“Save Ralph” กระต่าย ที่เขย่าวงการ เครื่องสำอางทั่วโลก /โดย ลงทุนแมน
เมื่อไม่นานมานี้ หลายคนอาจได้เห็นแอนิเมชันกระต่ายตาบอดตัวหนึ่ง
ที่สร้างความฮือฮาผ่านสื่อโซเชียลมากมาย ทั้งยูทูบ เฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ก็ตาม
โดยเจ้ากระต่ายที่น่าสงสารตัวนี้มีชื่อว่า “ราล์ฟ”
แล้วทำไมกระต่ายตัวนี้จึงกลายเป็นที่พูดถึงในสังคมออนไลน์
และมีความสำคัญอย่างไรต่อวงการธุรกิจเครื่องสำอาง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา แอนิเมชันเรื่อง Save Ralph ถูกปล่อยลงยูทูบ
โดยองค์กรที่ชื่อว่า Humane Society International หรือ HSI
ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรพิทักษ์สัตว์โลก
หากอ้างอิงจากรายงานประจำปี 2020 ของ HSI
องค์กรแห่งนี้ ได้รับเงินบริจาคราว 960 ล้านบาท ซึ่งองค์กรก็ได้นำเงิน
ที่ได้รับมา ไปกระจายเพื่อรณรงค์เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ทั่วโลก
ตั้งแต่สัตว์เลี้ยง, สัตว์ป่า, ฟาร์มสัตว์ ไปจนถึงสัตว์สำหรับการทดลอง
ผลงานที่เคยทำก็มีเรื่องการห้ามใช้ขนสัตว์มาทำเสื้อผ้าสำหรับสหรัฐอเมริกาและยุโรป
เนื่องจากมีสัตว์ประเภทสุนัขจิ้งจอกและมิงก์ถูกฆ่าประมาณ 100 ล้านตัวต่อปี
ซึ่ง HSI ก็ประสบความสำเร็จในการลดความต้องการของผู้บริโภคลงได้ในที่สุด
จึงนำไปสู่การรณรงค์เรื่องต่าง ๆ ตามมา
หนึ่งในแคมเปนที่เกิดขึ้นต่อมาก็คือ แอนิเมชัน Save Ralph ที่ได้ถ่ายทอดให้เห็นถึงความโหดร้าย
จากการใช้สัตว์ทดลองเพื่อรณรงค์ให้บริษัทเครื่องสำอางต่าง ๆ หยุดการนำสัตว์มาทดลอง
โดยเนื้อหาของ Save Ralph ถูกถ่ายทอดให้เห็นจากชีวิตของกระต่ายทดลอง
หรือเจ้าราล์ฟ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
ว่าในแต่ละวันต้องเจอกับเหตุการณ์อะไรบ้าง
จากการเป็นสัตว์ทดลองสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมนี้
เช่น การโดนโกนขนเพื่อทดสอบว่าผลิตภัณฑ์ส่งผลแพ้ต่อผิวหนังหรือไม่
หรือกระทั่งการทดสอบผ่านการหยอดสารเคมีลงที่ตา
รวมถึงนำสัตว์มาทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยไม่ได้รักษา
ด้วยการทดลองแบบนี้จึงส่งผลให้กระต่ายจำนวนมากต้องพิการหรือไม่ก็เสียชีวิตลงในที่สุด
จากข้อมูล Cruelty Free International หรือกลุ่มรณรงค์การทดลองกับสัตว์
กล่าวว่าในแต่ละปี มีสัตว์ประมาณ 500,000 ตัว ซึ่งรวมถึงหนูและสุนัข
ที่เจอชะตากรรมเดียวกันกับกระต่าย
หลังจากที่เผยแพร่แอนิเมชันไปได้ไม่นาน
ผู้บริโภคหลายคนเริ่มพากันแบนแบรนด์สินค้าที่ยังคงทดลองกับสัตว์ โดยตรวจสอบชื่อแบรนด์สินค้าผ่านทางเว็บไซต์ Cruelty-Free Kitty
จากเรื่องนี้ หลายคนคงมีคำถามขึ้นในใจว่า
แล้วทำไมเรายังต้องมีสัตว์ทดลอง ?
