รู้จักเจ้าของ Exchange คริปโทเคอร์เรนซี ที่ใหญ่สุดในโลก ทั้งหมดเกิดขึ้นใน 4 ปี /โดย ลงทุนแมน
ไม่นานมานี้ เราได้เห็นราคาบิตคอยน์พุ่งทะลุ 2,000,000 บาทต่อเหรียญ
แต่รู้หรือไม่ว่าคริปโทเคอร์เรนซีอื่น ๆ ราคาก็เพิ่มขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน
โดยมูลค่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ทั้งหมด ณ ขณะนี้อยู่ที่ 70 ล้านล้านบาท
หรือใหญ่เป็น 3 เท่าของมูลค่าบริษัททั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
แน่นอนว่าการเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์เหล่านี้
ได้สร้างความสนใจและดึงดูดให้ผู้คนมากมายเข้ามาหาโอกาสกัน
ซึ่งผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน
แต่คือคุณ Changpeng Zhao เจ้าของ Binance
ตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในโลก
แล้ว Changpeng Zhao คือใคร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน ล่าสุดมีหมวดคริปโทเคอร์เรนซีแล้ว Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด เกิดจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง
ที่คุณ Changpeng Zhao หรือ CZ ในวัยเด็กได้รับเป็นของขวัญวันเกิด
เนื่องจากพ่อของเขาเป็นโปรแกรมเมอร์
ทำให้คุณ Zhao ได้เรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ ตลอดเวลา
ส่งผลให้เขาชื่นชอบและเชี่ยวชาญทักษะคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เด็ก
และเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็เลือกเรียนสายวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
หลังจากจบการศึกษา คุณ Zhao ได้เข้าทำงานที่ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว
ตำแหน่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบซื้อขายหลักทรัพย์
และที่นั่นก็ทำให้เขาเรียนรู้เรื่องระบบ Exchange
หรือกระดานซื้อขายหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก
ที่นั่น คุณ Zhao ได้พบว่าระบบกระดานซื้อขายมีปริมาณเงินเข้าออกมหาศาล
และนั่นเองก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาหลงใหลในอุตสาหกรรมการเงินเป็นอย่างมาก
ต่อมา เขาก็ได้ทำงานที่ Bloomberg Tradebook ในฐานะนักพัฒนาซอฟต์แวร์เช่นเดิม
และในที่สุดก็ได้ก่อตั้งบริษัทแรกของตัวเองขึ้นมาชื่อว่า Fusion Systems
บริษัทที่ให้บริการระบบซื้อขายหลักทรัพย์แก่เหล่าโบรกเกอร์
ระหว่างนั้นเอง คุณ Zhao ได้รับคำชักชวนจากคนที่รู้จัก
ว่าควรเปลี่ยน 10% ของสินทรัพย์ของตนเองให้เป็นบิตคอยน์
เพราะมีโอกาสที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 10 เท่า
หลังจากที่ได้รับคำแนะนำ คุณ Zhao ก็ไม่รอช้า
กลับไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิตคอยน์ต่อด้วยตนเอง
แล้วพบว่าเทคโนโลยี Blockchain ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับคริปโทเคอร์เรนซี น่าสนใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ตัวเองคุ้นเคยกับบิตคอยน์สักพักแล้ว เขาก็พบว่าโลกของคริปโทเคอร์เรนซีนี้น่าหลงใหลกว่าที่คิด
หลงใหลในระดับที่เขาตัดสินใจขายอะพาร์ตเมนต์เพื่อมาซื้อบิตคอยน์
และก็ได้ลาออกจากบริษัท มาสู่วงการคริปโทเคอร์เรนซีทันที
คุณ Zhao ได้เริ่มเข้าร่วมกับ Blockchain.com ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการ Wallet
สำหรับเก็บสินทรัพย์ประเภทคริปโทเคอร์เรนซี
ซึ่งที่นั่นเอง ทำให้เขาได้ร่วมงานกับผู้ที่เชี่ยวชาญมากมาย
