ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2 /โดย ลงทุนแมน
“ซิลิคอนแวลลีย์ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นวิธีคิด”
คำกล่าวของ Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn แพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตซิลิคอนแวลลีย์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในแง่สถานที่ ซิลิคอนแวลลีย์ คือ พื้นที่หุบเขาราว ๆ 1,500 ตารางกิโลเมตร บริเวณรอบอ่าวซานฟรานซิสโก ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา
ซิลิคอนแวลลีย์ประกอบไปด้วยเมืองน้อยใหญ่ ที่ล้วนเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเหล่าบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลก โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากคำว่า “ซิลิคอนชิป” ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นหน่วยความจำของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ส่วนในแง่วิธีคิด มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดปลูกฝังการศึกษาด้านอิเล็กทรอนิกส์ให้งอกงาม ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนากระบวนการผลิตนักศึกษาให้เป็นนักธุรกิจ
จนนำมาสู่การก่อตั้งบริษัทไอทีระดับโลกแห่งแรกในซิลิคอนแวลลีย์ คือ Hewlett Packard (HP)
หลังจากนั้น หุบเขาแห่งนี้ก็เบ่งบานไปด้วยบริษัทไอที ดึงดูดนักประดิษฐ์และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีจากทั่วโลก ให้เข้ามาสานฝันให้กลายเป็นความจริง
และเมื่อมี “วิธีคิด” ช่วยส่องสว่าง นวัตกรรมทุกอย่างก็จะมีหนทางไป..
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ซีรีส์บทความ “Branding the Nation” ปั้นแบรนด์ แทนประเทศ
ตอน ทำไม สหรัฐอเมริกา จึงเป็นประเทศแห่ง อุตสาหกรรมไอที ? ตอนที่ 2
ด้วยอาณาบริเวณกว้างใหญ่รอบอ่าวซานฟรานซิสโก ต้นน้ำแห่งนวัตกรรมของซิลิคอนแวลลีย์จึงไม่ได้มีแค่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเท่านั้น
แต่เหนือขึ้นมาราว 50 กิโลเมตร ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก่อตั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และสร้างนักประดิษฐ์ วิศวกร ไปจนถึงผู้ประกอบการชั้นยอดมากมาย มาประดับวงการไอที
หนึ่งในนั้นคือ Fred Moore ผู้ก่อตั้งสมาคมคอมพิวเตอร์โฮมบรูว์ สมาคมที่เป็นสถานที่นัดพบของผู้คลั่งไคล้ในโลกของเทคโนโลยี เป็นที่แลกเปลี่ยนทางความคิด
โดยความปรารถนาสูงสุดของผู้คนในสมาคมนี้ คือการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลขึ้นมาเอง
ในช่วงปี 1975 ที่มีการก่อตั้งสมาคมแห่งนี้
ความสำเร็จของการประดิษฐ์ “ไมโครโพรเซสเซอร์” ที่ย่อส่วนแผงวงจรรวมจำนวนมากเข้ามาอยู่ด้วยกันในชิปขนาดเล็ก
ทำให้ขนาดของเครื่องคอมพิวเตอร์จากที่มีขนาดใหญ่โตเท่าห้อง มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ ราคาก็ถูกลงเรื่อย ๆ และด้วยหน่วยความจำที่มากขึ้น ความสามารถในการทำงานจึงสูงขึ้นและรวดเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ
Steve Wozniak นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ชักชวนเพื่อนสมัยมัธยมที่ชื่อ Steve Jobs ให้มาเข้าร่วมสมาคมคอมพิวเตอร์แห่งนี้..