เรามาดูอีกมุมหนึ่งของผู้บริโภคบางส่วน รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผลิตเครื่องสำอาง
ซึ่งบอกว่าแอนิเมชันเรื่องนี้เกินจริงไป เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองสัตว์ก็ค่อนข้างเข้มงวด ยากที่จะทารุณกรรมสัตว์ได้ และยังมองว่าเป็นเรื่องปกติที่สัตว์จะต้องทดลองก่อนการใช้จริงในมนุษย์
ยกตัวอย่างเช่น สินค้าบางประเภทที่มีบทวิจัยรองรับอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะสามารถข้ามขั้นตอนการนำสัตว์มาทดลองได้เลย ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่ถูกวิจัยและพัฒนาขึ้นมาใหม่
ยังอาจมีความจำเป็นที่ต้องมีกระบวนการทดลองในสัตว์ก่อนที่จะถึงมือมนุษย์
นั่นก็เพราะว่าการทดสอบด้วยวิธีอื่น อาจได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่ากับการทดลองใช้สัตว์จริง
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องใช้สัตว์ทดลองควบคู่กันไปด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความปลอดภัยสำหรับมนุษย์ที่จะนำสินค้าดังกล่าวไปใช้งาน
นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็นหนึ่ง ที่เกี่ยวกับประเทศจีน
รู้หรือไม่ว่า
ก่อนหน้านี้หลายแบรนด์ยกเลิกการทดลองกับสัตว์ไปแล้ว แต่เนื่องจากประเทศจีนยังมีกฎหมายว่าสินค้าประเภทเครื่องสำอาง ยังต้องผ่านการทดลองจากสัตว์ก่อน ถึงจะสามารถจัดจำหน่ายได้ในประเทศจีน
ทำให้หลายแบรนด์จึงต้องยอมให้นำสัตว์กลับมาทดลองอีกครั้ง เพราะโอกาสทางธุรกิจในประเทศจีนมีมูลค่ามหาศาล
อย่างไรก็ตามเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา PETA หรือองค์กรพิทักษ์สัตว์ ก็ได้รายงานว่าทางการจีนอนุญาตให้แบรนด์เครื่องสำอางต่าง ๆ สามารถเข้ามาในประเทศโดยไม่จำเป็นต้องทดลองกับสัตว์
ซึ่งกฎระเบียบใหม่นี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคม ที่กำลังจะถึงนี้
Save Ralph ก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่น่าสนใจ
เพราะจริง ๆ แล้ว เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้
ที่ผู้บริโภคได้รุมกันแบนแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นและอุปกรณ์กีฬาที่ถูกผลิตขึ้นจากฝ้ายในซินเจียง ถิ่นที่อยู่ของชาวอุยกูร์ ที่ถูกรัฐบาลจีนควบคุมอยู่
ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือ แบรนด์สินค้าไม่ว่าจะเป็น H&M, Nike, Adidas หรือ Uniqlo
จำเป็นที่จะต้องเลือกระหว่าง ผลประโยชน์กับอุดมการณ์
หรือแม้แต่สารคดี Seaspiracy บน Netflix ก็กลายมาเป็นอีกประเด็นที่ทำให้สังคมถกเถียงกันเรื่องอุตสาหกรรมการประมงและสิ่งแวดล้อม
ในขณะที่ แอนิเมชัน Save Ralph ก็ดูเหมือนจะเป็นตัวกระตุ้นสำคัญ ที่ทำให้แบรนด์เครื่องสำอางต้องมาคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรกับสินค้าของตนเอง
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ในยุคปัจจุบันเราเริ่มให้ความสนใจกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ลึกขึ้น..
จากเดิมที่เราอาจจะสนใจเพียงแค่ราคาหรือสรรพคุณของสินค้า จนวันนี้ เราเริ่มมาถกเถียงกันเรื่อง
ขั้นตอนในการผลิตสินค้า รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การทารุณกรรมต่อสัตว์ ความไม่เท่าเทียมกันต่อมนุษย์
แน่นอนว่าในหลาย ๆ เรื่องก็จะมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและผู้ที่ไม่เห็นด้วย
ซึ่งมันก็น่าจะกลายมาเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของธุรกิจ ที่ต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ ที่ตอบโจทย์ไม่ใช่แค่ผู้ใช้งาน แต่ต้องตอบโจทย์อุดมการณ์ ความถูกต้อง และกระแสสังคมไปพร้อม ๆ กัน..
สำหรับใครยังไม่ได้รับชมแอนิเมชัน Save Ralph
สามารถดูได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=G393z8s8nFY
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.crueltyfreeinternational.org/which-animals-are-used-cosmetics-tests
-https://www.youtube.com/watch?v=G393z8s8nFY
-https://www.peta.org/media/news-releases/china-announces-new-animal-testing-policy-for-cosmetics-after-peta-push/#:~:text=%E2%80%93%20Following%20a%20sustained%20PETA%20effort,without%20being%20tested%20on%20animals.