เช่นคุณ Roger Ver นักลงทุนบิตคอยน์รุ่นบุกเบิก
อย่างไรก็ตาม เขายังมองว่าตนเองมีความถนัดเรื่องระบบ Exchange มากกว่า
ทำให้หลังจากนั้นไม่นาน เขาจึงเปลี่ยนมาทำงานที่ OKCoin ซึ่งทำธุรกิจตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของ “Binance” ตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดของโลกปัจจุบัน
ในปี 2017 ก่อนหน้าที่จะเกิดบริษัท Binance ขึ้นมา
ช่วงเวลานั้น ระบบของ Exchange ส่วนใหญ่ค่อนข้างแย่
และไม่เป็นมิตรกับกลุ่มลูกค้ามากนัก
ความแย่ที่ว่านี้ ก็อย่างเช่น
อินเทอร์เฟซใช้งานยาก และระบบในการทำธุรกรรมก็ล่าช้า
รวมถึงไม่มีบริการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าอีกด้วย
ลูกค้าส่วนใหญ่จึงมักเป็นผู้ที่มีความชำนาญคอมพิวเตอร์ระดับหนึ่ง
ทำให้คุณ Changpeng Zhao เกิดไอเดียที่จะสร้าง Crypto Exchange ของตัวเอง
จากช่องว่างและ Pain Point ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ณ เวลานั้น
แต่ด้วยเงินทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่เพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจ
คุณ Changpeng Zhao จึงเลือกระดมทุนผ่านการ ICO (Initial Coin Offering)
หรือก็คือ การออกเหรียญดิจิทัลเพื่อแลกกับเงินสด
จึงเกิดเป็นเหรียญ Binance หรือ Binance Coin ขึ้นมา ซึ่งผู้ที่ถือจะได้รับประโยชน์ต่าง ๆ
อย่างเช่น สามารถนำ Binance Coin มาใช้ลดหรือใช้แทนค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม
ด้วยความที่ Binance เข้ามาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ดีกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ
ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย ความรวดเร็วในการทำธุรกรรม ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ และมีระบบบริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
ทำให้ภายใน 6 เดือน Binance ก็ได้กลายเป็น Crypto Exchange ที่ใหญ่สุดในโลก
แล้วปัจจุบัน Binance มีบริการหลัก ๆ อะไรบ้าง ?
- Exchange บริการแลกเปลี่ยนและเทรดคริปโทเคอร์เรนซีแบบครบวงจร
มีตั้งแต่การซื้อขายแบบปกติ ใช้มาร์จิน ไปจนถึงฟิวเจอร์ส
และมีเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีให้เลือกมากถึง 150 สกุลด้วยกัน
- Academy บริการให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี
ซึ่งมีตั้งแต่เรื่องคอมพิวเตอร์ไปจนถึงเศรษฐศาสตร์ ระบบกลไกตลาด
- Binance Smart Chain บริการให้พื้นที่แก่นักพัฒนาในการสร้าง DeFi หรือระบบการทำธุรกรรมทางการเงินโดยปราศจากตัวกลาง
นอกจากนี้ Binance กำลังพัฒนาบริการใหม่อีกหนึ่งอย่างคือ Binance Pay ซึ่งเป็นบริการสำหรับรับหรือชำระเงินโดยใช้เหรียญคริปโทเคอร์เรนซี
และจากบริการเหล่านี้ ก็เห็นได้ว่า Binance ไม่ได้มองว่า
ตัวเองเป็นแค่ Crypto Exchange อีกต่อไป
แต่กำลังจะเป็น Crypto Ecosystem เช่นเดียวกับที่ Apple สร้าง iOS ขึ้นมา
รู้หรือไม่ว่า
Changpeng Zhao ก่อตั้ง Binance ขึ้นมาเพียง 4 ปี
แต่ก็สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด จนในปีที่ผ่านมาทำรายได้ทะลุ 2.5 หมื่นล้านบาท
ในขณะเดียวกัน หากมาดูมูลค่าเฉพาะเหรียญ Binance จะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 2.5 ล้านล้านบาท
ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากบิตคอยน์และอีเทอเรียมเท่านั้น
ปัจจุบัน Binance มีพนักงานทั้งหมด 1,700 คน
แต่ที่น่าสนใจคือ บริษัทนี้กลับไม่มีสำนักงานสักแห่งเลย