Steve Wozniak เป็นผู้คลั่งไคล้ในวิศวกรรมและมีความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เคยทำงานให้กับ Hewlett Packard
ส่วน Steve Jobs เป็นผู้มีหัวการค้า มีนิสัยกล้าคิดกล้าทำ เขาเคยทำงานให้กับบริษัทสร้างวิดีโอเกมชื่อ Atari และเคยทำงานในช่วงฤดูร้อนให้กับ Hewlett Packard ด้วยเช่นกัน
Wozniak ได้นำความรู้และประสบการณ์มาทดลองออกแบบคอมพิวเตอร์ด้วยแนวทางของตัวเอง โดยใช้ชิปเท่าที่จะหาได้ มาประกอบกับคีย์บอร์ด QWERTY และมีจอโทรทัศน์เป็นเครื่องแสดงผลในช่วงแรกเริ่ม
และเมื่อออกมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Jobs ก็เป็นผู้เสนอความคิดให้ลองนำสิ่งประดิษฐ์นี้ออกวางขายในเวลาต่อมา
ผลงานการประดิษฐ์ชิ้นนั้นของ Wozniak ถือเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นแรก ๆ ของโลก เครื่องคอมพิวเตอร์นี้ถูกตั้งชื่อต่อมาว่า “Apple I”
สิ่งสำคัญไม่แพ้การสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาก็คือ “เสรีภาพทางความคิด”
ซิลิคอนแวลลีย์ มีสมาคมมากมายที่เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนทางความคิด นำเสนอไอเดีย จึงกลายเป็นวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำ และเติบโตไปบนหนทางสร้างสรรค์ที่ตัวเองตั้งใจ
คอมพิวเตอร์ของ Wozniak ก็ถูกนำเสนอแก่สายตาสมาชิกในสมาคมโฮมบรูว์ในช่วงปลายปี 1975 ซึ่งหนึ่งในผู้เข้ามาร่วมชม คือ เจ้าของร้าน The Byte Shop ร้านขายของเบ็ดเตล็ดและอุปกรณ์ไอที
ที่เกิดความประทับใจกับคอมพิวเตอร์ชิ้นนี้มาก จึงได้สั่งซื้อคอมพิวเตอร์นี้ถึง 50 เครื่อง
แล้วก้าวแรกของบริษัท Apple ก็เริ่มต้นขึ้นในเมืองคูเปอร์ติโน ทางตอนใต้ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในอีก 1 ปีถัดมา..
ใครจะไปเชื่อว่า จากบริษัทเล็ก ๆ ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยี 2 คน
ในปี 1980 หลังการก่อตั้งเพียง 4 ปี บริษัทสามารถเติบโตจนเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในฐานะบริษัทมหาชนได้สำเร็จ และได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ในตอนนี้..
เมื่อมีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแล้ว อีกหนึ่งก้าวสำคัญของซิลิคอนแวลลีย์ ก็เกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970s
นั่นก็คือ จุดเริ่มต้นของ “อินเทอร์เน็ต”
เมื่อบริษัทไอที ชื่อ Xerox ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยในเมืองพาโล อัลโต ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ชื่อว่า Xerox Palo Alto Research Center หรือ Xerox PARC
Xerox PARC ได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีเชื่อมต่อ จากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ในยุคแรกที่มีชื่อว่า ระบบอีเทอร์เน็ต (Ethernet)
อีเทอร์เน็ต ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1973 โดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเครื่องพิมพ์ ผ่านเครือข่ายบริเวณระยะใกล้ หรือเครือข่าย LAN (Local Area Network)
ต่อมาในปี 1978 Vint Cerf ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ร่วมมือกับ Bob Kahn พัฒนาโพรโทคอล TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
ซึ่งโพรโทคอลที่ว่านี้ คือชุดของขั้นตอนและกฎระเบียบ ทำให้ภายในชุดกฎระเบียบเดียวกัน ทั้ง 2 เครื่องจะสามารถเข้าใจระบบของกันและกัน และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้
โดยเฉพาะเลข Internet Protocol (IP) ที่เป็นการปูรากฐานให้กับโลกของอินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตจะต้องมีเลขนี้ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ บนระบบเครือข่ายรู้จักกัน โดย IP จะระบุว่า เครือข่ายต่าง ๆ ควรเชื่อมโยงกันอย่างไร