-https://www.peta.org/blog/new-cruelty-free-china-regulation/
-https://www.hsi.org/wp-content/uploads/2020/04/HSI_AR19_LRz_Single.pdf
同時也有8部Youtube影片,追蹤數超過60萬的網紅Benjamin Tran,也在其Youtube影片中提到,In this video I will show you guys a very detailed look into my personally 5 types of shoes every guy should own. Hope you guys enjoy. _______________...
adidas th 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
จาก D&G สู่ NIKE เมื่อแบรนด์ต้องเลือกระหว่าง “อุดมการณ์” หรือ “ผลประโยชน์” / โดย ลงทุนแมน
“เราจะบอกคนทั้งโลกว่าประเทศจีนมันห่วย และขอให้รู้ไว้เลยว่าเราอยู่ได้โดยที่ไม่มีพวกคุณ”
ประโยคดังกล่าวถูกพิมพ์ขึ้นโดยเจ้าของแบรนด์หรู Dolce & Gabbana สัญชาติอิตาลี เมื่อราว 2 ปีก่อน จนถูกแบนจากชาวจีนจนถึงทุกวันนี้
และเมื่อไม่นานมานี้ ก็ได้มีเรื่องราวในลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีกครั้ง กับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Nike, Zara, Gap, Uniqlo และ H&M ที่มีแนวโน้มว่าอาจจะถูกแบน และมีโอกาสจะได้รับผลกระทบมหาศาล
สิ่งที่ต่างกันระหว่างสองเหตุการณ์นี้ก็คือ Dolce & Gabbana เกิดกับตัวบุคคลที่เหมือนไปดูถูกวัฒนธรรมประเทศจีน แต่เหตุการณ์หลังเกิดขึ้นจากการที่แบรนด์เสื้อผ้า กำลังแสดงจุดยืนเรื่องสิทธิมนุษยชน
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรื่องราวทั้งหมดนี้ มีจุดเริ่มต้นจาก “เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์”
ซึ่งถือเป็นดินแดนส่วนหนึ่งในประเทศจีน
ดินแดนแห่งนี้เป็นแหล่งผลิตผ้าฝ้ายปริมาณมหาศาล ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับแบรนด์เสื้อผ้า
ซินเจียงมีกำลังการผลิตผ้าฝ้ายราว 20% ของกำลังการผลิตทั่วโลก ซึ่งซินเจียงถือเป็นหนึ่งในแหล่งที่ผลิตได้มากที่สุดในโลก
และเมื่อไม่นานมานี้มีรายงานว่า “ชาวอุยกูร์” เป็นแรงงานสำคัญในอุตสาหกรรมผลิตผ้าฝ้าย
ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้เองที่ได้กลายมาเป็นประเด็นสำคัญของเรื่องราวทั้งหมดต่อจากนี้
ด้วยความที่ชาวอุยกูร์มีวัฒนธรรม เชื้อสาย และนับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งแตกต่างจากชาวจีนส่วนใหญ่ในประเทศ ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่าน พวกเขาถูกเลือกปฏิบัติ และถูกคุกคามจากรัฐบาลจีน
จากการรายงานของสื่อตะวันตกหลายแห่งได้ระบุว่าใน 1 ปีจะมีชาวอุยกูร์เกือบ 5 แสนคน
ถูกบังคับให้มาเป็นแรงงานในการเก็บฝ้าย ทอผ้า รวมไปถึงตัดเย็บเสื้อผ้า
หลังจากที่ข่าวเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้ทำให้เกิดคำถามถึงแบรนด์เสื้อผ้าที่ได้เลือกใช้วัตถุดิบจากซินเจียง ว่ากำลังสนับสนุนการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์ หรือไม่ ?
เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ จึงมีหลายแบรนด์ดังระดับโลก
พาเหรดกันออกมาแสดงจุดยืนว่าไม่สนับสนุนผลิตภัณฑ์
ที่มาจากการใช้แรงงานในซินเจียงไม่ว่าจะเป็น Nike, Adidas, Uniqlo, H&M
และมีแนวโน้มที่อีกหลายแบรนด์กำลังจะเข้าร่วมแสดงจุดยืน เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของบรรดาแบรนด์ต่างชาติไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรมากนัก
จนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สหภาพยุโรป (EU), สหรัฐฯ, อังกฤษ และแคนาดา
ได้ออกมากำหนดมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน
ในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์ในซินเจียง
ประเด็นดังกล่าวกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์
และมีการนำแถลงการณ์ของแบรนด์ต่าง ๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ มาเผยแพร่ปลุกกระแสชาตินิยมในจีนให้ร้อนระอุ
หนึ่งในแบรนด์ที่โดนทัวร์ลงอย่างหนัก คือ H&M
ซึ่งออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อสถานการณ์อุยกูร์ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
จนถูกแบนจากทุกช่องทางของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจีน
ไม่ว่าจะเป็น Tmall, Taobao, JD.com และ Pinduoduo
ขณะที่คนดังชาวจีนที่ร่วมงานกับทางแบรนด์ก็เตรียมจะฉีกสัญญาที่ทำกับแบรนด์ เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม H&M ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ออกมาตอบโต้ว่า บริษัทไม่ได้ต้องการแสดงจุดยืนทางการเมืองใด ๆ
และ H&M ยังคงเคารพผู้บริโภคชาวจีนเหมือนอย่างเคย และมุ่งมั่นที่จะลงทุนและพัฒนาระยะยาวในประเทศจีน
เช่นเดียวกับ Nike, Adidas และ Uniqlo ก็กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ หลังออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนในทำนองเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า หวังอี้ป๋อ ถานซงอวิ้น ดารานักแสดงดาวรุ่งชื่อดัง
ออกมาประกาศยุติความร่วมมือทั้งหมดที่มีกับแบรนด์ Nike โดยให้มีผลทันที
ขณะที่ วิกตอเรีย ซ่ง นักร้องและนักแสดง จะยกเลิกสัญญากับทาง H&M
และคาดว่าจะมีดาราจีนอีกหลายคนที่ร่วมงานกับแบรนด์ต่างชาติออกมาแสดงจุดยืนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่นกัน
ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับแบรนด์ Dolce & Gabbana
จากประเด็นโฆษณาการใช้ตะเกียบคีบอาหารอิตาลี
ที่ทางผู้ก่อตั้งยึดมั่นในอุดมการณ์ของตนเอง และใช้คำที่เปรียบเสมือนกับการดูถูกวัฒนธรรมของประเทศจีน
จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และส่งผลให้ “ยอดขายเกือบทั้งหมด” ในประเทศจีนหายไปอย่างรวดเร็ว
แต่ในอีกมุมหนึ่ง
ก็ยังมีบางบริษัทที่เห็นว่าผลประโยชน์ของตัวเองต้องมาก่อน
หนึ่งในตัวอย่างที่เราอาจนึกไม่ถึงก็คือสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล
ที่ได้แบน เมซุท เออซิล นักเตะตัวเก่งของตัวเอง
เพราะนักเตะคนดังกล่าว ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของรัฐบาลจีน ต่อชาวอุยกูร์
สาเหตุที่อาร์เซนอลต้องแบน ก็เพราะว่ายังต้องการทำธุรกิจในประเทศจีนต่อไป
แต่จากแนวโน้มที่แบรนด์เสื้อผ้าระดับโลกออกมาแสดงจุดยืนในตอนนี้
ก็ดูเหมือนว่ากระแสจะเทไปทางเดียวก็คือ ไม่สนับสนุนการใช้แรงงานชาวอุยกูร์
แล้วแบรนด์ที่ออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องดังกล่าว
มีสัดส่วนรายได้จากประเทศจีนมากขนาดไหน ?
Nike มีรายได้จากจีน 2.0 แสนล้านบาท ต่อปี คิดเป็น 18% ของรายได้ทั้งหมด
Adidas มีรายได้จากจีน 1.6 แสนล้านบาท ต่อปี คิดเป็น 24% ของรายได้ทั้งหมด
Uniqlo มีรายได้จากจีน 1.3 แสนล้านบาท ต่อปี คิดเป็น 23% ของรายได้ทั้งหมด
H&M มีรายได้จากจีน 0.4 แสนล้านบาท ต่อปี คิดเป็น 5% ของรายได้ทั้งหมด
จะเห็นได้ว่าบริษัทเหล่านี้ มีรายได้มหาศาลจากประเทศจีน
ซึ่งหากว่าแบรนด์เหล่านี้ ได้รับผลกระทบในรูปแบบเดียวกันกับ Dolce & Gabbana คือถูกแบนทิ้งทั้งหมด
และแน่นอนว่าเมื่อรายได้จากประเทศจีนมีแนวโน้มจะลดลงในอนาคต
สิ่งที่สะท้อนมาเป็นลำดับแรกก็คือ มุมมองของนักลงทุนต่อมูลค่าบริษัท
H&M -3%
Adidas -4%
ในขณะที่ราคาก่อนเปิดตลาดของ Nike ในตอนนี้ก็คือ -4%
ส่วนหุ้นของบริษัทที่ทำอุปกรณ์กีฬาในประเทศจีน กลับพุ่งสูงขึ้นเพราะเหตุการณ์นี้ เช่น
Li-Ning +11%
Anta +8%
ถึงตรงนี้ เราอาจจะต้องดูกันต่อไปว่าว่าผลกระทบในระยะยาวจะเป็นอย่างไร
ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเรื่องนี้ เกิดขึ้นกับธุรกิจของเรา
ที่มีตัวเลือกระหว่างคำว่า “อุดมการณ์” หรือ “ผลประโยชน์”
เป็นเรา เราจะเลือกอะไร..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.bbc.com/thai/international-55329600
-https://th.usembassy.gov/th/who-are-the-uighurs-th/
-https://www.nytimes.com/2021/03/24/business/handm-boycott-china-uyghurs.html?