Binance ใช้วิธีการทำงานจากที่บ้าน และสื่อสารผ่านทางออนไลน์เพียงเท่านั้น
ซึ่งนับว่าเป็นการบริหารองค์กรที่มีความท้าทายอย่างสูง
และเมื่อเร็ว ๆ นี้มีบริษัทที่ทำธุรกิจตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ที่ชื่อว่า Coinbase ได้เข้าระดมทุนผ่านการ Direct Listing ที่ตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ด้วยมูลค่าบริษัท 1.8 ล้านล้านบาท
โดย Coinbase มียอดการทำธุรกรรมต่อวันเป็นมูลค่า 1.3 แสนล้านบาท
แต่ก็ยังเป็นรองจาก Binance ที่มียอดต่อวันสูงถึง 1.7 ล้านล้านบาท
หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ Binance มียอดธุรกรรมมากเป็น 13 เท่า
เมื่อเทียบกับยอดธุรกรรมของ Coinbase
ก็น่าติดตามว่าหาก Binance จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์
บริษัทแห่งนี้จะมีมูลค่าบริษัทมากมายขนาดไหน
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
มีการประเมินกันว่าปัจจุบัน คุณ Changpeng Zhao เป็นมหาเศรษฐี
ที่มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิถึง 6 หมื่นล้านบาท
และสินทรัพย์เกือบทั้งหมดมาจาก “คริปโทเคอร์เรนซี”..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน ล่าสุดมีหมวดคริปโทเคอร์เรนซีแล้ว Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.forbes.com/sites/pamelaambler/2018/02/07/changpeng-zhao-binance-exchange-crypto-cryptocurrency/?sh=7a0e03c71eee
-https://www.forbes.com/profile/changpeng-zhao/?sh=23b0d2f86277
-https://observer.com/2021/03/best-crypto-exchanges/#:~:text=Binance%20is%20the%20world's%20largest,billion%20in%20average%20daily%20volume.
https://www.bloomberg.com/news/features/2021-04-07/binance-ceo-changpeng-zhao-says-i-just-want-to-keep-crypto
-https://cryptotips.eu/en/knowledge-base/changpeng-zhao/
-https://coinmarketcap.com/rankings/exchanges/
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過62萬的網紅Bryan Wee,也在其Youtube影片中提到,...
「best crypto wallet」的推薦目錄:
- 關於best crypto wallet 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於best crypto wallet 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於best crypto wallet 在 王伯達觀點 Facebook
- 關於best crypto wallet 在 Bryan Wee Youtube
- 關於best crypto wallet 在 Travel Thirsty Youtube
- 關於best crypto wallet 在 スキマスイッチ - 「全力少年」Music Video : SUKIMASWITCH / ZENRYOKU SHOUNEN Music Video Youtube
- 關於best crypto wallet 在 Coinbase Learn: How to set up a crypto wallet - YouTube 的評價
best crypto wallet 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
สรุป Crypto Wallet ทุกรูปแบบ ที่นักลงทุนคริปโท ควรรู้จัก /โดย ลงทุนแมน
ช่วงที่ผ่านมา คริปโทเคอร์เรนซี ได้กลายมาเป็นหนึ่งสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุนและนักเก็งกำไร
แน่นอนว่าส่วนใหญ่ หลายคนจะให้ความสนใจกับผลตอบแทนที่หวือหวา
แต่สิ่งที่เรายังต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันเลย ก็คือเรื่องของความปลอดภัย
“Crypto Wallet” เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้เรา
รักษาความปลอดภัยแก่คริปโทเคอร์เรนซีของเราได้
Crypto Wallet คืออะไร
แล้วตอนนี้ มันมีกี่รูปแบบและสำคัญอย่างไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Crypto Wallet แม้จะแปลภาษาไทยตรงตัวว่า “กระเป๋าเงินคริปโทเคอร์เรนซี”