เมื่อโลกอินเทอร์เน็ตถูกปูรากฐาน ต่อมาในยุค 1980s ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น
Doug Engelbart นักวิจัยจากสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด ได้มาทำงานให้ PARC และได้พัฒนาระบบส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ หรือ Graphic User Interface (GUI)
จากคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ ที่ใช้งานยากและต้องใช้งานผ่านตัวอักษร
ระบบ GUI ได้เข้ามาช่วยเปลี่ยนการใช้งานให้ง่ายขึ้นผ่านทางสัญลักษณ์หรือภาพ เช่น ไอคอน หน้าต่างการใช้งาน เมนู ปุ่มเลือก รวมถึงการพัฒนา “ตัวชี้ตำแหน่ง X-Y” ซึ่งต่อมาก็คือ “เมาส์”
ทั้งระบบ GUI และเมาส์นี่เอง ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ Steve Jobs นำสิ่งเหล่านี้มาพัฒนาและเกิดเป็น “Macintosh” ในปี 1984 ซึ่งถือเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรก ๆ ที่มีการออกแบบอย่างเข้าใจผู้ใช้งาน
ในเวลานี้ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ครัวเรือนชาวอเมริกันที่ครอบครองคอมพิวเตอร์เพิ่มจากร้อยละ 5 ในช่วงต้นทศวรรษ 1980s
มาเป็นร้อยละ 20 ในปี 1989
โลกอินเทอร์เน็ตถูกเชื่อมโยงเข้ากับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และเปิดทางให้เกิดการพัฒนา World Wide Web ในช่วงปี 1989 ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเมื่อ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัย CERN ในสวิตเซอร์แลนด์ ต้องการส่งข้อมูลให้กับเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
World Wide Web, WWW คือ ระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จากแหล่งข้อมูลหนึ่ง ไปยังแหล่งข้อมูลที่อยู่ห่างไกลทั่วโลก ให้มีความง่ายต่อการใช้งานมากที่สุด
โดยผ่านซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า “เบราว์เซอร์”
แล้ว “สาธารณชน” ในยุค 1990s ก็เข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก!
สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศที่มีผู้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตสัดส่วนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ในปี 1996 มีชาวอเมริกันเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงถึงร้อยละ 16
ในขณะที่หลายประเทศในยุโรปตะวันตกยังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไม่ถึงร้อยละ 5
การเกิดขึ้นของ World Wide Web ทำให้ย่านซิลิคอนแวลลีย์เริ่มคึกคักไปด้วยบริษัทที่มีโมเดลทำรายได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ถูกมองว่าเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต ขึ้นมามากมาย
และสิ่งสำคัญที่สุด ที่มีมาตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทไอทีในยุค 1950s คือ ธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ Venture Capital ดึงดูดให้บริษัทสตาร์ตอัปมากมาย หลั่งไหลเข้ามาใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบเหล่านี้
นักศึกษาปริญญาเอกสาขาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2 คน
คือ Larry Page และ Sergey Brin ได้ร่วมกันพัฒนาโปรแกรมสำหรับใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในรูปแบบของ Search Engine
โดยใช้การทำงานของ Robot ที่ชื่อว่า Spider ซึ่งเป็นตัวสำรวจข้อมูล เมื่อพบข้อมูลที่ต้องการก็จะส่งข้อมูลไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทาง
ปี 1998 ทั้ง 2 คน ได้ตั้งบริษัทที่ชื่อว่า “Google” ในเมืองเมนโลพาร์ก และ IPO เข้าสู่ตลาดหุ้นในอีก 5 ปีถัดมา
แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับบริษัท Apple เพราะอีก 20 ปีต่อมา บริษัท Google ที่เปลี่ยนชื่อเป็น Alphabet ก็ได้กลายมาเป็น บริษัทที่มีมูลค่าเป็นอันดับ 5 ของโลก..