-https://www.channelnewsasia.com/news/business/
-https://www.reuters.com/article/us-nike-china-xinjiang/
-https://hmgroup-prd-app.azurewebsites.net/wp-content/uploads/2020/09/2629510.pdf
-https://s1.q4cdn.com/806093406/files/doc_financials/2020/Q4/
-https://www.adidas-group.com/media/filer_public/af/5a/
-https://www.fastretailing.com/eng/ir/library/pdf/ar2020_en_09.pdf
-https://www.statista.com/statistics/263055/cotton-production-worldwide-by-top-countries/
-https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/858503
adidas th 在 ลงทุนแมน Facebook 八卦
Ben Francis จากเด็กส่งพิซซา สู่เจ้าของแบรนด์กีฬา หมื่นล้าน / โดย ลงทุนแมน
“ผมตื่นเช้าไปเรียน ช่วงเย็นเป็นพนักงานส่งพิซซาถึง 4 ทุ่ม
หลังจากนั้น ผมก็จะกลับบ้านมาหาไอเดียในการสร้างธุรกิจ”
ประโยคดังกล่าวเป็นการเล่าถึงชีวิตประจำวันของ Ben Francis
หนุ่มชาวอังกฤษวัย 19 ปี ที่ริเริ่มก่อตั้งธุรกิจเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
มาวันนี้ ไอเดียทางธุรกิจของเขาได้กลายมาเป็น บริษัท Gymshark
ที่ล่าสุด ถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ประมาณ 39,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์น
Gymshark ทำธุรกิจอะไร
แล้วประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Gymshark ถูกก่อตั้งขึ้นโดย Ben Francis ในปี 2012
ตอนนั้น เขามีอายุเพียง 19 ปี และกำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย
Francis มีอาชีพเสริมหลังเลิกเรียน เป็นเด็กส่งพิซซากะกลางคืน
รับส่งพิซซาตั้งแต่ 5 โมงเย็น จนถึง 4 ทุ่ม
หลังจากส่งพิซซาเสร็จ เขาก็ได้กลับบ้านมาเริ่มหาไอเดีย
ในการสร้างธุรกิจส่วนตัวเป็นประจำทุกวัน
จนในที่สุด Francis ก็ได้ตัดสินใจก่อตั้งบริษัทขึ้น
โดยธุรกิจแรกที่ทำก็คือ การขายอาหารเสริมบนเว็บไซต์
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอาหารเสริมของเขาก็เรียกได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จ
โดย Francis พบว่าการที่เรานำแบรนด์อาหารเสริมของคนอื่นมาขาย
แม้จะพอขายได้ แต่กำไรต่อหน่วยของธุรกิจนี้ค่อนข้างต่ำ
รวมถึงพื้นที่ในการเติบโตมีจำกัด
ทำให้เขา ได้มองหาธุรกิจใหม่ และเขาก็พบว่า
เสื้อผ้าสำหรับนักออกกำลังกายในยิมน่าจะเติบโตได้ดี
สำหรับที่มาของไอเดียนี้เกิดขึ้นจากการที่ Francis เป็นคนที่ชอบเข้าไปใช้บริการในยิมเป็นประจำ และเขาก็พบว่าเสื้อผ้าที่เอาไว้ใส่ในยิม ไม่มีแบรนด์ไหนเลยที่มีดีไซน์ และคุณภาพถูกใจ
ประกอบกับการที่ Francis พอมีพื้นฐานการตัดเย็บอยู่บ้าง
เขาจึงได้ลองดีไซน์ และตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับเล่นในยิมขึ้นมาเพื่อทดลองใส่เองก่อน
ต่อมา เมื่อ Francis เห็นว่าดีไซน์ และการเลือกใช้วัสดุเริ่มนิ่งแล้ว
เขาก็ได้เริ่มนำเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ของเขาชื่อว่า Gymshark วางขายบนเว็บไซต์
และก็ดูเหมือนว่าแบรนด์ของเขา จะได้รับกระแสตอบรับค่อนข้างดี
เพราะตั้งแต่ในช่วงเปิดตัว Gymshark สามารถสร้างรายได้เฉลี่ย 20,000 บาท ต่อวัน
แต่นั่นก็เทียบไม่ได้เลย กับการที่ Francis ตัดสินใจใช้เงินเก็บเกือบทั้งหมด
ไปเช่าพื้นที่ภายในงาน BodyPower Expo ซึ่งเป็นงานสำหรับคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย เพื่อนำแบรนด์ Gymshark ของเขาไปวางขาย
ซึ่งนั่นก็นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะที่งาน BodyPower Expo
ร้านของเขาสามารถโกยรายได้ไปมากถึง 10 ล้านบาท จากการขายสินค้าหมดเกลี้ยง ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง..