แต่มันไม่ได้มีลักษณะเดียวกันกับกระเป๋าเงินที่เราใช้เก็บธนบัตรหรือเก็บเหรียญเลย
หากเทียบให้เห็นชัด Crypto Wallet ในที่นี้จะเหมือนกับ “กุญแจ” สำหรับเข้าถึงตู้เซฟมากกว่า
โดย Crypto Wallet ก็เรียกได้ว่าเป็นตัวกลางที่ทำให้เราสามารถเข้าไปดูข้อมูลและทำธุรกรรมในบัญชีที่จัดเก็บคริปโทเคอร์เรนซีบนบล็อกเชนได้ นั่นเอง
ซึ่ง Crypto Wallet ประกอบไปด้วย 2 กุญแจ คือ Public Key และ Private Key
โดยทั้งสองประเภท จะเป็นชุดรหัสตัวเลขไม่ซ้ำกัน โดยแต่ละกุญแจก็มีหน้าที่แตกต่างกัน
Public Key หรือ Address เปรียบเสมือนเลขที่บัญชีธนาคารของเรา
โดยเราสามารถให้ Public Key กับคนอื่น
เพื่อที่อีกฝั่งสามารถโอนเงินมาสู่บัญชีของเราได้ถูกต้อง
Private Key ก็ตรงตามชื่อ กุญแจส่วนตัว
โดยเราจะรู้ได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
เพราะมันเปรียบเสมือนรหัสผ่านเข้าบัญชีธนาคารของเรา
ปกติ Private Key จะมีหน้าตาเป็นรหัสยาว ๆ จำยาก น้อยคนที่จะจำได้ เช่น 6bc87f0al58de02e32qc8o35 ส่งผลให้การนำไปใช้งานเป็นเรื่องที่ยาก
ปัจจุบัน จึงได้เกิดเทคนิคใหม่ในการเปลี่ยน Private Key ให้เป็นคำศัพท์ต่อ ๆ กันอย่างน้อย 12 คำ เพื่อที่ผู้ใช้งานจำได้ง่ายขึ้นและไม่ง่ายเกินไปจนคนอื่นเดารหัสได้ถูกต้อง สิ่งนี้เรียกว่า “Seed Phrase” นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น dog apple egg rain smile big eye friend you king boy love
ซึ่งหากมีใครรู้เลข Private Key ของเรา ไม่ว่าใครก็ตาม เขาคนนั้นก็จะสามารถเข้ามาทำธุรกรรมบนบัญชีเราได้
หรือหากเราลืมรหัสเสียเอง คริปโทเคอร์เรนซีที่เก็บไว้ก็จะหายไปในระบบตลอดกาล ไม่สามารถกู้รหัสผ่านเหมือนบัญชีธนาคารได้ เพราะมีเราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้
ดังนั้นการดูแล Private Key จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สำหรับคนที่ลงทุนในวงการคริปโทเคอร์เรนซี
เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้ ในปัจจุบันเกิด Crypto Wallet หลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองการใช้งานต่อนักลงทุนที่ต้องการแตกต่างกัน
โดย Crypto Wallet จะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ Hot Wallet และ Cold Wallet
เริ่มกันที่ “Hot Wallet” คือ Wallet ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเกือบตลอดเวลา
ข้อดีคือ สะดวกต่อการใช้งาน จึงเหมาะกับกลุ่มเทรดเดอร์ที่ต้องเทรดอยู่บ่อยครั้ง
และยังเหมาะแก่การเก็บคริปโทเคอร์เรนซีจำนวนน้อย
แต่เมื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ก็จะมีความเสี่ยงจากการโดนแฮกตามมา รวมถึงไวรัสและมัลแวร์ต่าง ๆ
Hot Wallet ที่นักลงทุนนิยมใช้กันคือ Web Wallet หรือ Wallet บนเว็บไซต์เทรดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วไป
เช่น Bitkub, Binance, Zipmex และ Upbit
โดย Private Key ของเรา จะถูกดูแลโดยเว็บไซต์ที่ให้บริการ
เราเพียงแค่มี Username และรหัสผ่านของเว็บไซต์นั้นก็สามารถใช้งานได้เลย
ซึ่งความเสี่ยงอยู่ตรงนี้ หากเจ้าของบริหารไม่ดี จนคริปโทเคอร์เรนซีบริษัทถูกคนอื่นแฮกเอาไปเหมือนอย่างกรณี Mt. Gox แพลตฟอร์มซื้อขายที่เคยใหญ่สุดในโลก หรือแม้แต่เว็บไซต์เทรดขโมยเงินหนีไปเอง เหมือนอย่างกรณี Thodex แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีตุรกี เราก็จะไม่สามารถตามเงินคืนได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งกับ Mt. Gox และ Thodex