แม้ความรุ่งเรืองจากการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต จะพาซิลิคอนแวลลีย์เข้าสู่การเติบโตที่รวดเร็วเกินไปจนเกิดวิกฤติฟองสบู่ดอตคอมในช่วงก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 จนสร้างความเสียหายหลายบริษัทและนักลงทุนในตลาดหุ้นจำนวนมาก
แต่อย่างไรก็ตาม วิกฤติครั้งนั้น ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการพัฒนาของเทคโนโลยี ณ หุบเขาแห่งนี้ได้
หลังจากวิกฤติไม่นาน ก็มีการพัฒนาระบบ IPv6 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน IP ช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น นอกเหนือจากเครื่องคอมพิวเตอร์
ซึ่งปูทางมาถึงการเกิดขึ้นของ “สมาร์ตโฟน” โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถในการใช้งานมัลติมีเดีย และเชื่อมต่อเข้ากับโลกอินเทอร์เน็ตอย่างไร้รอยต่อ ด้วยระบบ IPv6
หนึ่งในสมาร์ตโฟนที่โดดเด่นที่สุดก็คือ iPhone จากบริษัท Apple ที่เปิดตัวในปี 2007
เช่นเดียวกับ Google ที่ได้เข้าซื้อบริษัท Android และเปิดตัวโทรศัพท์แอนดรอยด์ในปี 2008
และทั้งสองก็แข่งขันกันพัฒนาระบบปฏิบัติการของตัวเอง
เมื่อผู้คนเริ่มใช้สมาร์ตโฟนมากขึ้น นำมาสู่การเกิดขึ้นของ “Application” ซอฟต์แวร์ที่ใช้เพื่อช่วยการทำงานต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน
โดยแอปพลิเคชัน จะมีส่วนที่ติดต่อกับผู้ใช้ (User Interface) หรือ UI เพื่อเป็นตัวกลางในการใช้งานให้ราบรื่น
และด้วยความที่ซิลิคอนแวลลีย์เต็มไปด้วย Venture Capital ที่คอยให้เงินทุนสนับสนุนไอเดียล้ำ ๆ
หุบเขาแห่งนี้ จึงยังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดบริษัทใหม่มากมาย โดยเฉพาะบริษัทที่จะมาสร้างสรรค์เครือข่ายสังคมออนไลน์..
ปี 2003 LinkedIn เกิดแพลตฟอร์มเครือข่ายธุรกิจในการหางานและผู้ร่วมงาน
ก่อตั้งโดย Reid Garrett Hoffman วิศวกรที่เคยทำงานให้กับ Apple
ปี 2004 เกิด Facebook เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก
ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการคิดค้นวิธีการเชื่อมผู้คนในรูปแบบใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ของ Mark Zuckerberg พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน
ปี 2006 หลังออกจากมหาวิทยาลัย Jack Dorsey พร้อมกับเพื่อนอีก 3 คน
ได้ก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ประเภท Microblog ที่แสดงข้อความสั้น ๆ ความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร
โดยคิดค้นชื่อที่มาจากคำว่า Tweet ซึ่งแปลว่าเสียงนกร้อง Logo ของบริษัทจึงเป็นรูปนก และบริษัทนี้มีชื่อว่า Twitter
ปี 2009 เกิด WhatsApp แอปพลิเคชันในการติดต่อสื่อสารด้วยข้อความ ก่อตั้งโดย Jan Koum โปรแกรมเมอร์ที่เห็นประโยชน์จากการเกิดขึ้นของสมาร์ตโฟน
บริษัททั้งหมดล้วนมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในซิลิคอนแวลลีย์
หุบเขาแห่งเทคโนโลยีแห่งนี้ยังคงดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เข้าไปเติมเต็มความฝัน เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ไอทีที่ไฮเทคขึ้นเรื่อย ๆ
และเปลี่ยนแปลงมาสู่โลกของเครือข่ายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตและเชื่อมต่อกันและกัน หรือเรียกว่า “Internet of Things” ที่จะเข้ามามีบทบาทในทุกย่างก้าวของชีวิต
ความสำเร็จของอุตสาหกรรมไอทีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจของโลก ล้วนมีที่มาจากหลายปัจจัย
ทั้งระบบการศึกษาที่เข้มแข็ง ที่สร้างองค์ความรู้และช่วยวางรากฐานสู่โลกธุรกิจ
วัฒนธรรมแห่งเสรีภาพ ที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่กล้าคิดกล้าทำเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
แหล่งเงินทุน ที่เข้าถึงง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ
และเครือข่ายผู้คิดค้นนวัตกรรมที่เติมเต็มความฝันต่อยอดกันไปไม่รู้จบ
หากถามว่า อิทธิพลทางเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกาจะคงอยู่อีกนานแค่ไหน ?