เมื่อ Francis เห็นว่าแบรนด์ของเขาเป็นที่ต้องการ และมียอดขายถล่มทลายขนาดนี้
เขาจึงได้ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย
และมาทุ่มเทให้กับ Gymshark อย่างเต็มตัว
แต่ในความเป็นจริงมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น..
เพราะตลาดที่ Gymshark กระโดดเข้ามาเล่น คืออุตสาหกรรมเสื้อผ้า และรองเท้ากีฬา ที่แม้จะมีมูลค่ามากถึง 5.3 ล้านล้านบาท แต่ก็เต็มไปด้วยเจ้าตลาดรายใหญ่มากมาย
อย่าง Nike และ Adidas พร้อมที่จะทุ่มงบลงทุนวิจัย พัฒนาสินค้าเข้ามาแข่งขัน รวมถึงทุ่มงบการตลาดเพื่อเป็นสปอนเซอร์ให้กับนักกีฬาชื่อดัง และสร้างฐานลูกค้า จากฐานแฟนคลับซูเปอร์สตาร์ในวงการกีฬา
เช่น
ถ้าอยากยิงฟรีคิกได้แบบ David Beckham ก็ต้องเลือก Adidas Predator
ถ้าอยากกระโดดชู้ตบาสได้แบบ LeBron James ก็ต้องเลือก Nike..
แล้วแบรนด์ Gymshark ที่แม้มีชื่อฉลามตัวโต แต่ยังมีฐานคนรู้จักขนาดเท่าปลาตัวเล็ก
จะมีกลยุทธ์ในการเติบโตในตลาดที่เต็มไปด้วยคู่แข่งที่แข่งแกร่งนี้ อย่างไร?
Francis มองว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสนใจในแบรนด์กีฬาสมัยใหม่
แม้ว่าจะยังมีไอดอลเป็นนักกีฬาชื่อดังอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่เข้ามาอยู่ในความสนใจหลายคน
ก็คือ “กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์” บนแพลตฟอร์มโซเชียลอย่าง YouTube, Instagram รวมถึง TikTok
โดยกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ที่ว่านี้ ก็จะกระจัดกระจาย แตกแขนงตามความสนใจของแต่ละคน
มีทั้งเรื่องเกม เรื่องสารคดี เรื่องธุรกิจ และแน่นอนว่าเรื่องการออกกำลังกายก็เป็นหนึ่งในนั้น
Francis มองว่าแบรนด์เกิดใหม่จะโตได้ในยุคนี้ ก็ต้องมีกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์เป็นตัวชูโรง
ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เข้าถึงฐานลูกค้าที่ชัด และมีศักยภาพในการทำการตลาดสูง
เช่น เราเป็นคนหนึ่งที่ดูยูทูบการออกกำลังกายทุกวัน
เราก็น่าจะมีโอกาสเห็นแบรนด์ในวิดีโอ หรือโพสต์ที่เราดูเป็นประจำ นั่นเอง
สำหรับตัวอย่างที่ชัดมากในเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
เมื่อยูทูบเบอร์ชื่อดังอย่าง Ninja นำเกมอินดี้อย่าง Among Us มาสตรีม
จนทุกวันนี้ Among Us ได้กลายมาเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกและมีผู้เล่น 500 ล้านคน ต่อเดือน
ซึ่งมากกว่าประชากรทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาไปแล้ว ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน..
ซึ่ง Gymshark ก็ได้นำไอเดียเหล่านี้ มาประยุกต์ใช้
โดยบริษัทเลือกที่จะเข้าไปเป็นสปอนเซอร์ให้กับเจ้าของบัญชี Instagram และ YouTube
ที่เป็นนักออกกำลังกายชื่อดัง และมีฐานผู้ติดตามมากในระดับหนึ่ง
เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้นำเสนอแบรนด์ของพวกเขา
โดยในปีนี้ Gymshark ได้เป็นสปอนเซอร์ให้กับอินฟลูเอนเซอร์ 125 คน
ในขณะเดียวกัน บัญชี Instagram ของบริษัทก็มีผู้ติดตามมากถึง 5 ล้านคน
กลยุทธ์ดังกล่าว เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Gymshark โตระเบิด
โดยในปี 2019 บริษัทมีรายได้ 7,136 ล้านบาท กำไร 758 ล้านบาท
โดยรายได้เติบโตเป็น 20 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2015
ซึ่งเรื่องราวของ Gymshark ก็ได้ดึงดูดกลุ่มนักลงทุนให้เข้าไปลงทุนกับบริษัท
ซึ่งล่าสุด General Atlantic ก็ได้เข้าไปลงทุนใน Gymshark เป็นมูลค่า 273 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือราว 8,176 ล้านบาท เพื่อแลกกับหุ้นของบริษัท 21%
นั่นเท่ากับว่าตอนนี้ มูลค่าการประเมินของ Gymshark จะอยู่ที่ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หรือ 39,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นมูลค่าในระดับสตาร์ตอัปยูนิคอร์น..