จึงเป็นที่มาของคำว่า “Not Your Keys, Not Your Coins”
หรือแปลเป็นไทยว่า “หากไม่ใช่กุญแจคุณ เหรียญที่คุณมีก็ไม่ใช่ของคุณ”
สะท้อนให้เห็นว่าแม้เราจะมีผู้ดูแลให้ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะปลอดภัย 100%
พูดถึงตรงนี้หลายคนอาจอยากสร้างความปลอดภัยแก่คริปโทเคอร์เรนซีของตัวเองกันมากขึ้น
แต่ก็อยากได้ความสะดวกสบายในการใช้งานที่ง่ายกว่า
จึงเป็นที่มาของ Hot Wallet แบบที่สอง นั่นก็คือ Mobile Wallet เป็นแอปพลิเคชันที่ทำหน้าที่เก็บ Private Key บนโทรศัพท์นั้นเลย ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานอย่างแน่นอน และมีฟังก์ชันให้ Back Up ข้อมูลอีกด้วย
แต่ความปลอดภัยจะขึ้นอยู่กับว่าโทรศัพท์ของเราปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตามก็ยังดีกว่าแบบแรกอย่างมาก
และ Hot Wallet แบบสุดท้ายคือ Desktop Wallet
ซึ่งจะไม่ค่อยแตกต่างจากแบบที่สองนัก เพียงแค่อยู่ในรูปแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ ความรวดเร็วในการใช้งานจึงน้อยกว่าแบบโทรศัพท์
ข้อระมัดระวังของการใช้ Wallet ประเภทนี้ คือ ต้องไม่ลืมว่า Private Key ของเราจะอยู่บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็เคยมีตัวอย่างความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกาเบรียล เอเบ็ด นักธุรกิจ เจ้าของบิตคอยน์ 800 เหรียญ ได้ประสบพบเจอกับปัญหา เพราะไม่สามารถถอนบิตคอยน์มาใช้งานได้ เนื่องจากนำคอมพิวเตอร์ส่วนตัวไปล้างเครื่อง
ดังนั้นหากใครเลือกใช้ Desktop Wallet จึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อม Back Up ข้อมูลคอมพิวเตอร์อยู่ตลอด
ตัวอย่าง Hot Wallet ที่ให้บริการทั้งบนคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ เช่น Atomic Wallet, BitPay และ Exodus
และหาก Wallet ทั้งหมดที่กล่าวมา ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความปลอดภัยได้เพียงพอ
เราก็ยังมีกระเป๋าอีกประเภท คือ “Cold Wallet” หรือที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
ซึ่งความสะดวกในการใช้งานจะลดลง แต่ความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้นสูงมาก
Hardware Wallet อุปกรณ์ที่หน้าตาคล้าย ๆ กับ Flash Drive
เช่น ของแบรนด์ Ledger, Trezor เป็นอีกสิ่งที่นักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีสายจริงจังชอบใช้กัน
เพราะมีความปลอดภัยสูงอันดับต้น ๆ ในบรรดาทุก Wallet
โดย Private Key จะถูกจัดเก็บบน Hardware นั้น ๆ เลย
วิธีใช้งานก็เพียงแค่เราเสียบ Hardware เข้ากับคอมพิวเตอร์
หลังจากนั้นใส่รหัสผ่าน เท่านี้ก็สามารถทำธุรกรรมได้ตามใจ
สำหรับรูปแบบสุดท้ายของ Cold Wallet ก็คือ “กระดาษ”
คนที่ใช้วิธีนี้ส่วนใหญ่มักพิมพ์ Public Key และ Private Key ในรูปของ QR Code
และเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ซึ่งหากต้องการใช้ เพียงแค่สแกนเท่านั้น
แม้ว่าความเสี่ยงที่จะโดนโจรกรรมข้อมูลแทบเป็นศูนย์
แต่การเก็บเป็นกระดาษมักมีปัญหาในการรักษาอยู่เสมอ
ทั้งจากการหลงลืมและเสียหายจากอุบัติเหตุ ที่เราไม่คาดคิด
สเตฟาน โทมัส โปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมัน เป็นหนึ่งในคนที่ประสบปัญหานี้โดยตรง
เขาจด Private Key ลงบนกระดาษ ซึ่งเวลาต่อมามันก็หายไป รวมถึงตัวเองก็จำรหัสไม่ได้
ส่งผลให้เขาต้องสูญเสียบิตคอยน์จำนวน 7,002 เหรียญ
หรือคิดเป็นมูลค่าถึง 10,400 ล้านบาท..