เมื่อไรที่มนุษย์จะหยุดฝัน เมื่อนั้นอาจเป็นคำตอบ..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-มิเชลล์ ควินน์, เมื่อซิลิคอนแวลลีย์เติบใหญ่ นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562
-https://www.parc.com/about-parc/parc-history/
-https://www.internetsociety.org/wp-content/uploads/2017/09/ISOC-History-of-the-Internet_1997.pdf
-https://searchnetworking.techtarget.com/definition/TCP-IP
-https://www.lifewire.com/transmission-control-protocol-and-internet-protocol-816255
-https://tradingeconomics.com/united-states/personal-computers-per-100-people-wb-data.html
-https://www.businessinsider.com.au/highest-valued-public-companies-apple-aramco-biggest-market-cap-2020-1
-https://www.forbes.com/profile/reid-hoffman/#5f276ca61849
-http://startitup.in.th/the-rags-to-rich-jan-koum-whatsapp-co-founder-startup-story/
-https://www.set.or.th/set/enterprise/html.do?name=vc
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過1萬的網紅Wenwen Stokes,也在其Youtube影片中提到,Hey guys! Back with part 2 of my pre-birthday haul! This has to be one of my favourite hauls in a while. I've become inspired again after being away f...
「alphabet logo」的推薦目錄:
- 關於alphabet logo 在 ลงทุนแมน Facebook
- 關於alphabet logo 在 文茜的世界周報 Sisy's World News Facebook
- 關於alphabet logo 在 范疇文集 Facebook
- 關於alphabet logo 在 Wenwen Stokes Youtube
- 關於alphabet logo 在 DroidSans Youtube
- 關於alphabet logo 在 110 ALPHABET LOGO ideas in 2021 - Pinterest 的評價
- 關於alphabet logo 在 Letter A logo design tutorial. How to design an alphabet logo ... 的評價
alphabet logo 在 文茜的世界周報 Sisy's World News Facebook 八卦
《文茜的世界周報》
【川普經濟學發威 胡蘿蔔與棒子齊下 股匯市迭創新高 外國企業爭捧銀子投資 本土企業暫停外移並考慮返鄉設廠】
12月6號一早,在川普大樓內忙於挑選內閣的川普,主動下樓告訴媒體,今日有貴客來訪,臉上還浮現一抹神秘微笑。「一切都好嗎?今天會有一位大人物來訪,你們會見到他的,」美國總統當選人川普。
幾小時後答案揭曉,日本軟銀董事長孫正義上樓會見川普,談了45分鐘後兩人一同下樓,美國總統當選人送客也向媒體報喜,日本大人物送來厚禮,讓他「找回就業」的競選支票,又兌現了一張,「這位是來自日本軟體銀行的正,他已經同意要投資美國500億美金,創造5萬個工作機會,他是產業界偉人之一,因此我想要非常感謝他,」川普說。
軟銀捧重金投資美國,公司股價當日勁揚6.2%,孫正義告訴記者,他可能投資美國新創企業,由於軟銀這大筆銀彈,來自與沙烏地阿拉伯主權財富基金,聯合設立的科技基金,市場於是高度揣測,孫正義的最大目標是企業收購,因為軟銀2013年,入主全美第四大電信業者Sprint成為最大股東後,又想吃下第三大的T-mobile,挑戰美國電信龍頭地位,卻被美國監管單位擋下而作罷,如今說要放寬限制促進投資的川普當選,讓孫正義的合併大夢希望再現。
「他不像政治人物,只是講講而已,我認為川普會真的去實踐,看來美國在各方面的規範會有所放寬,我認為美國有機會,再次成為貿易強國,」孫正義說。孫正義其實透露了點玄機,在他見完川普,主動向媒體展示的投資計畫書裡,富士康公司Logo在上頭並列,且還額外提到70億美元投資,和5萬個新增工作機會,在川普頻頻要求美國製作業回流之際,蘋果最大代工廠富士康7號發表聲明,確實正考慮擴大美國業務。
上周,川普才剛拿下挽救美國失業的首場勝利,成功說服冷氣大廠開利,留下計畫移往墨西哥的印地安納州生產線,週末他又上推特警告,企業若將海外代工產品回售美國,將課徵35%關稅,莫非iPhone真要因此重回美國製造。「我會要蘋果在我們國家,製造那些該死的電腦,而絕非國外,」時任共和黨總統參選人的川普說。
華爾街日報分析,iPhone小部份生產回流或許可能,但礙於美國勞動成本和供應鏈問題,生產線不太可能大規模遷回,倒是富士康在維吉尼亞和印地安納州均有設廠,負責生產桌上型電腦和物流配送,要擴大在美投資,從既有業務增新擴舊可行性較高,先有孫正義、後有郭台銘,川普經濟學對外企的誘因在哪。「根據我的計畫,我們要把企業稅從35%調降至15%,」時任共和黨總統候選人的川普說。
川普不但要把企業稅,一口氣降至G20經濟體中最低,還將用一次性的優惠稅率10%,鼓勵美國企業把海外獲利匯回,減稅連同擴大基礎建設和解除金融監管,正是他近期獲華爾街歡呼的原因。
截至周五為止,自川普當選以來,道瓊已上漲了一千四百多點,三大指數不但市值增加逾一兆美元,本周更創下大選後的最大單周漲幅,選前那些曾對川普新政,指教不斷的美國投資大亨們,不乏獲利的受惠者。
巴菲特就是其一,他的波克夏控股公司,在川普當選後繳出6年來最亮眼的股價,因為波克夏投資項目廣泛,從電力汽車到鐵路,全拜川普新政所賜價格悉數上漲,讓波克夏本周市值一舉突破4千億美金,成為蘋果Alphabet、微軟之後,全美市值第四大的公司,川普經濟學創造了川普行情,帶來了投資貴客孫正義和郭台銘後,下一個湧向美國懷抱的又會是誰呢?