ถึงตรงนี้ เราก็น่าจะสรุปได้ว่าเรื่องราวของ Gymshark ก็เป็นอีกกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
น่าสนใจแรกก็คือ Francis เริ่มต้นหาไอเดียทางธุรกิจตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย
และพอพบเข้ากับธุรกิจที่ตัวเองอยากทำ เขาก็ได้ตัดสินใจทำอย่างทุ่มเท
ถึงขนาดตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย
ตรงนี้จะเห็นได้ว่าไม่ว่าเราจะอายุเท่าไร มีต้นทุนทางการศึกษาขนาดไหน
เราก็สามารถสร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ
อีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ แม้กลุ่มธุรกิจที่เราก่อตั้งขึ้นมา
จะมีเจ้าตลาดอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีทางเติบโต
ซึ่งตรงนี้ Gymshark ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
เขาสามารถก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่เติบโตเป็น 20 เท่าใน 4 ปี
และตอนนี้ก็มีมูลค่าบริษัทระดับ 39,000 ล้านบาท ไปแล้วนั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.thetimes.co.uk/article/gymshark-founder-ben-francis-story-2jm7d2trk
-https://www.forbes.com/sites/jodiecook/2020/08/17/how-gymshark-became-a-13bn-brand-and-what-we-can-learn/?sh=1873273b76ed
-https://beeketing.com/blog/gymshark-growth-story/
-https://medium.com/@spotrich22/gymshark-owner-ben-francis-tells-his-story-bd2017bd5105
-https://www.forbes.com/sites/alexandrasternlicht/2020/12/02/how-ben-francis-used-tiktok-and-instagram-to-build-gymshark-into-a-billion-dollar-sportswear-brand/?sh=3898c2c32358
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-08-14/general-atlantic-invests-in-1-3-billion-fitness-brand-gymshark
-https://medium.com/the-crunch/is-gymshark-worth-1-4-billion-6476ddabfae
adidas th 在 Benjamin Tran Youtube 的評價
In this video I will show you guys a very detailed look into my personally 5 types of shoes every guy should own. Hope you guys enjoy.
________________________________________________________
Ở video lần này mình sẽ chia sẻ với các bạn 5 loại giày mà mình nghĩ bất kì bạn nam nào cũng nên sở hữu nếu muốn hướng đến phong cách street style. Hy vọng các bạn thích video này!
Sneakers mentioned in this video: (những đôi giày được đề cập đến trong video)
Adidas Ultra Boost Triple White 2.0
Adidas French Beige NMD
NDG Studio Chelsea Boots:
http://nid-de-guepes.com/home/275-sand-chelsea-boots.html
Represent Strapped Boots:
http://representclothing.co.uk/products/strapped-boot-onyx-black
Marc Jacobs White Sneaker:
https://www.amazon.com/dp/B01FT6Q6D4/ref=twister_B01FT6PUAE?th=1&psc=1
Vans Old Skool:
http://www.asos.com/vans/vans-old-skool-trainers/prd/3930241Link to Chelsea Boots video:
https://www.youtube.com/watch?v=La_gcM1zqF0
Link to Chelsea Boots video:
https://www.youtube.com/watch?v=La_gcM1zqF0
Facebook: https://www.facebook.com/benjamin.tran199
Instagram: benjamintrann
Snapchat: benjamintrann
Song in this video: (please support the artist)
https://soundcloud.com/nocopyrightsounds/
This video is not sponsored or intended to advertise any brands mentioned.
Video này hoàn toàn không được tài trợ và có ý định quảng cáo cho bất kì thương hiệu nào được nhắc đến.