ดังนั้นหากใครสนใจการเก็บรหัสประเภทนี้
ต้องมีความมั่นใจระดับหนึ่งว่า จะสามารถดูแลรักษา Wallet ได้
ไม่ใช่เลือกเพียงแค่เพราะอยากลดต้นทุนเท่านั้น
มาถึงตรงนี้ เราก็สามารถสรุปได้ว่า Crypto Wallet มีมากมายหลายรูปแบบ
ซึ่งก็ไม่มีอันไหนที่ดีหรือแย่ที่สุด ขึ้นอยู่กับสไตล์ของนักลงทุนแต่ละราย
เพราะสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ ไม่แพ้การศึกษาหาความรู้เรื่องสินทรัพย์ที่เราจะลงทุนนั้น
ก็คือเรื่องของ “ความปลอดภัย”
เพราะไม่ว่าเราจะเก่งและสร้างผลตอบแทนได้มากเท่าไร
แต่หากเราประมาทเรื่องความปลอดภัย
เงินที่เราอุตส่าห์หามาได้ มันก็อาจหายไปได้เช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.businessinsider.com/bitcoin-wallet
-https://www.nerdwallet.com/article/investing/best-bitcoin-cryptocurrency-wallet
-https://www.daytrading.com/crypto-wallet
-https://www.efinancethai.com/MoneyStrategist/MoneyStrategistMain.aspx?release=y&id=UEt6YjQya2F0QVU9
-https://www.nytimes.com/2021/01/12/technology/bitcoin-passwords-wallets-fortunes.html
best crypto wallet 在 王伯達觀點 Facebook 八卦
天秤座來了 !
10 天前講到這可能會是穩定幣的正解,既然今天公布內容了,先賣一半 XD
https://www.facebook.com/zuck/posts/10107693323579671
Today, Facebook is coming together with 27 organizations around the world to start the non-profit Libra Association and create a new currency called Libra.
Libra's mission is to create a simple global financial infrastructure that empowers billions of people around the world. It's powered by blockchain technology and the plan is to launch it in 2020. You can read more about the association here: https://libra.org
Being able to use mobile money can have an important positive impact on people's lives because you don't have to always carry cash, which can be insecure, or pay extra fees for transfers. This is especially important for people who don't have access to traditional banks or financial services. Right now, there are around a billion people who don't have a bank account but do have a mobile phone.
We aspire to make it easy for everyone to send and receive money just like you use our apps to instantly share messages and photos. To enable this, Facebook is also launching an independent subsidiary called Calibra that will build services that let you send, spend and save Libra -- starting with a digital wallet that will be available in WhatsApp and Messenger and as a standalone app next year.
Calibra will be regulated like other payment service providers. Any information you share with Calibra will be kept separate from information you share on Facebook. From the beginning, Calibra will let you send Libra to almost anyone with a smartphone at low to no cost. Over time, we hope to offer more services for people and businesses -- like paying bills with the push of a button, buying coffee with the scan of a code, or riding local public transit without needing to carry cash or a metro pass.
In addition to our efforts, many other companies will build their own services using Libra -- from payment companies like Mastercard, PayPal, PayU, Stripe and Visa, to popular services like Booking, eBay, Farfetch, Lyft, Spotify and Uber, to non-profits doing important work around financial inclusion like Kiva, Mercy Corps and Women's World Banking, to companies in the crypto space like Anchorage, Coinbase, Xapo, and Bison Trails. A number of leading Venture firms are also joining to help drive innovation on the Libra network. We're hoping to have over 100 cofounding members of the Libra Association by the time the network launches next year.
All of this is built on blockchain technology. It's decentralized -- meaning it's run by many different organizations instead of just one, making the system fairer overall. It's available to anyone with an internet connection and has low fees and costs. And it's secured by cryptography which helps keep your money safe.
This is an important part of our vision for a privacy-focused social platform -- where you can interact in all the ways you'd want privately, from messaging to secure payments.
Privacy and safety will be built into every step. For example, Calibra will have a dedicated team of experts in risk management focused on preventing people from using Calibra for fraudulent purposes. We'll provide fraud protection so if you lose your Libra coins, we'll offer refunds. We also believe it's important for people to have choices, so you'll have the option to use many other third-party wallets on the Libra network.
There's still a lot more to learn and do before Libra will be ready to officially launch. We know it's a major undertaking and responsibility -- and we're committed to getting this right. We've been working with policymakers and experts in areas like financial inclusion, economics, security, privacy and blockchain, and we'll continue listening to their feedback as we figure out the best way to move forward. We're thankful for their partnership, and for all the businesses, organizations, and academic institutions that are part of the Libra Association.
This is the beginning of an exciting journey and I'm looking forward to sharing more soon.
best crypto wallet 在 Coinbase Learn: How to set up a crypto wallet - YouTube 的八卦
A crypto wallet is a place where you can securely keep your crypto. There are many different types of crypto wallets, but the most popular ... ... <看更多>