alphabet logo 在 范疇文集 Facebook 八卦
買 TWA 商標 – 談華航改名
作為曾經有十幾年品牌顧問經驗的商務人士,這幾年來我一直在倡議,任何有關「台灣正名」或國家定位的議題,大家不妨從「品牌」的角度切入思考。道理很簡單,「品牌」的價值雖然在傳統的國際秩序中比不上「主權」的價值,但經過近十年來的世界變局,實務上「品牌」的作用已經趨近於「主權」的作用,有時甚至可超過。
我常舉兩個例子。「麥當勞」(McDonald‘s)這個品牌,即使改賣燒餅油條豆漿,其成功率也遠遠大於重新創立一個新的燒餅油條豆漿品牌。其二,Google 這個品牌下的業務若被禁止三個月,其對地球的衝擊力道,遠遠大於美國聯邦政府業務停擺三個月。
回到華航改名的問題。改名不是為了讓台灣自己看得爽,而是為了讓世界看。因此,「中華航空」這四個方塊字(漢字)改不改,沒那麼重要,即使方塊字部份改為「台灣航空」,也只是自己爽而已,因為國際上根本不知道你改了名。
要改的是英文部份 -「China Airlines」。既然如此,那就得用英文的習慣原則思考。最讓台灣自己爽的,當然就是直接把這家公司的法人名字 改為「Taiwan Airlines」,然後在機身改漆上「台灣航空」和「Taiwan Airlines」大字。但這牽涉到龐大、困難的航空條約、航線、機場重新定約的政治困難以及業務量。很多人還不知道,今天的「China Airlines」所取得的航權航約、航線、機場權約,不少是透過歷史遺留的各種不正規的中間渠道、私人關係才得以維持的,不少國家政府的相關單位不過是循著「蕭規曹隨」的原則不生事而已。更動法人名稱,就要重新註冊、重新談判,而所有尚存的不正規關係都會被掀開,航權、航約、航線的損失是必然且不可控的。
在這情況下,就凸顯出「品牌」這概念的重要性了。法人名稱更改牽涉到所有的法務,而品牌更改及增刪,卻不必。法人名稱和品牌,不可混為一談。再以「Google」 為例,它的法人名稱是「Alphabet」, 世界上幾乎每個人都知道「Google」是幹什麼的,但多少人聽過 「Alphabet Inc.」?你可以現在就上網進入“Google.com” 的頁面,上面沒有告訴你它的母公司叫Alphabet,根本沒這個必要。
好消息是,在全球的機場和訂票系統上,台灣的英文代碼都是「TWN」,已經不需要煩惱。反而,更改法人名稱,搞不好還會在這代碼層次上惹出新問題。
機身上的名字呢?總不能變成「China Airlines(Taiwan)」吧,那不越描越黑了?當然,在切割了法人概念和品牌概念之後,「China Airlines」這個法人去世界各國申請一個「Taiwan Airlines」的商標,也可解決問題。但是,我懷疑這樣行得通,因為,你想得到的,通常你的對手早就想到了。商標註冊,是有先來後到的。
建議一個辦法。China Airlines以法人身份,趕緊去買下「TWA」這個商標。TWA(Trans World Airlines)原是全球響當當的航空公司,1930年創於美國,於2001年破產,被American Airlines(AA,美國航空公司)收購。AA曾經一度想恢復使用TWA商標,但後來完全放棄此想。
TWA 商標對AA公司,現在只是法務室中的一個擺設,資產表上的一項可有可無的雞肋,但這三個英文字母正好等於 – Taiwan Airlines 的英文縮寫。商標買來,伴應的Logo 愛怎麼設計就怎麼設計,沒人管得著,成為「TW.A」 或「TW-A」或 「TaiWan Airlines」都無不可,或就維持原有的「TWA」。別忘記,這可是一個世界各國有著100年記憶的航空公司品牌啊,當年被航空業稱為「航空產業中的瑪麗蓮夢露」。
誰說麥當勞一定得賣漢堡呢?誰說賣漢堡的一定得叫麥當勞呢?只要將「主權」與「品牌」切割處理,只要將「法人」與「品牌」概念分開,路是一定有的,只是該轉彎了。一通百通,中華民國憲法裡並沒有規定英文名字啊,「Republic of China」只是一個被使用過但後來不被承認的慣用符號罷了。在國際上還沒有共識之前,先按照英文習慣一律縮寫為「ROC」有何不可?再進一步想,按照英文發音原則,「ROC」可以唸成兩音節的「ROCK」,誰說一定要唸成「R-O-C」三個字母呢?