adidas th 在 Know Problems Youtube 的評價
สำหรับใครที่มีปัญหาในการเลือกซื้อรองเท้า
แล้วไม่รู้ว่ารองเท้าคู่นั้นเหมาะกับเราจริงๆหรือเปล่า
Wanna Kicks เป็นแอปพลิเคชันจำลองภาพรองเท้าแบบ 3D
เสมือนได้ลองใส่รองเท้าจริงก่อนตัดสินใจซื้อ ยังไงลองโหลดมาเล่นกันดูน้า
#TheBestApps #WannaKicks #KnowProblems
ลิงก์ดาวโหลด
IOS
https://apps.apple.com/th/app/wanna-kicks/id1444049305?l=th
Android
https://play.google.com/store/apps/details?id=by.wanna.apps.wsneakers&hl=th
-------------------------------------------------------------
ถ้าใครชอบแล้วเห็นว่าคลิปนี้เป็นประโยชน์
ก็อย่าลืม กด Like กด Share กด Subscribe ให้พวกเราด้วยน้า
ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจเลยจ้า ♥
-------------------------------------------------------------
มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกเพียบ กดถูกใจไว้เลย
Facebook : https://www.facebook.com/knowproblems
ติดตามพวกเราได้ที่
# MOODANG #
FB : https://www.facebook.com/imoodangz
IG : @imoodangz
-------------------------------------------------------------
# TAR #
FB: https://www.facebook.com/taranon.chang
IG : @hzttar
adidas th 在 SPU CHANNEL / スプチャンネル Youtube 的評價
◆使用ケア用品
・JASON MARKK / シュークリーニングキット
https://www.amazon.co.jp/ジェイソンマーク-JASON-MARKK-OZ-PREMIUM/dp/B00D12KGVW/ref=sr_1_1?s=shoes&ie=UTF8&qid=1516519150&sr=1-1&keywords=%E3%82%B8%E3%82%A7%E3%82%A4%E3%82%BD%E3%83%B3%E3%83%9E%E3%83%BC%E3%82%AF
・M.MOWBRAY / デリケートクリーム
https://www.amazon.co.jp/エム・モゥブレィ-デリケートクリーム-2026-ニュートラル-60ml/dp/B002A7L8OS/ref=redir_mobile_desktop?_encoding=UTF8&psc=1&ref_=ya_aw_oh_bia_dp
・FAMACO / リノベイトカラーリキッド
https://www.amazon.co.jp/ファマコ-スエード用保革・補色-スエードカラーダイムリキッド-26016-ネイビー/dp/B01IP01RH6/ref=redir_mobile_desktop?_encoding=UTF8&dpID=31vcBXMQTeL&dpPl=1&keywords=famaco%20%E3%82%B9%E3%82%A8%E3%83%BC%E3%83%89%E3%82%AB%E3%83%A9%E3%83%BC%E3%83%80%E3%82%A4%E3%83%A0%E3%83%AA%E3%82%AD%E3%83%83%E3%83%89&pi=AC_SX236_SY340_QL65&qid=1516393851&ref=plSrch&ref_=mp_s_a_1_1&sr=8-1
・SAPHIR / リノベイトカラークリーム
https://www.amazon.co.jp/サフィール-SAPHIR-レノベイティングカラー補修クリーム-25ml-9550851/dp/B002A94UZK/ref=sr_1_20_sspa?ie=UTF8&qid=1516068063&sr=8-20-spons&keywords=%E3%82%B9%E3%83%8B%E3%83%BC%E3%82%AB%E3%83%BC%E3%80%80%E8%A3%9C%E8%89%B2&th=1
----------------------------
◆チャンネル登録はコチラから
https://www.youtube.com/channel/UC48xMwhBX5F9GL38AeulX-w
◆SNS
・Twitter
https://twitter.com/SPUTNICKS
・Facebook
https://www.facebook.com/SPUTNICKS
・ブログ
http://sputnicks.jp/spu/
・instagram(公式)
https://www.instagram.com/spu_official/
・instagram(高円寺店)
https://www.instagram.com/spu_koenji/
・instagram(ウルマ∞)
https://www.instagram.com/uruma_infinity_takeo/?hl=ja
◆店舗情報
・SPU公式ショップ
http://sputnicks.jp/
・SPU楽天ショップ
http://www.rakuten.ne.jp/gold/spu/
・SPUヤフーショップ
https://shopping.geocities.jp/spu/
・SPUリアルショップ(高円寺店)
http://sputnicks.jp/contents/shop/
♪ BGM : MusMus
adidas th 在 adidas Official Website | adidas Thailand 的相關結果
Welcome to adidas Thailand. Shop from classic adidas styles to the freshest new shoes, clothing, activewear, sportswear & more. Free shipping available! ... <看更多>
adidas th 在 ADIDAS TH SMOOTH PNT 男長褲黑H39229 S 黑 - 博客來 的相關結果
adidasXSSMLXL男下身服飾(褲)尺寸表(亞洲)臀圍短褲腰圍9765102701077511280117852XL3XL單位:CM提醒:尺寸表為手工測量,誤差1-2公分為正常狀況。122127短褲-褲 ... ... <看更多>
adidas th 在 adidas Thailand Online - Shop Sports & Originals | adidas TH 的相關結果
Shop for adidas shoes, clothing and collections, adidas Originals, Running, Football, Training and more on the official adidas TH website. ... <看更多>