài viết ở đây nhé: https://bit.ly/2RNYkMW
Cả nhà join vào group này để học Tiếng Anh cũng hay nè, rất bổ ích và bài có chọn lọc nha: https://bit.ly/2MiisE8
<3 Like và share nếu các em thấy thông tin có ích nhé <3
#HannahEd #duhoc #hocbong #sanhocbong #scholarshipforVietnamesestudents
cnn student news 在 CNN Student News Sheet - Pinterest 的八卦
Sep 23, 2015 - This is a sheet that students can use while watching CNN Student News. There is a section for each day of the week. ... <看更多>
cnn student news 在 cnn 10逐字稿2023-在Facebook/IG/Youtube上的焦點新聞和 ... 的八卦
CNN10 是一個的英文新聞網站,它的前身是CNN Student News,網站上面... CNN10 還替影片提供了逐字稿,讓你如果看不懂的話,可以看逐字稿找單字。 ... <看更多>
cnn student news 在 CNN 10 - YouTube 的八卦
Explaining global news to a global audience: This is the mission of CNN 10, a 10-minute educational news show that appears as a daily digital video. ... <看更多>