世界上不是只有法學精深,品牌學和符號學也一樣精深。條條大路通羅馬,但條條小路多繞幾個彎也一樣通羅馬。梯子若不分成幾段,那肯定是短梯,爬不高的。
(本文原刊於 2020-04-26 蘋果日報)
alphabet logo 在 Wenwen Stokes Youtube 的評價
Hey guys!
Back with part 2 of my pre-birthday haul! This has to be one of my favourite hauls in a while. I've become inspired again after being away from London for a few months, i'm so excited to see whats in store!
I know i mentioned that my next video will be a Balenciaga collection, however, i think i will film my birthday haul and some bargain shopping i've scored recently first, and then the Balenciaga collection video after. Hope thats okay!
Meanwhile, check out my instagram @wenwenstokes
EDIT; realised post upload that in the video i said John Paul Gaultier for the Dior shirt, i meant John Galliano .
My last handbag haul (5 designer handbags); https://bit.ly/2QfcBjY
Items mentioned in haul:
Fendi orange earrings: https://bit.ly/2IDQz68
Fendi sequin top: https://bit.ly/2xsjWG8
Gucci disney hoodie: https://on.gucci.com/38OLuSZ
Louis Vuitton globe pochette: https://bit.ly/33fAAEN
Dior mens newspaper shirt: https://bit.ly/3aQg7ZT
Loewe gold logo sunglasses: https://bit.ly/38MbIWu
Loewe pink elephant phone case: https://bit.ly/2TT7jeI
Bottega Veneta purple/blue mules: https://bit.ly/2W5AIFh
Balenciaga green jacket: Unfortunately not online
Balenciaga green earrings: https://bit.ly/3cVpaKI
Retrofete alphabet earrings: https://bit.ly/33h7uov
Jiwinaia earrings: Sold out, but here is their website https://jiwinaia.com/
Lanvin babar elephant cardigan: https://bit.ly/2w4fxJh
Lanvin babar elephant silk scarf: https://bit.ly/2Q9K9A2
alphabet logo 在 DroidSans Youtube 的評價
เดือนกันยานแบบนี้ถือเป็นช่วงเวลาดีที่ทาง Google จะออกมาปรับ เปลี่ยนสิ่งใหม่ๆ ซึ่งหลังจากที่ Google ประกาศปรับโครงสร้างบริษัทภายใต้บริษัทแม่อย่าง Alphabet แล้วทาง Google ก็ได้ประกาศเปลี่ยนโลโก้ของบริษัทใหม่ด้วย ส่วนที่มาของโลโก้นี้จะพัฒนามาอย่างไร และสีทั้ง 4บนโลโก้นั้นจะสื่อถึงอะไรลองมาหาคำตอบกันได้จากคลิปนี้เลยค่ะ :]
alphabet logo 在 110 ALPHABET LOGO ideas in 2021 - Pinterest 的八卦
Oct 13, 2021 - Explore Puree Hongsapan's board "ALPHABET LOGO" on Pinterest. See more ideas about typography design, logo design, graphic design. ... <看更多>